คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่244: เจอกันอีกครั้ง



บทที่244: เจอกันอีกครั้ง

กลับมาถึงบ้าน น้ำหวานยังรู้สึกโมโหที่ไม่ได้รับความ ยุติธรรมแทนพิงกี้

“เควินไอ้เหี้ยนั่นหมายความว่ายังไง หรือว่าแม้แต่ ลูกชายของตัวเองเขาก็ไม่คิดจะเอาแล้ว? ยังบอกว่าเธอ มีเพื่อนผู้ชายที่สนิทสนมเยอะจนนับไม่ถ้วน ให้เธอไป ตรวจDNA หาพ่อแท้ๆให้ลูกตัวเอง นี่เขาไม่ใช่กำลัง เหน็บแนมเธอเหรอ?”

ปิดประตูอย่างแรง น้ำหวานโมโหจนตาแดงก่ำ

ตอนที่อยู่ในห้างสตาร์ไลท์ ถ้าไม่ใช่พิงกี้ดึงเธอไว้ เธอแทบอยากจะกระโจนเข้าไปซ้อมชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้น สักรอบ!

“เธอไม่ได้ยินที่ลิสาพูดหรอ?” พิงกี้ถาม

“พูดอะไร?”

“เควินความจําเสื่อม

….…….….” น้ำหวานอึ้ง สักพักถึงพูดด้วยความไม่พอใจ “เชอะ ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะความจำเสื่อมจริงหรอก เขานึก ว่าเขาเป็นพระเอกซีรีส์เกาหลีหรือไง เอะอะก็เกิดอุบัติเหตุ แล้วความจําเสื่อม แน่จริงก็บอกว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้ายด้วยสิ

ปากก็พูดแบบนี้ แต่ที่จริงในใจลึกๆของน้ำหวานก็ไม่ ค่อยแน่ใจหรอก

เพราะยังไงซะ ตอนนั้นเควินได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ ถึงในหนึ่งเดือนนี้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้ดี แต่อาการบาด เจ็บของศรีษะใครจะกล้าพูดได้อย่างมั่นใจล่ะ?

พิงกี้หมดคำพูดจริงๆ มองน้ำหวานที่โมโหเพราะไม่ ได้รับความยุติธรรมแทนเธอ ใบหน้ากลมดิ๊กโมโหจนแดง ทั้งหน้า ทำเอาเธออดขำไม่ได้

เดิมทีอารมณ์เธอแย่มาก แต่ถูกน้ำหวานขัดจังหวะ แบบนี้ เธอกลับอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย

เธอส่ายหัวอย่างจนปัญญา “เอาล่ะๆ อย่าคิดเรื่อง แย่ๆพวกนั้นอีกเลย มีเวลามานั่งโมโห สู้เรามาคิดดูดีกว่า ว่าเดี๋ยวจะกินอะไรดี?

เพราะเจอหน้าลิสากับเควิน ทั้งสองดูหนังเสร็จ ยังไม่ ได้ทานอาหารญี่ปุ่นก็กลับมาแล้ว ใกล้จะเที่ยงแล้ว ยังไงก็ ต้องหาอะไรกินก่อน

“หรือเธอยังคิดจะลงมือทำกินเองหรอ?” น้ำหวานทําหน้ามุ่ย

“ไม่งั้นยังจะทำยังไงได้อีกล่ะ หรือยังอยากจะกลับ ไปกินอาหารญี่ปุ่นหรอ?”

“เธอกลัวจะเจอเควินกับลิสาอีก?”

.” พิงกี้อึ้งเล็กน้อย แล้วรีบส่ายหัว “ไม่ใช่สัก

หน่อย”

“งั้นก็โอเคแล้วนี่ เวลายังเช้าอยู่เลย เราไปอีกรอบ เถอะ! แค่เวลายี่สิบนาทีก็กินเสร็จแล้ว ยังไงซะวันนี้ฉันก็ ต้องกินข้าวที่คนรวยอย่างเธอเลี้ยงให้ได้!” น้ำหวานพูด ถึงเรื่องกินแล้วสีหน้ามีแต่ความตื่นเต้น

“ก็ได้”

พิงกี้ยังไงก็ได้ มองใบหน้ายิ้มแย้มของน้ำหวานแล้ว เธอก็ใจแข็งไม่ลง

นอกจากนี้ เธอเองก็คงจะมีความคิดที่อยากพิสูจน์ว่า ตัวเองไม่ได้แคร์ และไม่ได้กลัวที่จะเจอเควินกับลิสา ใน เมื่อตัดสินใจจะตัดขาดกับอดีตแล้ว แล้วยังจะถือสาและ เอามาใส่ใจทำไม?
หลังจากได้ตัดสินใจแล้ว ทั้งสองก็ออกไปอีกครั้ง อย่างไม่กลัวความวุ่นวาย

พิงกี้หันหลังก็เตรียมออกไป น้ำหวานกลับไปเข้า ห้องน้ำด้วยความเร่งรีบ “พิงกี้ เธอรอฉันแป๊บนึงนะ ฉันไป กําจัดของเสียในร่างกายก่อน

พิงกี้ “

ออกจากบ้าน นั่งรถไฟใต้ดินสถานีเดียวก็ถึงห้างส ตาร์ไลท์แล้ว

พิงกี้ออกมาจากประตูทางออกของรถไฟใต้ดิน ก็เห็น ร่างเงาที่คุ้นเคยโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เธออึ้งไปครู่นึงถึงหันไป มองน้ำหวาน

“เอาล่ะ ฉันเรียกเขามาเอง” น้ำหวานรีบยกมือทั้ง สองขึ้น ทําหน้าสงสารไปด้วยและแก้ตัวไปด้วย อย่าง น้อยคุณเตชิตก็ได้ตบรางวัลให้เธอไปเยอะขนาดนั้น เธอ คงไม่ใช่พาฉันมากินของอร่อยอยู่คนเดียว แต่กลับทิ้งเขา ไว้ข้างหลังมั้ง? ถ้าเธอเป็นแบบนี้จริงๆ ฉันจะรู้สึกว่าเธอน่ะ ไม่มีความเป็นเพื่อนเอาซะเลย!”

” พิงกี้อารมณ์ซับซ้อน “เธอเรียกเขามา เพราะเรื่องแค่นี้จริงๆหรอ?”
ก่อนออกจากบ้านไปเข้าห้องน้ำ ก็เพื่อโทรศัพท์หาเด ชิตล่ะมั้ง?

ทีนี้น้ำหวานไม่พูดแล้ว

น้ำหวานกระพริบตา พนมมือมองดูเธอ “พิงกี้ ฉัน…….ฉันก็แค่อยากเรียกคุณเตชิตมาทานข้าวด้วยกัน เฉยๆ เธอคงไม่โกรธฉันมั้ง? หรือว่า….หรือว่าเราเปลี่ยน ไปทานข้าวที่อื่นมั้ย?”

เธอทําหน้ามุ่ย ดออกอย่างชัดเจนว่ายังจําความแค้น เรื่องที่เมื่อกี้เควินกับลิสาวางอำนาจบาตรใหญ่ใส่ รู้สึกไม่ ยุติธรรมแทนพิงกี้อยู่ในใจตลอด

“ช่างเถอะ ไปกันเถอะ” พิงกี้ส่ายหัว

“Oh yeah!” ใบหน้าของน้ำหวานประดับด้วยรอย ยิ้มที่ร่าเริงแจ่มใส สวยใสไร้ที่ติ

มองดูสีหน้าที่ตื่นเต้น ได้ใจและมีพลังเหมือนได้เข้า สู่สนามเข่นฆ่าศัตรูของน้ำหวานแล้ว พิงกี้รู้สึกถึงตัวเอง กล้ำกลืนฝืนทนหน่อยมันก็คุ้มแล้ว หลังจากแตกหักกับ ดุสิต น้ำหวานไม่ได้ดีใจแบบนี้มานานแล้ว

ระหว่างทั้งสองเจ๊าะแจ๊ะอยู่หน้าทางออกรถไฟฟ้าใต้ดิน เตชิตก็ได้ควบคุมรถเข็นมาทางทั้งสองแล้ว

“วันนี้ไปทานของอร่อยอะไรกัน?” เตชิตเปิดปากพูด อย่างมหาเศรษฐี “ห้างทั้งห้างนี้เป็นของผมหมด พวกคุณ อยากกินอะไรก็เลือกตามสบายเลย คิดที่บัญชีผมก็พอ

“วันนี้ฉันเป็นคนเลี้ยงพวกคุณ จะให้คุณมาสิ้นเปลือง ได้ยังไง?” พิงกี้พูด

“ไม่ๆๆ…..” เตชิตสีหน้าจริงจัง และพูดอย่าง เคร่งขรึม “ของผมก็คือของคุณ ของคุณก็ยังคือของคุณ อย่าเกรงใจกับผมเด็ดขาด ไม่งั้นผมจะเจ็บช้ำน้ำใจได้นะ!

พิงกี้ “……

ไอ้ซื่อบื้อคนนี้หนี่!

จู่ๆในใจรู้สึกไม่ค่อยดีที่เหลวไหลตามน้ำหวาน ถึงเธอ ไม่แคร์ แต่เตชิตล่ะ? เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า น้ำหวานหลอกใช้ให้เขามากวนประสาทเควิน

เธอมีใจอยากจะบอกให้เควินทราบเรื่องนี้ แต่พอ เผชิญหน้ากับเขาก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว รู้สึกการกระทำ แบบนี้มันปัญญาอ่อนเกิน และค่อนข้างอัปยศด้วย ได้แต่ ภาวนาอยู่ในใจว่าเดี๋ยวอย่าได้เจอเควินกับลิสาอีก!
ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดใหม่ตกแต่งได้เรียบหรูดูดี บรรยากาศใช้ได้เลยทีเดียว

โรคบ้างานของพิงกี้ได้กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว เธอ มองซ้ายมองขวาสำรวจดูร้านอาหาร สายตายิ่งอยู่ยิ่ง ประหลาดใจ แต่ในขณะที่เธอจะดึงสายตากลับ จู่ๆหาง ตากลับเหลือบไปเห็นร่างเงาทั้งสองที่คุ้นเคย ทันใดนั้น เธอแข็งที่อไปทั้งตัว

“เป็นอะไรไป?” น้ำหวานสังเกตเห็นความผิดปกติ ของเธอ จึงมองตามสายตาเธอไป ทันใดนั้นเธอแบะปาก “เชอะ~เหมือนวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่ไปผุดไปเกิดสักทีเลย จริงๆ ไปไหนก็เจอพวกเขาอยู่ได้”

ชายหญิงคู่นั้นก็คือเควินกับลิสา

ลิสาคีบซูชิส่งให้ถึงปากของเควิน เควินทำหน้า เคร่งขรึมอีกเช่นเคย แต่กลับไม่ได้ปฏิเสธเธอ เขาอ้าปาก และกินซูชิคำนั้นลงไป

บรรยากาศมีความสุขและเข้ากันๆ ดูแล้วเหมือนคู่รัก ที่กำลังอินเลิฟหวานแหววกัน

เพราะหน้าตาของทั้งสองต่างก็ดูดีมาก โดยเฉพาะเค วิน บุคลิกที่มาดเข้มมีพลานุภาพน่าเกรงขามนั้น ดึงดูดสายตาสาวๆไม่น้อยเลย

พิงกี้ดึงสายตากลับ และถามน้ำหวานด้วยน้ำเสียง บางเบา “ ก็เธอดันจะต้องมาทานข้าวที่นี่ให้ได้ไม่ใช่หรอ? ภาพนี้ น่าจะอยู่ในความคาดหมายของเธอใช่มั้ย?

“พิงกี้ เธอยังโกรธฉันอยู่หรอ?” น้ำหวานรีบทำตัวน่า สงสารขึ้นมาทันที

พิงกี้ไม่หลงกลเธอหรอก “เดือนนี้เธอเหมาเรื่อง ทําความสะอาดบ้านทั้งเดือนไปเลย

“ได้ๆ ไม่มีปัญหา ตอนนี้เธอเป็นสมบัติของชาติเชียว นะ ฉันจะต้องดูแลเธอให้ดีๆแน่นอน” น้ำหวานยิ้มแฉ่ง และลูบท้องของพิงกี้เบาๆ

พิงกี้หลุบตาลงและยิ้มอย่างขมขื่น

พูดจริงๆนะ เธอไม่รู้จริงๆว่าการเจอกันในโลกแคบๆนี้ คนที่ถูกกระตุ้นคือเควินกับลิสา หรือว่าตัวเธอเองกันแน่? เห็นภาพนี้แล้ว เธอรู้สึกทรมานหัวใจมาก เจ็บเหมือนมีเข็ม มาทิ่มอยู่ที่หัวใจเป็นพันๆเข็ม เธอ ไม่มีสปิริตในการต่อสู้ และโจมตีกลับด้วยซ้ำ

แต่แล้ว นาทีต่อมาความขมขื่นของเธอได้กลายเป็นความตกตะลึง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ