บทที่ 265: กินเจมาหลายเดือน คุณยังจะให้ผมปกติได้หรอ?
“ฉันไปถามดูหน่อยมั้ยคะว่าเกิดอะไรขึ้น?
เห็นทั้งสองเดินไปไกล พิงกี้หันหน้ามาขอความคิด เห็นจากเควิน
เธอไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่ทุกครั้งที่ เจอหยาดทิพย์ เธอก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของหยาด ทิพย์ ราวกับว่า……จะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นกับหยาดทิพย์ อย่างไรอย่างนั้น ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอก” เควินพูดด้วยน้ำเสียงบางเบา ยื่นมือ ปกป้องช่วงเอวเธอไว้ “คุณขึ้นรถก่อน เรื่องที่เธออยู่ที่นี้ ผมจะตรวจสอบเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ จะได้เลี่ยงไม่ พัวพันเข้าไปในการปะทะอีก
ค่ะ” คิดๆแล้วพิงกี้ได้พยักหน้า
พอขึ้นมาที่รถ เธออดพูดไม่ได้อีก “คุณเควิน ตระกูล ดำรงกูลเป็นคนเห็นแก่ตัวกันหมด ลิสายิ่งตัวดีเลย ถ้า หยาดทิพย์ไม่มีค่าให้หลอกใช้ล่ะก็ พวกเขาไม่มีทางเสีย เวลาที่กับเธอแน่นอน ฉันรู้ว่าคุณตรวจสอบตระกูลดำรงกุล อยู่ ไม่หยาดทิพย์อาจจะอาจจะเป็นจุดทะลวงเบาะแสก็ได้ นะคะ”
มือของเธอวางอยู่ที่ท้อง และกล่าวขอโทษหยาดทิพย์
ตอนนี้เธอมีลูก ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะเข้าไป พัวพันกับเรื่องพวกนี้ ช่วยหยาดทิพย์พูดดีต่อหน้าเควิน ถือว่าเป็นความดีอย่างหนึ่งแล้ว มีเควินออกหน้า ผลที่ได้ จะดีกว่าการที่เธอมานั่งกังวลเฉยๆกว่าเยอะ
“ผมรู้แล้วครับ”
อืม ”
รถจอดลงที่ใต้ตึก เควินมองพิงกี้ด้วยแววตาน่า
สงสาร
ผู้ชายที่ปกติเป็นคนเคร่งขรึม นาทีนี้กลับเหมือนสุนัข ซื่อสัตย์ตัวหนึ่งที่หมอบอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร รอให้ เจ้าของโบกมือให้มัน มันก็จะเดินตามหลังเจ้าของด้วย ความรื่นรมย์
พิงกี้เห็นแล้วใจแข็งไม่ลง และรู้สึกอดขำไม่ได้ด้วย
“จะขึ้นไปนั่งสักพักมั้ย?” เธอถาม
เพราะน้ำหวานก็ไม่อยู่บ้าน ถึงพื้นที่ของบ้านไม่ถือว่า ใหญ่ แต่ต้อนรับท่านประธานพื้นที่ก็เพียงพอแล้ว
เควินรีบลงมาจากรถ และกระแอมหนึ่ง “ในเมื่อก็คุณ เชิญผมแล้ว ถ้าผมปฏิเสธก็ดูจะไม่สุภาพไปหน่อย ไหนๆ วันนี้ผมก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว งั้นผมอยู่เป็นเพื่อนคุณสัก พักก็ได้ คุณก็จะได้อารมณ์ดีหน่อย”
เชอะ มีเขาอยู่เป็นเพื่อนแล้วจะอารมณ์ดี ท่าน ประธานช่างมีความมั่นใจจริงๆ
พิงกี้บ่นพึมพำอยู่ในใจ
เธอพยุงเอวเดินไปข้างหน้า เควินก็รีบเดินตามหลัง และควงเอวเธอไว้ เหมือนปรนนิบัติฮองเฮาอย่างละเมียด ละไม
พายุที่อยู่บนรถได้หยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมา
“ยกเลิกงานประชุมที่จะมีขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมงนี้
“ยกเลิกงานพบปะสังสรรค์ตีกอล์ฟเวลาสองทุ่มกับ ท่านประธานของS.P กรุ๊ป”
.เรียบร้อย!”
ยกเลิกตารางงานทุกอย่างด้วยความราบรื่น พายมอง สายฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับด้วยสีหน้าได้ใจ “พี่ ฉันเจ๋งมั้ย? ฉันนี่เป็นตัวช่วยสำคัญที่ต้องพกติดตัวไว้ตลอดเวลาใน การเดินทางชัดๆ!”
“เหอะๆ ผู้ชายเวอร์จิ้น
” ที่นี้พายุไม่พอใจแล้ว “เราสองคนก็พอๆ กันแหละ ทำไมพี่ต้องมาดูถูกฉันด้วย? ตรุษจีนกลับบ้าน ถ้าแม่เร่งเรื่องแต่งงานอีก พี่ก็อย่าโยนมาให้ฉันอีกก็แล้ว กัน!”
สายฟ้า ” .………………”
ทันใดนั้น บรรยากาศในรถได้เศร้าโศกขึ้นมาทันที
เดินออกมาจากลิฟท์ มองแววตาที่เปล่งประกาย มุม ปากที่ยกขึ้นของผู้ชายแล้ว พิงกี้ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกอึดอัดไปทั้ง
ตัว
ก็ไม่รู้เพราะอะไร ทั้งๆที่คุ้นเคยมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่ ได้คลอเคลียอยู่ด้วยกันมานาน ตอนที่เธออยู่กับเขาจะรู้สึก หน้าแดงและหัวใจเต้นแรงแบบที่ไม่ได้เป็นมานานมาก แล้ว
หรือเป็นเพราะว่าเธอเมินใส่เขานานเกินไป?
เพิ่งเปิดประตู เธอยังไม่ทันได้เปลี่ยนรองเท้า ก็ได้ยิน ในห้องมีเสียงเบาๆก้องออกมา เหมือนมีเสียงของคนก้อง ออกมาเป็นลางๆด้วย
“คุณปล่อยฉันน๊า…..
“อุ๊ย อย่านะ….คุณ คุณมันสารเลว….
เสียงนี้เหมือนจะเป็นเสียงของน้ำหวาน แต่ก็ไม่รู้ เพราะอะไร ทำไมรู้สึกเหมือนโทนเสียงมันเปลี่ยนไป
แปลกจังเลย!
พิงกี้ที่ยืนมึนงงอยู่หน้าประตูตะโกนเรียก “น้ำหวาน เธออยู่บ้านใช่มั้ย?”
เพราะคิดมากไป เสียงของเธอสั่นไหวเล็กน้อย
เปลี่ยนรองเท้าเสร็จ พิงกี้กำลังอยากเดินไปที่ห้อง ของน้ำหวาน ดูว่าเธอเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า แต่แล้วกลับ ได้ยินเสียงเท้าเดินที่เร่งรีบดังขึ้น จากนั้นประตูห้องของ น้ำหวานก็ได้ “ปัง” ปิดเข้าไปอย่างแรง
ในขณะเดียวกัน จ่ๆในห้องกลับเงียบจนไม่มีเสียง เหมือนกับว่าในห้องไม่มีคนอย่างไรอย่างนั้น
พิงกี้ “
ยืนคิดๆที่ประตูไปครู่นึง เธอก็ได้ตัดสินใจเคาะประตู อย่างเบามือ “น้ำหวาน เธออยู่ข้างในมั้ย?”
คงไม่ใช่มีโจรเข้าบุกบ้านแล้วคุมตัวน้ำหวานไว้มั้ง?
“ฉันอยู่……”
รอไปหลายวิ ประตูมีเสียงของน้ำหวานดังขึ้นมา และ ได้ทําลายความคิดฟุ้งซ่านของพิงกี้
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า?
“ฉันไม่เป็นไร”
“มีอะไรต้องการให้ฉันช่วยมั้ย?”
“ไม่ ไม่ต้อง! พิงกี้ เธอ…เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ เธอไปทำธุระของเธอเถอะ ฉัน…………” จู่ๆน้ำเสียง ที่ปกติได้กลายเป็นเสียงครางต่ำๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียง โมโหของน้ำหวาน “ดุสิต คุณให้มันเพลาๆลงหน่อย!
พิงกี้ “
เหงื่อบนหัวจะไหลลงมาอยู่แล้ว
ตอนนี้ เธอเข้าใจทุกอย่างแล้ว!
นี่มัน…….
พอหันหลังไป ก็เห็นเควินที่กอดอกพิงอยู่ที่ผนัง แวว ตาดำเข้มมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “หรือว่าคืนนี้คุณ กลับบ้านกับผมเถอะ เหลือ “ช่องว่างเล็กๆนี้ให้เพื่อนรัก คุณ? ผมรู้สึก ตอนนี้พวกเขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวน หรอก คุณคิดว่าไงล่ะ?”
“ช่องว่างเล็กๆ” คำนี้ เควินเน้นชัดเป็นพิเศษ พิงกี้ “
เธอรู้สึก เธอรู้สึกมันสำคัญอะไรหรอ?
ราดน้ำมันบนกองไฟชัดๆ!
พิงกี้จ้องผู้ชายที่ดูไฟอยู่ชายฝั่งทีนึง จากนั้นก็เลือก ประเด็นที่มันไม่ค่อยอึดอัดแล้วพูดว่า “ฉันจะบอกคุณให้ นะ ถึงบ้านหลังนี้จะเล็กไปหน่อย มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณเต ชิตหรอก ฉันบอกว่าอยากอยู่ห้องเล็กๆนี้เอง อีกอย่างฉันจ่ายค่าเช่าให้คุณเตชิตทุกเดือนนะ ถ้าคุณจะหัวเราะเยาะ หัวเราะเยาะที่ฉันกระเป๋าไม่ตุงพอ และไม่มีปัญญาเช่าบ้าน หลังใหญ่เถอะ”
“คุณกลับบ้านกับผม ผมจะให้คุณกระเป๋าตุงเอง โอ เค์?”
เสียงไพเราะเสนาะหูดังขึ้น เควินเดินมาที่ข้างกาย ของพิงกี้ มองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง มือข้างนึงยันผนังไว้ โน้มตัวเล็กน้อยห้อมล้อมเธอไว้ในอ้อมอก กลิ่นไอที่คุ้น เคยลอยมาเตะจมูก ทำให้แก้มเธอร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่ ได้
“ฉัน ฉันไม่ไป……
“แต่ว่า ถ้าคุณอยู่ที่นี่ตลอด พวกเขาก็เล่นไม่สุดน้ำ คุณว่าใช่มั้ย?”
” พิงกี้หน้าแดง เธอเงยหน้ามองผู้ชายทะลึ่ง ที่อยู่ตรงหน้า “ทำไมจู่ๆคุณถึงเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้? เมื่อก่อนคุณไม่ใช่แบบนี้……….
“เมื่อก่อนถึงแม้ผมน้อยมากที่จะได้กินอิ่ม แต่อย่าง น้อยทุกวันก็ยังพอได้ลิ้มรสชาติบ้าง แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ลิ้ม รสชาติของเนื้อมาหลายเดือนแล้ว…..ขอแค่คิดถึงในห้องว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณคิดว่าผมยังจะปกติได้อีกหรอ?”
พิงกี้
คำพูดนี้ก็มีเหตุผลจริงๆ ไม่นึกเลยว่าเธอจะหมดคำ พูดโต้ตอบ
“ไปกันเถอะ” เธอพูดเหมือนหมดเรี่ยวแรง
เก็บเสื้อผ้าไปสามสี่ชุด พิงกี้ก็เดินออกจากบ้านพร้ อมเควินด้วยความเร่งรีบ ก่อนไปยังตั้งใจปิดประตูอย่าง แรง เพื่อใช้เสียงนี้บอกกับคนข้างในว่าเธอออกไปแล้ว สามารถมีความสุขได้อย่างเต็มที่เลย
ส่วนเธอ………
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ