คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่ 400: ให้พวกเธอรอก่อน



บทที่ 400: ให้พวกเธอรอก่อน

พิงก็ตื่นเต้นมาก เธอตื่นเต้นปุ๊บร่างกายก็เกรงไป หมด นี่ก็เอาชีวิตของเควินเหมือนกัน

เพียงแต่ ไม่รอให้ทั้งคู่ได้บรรเทาลงเล็กน้อย เสียง ดั่งปีศาจของAliceที่อยู่ด้านนอกก็ได้ดังขึ้นมาอีก ครั้ง“เควินเปิดประตู เปิดประตูๆๆ! คุณมีปัญญาทำเรื่อง ชั่ว แต่ไม่มีปัญญาเปิดประตูงั้นหรอ?”

นี่คือ……….

แม้แต่คำพูดฮิตๆในละครเรื่องนึงก็เอามาใช้แล้ว

หรอเนี่ย!

พิงกี้หมดคำพูดจริงๆ

แต่ว่า เสียงที่ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงนั้นน่ากลัวกว่า เธอ เหมือนแมวน้อยตัวนึงที่ตื่นตระหนกตกใจ ดวงตากลม โตจ้องมองอย่างทำอะไรไม่ถูก

“ไม่ต้องสนใจพวกเธอ ให้พวกเธอรอไปก่อน” เค วินเปิดปากพูด

“ไม่ได้นะคะ” ผลักหน้าอกของเควิน เพราะว่า ก่อนหน้านั้นทำสงครามที่รุนแรงพิงกี้เลยร้องจนเสียง แหบและสั่นเล็กน้อย เธอพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะ ร้องไห้ “เควิน ปล่อย….คุณปล่อยฉัน พวกเธอมาแล้ว เราทำแบบนี้มันไม่ดีนะ”
“ไม่ดียังไง? พวกเธอตั้งใจมาก่อนเวลาเอง ไม่ เกี่ยวกับเราสักหน่อย” ที่ผ่านมาเควินเป็นคนที่ตรงต่อ เวลามาด เขาไม่ชอบคนที่มาเช้าเกินไปหรือว่ามาสายก็ ยิ่งไม่ชอบ

อีกอย่าง ก็ไม่ดูเวล่ำเวลาเลยว่าตอนนี้พวกเขา กำลังทำอะไรอยู่

จะสามารถหยุดง่ายๆได้ยังไง?

เควินไม่ยอมปล่อย กลับกันยังถอยออกมาเล็ก น้อยแล้วบุกเข้าไปลึกๆอีก หายใจหอบหืดอยู่ข้างหูพิง กี้และคอยปรึกษาหารือกับเธอ “ผมยังไม่อยากส่งมอบ ออกมาเร็วขนาดนั้น คุณเชื่อฟังหน่อย อย่าหนีบไว้แน่น ขนาดนี้ โอเคมั้ย?”

พิงกี้ “ ….……

จูบของผู้ชายเหมือนเม็ดฝนที่เร่งรีบหล่นอยู่ที่บน ตัว ตอนที่เขาจูบจากคอที่ขาวเนียนของเธอลงไปเรื่อยๆ และมาอมหัวจุกสีชมพูไว้ อารมณ์ของพิงกี้ก็เคลิบเคลิ้ม ขึ้นมาอีกอย่างห้ามใจไม่ได้

เคยผ่านการปฎิบัติงานจริงมานับครั้งไม่ถ้วน ตอน นี้เทคนิกของผู้ชายดีมากแล้ว

ลิ้นและริมฝีปากที่อุ่นๆของเขากัดอยู่ที่ผิวเนียนนุ่มของเธอเบาๆ ฝ่ามือใหญ่บีบจับอยู่ที่หน้าอกนุ่มนวลกับ บั้นท้ายของเธอ ที่ยิ่งเอาชีวิตคือ อาวุธอุ่นๆของเขายัง ใช้แรงพุ่งเข้าไปในจุดที่ลึกที่สุดและบอบบางที่สุดของ เธอครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่อาจต่อต้านได้

และไม่มีความคิดที่จะต่อต้านด้วย

เดิมทีในใจของพิงกี้ยังรู้สึกเก้อเขินมาก แต่ถูก ความมุมานะและลุยงานด้วยตัวเองขนาดนี้ของเควิน สะกดจิตไว้ และหลังจากเสียงตบประตูของข้างนอกได้ หยุดลงมา ทั้งตัวและหัวใจของเธอก็ถูกม้วนเข้าไปใน วังวนนั้น

ผ่านไปนานมาก เสียงครางทุ้มต่ำของผู้ชายดัง ขึ้นที่ข้างหู พิงกี้ลืมตาที่แฝงด้วยหมอกพร่าเลือนขึ้นมา พร้อมใบหน้าที่สะสวยและแดงก่ำ

เควินจูบที่แก้มของเธอ แล้วลุกขึ้นอาบน้ำและแต่ง เนื้อแต่งตัว

แบกร่างกายลุกขึ้นจากเตียง พิงกี้ถามด้วยเสียง แหบแห้ง “เควิน กี่โมงแล้วคะ?”

“เที่ยงคืนสิบสามนาที” เควินมองนาฬิกาไปทีนึง
“หืม?” พิงกี้ตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้นยิ่งหน้าแดง เข้าไปใหญ่ “เราไม่ใช่นัดกับพวกเธอไว้เที่ยงคืนหรอ คะ?”

เควินเป็นคนตรงต่อเวลาขนาดนี้ ยากที่จะได้เห็น เขาผิดนัดเหมือนครั้งนี้

“เหอะๆ…..” เควินหัวเราะเสียงต่ำ และยื่นมือ หยิกแก้มของพิงกี้ “คุณหนีบผมไว้แน่นขนาดนั้น ก็ ไม่ใช่ไม่อยากให้ผมดึงออกมาหรอ?”

“ไม่ใช่สักหน่อย….” พิงกี้พูดเสียงเบา

เควินยักคิ้ว “พวกเธอสองคนไม่ทำตามกฎระเบียบ ก่อน เจอสถานการณ์อะไรก็สมควรแล้ว ผมให้พวกเธอ รอที่ด้านนอกพักนึง ก็เพื่อให้บทเรียนกับพวกเธอหน่อย นี่เป็นการลงโทษที่เบาที่สุดแล้ว ถ้าครั้งหน้าพวกเธอ ยังกล้าทำแบบนี้อีก ผมไม่มีความอดทนพอที่จะถูกยั่ว โมโหทุกครั้งหรอก”

พิงกี้ “

ที่จริงต้องบอกว่าเขาอยากทำและไม่ยอมหยุด มากกว่า~เชอะ

เวลาได้ผ่านไปแล้ว พิงกี้ก็จนปัญญา ถูกเควินคอย ปรนนิบัติชำระร่างกายให้เสร็จ เธอก็ได้สวมใส่ชุดนอนแขนยาวขายาวที่หลวมสบาย

แก้มของเธอยังอมชมพูเหมือนกลีบซากุระอยู่ ริม ฝีปากก็เช่นกัน แถมในห้องยังเต็มไปด้วยกลิ่นไอของ ชายหญิงร่วมรักด้วย

พิงกี้จึงรีบเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศให้มัน

ถ่ายเทหน่อย

“ทำไมพวกพี่เพิ่งมาเปิดประตูเนี่ย ช้าจังเลย?”

พอเปิดประตูปุ๊บ Aliceก็จ้องพิงกี้ที่มาเปิดประตู ทีนึง จากนั้นก็ดึงน้ำหวานที่สีหน้าแดงก่ำเข้ามาในห้อง คอยบ่นพึมพำไปด้วยและมองดูรอบๆไปด้วย ก็ไม่รู้ว่า กำลังหาเบาะแสร่องรอยอะไรอยู่

“ดูพอหรือยัง?” พอAliceสำรวจไปรอบนึง เควิน ที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เปิดปากถาม

ขาเรียวยาวของเขานั่งไขว่ห้างอยู่ สายตาที่เฉียบ คมหล่นอยู่ที่บนตัวของAlice ทำให้Aliceรู้สึกกดดัน

มาก

“เอ่อ…….”สมองของ Aliceแล่นขึ้นมาทันที เธอ

รีบยืนตัวตรง “ดูพอแล้ว!”
“ดูพอแล้วก็มานั่ง”

“ค่ะ!” Aliceไม่มีการต่อต้านใดๆทั้งสิ้น ความ กำเริบเสืบสานตอนที่อยู่ตรงหน้าของดุสิตถูกเก็บเอาไว้ เรียบร้อยแล้ว

พิงกี้กลั้นหัวเราะเอาไว้

เรื่องระหว่างชายหญิงเป็นเรื่องปกติมาก ที่นี่ไม่มี เด็ก เรื่องแบบนี้ทุกคนต่างก็รู้และเคยประสบมาแล้วทั้ง นั้น เธอไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี จึงไม่รู้สึกมี ภาระทางใจเลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่ ตอนที่สายตาของน้ำหวานมองมาที่เธอ พิงกี้ก็ยังหน้าแดงจนได้

ทุกคนนั่งลงบนโซฟา ด้วยความเป็นห่วง พิงกี้จึง ถามน้ำหวานตรงๆ “น้ำหวาน ตระกูลภักดีวัฒนากุลเกิด อะไรขึ้นหรือเปล่า ดุสิตดีกับเธอหรือเปล่า ตอนนี้เธอถูก พวกเขาควบคุมตัวใช่หรือเปล่า?”

Aliceกลอกตาขาวทีนึง “ฉันดูท่าแล้วเธอยังรัก ดุสิตหัวปักหัวป๋าอยู่เลย เมื่อกี้ตอนที่ฉันหยิบปืนปลอม ขึ้นมา เธอยังไปบังที่ตรงหน้าของดุสิตอยู่เลย!ฮี!”

น้ำหวานหลุบตาลง สีหน้ามีความซับซ้อน
พิงกี้เปิดปากพูด “เธอวางใจได้ ที่นี่ไม่มีคนนอก มี อะไรที่ต้องการให้เราช่วยเหลือ เธอพูดออกมาตรงๆได้ เลย ก่อนหน้านั้นเธอส่งข้อความให้ฉัน ที่จริงก็เพื่อส่ง สัญญาณเรื่องพวกนี้ให้ฉันไม่ใช่หรอ?”

“อืม ใช่” ในที่สุดน้ำหวานก็พยักหน้า พอเงยหน้า ขึ้นมาอีกที แววตาแฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว “พิงกี้ ก่อน หน้านั้นฉันเคยได้ยินเธอพูดแว่วๆเรื่องขององค์กรSC ถึงแม้ได้ยินมาไม่เยอะ แต่….มีอยู่ครั้งนึงตอนที่ฉันไป พบพ่อแม่ของดุสิตกับเขา ดันไปเห็นพ่อของเขาแอบ พบกับชายยุโรปผมทองอย่างลับๆโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ และได้ยินพวกเขาพูดคุยเรื่องขององค์กรSC และเรื่อง ของเตชิตกับคุณเควินด้วย…….และฉันเองก็เกิดความ สงสัยตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา”

“จากนั้นล่ะ?” พิงกี้ถาม

“จากนั้นฉันก็ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น ยิ่งไม่กล้า ถามดุสิตด้วยซ้ำ ฉันแค่สังเกตการณ์เรื่องนี้อยู่ลับๆ สังเกตการณ์ดูว่าตระกูลภักดีวัฒนากุลเป็นเหมือนที่ ฉันคิดหรือเปล่า แต่ที่ฉันคิดไม่ถึงคือ มีคนรับใช้คนนึง พบเห็นความผิดปกติของฉันโดยบังเอิญ เพื่อสร้างคุณ งามความดีเลยฟ้องเรื่องนี้ให้กับพ่อของดุสิต เธอบอก ว่าฉันจงใจแอบฟังพวกเขาพูดคุยกัน ความเคลื่อนไหว เล็กๆของฉันก็เลยถูกเปิดเผย

ตอนแรกน้ำหวานแค่อยากพิสูจน์การคาดเดาที่อยู่ในใจของของตัวเอง แม้กระทั่งไม่เคยคิดว่าจะประจาน เรื่องของตระกูลภักดีวัฒนากุลเลยด้วยซ้ำ แต่หลังจาก พฤติกรรมของเธอถูกเปิดเผย เรื่องมากมายสำหรับเธอ ก็กลายเป็นเรื่องที่ทำไปโดยไม่สมัครใจแล้ว

ถึงเธอจะบอกว่าตัวเองไม่มีความคิดอะไร ตระกูล ภักดีวัฒนากุลก็ไม่มีทางเชื่อหรอก

นอกเสียจากเธอจะอยู่ภายใต้การควบคุมของพวก เขาตลอด พวกเขาถึงยอมให้อิสระกับเธอเล็กน้อย และ ฝืนใจเชื่อเธอ ตอนนี้ท่าทีของตระกูลภักดีวัฒนากุลถูก พิสูจน์แล้วว่าไม่เชื่อเธอเลย จึงได้ควบคุมเธอไว้อย่าง แน่นหนาขนาดนี้

“ก็เพราะแบบนี้ พวกเขาจึงพยายามสุดฤทธิ์ใน การควบคุมตัวเธอ อยากให้เธอกับฉันแยกจากกัน ไม่ ยอมให้เธอติดต่อกับฉันใช่มั้ย?”

“อืม” น้ำหวานหายใจลึกๆทีนึง คิดถึงเรื่องที่ผ่าน มา แววตามีความหวาดกลัวโผล่ขึ้นมา เธอพยักหน้า อย่างแม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้วแต่ในใจยังคง หวาดผวาอยู่ “หลังจากพ่อของดุสิตรู้เรื่องนี้เข้าก็โมโห ใหญ่เลย และไปเปิดกล้องวงจรปิดดูย้อนหลัง มีกล้อง วงจรปิดเป็นหลักฐาน ครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาพบเจอกับ ชายยุโรปผมทองถูกเปิดเผย การแอบฟังหลายครั้งใน ทีหลังก็ไม่สามารถบอกได้แล้วว่าพบเห็นโดยที่ไม่ได้ ตั้งใจอีก……..หลังจากนั้นฉันก็เลยถูกควบคุมตัวเอาไว้”

“ดุสิตก็ไม่พูดอะไรเลย ปล่อยให้ตระกูลภักดี วัฒนากุลทำกับเธอแบบนี้เฉยเลยหรอ?”พิงกี้ขมวด คิ้ว แววตามีความดูถูกดูแคลนโผล่ขึ้นมา “ผู้ชายเหี้ยๆ อย่างเขา เธอน่าจะรีบไปจากเขาสิ ทำไมยังไปพัวพัน กับเขาอีก? เธอแคร์เขามากขนาดนั้นเลยหรอ?”

พิงกี้ยังไม่ลืมคำพูดของAliceในเมื่อครู่

ปฎิกิริยาของน้ำหวานแสดงออกมาอย่างชัดเจน แล้วว่า เธอเห็นดุสิตสำคัญกว่าตัวเธอเอง

ช่วงแรกๆที่จริงพิงกี้รู้สึกประทับใจดุสิตอยู่ เพราะ ยังไงซะตอนที่เธอต้องการความช่วยเหลือ ดุสิตเป็น คนมอบบาร์ตัวเองให้เธอไปออกแบบและตกแต่ง คอย สนับสนุนงานของเธอ ให้เธอผ่านช่วงเวลาที่ลำบากนั้น มาได้

แต่ว่า ต่อมาดุสิตก็ได้เกี่ยวพันกับซินดี้และทำให้น้ำ หวานเสียใจ ตั้งแต่ตอนนั้นมาพิงกี้ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยชอบ ดิ์สิตแล้ว รู้สึกเขาไม่เด็ดขาดในเรื่องของความรักพอ เหมือนรักพี่เสียดายน้อง ทำให้เธอไม่ค่อยชอบสักเท่า ไหร่

ตอนนี้…
ดุสิตไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังกับความเกียดที่มีต่อ เขาเลย แถมเขายังไร้ยางอายมากขึ้นกว่าเดิมอีก

แต่ว่า น้ำหวานกลับส่ายหัว ไม่เห็นด้วยกับคำพูด ของพิงกี้ “ดุสิตเพราะหมดหนทางถึงได้เป็นแบบนี้ เพราะความสัมพันธ์ของฉันกับเธอใกล้ชิดกันมาก ส่วน เธอก็เป็นคนข้างกายของคุณเควิน ตอนแรกเริ่มสุดพ่อ ของดุสิตกะว่าจะฆ่าฉันตายเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาใน อนาคต กลัวฉันจะติดต่อกับพวกเธอและเปิดโปงเรื่อง ของตระกูลภักดีวัฒนากุล แต่ดุสิตเป็นคนช่วยฉันไว้”

พิงกี้ฟังแล้วขมวดคิ้ว ส่วนเควินฟังแล้วก็เหมือน ครุ่นคิดอะไรอยู่

น้ำหวานพูดต่อ “เพื่อปกป้องชีวิตฉัน ดุสิตถูกคุณ ลุงตีจนได้รับบาดเจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัว ต้องนอนพักฟื้น อยู่บนเตียงไปหนึ่งเดือนเศษๆ สุดท้ายก็ยังเป็นเขาที่อด อาหารขอร้องให้คุณป้าช่วยออกหน้าแทน คุณลุงถึง เห็นด้วยกับการที่แค่ควบคุมฉัน แต่ไม่ฆ่าฉันทิ้ง..

นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าน้ำหวานอารมณ์ ซับซ้อนมาก

ที่เธอไม่ได้พูดคือ เพื่อปกป้องเธอ ดุสิตยังได้ รับปากเงื่อนไขของตระกูลภักดีวัฒนากุลอีกว่าจะ ทำงานให้กับตระกูลภักดีวัฒนากุล บนมือของเขา เปรอะเปื้อนด้วยบาปกรรม ไม่สามารถกลับไปบริสุทธิ์เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

ก็เพราะเหตุนี้ เธอถึงเกลียดตระกูลภักดีวัฒนากุล ดูถูกตระกูลภักดีวัฒนากุล อยากหนีไปจากตระกูลภักดี วัฒนากุล แต่กลับทิ้งดุสิตไม่ลง………..เพราะยังไงซะ ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่เธอเคยรัก และตอนนี้ก็ยังอยู่ด้วย แค่ความเป็นจริงทำให้เธอไม่รู้จะคล้อยตามใครดีเฉยๆ

ได้ยินคำพูดของน้ำหวานแล้ว พิงกี้ก็อดไม่ได้ที่จะ ถอยหายใจหนักๆ

เรื่องราววุ่นวายไปหมด

จะจัดการยังดีล่ะ?

พิงกี้นวดขมับ และถามอย่างจนปัญญา “น้ำหวาน เรื่องนี้พี่มานพรู้มั้ย?”

“เขายังไม่รู้ ฉันยังไม่ได้บอกเขาเลย”

“แล้วต่อไปเธอคิดจะทำยังไง? ถ้าเธออยากล่ะ ก็ ฉันสามารถช่วยเธอไปจากตระกูลภักดีวัฒนากุลได้ นะ”

“ฉัน…..ฉันยังไม่รู้เลย………

น้ำหวานนึกว่าตัวเองจะต้องดีใจจนบ้าคลั่งแน่นอนแต่เธอไม่เลยสักนิด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ