จบการพูดคุยโดยที่ไม่ได้ความอะไร แต่ ความเข้าใจผิดกลับลึกมากขึ้น
พิงกี้พิงอยู่บนโซฟาอย่างอึ้ง ทั้งตัวเหมือน กลายเป็นหินแกะสลักที่ขยับไม่ได้ แม้แต่แววตา ก็ดูเฉื่อยชาไม่มีชีวิตชีวา วันนี้ได้ยินข่าวตะลึง ติดต่อการสองข่าว ทำเธออึ้งตั้งนานยังดึงสติก ลับมาไม่ได้
ผ่านไปสักพัก ก็เริ่มง่วงแล้ว เธอหลับไป โดยไม่รู้ตัว บนตัวมีรอยฟกช้ำทั้งเขียวและแดง ปะปนอยู่ทั้งตัว
ตอนที่ตื่นมาอีกที เธอก็ได้นอนอยู่บนเตียง แล้ว บนตัวก็ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อชุดใหม่ที่สะอาด แล้ว สงสัยคงจะเป็นคนรับใช้ในบ้านเปลี่ยนให้
วิลล่าหลังนี้มีคนรับใช้อยู่สองคน ทั้งสอง ต่างก็เป็นผู้หญิง คนนึงคือป้าหวัง อีกคนคือป้า เฉินที่ดูซื่อสัตย์และรู้หน้าที่การงานมาก คงจะ เป็นป่าเฉินที่เห็นเธอน่าสงสารเลยอุ้มเธอขึ้นไป นอนชั้นบน
ต่างก็เป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น พิงกี้ก็ไม่ได้ ใส่ใจอะไร หลังจากตื่นนอนเธอนั่งเหม่อลอย อยู่บนเตียง หัวใจรู้สึกเจ็บอย่างอัดอั้น ไม่รู้จะ บรรเทายังไง?
ชีวิตประจำวันต่อจากนี้ก็กลับสู่สภาวะปกติ
หนึ่งเดียวที่ทำให้พิงกี้รู้สึกผ่อนคลายก็คือ หลังจากคืนนั้นเควินก็ไม่ได้กลับมาที่วิลล่านี้อีก เลย อย่างน้อยทำให้ในยามค่ำคืนเธอก็ได้เงียบ สงบบ้าง ถึงแม้จะยังรู้สึกน่าเบื่ออยู่เช่นเคย แต่ อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกเขาทรมาน
เควินไม่ได้มาครึ่งเดือน เธอก็ใจกล้าขึ้น มาหน่อย เธอถูกกักตัวอยู่แต่ในวิลล่านี้ตลอด ภายใต้คำสั่งของเควิน มือถือกับคอมพิวเตอร์ ต่างก็ไม่ให้เธอใช้เด็ดขาด เธอไม่เพียงแต่รู้สึก เบื่อ แถมยังถูกตัดขาดกับการติดต่อกับโลก ภายนอก
เควินไม่มานานหลายวัน เธอสมองแล่นมี ความคิดที่จะปรึกษากับป่าหวังที่คอยเฝ้าจับตา ดูเธอ เธอให้เงินป่าหวัง ป่าหวังคืนมือถือให้เธอ
เธอเสนอเงินสูงลิ่วถึงห้าหมื่นบาท ป้าหวัง หน้าถึงบูดบึ้งเอามือถือคืนให้เธอ ทุกวันอนุญาติ ให้เธอได้ใช้มือถือแค่สองชั่วโมงเท่านั้น
หลังจากเอามือถือได้ เรื่องแรกที่เธอทำ คือโทรหาเตชิต “ตุ๊ดๆๆๆๆ มีเสียงสายไม่ว่าง ดังอยู่ตลอด แต่กลับไม่มีคนรับสายสักที พอ โทรอีกทีก็กลายเป็น “ไม่มีหมายเลขที่ท่าน เรียก”
พิงกี้ยังไม่ล้มเลิกความพยายาม เธอได้โทร ต่ออีก แต่เสียงเตือนอ่อนโยนของผู้หญิงไม่มี การเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด บอกกับเธออย่าง ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยว่าไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียก เธอโทรผิดแล้ว
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
ทึ่งไปครู่นึง พิง ได้โทรหาอีกเบอร์
“วันนี้ทำไมถึงคิดโทรหาผมได้ล่ะครับ?” ในสายมีเสียงอ่อนโยนของเจษฎาดังขึ้น “คราว ก่อนตอนที่โทรหาผม จู่ๆคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้น รึเปล่า?พูดไปครึ่งนึงก็วางสายกลางคันเลย ผม กังวลว่าคุณจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เดือนนี้ทุก ครั้งที่ผมโทรหาคุณก็ปิดเครื่องตลอด ผมยังนึก ว่าคุณบล็อกผมแล้วเสียอีก
“ไม่ใช่ค่ะ” น้ำเสียงของพิงกี้มีการขอขมา “ขอโทษด้วยนะคะ คราวก่อน…….มีเรื่องนิด หน่อยอ่ะค่ะ”
“แล้วตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างครับ?”
ก็ดีอยู่ค่ะ” .
จู่ๆพิงกี้รู้สึกอยากถอยแล้ว เธออยากให้ จิ้งจอกลับช่วยเธอตรวจสอบเรื่องของเตชิต หน่อย แต่จิ้งจอกลับในตอนนี้ไม่ใช่จิ้งจอกลับ ในก่อนหน้านั้นแล้ว ให้เธอร้องรําทำเพลงเด็กก็คงไม่ดี ถึงเขาจะยอมก็เถอะ แต่เธอก็รู้สึก อับอาย……รบกวนให้เขาช่วยเหลือตลอด แต่ ตัวเองยังไม่รู้จะเอาอะไรตอบแทนเขา เธอจะ กล้ารบกวนเขาได้ยังไง?
พิงกี้เปลี่ยนประเด็นถาม “คราวก่อนคุณ โทรหาฉันมีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรครับ แค่อยาก ถามอะไรคุณนิดหน่อย
“คุณถามมาเลยค่ะ”
เจษฎาหัวเราะเบาๆ ราวกับว่ามีการลังเล “ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อะไร…..
“คุณพูดมาเถอะค่ะ อย่าลีลาเลย” นึกว่า เขาเกรงใจที่จะพูด พิงกี้ก็พูดยืนหยัด “ถ้าคุณ ไม่พูด ฉันจะต้องมัวแต่ครุ่นคิดกับเรื่องนี้แน่ๆ เลย”
เขาช่วยเหลือเธอมาเยอะขนาดนี้ ขอแค่ เขาเปิดพูด เธอจะต้องช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ แน่นอน
“คุณนี่นะ…..” เจษฎาหัวเราะอย่างจน ปัญญาทีนึงแล้วจึงพูด “ผมแค่อยากถามคุณ หน่อยว่าแปดปีก่อน คุณเคยถูกคนลักพาตัวใช่ มั้ย?”
“คุณรู้ได้ยังไงคะ?” คิดไม่ถึงว่าจู่ๆเจษฎา จะถามเรื่องนี้ พิงกี้อึ้งตาค้าง “เรื่องนี้ถูกตระกูล ดำรงกูลปกปิดไว้ ต้องไม่มีคนรู้ถึงจะถูกสิ
“คุณถูกจับไปที่โรงงานร้างแห่งนึงใช่
มั้ย?”
“ใช่ค่ะ” เขาพูดได้ชัดเจนมาก แม้แต่ที่อยู่ ยังพูดถูกเลย พิงกี้ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกแปลกใจ เลย ถามต่ออีก “ทำไมคุณถึงรู้เรื่องนี้ดีจังเลยคะ?”
“ผมรู้ เพราะว่าผมเองก็อยู่ที่นั่น
“หา?”
“ยังจำได้ไหมว่าใครเป็นคนอุ้มคุณออก มาจากเพลิงไฟ?” เสียงของผู้ชายแฝงมาด้วย เสียงหัวเราะ
ใคร? ก็เควินเป็นคนช่วยเธอไม่ใช่หรอ?
ก็เพราะเควินช่วยเธอออกมาจากเพลิง ไฟ เธอถึงได้นับถือเขาเหมือนเทพอยู่ในใจมา ตลอด
” อารมณ์แปลกประหลาดที่เก็บงำ อยู่ในใจ ระหว่างสมองมีความคิดแล่นเข้ามาไว เหมือนกระแสไฟ พิงกี้แกล้งทำเป็นถามกลับ อย่างชิวๆ “ไม่ว่าเป็นใครก็คงไม่ใช่คุณมั้งคะ? หลายปีมานี้คุณอยู่แต่ที่อังกฤษ ไม่เคยกลับมา เลยไม่ใช่หรือคะ?”
“คุณจําผมไม่ได้จริงๆด้วย ตอนนั้นคุณ เป็นตายร้ายดียังไงก็จะจับมือผมไว้ไม่ยอม ปล่อย ร้องห่มร้องไห้ว่าจะแต่งงานกับผมก็คงพูดไปเรื่อยเปื่อย มั้ยครับ?” เสียงของเจษฎา มีการหยอกล้อเล็กน้อย เขาหัวเราะสดใสและ พูด “ยังดีที่ผมไม่ได้จริงจังกับคำพูดคุณ ไม่งั้น คงจะเสียใจแย่เลย
พิงกี้ “
เธอสูญเสียความสามารถในการพูดไปซะ แล้ว รู้สึกสมองวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าสุดท้าย ใครเป็นคนวางสายไปก่อน พิงกี้นั่งเหม่ออยู่บน เก้าอี้ไม้นอกระเบียง ตั้งแต่เย็นจนถึงดึกยังดึงส ติกลับมาไม่ได้
ตอนนี้ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ตอนที่พิง กี้เข้ามาอยู่ในวิลล่านี้ยังอากาศร้อนอบอ้าวอยู่ เลย ตอนนี้กลับมีลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงพัดมาแล้ว อุณภูมิค่อยๆลดลง หลังฝนตกอุณภูมิได้ลดลง จนเย็นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในยามดึกยิ่งรู้สึก เหน็บหนาว
เธอใส่เสื้อผ้าบางเบา ราวกับว่าไม่รู้สึก หนาวกับลมเย็นที่พัดมานี้ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนท่อนไม้
ข้างหูยังมีเสียงสะท้อนของเจษฎาตั้งอยู่ …..ร้องห่มร้องไห้ว่าจะแต่งงานกับผมก็คง พูดไปเรื่อยเปื่อยใช่มั้ยครับ…..ยังดีที่ผมไม่ ได้จริงจังกับคำพูดคุณ ไม่งั้นคงจะเสียใจแย่
เลย.……….
ไม่จริงจังได้ยังไง? เธอจริงจังมาแปดปี! แปดปีมานี้เธอคอยวิ่งตามจีบเควินตลอด ได้รับ ความเย็นชาจากเขาเธอก็รู้สึกเต็มอกเต็มใจ นั่น เป็นเพียงเพราะว่าหลังจากเธอถูกคนอุ้มออกมา จากเพลิงไฟ คนที่อุ้มเธออยู่ในอ้อมอกก็คือเขา
เธอลืมตาขึ้นมา คนแรกที่เจอก็คือเขา เธอ นึกว่าเขาเป็นคนช่วยเธอ เขาเองก็ไม่เคยหัก ล้างเรื่องนี้เลย
ไม่!เขาเคยพูด ตอนที่เขาถูกเธอตามราวี จนรําคาญเคยพูดอยู่ เขาบอกเขาไม่เคยช่วย เธอมาก่อน แต่แค่เห็นเธอน่าสงสารเลยได้ยื่น มือช่วยเธอนิดหน่อยเอง คนที่ช่วยเธอคือคนอื่นแต่เธอไม่เชื่อ ถ้าเขาไปบอกคนที่ช่วยเธอคือ ใครกันแน่หนึ่งวัน? เธอก็รู้สึกว่าเขากำลังโกหก จึงตามจีบเขาอย่างโง่เขลาอยู่ทุกวัน
ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าเขาไม่ได้พูดโกหก คนที่ช่วย เธอไม่ใช่เขาจริงๆ แต่คือเจษฎา คือจิ้งจอกลับ คือเพื่อนสนิทที่เธอรู้จักบนโลกอินเตอร์เน็ต วาสนา…..เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์จริงๆ
แต่ว่าตอนนั้น ทำไมเควินดื้อด้านไม่ยอม บอกชื่อของเจษฎาออกมา
เพราะอะไร?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ