บทที่348: เตชิตลาก่อน
ขอแค่ได้กลับบ้าน มาลาดีในตอนนี้ก็ดีใจแทบแย่แล้ว ไม่สนเลยด้วยซ้ำว่าจอยจะถูกลงโทษเป็นสภาพแบบไหน เธอไปอย่างไม่รู้สึกกดดันไม่พอ ยิ่งไปกว่านั้นคืออดใจรอ ไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ
อย่าบอกว่าเธอไร้มโนธรรมเลย คนรับใช้คนเดียวก็ไม่ จำเป็นต้องแคร์ขนาดนั้นอยู่แล้ว
ถึงจะมีบุญคุณเคยช่วยชีวิตก็เถอะ แต่ช่วงเวลานี้จอ ยกินของเธอ ใช้ของเธอ แถมยังได้ค่าแรงที่ทำงานด้วย ว่าไปแล้วเธอก็มีบุญคุณที่รับเธอมาทำงานเหมือนกัน เธอ เองก็ถือว่าดีกับจอยมากแล้ว
จอยจนขนาดนั้น และไม่มีที่ไป อย่างมากถึงเวลาก็ให้ เงินเธอเยอะหน่อยก็พอแล้ว ไม่แน่นั่นแหละอาจจะเป็นสิ่ง ที่เธอต้องการที่สุด
พอคิดแบบนี้แล้ว มาลาตียิ่งรู้สึกสงบและสบายใจ
หลังจากส่งมาลาตีกลับบ้าน ฉากตลกปกฮาของวันนี้
ก็ถือว่าได้จบลงเสียที
เควินยิ้มมุมปากด้วยมารยาท ยกแก้วไวน์ขึ้นใส่แขกผู้ บาร่วมงานที่อยู่รอบๆเพื่อส่งสัญญาณ “วันนี้ให้ทอดบได้ดูตลกแล้ว หวังว่าจะไม่กระทบอารมณ์ของทุกท่านนะครับ วันนี้คือวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของคุณย่าผม ทุกคนต้อง สนุกให้เต็มที่นะครับ
“เรื่องเล็กน้อยครับ คุณเควิน”
“ก็ใช่น่ะสิครับ ถ้าคุณเควินรู้สึกผิดและไม่สบายใจ งั้นพวกเรามาดื่มหลายๆแก้วหน่อยจะดีกว่าครับ”
ไม่นานบรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้นมา ความวุ่นวายของ เมื่อกี้ได้จางหายไปอย่างไม่มีร่องรอย
เควินพาพิงกี้ไปทักทายทำความรู้จักกับแขกหลาย คน พอได้ยินพวกเขาเริ่มคุยธุรกิจกันขึ้นมา เธอเองไม่รู้ เรื่องธุรกิจเลย ทันใดนั้นจึงรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา และเริ่ม เหม่อลอย
“คุณรู้สึกเบื่อหรอ?” พอพูดคุยกับเพื่อนคนนึงเสร็จ เควินกระซิบถามอยู่ข้างหูเธอ “ให้ผมไปเดินเล่นเป็น เพื่อนคุณมั้ย?”
“ไม่ต้องค่ะ” พิงกี้ส่ายหัว ใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อย “คุณพูดคุยกับแขกที่นี่เถอะ ยังไงซะวันนี้ก็เป็นงานวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของคุณย่า ฉันออกไปเดินเล่นคนเดียว ก็พอค่ะ แสงจันทร์คืนนี้สวยมาก ฉันออกไปเดินผ่อนคลาย หน่อยค่ะ”
เขาจะรู้สึกว่าเธอโง่มั้ย?
แต่เธอไม่เซนซิทีฟกับเรื่องของธุรกิจจริงๆ ยิ่งไม่มี ความสนใจด้วย ตอนเธอเรียนมหาลัยคือเรียนด้านดีไซน์ เธอชอบแค่ด้านนี้……..ว่าไปแล้ว เธอไม่ได้วาดรูปมา นานมากแล้ว และไม่ได้ดีไซน์มานานมากแล้วเหมือนกัน
คิดถึงตรงนี้แล้ว พิงกี้รู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่ความเศร้า นี้อยู่ในสายตาของเควินได้กลายเป็นลังเล เขานึกว่าเธอ อยากให้เขาอยู่เป็นเพื่อน แต่เกรงใจที่จะพูด
เขาหัวเราะเสียงต่ำ “คุณไปเดินเล่นคนเดียวไหวมั้ย หรือให้ผมไปเป็นเพื่อนคุณ?
“ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย คุณยังเป็นห่วงกลัวฉันจะตก น้ำหรือยังไงคะ?” พิงกี้ต่อว่าทีนึง
“ผมแค่กลัวคุณจะทนคิดถึงผมไม่ได้
” จ้องผู้ชายที่กระล่อนทีนึง พิงกี้แอบหยิก เขาทีนึง “คุณเควิน คุณเพลาๆหน่อยนะ ไม่งั้นคืนนี้ฉันจะลงโทษคุณให้ไปยืนที่หน้าห้องน้ำ ไม่ให้คุณขึ้นเตียง
เควิน “
“เอาล่ะ ฉันออกไปเดินเล่นเอง คนอยู่ดูแลแขกที่นี่ เถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ฉันไปเดินเล่นแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ กลับมาค่ะ”
“โอเค งั้นก็ได้”
คิดๆแล้วก็รู้สึกไม่มีปัญหาอะไร เควินจึงได้พยักหน้า
อนุญาติ
พิงกี้เดินออกมาจากห้องโถง เท้าเหยียบอยู่บนโพรง หญ้า หายใจลึกๆทีนึง รู้สึกในโพรงจมูกและปอดมีแต่กลิ่น หอมอ่อนๆของต้นหญ้าห้อมล้อมอยู่ราวกับว่าความคิดได้ ถูกชำระล้างอย่างสะอาดอีกครั้ง
ที่นี่สบายกว่าเยอะ
เดินไปพักนึง พิงกี้ตาดีเห็นข้างหน้ามีศาลานั่งเล่น เลยเดินไปนั่งในศาลา
เก้าอี้หินของที่นี่เย็นมาก เธอกะว่าจะนั่งพักนึงก็เข้าไปแล้ว
ที่นี่ห่างจากตึกหลักของบ้านไม่ไกล แค่หันหน้าไป ก็สามารถเห็นไฟเปล่งที่ประกายของตึกหลักได้ ไม่กลัว ว่าจะเกิดเรื่องอะไร แต่ที่นี่กลับไม่ได้เสียงดังขนาดนั้น ยังสามารถได้ยินเสียงแมลงบ้างเล็กน้อย ทำให้หัวใจที่ ร้อนรนไม่เป็นสุขสามารถสงบลงได้
รู้สึกเบื่อหน่าย พิงกี้จึงหยิบมือถือออกมาเล่น
เพิ่งหยิบมือถือออกมา ในขณะนี้นี่เอง เสียงฝีเท้า ค่อยๆเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนจะเดินมาที่ทิศทาง ของศาลา
พิงกี้หันไปมอง เห็นร่างเงาที่สูงใหญ่
เธออดไม่ได้ที่จะเรียกเขา “คุณเตชิต
เตชิตที่ยืนอยู่ตรงหน้าสวมใส่ชุดสูทสีดำ ด้านใน ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว แต่งตัวเนียบ แต่กลับให้ความรู้สึกเธอ แปลกๆ
บุคลิกของเขาดูเปลี่ยนไปมาก ความเย่อหยิ่ง ความ กําเงิบเสืบสานและความร่าเริงบนตัวเขาดูจางหายไปไม่ น้อย แววตาที่มองเธอลุ่มลึกเหมือนกำลังควบคุมอารมณ์หนักหน่วงที่ยากจะพูดออกมาได้
อุณภูมิค่อยๆกลับมาสูงขึ้น ทุกคนต่างก็ถอดเสื้อกัน หนาที่หนาทึบของฤดูหนาวออกไป เปลี่ยนมาใส่เสื้อที่ บางเบาขึ้น แต่ชุดที่เตชิตสวมใส่มันบางเกินไปหรือเปล่า
“คุณไม่หนาวหรอ? ใส่บางขนาดนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบาย หรอก” พิงก็อดไม่ได้ที่จะถาม
ออกมาเดินเล่น เธอยังคลุมผ้าคลุมไหล่หนาๆออกมา
เลย
“ไม่หนาวครับ” เตชิตส่ายหัว
เขายืนตรงหน้าเธออยู่อย่างนี้ เสื้อผ้าบางเบา แต่กลับ เหมือนแบกอะไรที่หนักหน่วงเป็นพันตัน
“คุณเป็นอะไรไปคะ?” เดินเข้าใกล้มาสองก้าว พิงกี้ ขมวดคิ้วมองดูเขาแล้วถาม “คุณอารมณ์ไม่ดีหรือว่าอะไร คะ?”
ใช่” เงียบไปพักนึง เตชิตถึงเปิดปากพูด “วันนี้ผมมาตั้งนานแล้ว เห็นคุณเดินตามหลังเควินอยู่ ผม ยังคิดอยู่เลยว่าจะมีโอกาสได้คุยกับสักสองสามคำมั้ย คิด ไม่ถึงว่าจะมีโอกาศจริงๆด้วย ยากเย็นจังเลย………
หยิบบุหรี่ออกมานวนนึงจากในกระเป๋าเสื้อ กำลัง หยิบไฟแช็คออกมาจะจุดไฟ แต่มองดูพิงกี้ทีนึง เตชิตจุด ไฟแช็คไปสองที มองดูเปลวไฟสีส้มที่กระโดโลดเต้นอยู่ สุดท้ายก็ไม่ได้เอาบุหรี่ใกล้เข้าไป
“คุณคงไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ใช่มั้ย?” เขาฉีกรอยยิ้มออก มาเสี้ยวนึง
“อืม……ไม่ค่อยชอบค่ะ แต่ไม่เป็นไรคุณสูบเถอะ ที่ นี่อากาศปลอดโปร่ง กลิ่นไม่แรงหรอกค่ะ”
“ที่จริงผมก็ไม่ชอบสูบบุหรี่หรอก”
” พิงก็อดขำไม่ได้ “พูดเหมือนจริงอย่างงั้น แหละ คุณไม่ชอบสูบบุหรี่? เมื่อก่อนใครกันที่ชอบพ่นควัน อยู่ตลอด บอกให้คุณสูบน้อยๆหน่อยก็ไม่ฟัง?” ตอนที่เล่น เกมส์ด้วยกัน เธอถูกควันบุหรี่ของเขาทำเอาสำลักไปไม่ น้อยครั้ง ตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นคนที่เข้าอกเข้าใจคนอื่น ขนาดนี้นะ
“ต่อไปผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง”
เตชิตยิ้มขึ้นมาอีกที นิ้วมือเรียวยาวที่สวยงามเอาบุหรี่ คีบไว้ในมือ ยิ่งทำให้มือคู่นี้ดูสวยอย่างบอกไม่ถูก
ดวงตาของเขาไม่มีความเงียบเหงาและหมดอาลัย ตายอยากเหมือนเมื่อกี้อีก แววตาที่มองเธอค่อนข้างดีใจ
คำพูดนี้ค่อนข้างจะกุ๊กกิ๊ก พิงกี้ไม่สามารถ พูดต่อไปได้ อดไม่ได้ที่จะค่อนข้างรู้สึกอึดอัด จึงถามขึ้น มาว่า “ช่วงนี้คุณทำอะไรบ้างคะ ทำไมไม่ไปเที่ยวหาฉันที่ บ้านนานเลย? เป็นเพราะป้าเฉินไปแล้ว ของว่างที่ป้ามะลิ ทําไม่ถูกปากคุณหรอคะ?”
“คุณนึกว่าผมไปหาคุณก็เพื่อของกินนั่นหรอ?” เต ชิตหัวเราะเยาะทีนึง “แต่ว่า ช่วงนี้ผมมีธุระเยอะจริงๆ ต่อ ไปก็คงยากที่จะได้ไปหาคุณแล้ว
“แล้วคุณยุ่งอะไรบ้างคะ?
“ยุ่งกับงานใหญ่ เตชิตพูดถึงตรงนี้แล้วหยุด ดวงตา ดื้อรั้นมองมาแล้วถามว่า “ช่วงนี้ผมไม่ได้ไปหาคุณ คุณก็ โทรหาผมไม่เป็นเลยหรือไง? คุณไม่คิดถึงผมสักนิดเลย จริงๆหรอ?”
แสงจันทร์สวยงาม แต่เดิมดวงตาพราวเสน่ห์ของเต ชิตก็สวยอยู่แล้ว แสงจันทร์ที่อร่ามหล่นอยู่ในดวงตาของ เขา ทำให้ดวงตาของเขามีน้ำแข็งบางๆเคลือบอยู่ชั้นนึง ยิ่งดูสวยใสขึ้นไปอีก
ความดื้อนั้นในแววตาของเขาก็ลุ่มลึกมาก คนทำคน ทนไม่ได้ที่จะหลบหลีก
พิงกี้ “ …………..
นี่จะให้เธอตอบยังไงล่ะ?
เธอไม่พูดจา บรรยากาศก็เงียบงันขึ้นมา
ในใจของพิงกี้ค่อยๆมีไฟปะทุขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะ ทําลายความเงียบด้วยความโกรธ “เอาล่ะ ต่อไปคุณอย่า พูดคำพูดที่ทำให้คนเข้าใจผิดกับฉันอีก ฉันก็เป็นแม่คน แล้ว คุณยังมาล่วงเกินฉันอีก คุณนี่สมองพิการหรือเปล่า เนี่ย?! ถ้าคุณยังแบบนี้อีก งั้นต่อไปเราก็ไม่ต้องเป็นเพื่อน กันแล้ว”
เธอหันหลังเตรียมเดินจากไป แต่เตชิตกลับนําหน้า เธอก้าวนึงแล้วกอดเธอไว้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ