หัวใจของหยาดทิพย์กระตุกอย่างแรง เธอ ยอมให้ตอนที่ลิสาโทรสายนี้หลบหลีกเธอ
แต่ไม่ใช่ให้เธอมาได้ยินอยู่อย่างนี้ แบบนี้ เธอก็ไม่ต้องคลุกคลีอยู่ที่เรื่องนี้ลึกซึ้งมาก
ไม่ใช่มีคพูดำนึงที่ว่า “รู้ยิ่งเยอะ ตายยิ่ง เร็ว”หรือ? รู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจจะแย่
ครึ่งค่อนวันหยาดทิพย์เพิ่งพบเกตุเห็น ตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้างหูเธอทำไมไม่ได้เสียงอะไร
อีก….
เธอมองไปที่ลิสาด้วยความสงสัย กลับ สบตากับดวงตาที่สงบจนเย็นชาของเธอพอดี
หยาดทิพย์หัวใจกระตุก “เธอจะช่วยฉัน ปิดเป็นความลับใช่ไหม?”
ใช่ค่ะ” หยาดทิพย์ได้ยินเสียงเสียง ของตัวเองสั่นเล็กน้อย
“หลังออกจากโรงพยาบาวันที่ สอง พิงกี้ก็ไปที่บาร์อย่างอดใจรอไม่ไหว
ถึงพิงกี้ไม่ได้มาครึ่งเดือน แต่ยังดีผู้จัดการ ที่รับผิดชอบเรื่องตกแต่งเป็นคนจริงจังและ ทําให้อุ่นใจได้
การตกแต่งของบาร์ไม่เพียงได้ตามความ ต้องการของเธอ แต่ยังสวยสมบูรณ์กว่าที่เธอ คิดไว้ซะอีก
เปิดไฟสว่าง ไฟสีฟ้าครามส่องออกมาจาก โคมไฟดาวน์ไลท์ที่ซ่อนอยู่ในคลื่น เ
เคียงคู่กับสายนํ้าที่หลั่งไหลเคลื่อนไหวอยู่ ไฟสีน้ำเงินขึ้นๆลงเหมือนน้ำขึ้นน้ำลง
ราวกับว่าแอบแฝงด้วยจังหวะที่คล่องแคล่ว อยู่ในบรรยากาศที่ห้อมล้อมด้วยแสงไฟเงียบ สงบ
บวกกับสาวเต้นรูดเสาบนเวที เสียงร้องที่ทุ้มต่ำแหบแห้งของนักร้อง
อารมณ์สุนทรีย์ที่น่าหลงไหลละเหยออกมา
จากทุกมุม
ทำให้คนผ่อนคลายกับบรรยากาศที่ชิวๆ แบบนี้ เป็นสถานที่ๆเหมาะเพื่อนๆคนนัดรวมตัว กัน
หรือว่าสั่งเครื่องดื่มสักแก้วนั่งฟังเพลงชิวๆ เข้ากับการตลาดที่ไฮคลาสของระแวกนี้
เดิมทีดุสิตเห็นแก่หน้ามานพ ใช้นิสัยผลาญ เงินเล่นเอาบาร์ไปให้พิงกี้จัดการ
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะทำเป็นแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้เซอร์ไพรส์ที่ใหญ่ยี่ยจากที่
ในใจก็รู้สึกต้องขยี้ตามองเธอใหม่ เขาคิด ในใจว่าต่อไปจะแนะนำงานให้พิงกี้เยอะๆหน่อย
แต่คำพูดแบบนี้เขาไม่ได้พูดออกมา หลัง จากตรวจรับงานตกแต่งของร้านบาร์เสร็จ
พิงกี้ได้รับค่าตอบแทนจากดุสิตสองแสน ห้า ตอนนี้เธอรู้ตั้งนานแล้วดุสิตเป็นเพื่อนของ มานพ
ไม่ใช่คนที่เจ้าของร้านอาหารแนะนำมา รับ เงินสองแสนห้าของเขาไว้
เธอรู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ว่า น้ำหวานแค่คำพูดเดียวก็แก้ไขปัญหานี้ไปได้ “เกรงใจอะไร
วันนี้เธอได้เงินมาเลี้ยงพวกเราสักมื้อก็ พอ!”น้ำหวานเริ่มคิดคำนวนแล้ว
“ครั้งเดียวก็ได้รับเงินสองแสนห้าเลย ตอน นี้เงินเธอมีเยอะกว่าเงินในกระปุกออมสินฉันอีก
ยังไงฉันก็สามารถสั่งได้ไม่อั้นอยู่แล้วใช่ ไหม? ฉันอยากกินหอยนางรมย่าง………
เอานิ้วมือออกมานับไปรอบนึง น้ำหวาน สายตาวิ้งๆมองพิงกี้ไว้ พิงกี้อดขำไม่ได้ “โอเคๆ ตามที่เธอพูดหมด!” เธอรู้นี่เป็นความหวังดีของ น้ำหวาน ร้านปิ้งย่างที่ข้างถนน
ถึงกินให้พุงกางก็แค่สองสามพัน อาหาร อร่อยและราคาย่อมเยาว์
น้ำหวานไม่อยากให้เธอสิ้นเปลือง และ อยากดูแลอารมณ์เธอ แต่ว่า
เธอกลัวดุสิตจะกินไม่ชินกับปิ้งย่างข้างทาง มองเขาด้วยสายตาที่ถาม ดุสิตพยักหน้า
“ได้ ฉันยังไม่เคยทานอาหารที่ชนชั้น ธรรมดาแบบนี้ ลองชิมดูก็ได้”
พิงกี้ “ ….……….”
น้ำหวาน “ ………………….”
พูดแบบนี้ก็รู้สึกไม่ได้ผิดอะไร ?ตระกูลภักดีวัฒนากุลก็เป็นตระกูลที่มีหน้า มีตาในเมืองหลวง ดุสิตเป็นลูกคนเล็กสุดใน ตระกูล
คาบซ้อนเงินช้อนทองมาเกิด ปิ้งย่างอะไร นั่นสำหรับเขาแล้ว ก็เป็นอาหารที่ชนชั้นธรรม ดาจริงๆ
ทั้งสามมุ่งไปที่ร้านปิ้งย่าง สุดท้ายก็เรียก คุณชายมาอีกท่านนึงด้วย (เตชิต) ปิ้งย่างคู่กับ เบียร์
ในค่ำคืนที่ร้อนอบอ้าวก็ถือว่าเป็นการดื่ม แบบนึง ทั้งสี่ต่างก็ดื่มเหล้าไปแล้ว
ถึงดุสิตกับเตชิตต่างก็ขับรถมา แต่ขับกลับ ไปไม่ได้ สุดท้ายไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยนอนที่
บ้านกิจโอสถเลยแล้วกัน ที่ห้องรับแขก บ้านกิจโอสถแต่ละคนล้มไปกองที่พื้นกันหมด
กลางดึกน้ำหวานถูกความกระหายทำจนตื่น กำลังลุกขึ้นจะไปดื่มน้ำ
กลับได้ยินข้างกายมีความเคลื่อนไหวอย่าง เบาๆ รู้สึกเหมือนมีคนลุกขึ้นอย่างเบาไม้เบามือ
เธอก็ไม่รู้ว่าเกิดมีเป็นอะไร ด้วยสัญชาติ ญาณเธอกลั้นหายใจไว้
และแอบหันไปมองตามทิศทางที่มีเสียง พอ เห็นแล้ว ทันใดนั้นเธออึ้งจนตาค้าง
แสงไฟสีเหลืองส่องพื้นที่กว้างใหญ่จน สว่าง ร่างเงาที่สูงใหญ่เขย่งขาเดินไปข้างโฟซา
ที่มีพิงกี้นอนอยู่ ก้มหน้ามองดูหน้าตาตอน หลับของเธอสักพัก แล้วจูบที่หน้าผากเธอทีนึง
อย่างทะนุถนอม “อ๊า!” คิดไม่ถึงว่าจะเจอ ภาพนี้ น้ำหวานอึ้งจนปิดปากตัวเองไว้
แต่ก็ยังส่งเสียงกรีดร้องสั้นๆออกมาคำนึง
ใครน่ะ?
ฉวยโอกาศตอนที่เมาแล้วทำเรื่องชั่วอย่าง เตชิตหันหน้ามาทันที
สบตากับดวงตาที่จ้องตาโตค้างไว้ของน้ำ หวาน ทันใดนั้นสีหน้าตึงเครียดขึ้นมา
ชี้ที่ตาของตัวเองอย่างโหดร้าย ทำท่าควัก ลูกตาให้เธอทีนึง ไอ้ผู้หญิงบ้าคนนี้
ตาจ้องจนจะทะลักขนาดนี้ นึกว่าตัวเองเป็น ตำรวจแมวดำหรือไง?
น้ำหวาน “
“หุบปาก ไม่งั้นตาย!” ใช้ท่าทางของปาก พูดคำนี้ออกมา
เตชิตก็หน้าบึ้งเสริมท่าทางที่กรีดคออีก หนึ่งครั้ง เหมือนเป็นการท้าทาย เขาเช็ดหน้าไว้
สีหน้าที่กระด้างกระเดื่องมืดมนและโหด เหี้ยมเหมือนหมาป่าอันตรายตัวนึงที่อยู่ในป่า
ทำหน้าจ้องเขมือบให้กับเหยื่อที่อ่อนแอ
น้ำหวาน “
น้ำหวานได้แต่พยักหน้าอย่างขี้ขลาด และ แสดงความเสียใจกับพี่ชายอยู่ในใจเงียบๆ
พี่ชายเอ๊ยพี่ชาย ไม่ใช่ว่าน้องสาวคนนี้ไม่ อยากช่วยสร้างโอกาศ ไม่คิดเผื่อพี่นะ
แต่เพราะศตรูแต่ละคนไร้ยางอายเกินไป จริงๆ และแข็งแกร่งเกินไปจริงๆนะ!
เพื่อชีวิตน้อยๆของตัวเอง น้องสาวพี่คน นี้ได้แต่เป็นคนมีเกียรติยศอยู่ที่พรรคใต้ดิน เท่านั้น!
–วันรุ่งขึ้น พิงกี้ตื่นมาจากบน
กว่าโซฟา เวลาจวนจะเก้าโมงเช้าแล้ว
เธอนอนอยู่บนโซฟาเดี่ยวมาทั้งคืน ตอน นี้ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าปวดเมื่อยตัวขนาดไหน บิดขึ้ เกียจไปทีนึง
พิงกี้ขยี้ตาและทบไหล่ไปหลายที หันหน้า ไปกลับเห็นน้ำหวานกำลังนั่งอยู่บนโซฟาใหญ่
กอดหมอนไว้ ใบหน้ากลมดิ๊กมีสีหน้าซับ ซ้อน ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เธอโยนหมอน ไปใบนึง
“เฮ้ย เธอคิดไรอยู่น่ะ?”
” น้ำ “เปล่า..เปล่านี่ ฉันไม่ได้คิดอะไร! หวานทำตาตาโต
หันไปมองพิงกี้ที่หาวและโจมตีเธอด้วย สีหน้าตื่นตกใจ
“พวกคุณเตชิตล่ะ?”
“ตื่นมาตอนเช้าก็ไปแล้ว”
“อ๋อ…..”พิงกี้ไม่ได้สนใจที่ไปของสถาพบุ รุษทั้งสอง เธอรู้สึกแค่น้ำหวานดูผิดสังเกตุ
เลยถามด้วยความสงสัย “เธอเป็นอะไรไป มีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับฉันรึเปล่า?”
“ห้าๆๆๆๆ ไม่มีๆ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับ เธอ!” ราวกับว่าถูกพิงกี้ทำจนตื่นตกใจ
น้ำหวานส่งเสียงผีร้องออกมา แล้ววิ่งออก ไปข้างนอกอย่างรีบร้อน
แค่แว๊บเดียวก็ชิ่งไปไม่เห็นเงาแล้ว
พิงกี้ “ » น้ำหวานยัยคนนี้นี่แปลก จริงๆ พิงกี้ไม่คิดที่จะเอามาใส่ใจ
ยิ่งไม่คิดว่าว่าน้ำหวานจะมีความลับอะไร ซ่อนอยู่ในใจ ถึงได้มีปฎิกิริยาที่แปลกประหลาด แบบนี้
ทานอาหารเช้าที่บ้านกิจโอสถเสร็จ พิงกี้ก็ จะเตรียมจะไปโรงพยาบาลแล้ว….
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ