“เป็นแบบนี้จริงหรือ?”
“แน่นอน!”
“เธอเกลียดฉันขนาดนั้นเลย?” เควินจุด บุหรี่ขึ้นมามวนนึง คีบไว้ในมือแต่ไม่สูบ
“เพราะคืนนั้นหรือเปล่า….
“อย่าพูดเรื่องคืนนั้น ฉันไม่อยากฟัง! “พิงกี้
พูดแทรกเควิน
สายตาพิงกี้มีความบอบบางและอึดอัดใจ เธอไม่คิดพิจารณาก็ตัดสายทิ้งเลย
“ตุ๊ดๆๆ…” เสียงตัดสายทิ้งดังอยู่ข้างหู เขาโทรกลับไปหาเธออีกครั้ง
แต่โทรติดต่อกันหลายสาย ฝั่งนู้นกลับไม่ รับสายเลย
แสงสว่างที่นัยน์ตาเผาขึ้นมาค่อยๆดับลง สุดท้ายกลายเป็นความมืดมน
เควินเดินออกไปนอกประตู พายุก็รีบมา
กาม
“เจ้านายครับ ตอนนี้จะเตรียมรถกลับ วิลล่าหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ต้อง ประชุมต่อให้เสร็จก่อน
“แล้วคุณพิงกี้
“คืนนี้เลิกงานตามปกติ
“ครับผม!พายุตอบอย่างเคารพ
หลายวันมานี้เจ้านายอยู่ที่บริษัทถึงกลาง ดึก ตีหนึ่งตีสองกว่าจะกลับบ้าน
ถึงจะกลับไปทุกวัน แต่กลับไม่เคยคุยกับ คุณพิงกี้เลยสักครั้ง
ถึงกลับบ้านก็เหมือนไม่กลับนั่นแหล่ะ ตอน นี้เจ้านายคิดได้แล้ว ยอมพูดคุยกับคุณพิงกี้
เขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นแล้ว พิงกี้เอา โทรศัพท์โยนไปที่หัวเตียง
แล้วหลบไปที่ระเบียง ราวกับว่ามือถือคือ สัตว์ป่าที่ดุร้ายประมาณนั้นเลย
เธอฟังเสียงริงโทนที่ดังอยู่ตลอดแล้ว อารมณ์สับสน พอเสียงโทรศัพท์เงียบไปแล้ว
เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัว เองเป็นอะไรไป?
กลับไปที่ห้องใหม่ พิงกี้กอดหัวเข่านั่งอยู่ที่ พื้นไม้ คางทาบไปที่หัวเข่า นั่งเหม่อลอย
และคิดเรื่องในใจ บอกว่าเกลียด แต่ก็ไม่ ได้รู้สึกเจ็บแค้นใจขนาดนั้น
เควินทําเพื่อเธอเยอะมากอย่างเงียบๆ แม้แต่ประพันธ์ก็ช่วยเธอจัดการ
พอรู้ข่าวนี้ ปฎิกิริยาแรกของเธอก็คือโทรไปคอนเฟิร์มกับเขา
และเป็นห่วงเขาด้วย….พอได้ยินคําตอบ จากปากเขาแล้ว ทำให้เธออารมณ์สับสน
บอกว่ารัก เธอก็รู้ดีว่าตัวเองไม่คู่ควรรัก
เธอแยกแยะไม่ออกว่าเควินเอาเธอไว้ใน ตำแหน่งอะไร ตอนที่ดีกับเธอก็ดีมาก
ตอนที่ไม่ดีด้วย เขากลับทำเหมือนเธอเป็น เครื่องมือระบายอารมณ์
ไม่ใยดีและไม่ ทะนุถนอมเธอเลย หลายวัน นี้เธอสับสนมาโดยตลอด
เธอรู้นิสัยของเควิน วันนี้เธอโทรหาเขา คืน นี้เขาต้องกลับมาคุยเรื่องนี้ให้จบแน่นอน
ที่ผ่านมาเขาไม่ใช่คนที่อะไรถึงครึ่งทาง แล้วจะหยุด
ถึงแม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยที่ไม่จําเป็น เอ่ยถึง แต่เธอถูกกักตัวอยู่ที่นี่ไปไหนก็ไม่ได้
หลบก็ไม่รู้จะหลบยังไงได้แต่ต้องเผชิญกับ เขา คิดถึงตรงนี้แล้ว พิงกี้รู้สึกเสียใจอีกแล้ว
ถ้าเธอหลบหน้าได้ก็ดีแล้ว เธอตัดสินใจไม่ ถูก แต่ว่า ที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ
โอกาศที่จะทำให้เธอไปจากบ้านหลังนี้ไม่ นานก็ โผล่มาอยู่ตรงหน้าเธอ
——“ฉันเป็นแม่ของเควิน เธอเรียกฉัน คุณหญิงหทัยรัตน์ก็ได้
“สวัสดีค่ะ คุณหญิงหทัยรัตน์
“อืม….”คุณหญิงหทัยรัตน์ที่ดูแลตัวเองดี นั่งอยู่ตรงหน้าพิงกี้
สายตาที่เรื่องมากมองดูพิงกี้ไปรอบนึง สายตาไม่ชอบใจอย่างเห็นได้ชัด
“เธอก็คือคุณหนูเล็กของตระกูลดำรงกูล
ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”พิงกี้พยักหน้า
“หลายวันมานี้เธออยู่ที่บ้านลูกชายฉัน ตลอดหรือ?”
พิงกี้ยิ้มอ่อนๆ “ไม่ใช่อยู่ค่ะ คือถูกกักตัวไว้ ทนค่ะ”
“อ๋อ?”คุณหญิงหทัยรัตน์คิดไม่ถึงว่าจะ ได้ยินคำตอบแบบนี้ แววตาเย็นชาเล็กน้อย
ความหมายของเธอคือ เธอถูกบังคับ ไม่ใช่สมัครใจเอง?
“พิงกี้เม้มปากและยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่พูดจา
“งั้นเธออยากไปจากที่นี่ไหม?” คุณหญิง หทัยรัตน์จิบไวน์ไปคำนึง เธอพูดแบบผู้ดี
“ในเมื่อเธอถูกบังคับ งั้นฉันพาเธอออกไป เธอคงไม่ปฎิเสธมั้ง?”
“ฉันยินดีอย่างยิ่งค่ะ”พิงกี้แทบไม่คิดก็ ตอบตกลงเลย
ตอนที่เธอขึ้นรถของคุณหญิงหทัยรัตน์ เธอถึงดึงสติกลับมา…..
เธอไปจากบ้านของเควินแล้วจริงๆ วันที่มา ที่บ้านหลังนี้ฝนตก
วันนี้จากไปฝนก็ตกอีกเช่นเคย อาจเกิด จากความคิดที่อยากกลั่นแกล้ง
คุณหญิงหทัยรัตน์แกล้งให้คนขับเปิด กระจกรถฝั่งที่พิงกี้นั่ง แถมยังถาม
“ฉันนั่งรถแล้วรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย เลย ชอบเปิดกระจกรถให้อากาศถ่ายเทสะดวก
เธอคงไม่ถือสามั้ง?”
“ไม่ค่ะ”ฟังกี้ยิ้มอ่อนๆ และมองไปที่นอก กระจกรถ เธอก็ไม่ได้ถาม
ถ้าคุณหญิงอยากให้อากาศถ่ายเทสะดวก ทำไมไม่เปิดกระจกรถข้างคนขับ
ทำไมมันต้องเปิดฝั่งข้างหลัง แถมยังเปิด กระจกรถฝั่งที่เธอนั่งด้วย
ฝนเท่าเม็ดถั่วตกใส่บนหน้าและลำตัว ลมที่ พัดเข้ามาพัดจนผมของพิงกี้ยุ่งเหยิง
มือทั้งสองข้างกอดแขนไว้ ทำให้เธอรู้สึก หนาวเย็น แต่ถึงเป็นอย่างนี้ก็เถอะ
เธอก็ไม่ได้เขยิบเข้าไปที่ตรงกลาง และยิ่ง ไม่คิดที่จะปิดกระจกรถ
คุณหญิงไม่คิดที่จะส่งเธอถึงบ้าน ขับรถลง จากเขามาถึงที่ราบ
เธอถึงยิ้มถามอย่างอ่อนโยน “ไม่รู้ว่าเธอจะไปไหน
ส่งเธอถึงที่นี่ไม่รู้จะสะดวกกับเธอไหม? เดี๋ยวฉันจะไปเยี่ยมหนูขวัญฤดี
หนูขวัญฤดีเป็นลูกสะใภ้ที่ฉันจะให้แต่งเข้า มาในตระกูล ตอนนี้เธอไม่สบาย
ฉันรู้สึกเป็นห่วง”
พิงกี้ส่ายหัว “สะดวกค่ะ เดี๋ยวส่งฉันลงที่ ป้ายรถเมล์ก็พอค่ะ”
ความหมายของคุณหญิงชัดเจนมาก เธอก็ ไม่อยากหน้าด้านอยู่ต่อ
“งั้นก็ดี”
ลงมาจากรถ มองดูรถของคุณหญิงจากไป เรื่อยๆ พิงกี้น้ำตาซึม
ความเพ้อฝันที่เป็นไปไม่ได้ที่อยู่ในใจ นาทีนี้เธอยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกตลก
เธอกับเควิน เป็นไปไม่ได้จริงๆ ………. หลวงวิลล่าไกลจากตัวเมืองมาก
พิงกี้เปลี่ยนสายรถเมล์ไปสองรอบ และ เปลี่ยนสายรถไฟใต้ดินไปสองรอบ….
ตอนที่เธอกลับถึงบาร์ ร่างกายหนาวเย็น เดี๋ยวร้อน รู้สึกทรมาน ทำอะไรก็ไม่มีเรี่ยวแรง
เธอดื่มน้ำไปครึ่งขวด จากนั้นก็นอนสลบคา
เตียง
—เควินกลับถึงบ้าน เรื่องแรกก็คือ ถามคนรับใช้ “เธออยู่ไหน?
“คุณพิงกี้ เธอ…”คนรับใช้พูดขึกๆยักๆ
เควินกลุ้มใจ “เธออยู่ไหน เกิดเรื่องอะไร ขึ้นหรือเปล่า?”“คือ….คุณหญิง!วันนี้คุณหญิงมาที่นี่ แล้ว พาคุณพิงกี้ไป ดิฉันห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่
เลย….” คนรับใช้กับศรีษะไว้ และตื่นกลัว
ที่สุด
เควินดูสีหน้าที่ตื่นกลัวของเธอ เขาคิดว่า ครั้งนี้ตัวเองเก็บเป็นความลับได้เป็นอย่างดี
แต่ความลับกลับรั่วไหลไวขนาดนี้ นาทีนี้ เขาก็คิดถึงประเด็นสำคัญออกแล้ว
น้ำเสียงเขาเย็นชาอย่างที่สุดหาไม่ได้ “เธอไม่เพียงแต่ห้ามไม่อยู่
แต่เธอยังแจ้งข่าวให้แม่ฉันด้วยใช่ไหม? เธอถูกไล่ออกแล้ว ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
“คุณเควินคะ…..
“ไปเดี๋ยวนี้!”
“คุณหญิงให้ดิฉันแจ้งข่าวของคุณให้ท่าน ฉันก็จนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงค่ะ!
คุณเควิน ขอร้องหล่ะคุณอภัยดิฉันเถอะ ค่ะ!”‘คนรับใช้คุกเข่าลง ขอร้องด้วยสีหน้า สงสาร
“ถ้าคุณไล่ฉันออก ดิฉันจะจ่ายค่าเทอม ของลูกยังไง ดิฉัน….
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ให้คุณหญิงรับเธอ ไว้เลย ฉันคิดว่าท่านคงจะเต็มใจอย่างยิ่ง
เควินชายตามองคนรับใช้ที่ร้องห่มร้องไห้ ไปทีนึง คำพูดที่เหลือเขาไม่กล้าพูดต่อ
กลัวความคิดในใจของตัวเองจะถูกคนมอง
ออก
ไม่รอสั่งการให้พายุเตรียมรถ เควินก็เดิน ก้าวใหญ่ออกไปข้างนอก
เปิดประตูรถมายบัคออก และขับรถออก
ไปคนเดียว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ