คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่240: ฉีกสมุดจดทะเบียนสมรถทิ้ง!



บทที่240: ฉีกสมุดจดทะเบียนสมรถทิ้ง!

สมุดจดทะเบียนสมรสยังก๋อยู่ในมือ

มองดูสมุดจดทะเบียนสมรสที่อยู่บนมือ มุมปากของ พิงกี้มีรอยยิ้มที่เยาะเย้ยตัวเอง

เธอเคยรู้สึกว่านี่เป็นคำมั่นสัญญาที่หนักแน่น หนัก แน่นจนตอนที่เธอตื่นขึ้นมาจากความฝันในยามดึกก็ยังดีใจ จนไม่อยากจะเชื่อ

เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าขอแค่ระหว่างเธอกับเค วินมีสมุดจดทะเบียนสมรสนี้เป็นโซ่คล้องใจ ถึงพวกเขา ทะเลาะวิวาทกัน สุดท้ายก็จะกลับมาคืนดีกัน ถึงอยู่กัน คนละซีกโลกก็จะกลับมาเจอกันอีกครั้ง ขอแค่พวกเขาต่าง ก็ยังรักกัน งั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่มีใครมาพัง ทลายได้

แต่ตอนนี้………

มีชั่วนิรันดร์อะไรกัน?

แต่งงานแล้วก็ยังหย่ากันได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายัง ไม่ได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำ

รถได้จอดลงที่หน้าโรงพยาบาลของตระกูลมหา เจริญศิลป์ พิงกี้ฉีกสมุดจดทะเบียนที่พกติดต่อไว้ทั้งวันทั้งคืนทิ้ง จากนั้นก็โยนลงถังขยะอย่างไม่ลังเล

จะได้จบๆกันไป

ถึงเควินกลับมาอีก เธอก็ไม่มีทางหันหลังกลับแล้ว

หันหลังกลับครั้งแรก คือเธอเชื่อใจเขา

ครั้งที่สอง คือเธอโง่

ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่……งั้นก็ต้องสมน้ำหน้าเธอที่หน หาที่เอง ปล่อยให้ตัวเองเป็นลูกไก่ในกำมือของเขาที่จะ บีบก็ตาย จะคลายก็รอด!

ต่อไป เธอจะไม่มีทางทำเรื่องโง่แบบนั้นอีกแล้ว

กลับมาถึงห้องผู้ป่วย ได้ยินพยาบาลมาพูด พิงกี้ถึงรู้ เรื่องที่เตชิตเข้ารับการผ่าตัด

ในขณะเดียวกันเธอทั้งหดหู่และจนปัญญา

เธอว่าแล้วเชียว ขาของเตชิตยังไม่หายดีเลย ตอน ที่อยู่ชั้นบนสุดกลับกระชากเธอลงมานั่งบนตักเขาอย่าง ไม่เกรงกล้าอะไร เหมือนกับว่าเขาขอบขาไม่เป็นอะไรเลย……ตอนนี้ กรรมตามสนองแล้วจริงๆด้วย!

“เขาเข้าห้องผ่าตัดตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” พิงกี้ถาม พยาบาล

“หลังจากคุณออกจากห้อง คุณเตชิตก็เข้าห้อง ผ่าตัดแล้วค่ะ ดูเวลาแล้วน่าจะอีกครึ่งชั่วโมงก็ออกมาแล้ว ค่ะ”

“งั้นฉันไปเยี่ยมเขาหน่อย

“คุณไปรอคุณเตชิตที่ห้องของเขาก็พอค่ะ คุณหมอ ชาญชัยบอกแล้ว ถ้าคุณหิวข้าวล่ะก็ที่ห้องคุณเตชิตได้ เตรียมอาหารไว้แล้ว คุณสามารถไปรับประทานที่นั่นได้ เลยค่ะ ”

พิงกี้

เธอรู้สึกผิดสังเกตุนิดหน่อย แต่บอกไม่ถูกว่าผิด สังเกตุที่ตรงไหน

พอเธอไปปุ๊บ พยาบาลก็รู้สึกโล่งอกไปทีและคอยลูบ ที่หน้าอกไปมา

คุณหมอชาญชัยให้เธอพูดเรื่องที่คุณเตชิตไปผ่าตัดอย่างหมดเปลือกให้คุณพิงกี้รู้ ดีที่สุดต้องให้คุณพิงกี้ไป เยี่ยมและดูแลคุณเตชิต นี่เธอถือว่าทำภารกิจสำเร็จแล้วใช่ มั้ย?

ในโรงพยาบาลต่างก็ลือกันให้แซดว่าคุณเตชิตแอบ ชอบคุณพิงกี้ รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะ

เดี๋ยวกลับไป เธอไปเม้าท์ความลับนี้ให้กับเพื่อนร่วม งานฟังดีกว่า!

พิงกี้นั่งรอที่ห้องของเตชิตได้สักพักก็เริ่มรู้สึกหิว เธอ เดินมาถึงห้องครัวที่อยู่ภายในห้องผู้ป่วย พบว่าในห้อง ครัวมีกล่องอาหารอยู่หลายกล่องจริงๆ เป็นอาหารของ ภัตตาคารมังกรหยก

เธอคิดๆแล้วก็ไม่อยากหยิบมาทานก่อน

หยิบแซนวิชออกมาจากตู้เย็น หลังจากอุ่นที่ ไมโครเวฟเสร็จก็เอามากินลองท้องก่อน

เดี๋ยวเตชิตก็ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเขา จะหิวข้าวรึเปล่า ถ้าเขาอยากทานข้าวล่ะก็ เธอที่เป็นแขก ให้เขาที่เป็นเจ้าของทานอาหารที่เหลือก็คงจะไม่ดี เธอรอเขากลับมาทานด้วยกันดีกว่า

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เสียงเตียงเข็นผู้ป่วยได้ดังขึ้น พิง ก็รีบเดินไปที่หน้าประตู แว๊บแรกก็เห็นเตชิตหลับตานอน อยู่ที่บนเตียงเข็นผู้ป่วยอย่างสงบ สีหน้าซีดเซียว เส้นผม ดกดำทิ้งตัวลงมาบังตาของเขาไว้ ทำให้ความเหี้ยมโหด และความร้ายกาจบนตัวเขาดูน้อยลงกว่าปกติ มีความอ่อน โยนเพิ่มขึ้น

เขาในตอนนี้เหมือนชายหนุ่มที่หล่อเหล่า เพอร์เฟค อ่อนโยนและไม่มีพิษมีภัย ทำให้คนหัวใจตุ้มๆต่อมๆ

ความคิดนี้โผล่ขึ้นมา พิงกี้ได้ส่ายหัวและพยายาม ดึงสติกลับมา

อ่อนโยนคืออะไร?

เตชิตไอ้ตัวแสบคนนี้คือภัยพิบัติชัดๆ อารมณ์ร้อน ปากจัดเหมือนงูพิษ อ่อนโยนและไม่มีพิษมีภัยสองคำนี้ ไม่มีทางใช้กับเตชิตได้หรอก!

แต่ว่า ดูสีหน้าเขาในตอนนี้ ด้วยจิตใต้สำนึกพิงกี้ก็ได้ เทคแคร์เขามากยิ่งขึ้น แม้แต่แววตาที่มองเขาก็ยังดูอ่อน โยนขึ้นเยอะมาก
“คุณพิงกี้ วันนี้คุณคงไม่ออกไปแล้วมั้งครับ?”

พอเตชิตถูกยกขึ้นบนเตียงผู้ป่วย ชาญชัยก็ได้มอง พิงกี้ด้วยสายตาเย็นชา เหมือนไม่พอใจกับพฤติกรรมของ เธอที่ออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาติ

พิงกี้รู้สึกงุนงงกับการไม่พอใจของเขา เธอจึงได้ถาม ว่า “มีอะไรรึเปล่าคะ?

“ถ้าวันนี้คุณไม่ต้องออกไปข้างนอกล่ะก็ ตอนบ่าย ก็รบกวนคุณช่วยดูแลเขาหน่อย ตอนนี้เขาฟังแค่คำพูด ของคุณ คุณมีความสามารถขนาดนี้ งั้นก็ดูแลเขาหน่อย เถอะ!”

พิงกี้ “

“ทำไม คุณไม่เห็นด้วยเหรอครับ?” เห็นพิงกี้ไม่พูด สีหน้าของชาญชัยดูแย่มาก เหมือนแทบจะพูดด้วยการ ต่อว่า “ขาของเขาเกือบพิการเพราะคุณ คุณสามารถทน ดูเขากลายเป็นคนพิการอย่างซึ่งๆหน้า ต่อไปได้แต่นั่ง อยู่บนรถเข็นตลอดชีวิต หรือว่าใช้ไม้เท้าเดินตลอดชีวิต เหรอ?! คุณรู้มั้ย สำหรับเขาแล้วพิการก็หมายถึงว่าชีวิตนี้ ของเขาได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว!”

มันก็ใช่นะ สำหรับเตชิต ถ้าเขาสูญเสียขาไปข้างนึงหรือแม้แต่แค่ขาข้างนี้ฟื้นฟูกลับมาไม่ดีเท่าเมื่อก่อน งั้น เขาก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำของหน่วยสืบหมาป่า แดงอีก

เขา………..

เผชิญกับสายตาที่เคร่งขรึมและกระทั่งมีความเกลียด ชังของชาญชัย พิงกี้ขยับปากแต่กลับไม่รู้จะพูดอะไร

ท้ายสุดเธอก็แค่พยักหน้า

มองเตชิตที่นอนสลบอยู่บนเตียงเพราะฤทธิ์ยา เธอ รู้สึกค่อนข้างอัดอั้นตันใจ

ที่จริงเธอสามารถโต้ตอบคำตำหนิของชาญชัยได้ ยัง ไงซะที่เตชิตกลายเป็นสภาพแบบนี้ ส่วนมากก็เพราะความ เอาแต่ใจของเขา เธอไม่ได้เป็นคนริเริ่มก่อให้เกิดแบบนี้ ก่อน

แต่ว่า โต้ตอบแล้วจะมีประโยชน์อะไร?

เตชิตก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ส่วนเธอถึงแม้จะด้วย ความเป็นเพื่อน ก็ไม่ยอมเห็นเขาเป็นแบบนี้เด็ดขาด

ชาญชัยมาเพราะเตชิต กำชับข้อควรระวังด้วยสีหน้า บลนั้นสร็จก็จากไปแล้ว สีหน้าเหมือนไม่อยากทบอยู่ที่นี่ต่อ สีหน้าที่มองพิงกี้เหมือนไม่พอใจอย่างมาก

พิงกี้ก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ

ห้องผู้ป่วยได้เงียบสงบลง

ไม่นาน เตชิตก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา

“จะดื่มน้ำหน่อยมั้ยคะ?” พิงกี้รีบถามเขา

.อืม”

ไม่ได้พูดจามาหลายชั่วโมง ลำคอของเตชิตแหบ แห้ง เสียงที่พูดออกมาก็เหมือนเสียงขัดถูกของกระดาษ ทราย

พิงกี้ได้เตรียมน้ำอุ่นไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ข้างในได้ใส่ น้ำผึ้งเพื่อให้ชุ่มคอ เธอปรับเตียงขึ้นมาเล็กน้อย และป้อน น้ำให้เขาดื่มทีละช้อนๆ พอเขาดื่มเสร็จ ยังใช้ทิชชูเช็ดน้ำ ในมุมปากให้เขาด้วย

ถึงแม้นี่จะอยู่ในความคาดหมายของเขา หรือต้อง บอกว่าอยู่ในแผนการของเขา แต่เขาก็ได้เสพสุขกับการ ดูแลเอาใจใส่อย่างทั่วถึงของเธอจริงๆ ใบหน้าหล่อเหลา กลับแดงก่ำขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
” พิงกี้มองเขาด้วยความประหลาดใจ “คุณเต ชิต คุณ…คงไม่ใช่กำลังเขินอยู่มั้ง?”

“ฮ่าๆ คนอย่างผมจะเขินเป็น?”เตชิตรีบปฏิเสธ และ ถามกลับ “คนที่เห็นสาวสวยทั่วโลกมาจนชินอย่างผม มี แต่จะทำให้ผู้หญิงเขิน เป็นไปได้ยังไงแค่คุณป้อนน้ำ หน่อยก็จะเขิน คุณนึกว่าผมเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นที่มีความรัก บริสุทธิ์ ไง? ถ้าคุณป้อนนมให้ผมก็ว่าไปอย่าง…………

พิงกี้ “

อึ้งไปครู่นึง พิงกี้เริ่มหน้าแดงขึ้นมา

โมโหจนขว้างแก้วน้ำลงบนโต๊ะ เธอแทบอยากจะตบ ไปที่กบาลของเขาทีนึง “เตชิต คุณนึกว่าคุณเป็นผู้ป่วย ฉันก็จะไม่กล้าจัดการคุณใช่มั้ย?!

เตชิตก็ตะลึงไปเลย

ถ้าเขาบอกว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจลวนลามเธอ แค่พูด ไปเรื่อยเปื่อย เธอจะเชื่อมั้ย?

ชัดเจนมากว่าเธอไม่เชื่อ

“ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!
“ขอโทษ……” เตชิตรีบอ่อนข้อให้ “ผมไม่ได้คิด ไปทางด้านนั้น จริงๆนะ! ผม…ความหมายของผมคือเอา น้ำมาเปรียบเป็นนม ที่ผมพูดคือนม ไม่ใช่นมของคุณ…..

ยิ่งพูดเหมือนยิ่งผิด

เตชิตใบหน้าแดงก่ำ มองพิงกี้อย่างตกที่นั่งลำบาก และปิดปากไว้เหมือนถูกปรักปรำ พูดตามความจริง พอ พูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมาเขาก็เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว ลูก กระเดือกเคลื่อนที่ขึ้นลงอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาทั้งคู่ก็ เปล่งประกายขึ้นมา

พิงกี้ “

จ้องมองเธอด้วยความอึดอัดไปครึ่งค่อนวัน สุดท้าย เตชิตก็เปิดปากพูดแล้ว “เฮ้อ~คุณนี่หัวโบราณจริงๆเลย ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ เมื่อก่อนผมล้อเล่นกับคนอื่น ก็ไม่เห็น คนอื่นหัวโบราณเหมือนคุณเลย

“คุณรู้จักหน้าแดงมั้ย รู้จักอายรึเปล่า? ที่คนอื่นไม่ โกรธ นั่นเป็นเพราะว่าฝ่ายตรงข้ามที่คุณล้อเล่นไม่ใช่คนดี อะไรน่ะสิ เดิมทีก็อยากพุ่งเข้ามาหาคุณและแทบอยากจะ คืบคลานขึ้นมาบนเตียงคุณอยู่แล้ว”

“ผมไม่รู้ว่าหน้าแดงคืออะไร หน้าของผมด้านมากเป็นพิเศษ”

“มันก็ใช่น้อ คุณคงทำร้ายผู้หญิงไปไม่น้อยแล้ว แน่นอน เป็นถึงปรมาจารย์แล้วจะรู้จักอายได้ยังไง? ถึงคุณ หน้าแดง นั่นก็คงเพราะว่าร้อนแน่นอน” พิงกี้พยักหน้า ด้วยความดูถูก และแสดงออกถึงการเห็นด้วย

สำหรับเรื่องที่ก่อนหน้านั้นเธอป้อนน้ำให้เขาและเขา หน้าแดง เธอก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปแน่ๆเลย

เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะอาย

ไอ้ตัวแสบคนนี้ ไม่รู้หรอกว่ายางอายคืออะไร?

“ผม…..” เตชิตแทบจะกระอักเลือด แถมยังโต้ตอบ ไม่ได้ด้วย เพราะยังไงซะก็เพิ่งทำให้พิงกี้โกรธ ถ้าถูกเธอ พูดเสียๆหายสองคำก็สามารถทำให้เธอหายโกรธได้ เขา จะต่อต้านไม่ได้เด็ดขาด!

ปากเสียดีนัก นี่ก็คือผลของการปากเสียเนี่ยแหละ

เดิมทีจะจีบผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ติดก็ว่ายากแล้ว ตอนนี้ยังต้องยืนกรานกับภาพลักษณ์ผู้ชายเพลย์บอยอีก เขารู้สึกว่าชาตินี้เขายากที่จะจีบผู้หญิงคนนี้ติดซะแล้ว

เตชิตสีหน้าขบขี่น
พิงกี้มองสีหน้าเขาที่ไม่มีชีวิตชีวาแล้ว ก็ขี้เกียจว่าเขา เสียๆหายๆอีก เธอก็รู้ว่าสันดานเขาเป็นยังไง

ดื่มน้ำเสร็จ เตชิตก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะและเริ่ม รู้สึกหิวแล้วด้วย

เดิมทีเป้าหมายที่เขาคลี่คลายความอึดอัดก็เพื่อ อยากอ้อนวอนให้เธอป้อนข้าวให้

พิงกี้ยกอาหารที่ยังรักษาอุณภูมิได้เป็นอย่างดีออกมา และนั่งทานกับเตชิต บรรยากาศถือว่าไม่เลว

ว่าไปแล้วก็แปลก

ถึงความชอบใจที่เตชิตมีให้กับพิงกี้ได้ถูกเปิดโปง แล้ว แต่ตอนนี้ทั้งสองอยู่ด้วยกันกลับไม่รู้สึกว่าอึดอัดเลย

กลับกัน เพราะพิงกี้ไม่ต้องหลีกเลี่ยงเตชิตด้วยความ ระมัดระวัง ส่วนเตชิตก็สามารถแสดงความในใจของตัว เองอย่างเปิดเผย ไม่ต้องกลัวว่าความชอบใจของตัวเองจะ ทำให้พิงกี้ตกใจแล้วหนีไป

ทานข้าวเสร็จ เตชิตก็อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย

หลังจากได้ยินชาญชัยบอกว่าพิงกี้ไปหาเควินอารมณ์ของเขาก็เลวร้ายมาก ถ้าไม่ใช่ต้องเข้ารับการ ผ่าตัด คาดว่าหลายชั่วโมงเขาก็คงยังไม่สามารถปรับ อารมณ์ได้ แต่ตอนนี้ ปมเหล่านั้นสลายหายไปอย่างไม่รู้ ตัวตั้งนานแล้ว

แต่ว่า มีบางเรื่องเขาก็ยังอยากถามดูว่าพิงกี้จะเอายัง

ไงต่อ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ