แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่82 หยิบของแล้วจ่ายเงินด้วย



บทที่82 หยิบของแล้วจ่ายเงินด้วย

บทที่82 หยิบของแล้วจ่ายเงินด้วย

ทุกคนต่างมองไปทางรพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่าเขาจะแสดง ท่าทีไม่กลัวตายออกมา แล้วเข้ามาจัดการเรื่องนี้

เสือพากลุ่มคนหยุดลงมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าแสดงรอยยิ้มร้ายกาจ

“เจ้าหนู แกนี่มันหัวเหล็กจริงๆ แม้แต่เสืออย่างกูมถึงก็กล้า มาขวางทาง ถึงรู้ไหมว่าต่อไปกจะทำอะไร ถึงได้กล้ามา ขวางทางกูเนี่ย”เสือหัวเราะเสียงเย็นชา

“ฉันไม่สนว่าพวกแกจะทำอะไร หยิบของไป ก็ต้องจ่าย

เงิน”รพีพงษ์เปิดปากพูด

คนรอบตัวต่างเข้ามามุงดูแล้วส่ายหน้า แม้ว่ารพีพงษ์จะ ทำเรื่องที่ถูกต้องก็เถอะ แต่ว่าสำหรับพวกเขา ในยุคนี้ คน ที่แสดงความกล้าหาญ ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคนที่โง่เขลา

“เจ้าหนุ่มนี่โง่จริงๆ ไม่ดูเลยว่าทางนั้นมีคนกี่คน แถมยังมี รอยสักเต็มตัว ดูก็รู้ว่าเป็นพวกนักเลงหัวไม้ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ แบบนี้ไม่น่าจะรอดไปได้ง่ายๆหรอก”

“เสือคนนี้ฉันรู้ดี ได้ยินว่าเป็นลูกน้องมือฉกาจของอินทัช แต่ตอนนี้อินทัชตายไปแล้ว เสือเลยขึ้นตำแหน่งมาแทน ข่าวว่าเขาจะมาแทนที่อินทัช และเป็นสามราชันฟ้าคนใหม่”

“จา แหยมไม่ได้เลยนะนั่น ดูท่าเจ้าหนุ่มนั่นคงซวยแล้ว ล่ะ”

“ดูเถอะ ผอมบางขนาดนั้น อีกฝั่งก็ล่ำสันเหลือเกิน คิดว่า ฟาดลงมาไม่กี่ทีก็เลี้ยงเข้าโรงพยาบาลแล้วล่ะ”

เสือเห็นรพีพงษ์ดูไม่รู้ผิดชอบชั่วดี จึงเป้ๆปาก

“เจ้าหนุ่ม จะบอกอะไรให้นะ กูยังมีเรื่องสำคัญต้องทำโว้ย ถ้าถึงไม่อยากเข้าโรงพยาบาล ก็รีบไสหัวไป ไม่งั้น อย่าหา ว่ากูไม่เกรงใจ ! “เสือพูด พลางกัดกินลูกท้อในมือ

เวลานี้เองเด็กน้อยวิ่งออกมาจากแผงผลไม้ กระตุกเสื้อรพีพงษ์ เปิดปากพูด”พี่ชายครับ อย่ายุ่งเรื่องนเลย พว) เขาคนเยอะ พี่สู้ไม่ไหวหรอกนะ”

รพีพงษ์ยิ้มให้เด็กน้อย เปิดปากพูด”ความถูกต้องในโลกนี้ น่ะ ไม่ได้วัดกันที่การต่อสู้หรอกนะ พวกเขาเอาของเธอไป ก็ควรจะจ่ายเงิน ไม่อย่างนั้นสังคมก็วุ่นอีรุงตุงนั่งไปหมดน่ะ สิ

เด็กน้อยฟังคำพูดของรพีพงษ์ แล้วจึงแสดงสีหน้าเข้าใจ กึ่งไม่เข้าใจ

คนรอบตัวต่างก็รู้สึกแสบจมูกกับคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ต่อ ให้สังคมมีกฎหมายก็เถอะนะแต่ว่าคนส่วนมากก็นิยมกฎ หมู่อยู่ดี

“เช็ดแม่งเอ๊ย ยังจะมาถกความถูกต้องกับกอีกนะ เชื่อมั้ย ว่ากจะทำให้ถึงรู้จักว่าอะไรคือความถูกต้องที่แท้จริง เซ็ง ฉิบหาย เสือกมาเจอพวกสมองกลวง”เสือเปิดปากด่าทอ

“เจ้าหนุ่ม อย่าไปต่อกรกับพวกเขาเลยนะ สู้เขาไม่ได้ หรอก”ในเวลานี้ผู้เฒ่าที่อยู่ข้างๆเปิดปากพูดขึ้น
คนรอบตัวต่างพยักหน้าตาม

รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจคนที่มาห้าม หากแต่มองเสือแล้วพูด ขึ้นอย่างเย็นชา “ฉันให้โอกาสแกแค่ครั้งเดียว เอาเงินให้ เขาเดี๋ยวนี้ ฉันจะปล่อยแกไป ไม่อย่างนั้น บางทีความถูก ต้องก็ต้องใช้กำลังเข้าช่วย”

เสือหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง เขาหันไปมองลูกน้องของตนเอง เปิกปากถาม”เมื่อก็พวกมึงได้ยินป่าววะว่ามันพูดอะไร กูไม่ ได้หูฝาดใช่ไหม”

“ลูกพี่ ไอ้นี่มันสมองกลวง อย่าไปพูดพล่ามทำเพลงกับมัน เลย ซัดมันสักทีมั้ย ให้มันรู้ฤทธิ์เดชเสียบ้าง !”

“กูก็เพิ่งเคยเห็นคนสมองเสื่อมแบบนี้แหละว่ะ ยังมีหน้ามา ให้โอกาสพวกเราครั้งนึง กูว่ามันคงดูละครมากไป

“ลูกพี่ เรายังมีงานใหญ่ต้องทำนะ ขยะแบบนี้ รีบกำจัดไป

เหอะ”

เสือหลุบตาลง พูดขึ้นทันที”แม่งเอ๊ย กูเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลย ลุย เก็บมัน ถือว่าวอร์มอัพ”

คนด้านหลังของเสือบุกขึ้นไปหารพีพงษ์ทันที ต่างแสดง สีหน้าทึกเหิม

รพีพงษ์มองเด็กที่อยู่ข้างๆตน แล้วป้องเด็กไว้ที่หลังตน จากนั้นจึงพุ่งออกไป โชว์ฝีไม้ลายมือ

คนพวกนี้แม้ว่าแต่ละคนจะตัวล่ำสัน แต่เทคนิคตัวเบาของ รพีพงษ์ ไม่ต่างอะไรกับสี่ชั่ง

ถอนพันกรัม สู้ไม่กี่ที ก็ชัดพวกชายฉกรรจ์เหล่านั้นจน หมอบ

เขาค่อนข้างเชี่ยวชาญในเรื่องสรีระศาสตร์ แต่ละกระบวน ท่าของเขา ล้วนสกัดจุดที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์ แล้ว ผ่อนลมหายใจออก พวกชายฉกรรจ์ต่างหมอบและกลิ้งไป บนพื้น

เสือเห็นสถานการณ์ ปากที่กำลังกัดลูกท้อไม่ขยับ เขา จ้องมองรพีพงษ์ รู้ว่าคราวนี้ตัวเองเจอยอดฝีมือเข้าแล้ว

เขารู้ถึงพละกำลังตัวเองดี ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้รพีพงษ์แน่นอน ดังนั้นในเวลาแรก เขาจึงเลือกที่จะวงหน

รพีพงษ์เห็นเสือวิ่งหนี จึงบุกขึ้นไป แล้วซัดเข้าที่ข้างหลัง เสือ

เสือเห็นว่าตัวเองไม่สามารถถอนตัวจากรพีพงษ์ได้ จึง หยุด แล้วปล่อยหมัดไปที่

รพีพงษ์

หมัดนี้ไม่เบา ถ้าเป็นคนธรรมดาโดนเข้า คงกระดูกแตก เป็นท่อนๆไปแล้ว

รพีพงษ์เงื้อมือขึ้น กุมหมัดเขาไว้ แล้วดนลงล่าง ปล่อย ฝ่าเท้าออกไป เตะอีกฝ่ายกระเด็นท้องหงาย

เสื้อต้านแรงรพีพงษ์ไม่ไหม จึงฟาดล้มลงไปบนพื้น

แรงของเขาปะทะกับอินทัชได้เลย เสียดายที่ตอนที่รพี พงษ์เก็บอินทัช ไม่ต้องใช้แรงมาก ขนาดนี้

เสือล้มลง จึงคิดจะลุกขึ้นวิ่งหนี แต่รพีพงษ์ไม่ให้โอกาส เขากระทับเท้าลงพื้น จากนั้นย่อลง แล้วชดหมดใส

เขาหลายหมัด

“พ..ฟชาย พอเถอะ ผมสำนึกแล้ว ผมให้เงิน ผมให้เงิน ปล่อยผมไปเถอะ”เสือ อ้อนวอน

คนรอบตัวต่างตกตะลึง ชายฉกรรจ์แบบนี้ กลับโดนรพี พงษ์เก็บซะเรียบ

ทุกคนต่างคิดว่าเสือเป็นคนโหดร้าย รพีพงษ์เจอเขาเข้า

ต้องช่วยแน่นอน

ตอนนี้พวกเขารู้แล้ว รพีพงษ์โหดร้ายกว่า

รพีพงษ์วางมือ ยื่นมือให้เสือ พูดเสียงเย็นชา”เอาเงินมา”

เสือไม่พูดพล่ามทำเพลงรีบควักเงินในกระเป๋าให้

เดิมที่เขาคิดว่าพอทำธุระสำคัญเสร็จ จะพาพี่น้องไปดื่ม เหล้าสักหน่อย จึงพกเงินมาสอง
หมื่น จู่ๆต้องมาควักให้รพีพงษ์

“ยังมีพวกแกอีก”รพีพงษ์หันหน้าไปพูดกับพวกที่กองบน

พื้น

ทุกคนต่างควักเงินออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้

พวกเขาไม่ได้มีเงินแบบเสือ ทุกคนรวมกัน ก็รวมกันไม่ถึง

ห้าพัน

หลังจากที่รพีพงษ์นับเงิน จึงพูดกับเสือว่า”ต่อไปเอาของ คนอื่นต้องให้เงิน ไม่อย่างนั้นความถูกต้องจะมาลงทัณฑ์ พวกแก”

เสือรีบพยักหน้าแล้วพูดขั้น”ครับ ครับ พี่ใหญ่ รู้แล้วครับ ต่อไปผมให้เงินแน่นอน”

ไสหัวไป”

คนกลุ่มนี้พยายามคลานขึ้นมาจากพื้น แล้วเผ่นอ้าวไป โดยที่ไม่หันหลังกลับ
รพีพงษ์เดินไปหยุดข้างเด็ก ยิ้มให้ พูดว่า”ยืนหยัดใน ความถูกต้องนะ แล้วจะได้ผลดีเอง”

จากนั้นเขาจึงส่งเงินให้เด็ก

“หนูบอกว่าพ่อหนูป่วย ต้องใช้เงินรักษา เงินพวกนี้อาจ ไม่มาก รับไว้ก่อนแล้วกัน ถือว่าเขาบริจาคให้”รพีพงษ์เอ่ย ปากพูด

หลังจากที่เด็กน้อยได้ฟัง จึงรีบส่ายหน้า พูดขึ้น” พี่ชาย เป็นคนดี สู้จนคนร้ายหนีไป เงินนี้ให้พี่ครับ”

“พวกเขากินผลไม้หนูไปนะ เงินนี่น่ะค่าผลไม้”รพีพงษ์ยัด

เงินใส่มือเด็ก

เด็กน้อยทำหน้าเหลอหลา ไม่รู้จะเอาไงดี

“เก็บแผงผลไม้แล้วไปหาพ่อเถอะ ต่อไปอย่าออกมาขาย ผลไม้คนเดียวอีกล่ะ”

รพีพงษ์กำชับขึ้นมาคำหนึ่ง แล้วเดินจากไป
หลังจากที่งฟพงษจากไป ทุกคนก็พูดกันไม่หยุด ต่างก็อด หายไม่ได้ว่าฯพิพงษ์เป็นใครกันแน่

ตลอดทางที่มาสตาร์กาย รพีพงษ์เดินเข้าไป เห็นธฤต ญาณ ไตรทศและเจ้าอ้วนสามคน กำลังนั่งล้อมวงกันบน โซฟาในโถง สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ่ม

เป็นอะไรกันเนี่ย แต่ละคนหน้านิ่วคิ้วขมวด”รพีพงษ์ยิ้ม

พลางพูด

ทั้งสามคนเงยหน้ามองรพีพงษ์ เจ้าอ้วนลุกขึ้นยืน พูดกับ รพีพงษ์ว่า”อาจารย์ครับ ดูเอาเถอะ ให้ผมอยู่กับคนๆนี้อยู่ ได้ เจ้านี่มันจนจนแทบจะไม่มีข้าวกินอยู่แล้ว ตอนนี้กำลัง กลุ่มเรื่องเงินอยู่”

รพีพงษ์ยิ้ม คิดไม่ถึงว่า เขาจะกลุ่มเรื่องเงิน

“ทำไมถึงกลุ่มเรื่องเงินล่ะ ไหนว่ามาสิ” รพีพงษ์เปิดปาก

พูด

“นั่นสินะ เมื่อสองวันก่อนฉันขอให้เจ้าอ้วนช่วยคำนวณ บัญชีของเรา โดยวิธีการทำรายการ เพื่อดูว่าเราต้องใช้เงิน เท่าไหร่ในอนาคต เพื่อรักษาการทำงานตามปกติเจ้าอ้วนจึงบอกว่า เงินเราหมุนได้มากสุดสามเดือน หลัง จากนี้สตาร์กายก็เลี้ยงคนไม่ได้มากขนาดนี้แล้วล่ะ แล้วจะ ค่อยๆขาดทุนจนปิดตัวลง “ธฤตญาณกล่าว

รพีพงษ์ผงะ เขาไม่คาดคิดว่าธฤตญาณจะมีปัญหา เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่นี่

เมื่อก่อนไตรทศเป็นผู้รับผิดชอบด้านนี้ เขาไม่ได้พิจารณา ประเด็นเหล่านี้เลย เขาจะเก็บค่าคุ้มครองจากกองกำลังเล็ก ๆ รอบตัวเขาในยามที่เขาไม่มีเงินเท่านั้น

ตอนนี้ธฤตญาณบริหาร และเจ้าอ้วนทำบัญชี ปัญหาจึง ค่อยๆชัดเจนขึ้น

“ฉันสงสัยว่าเจ้าอ้วนคิดบัญชีผิด เราดวงดีจะตายที่เมืองก รีนโคล เราไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้” ธฤตญาณกล่าว

“ตดเถอะ! กูคิดบัญชีอย่างดี แกโชคดีในเมืองกรีนโคล ตอนนี้เรากุมเมืองริเวอร์ได้ ถ้าไม่คิดให้ละเอียด ต่อไปจะมี ปัญหา เจ้าอ้วนโต้กลับทันที

รพีพงษ์พยักหน้าและกล่าวว่า “บัญชีนั้นชัดเจนและไม่มี อันตรายใด ๆ ค่าใช้จ่ายในการรักษาการทำงานตามปกติมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?”

เจ้าอ้วนมองรพีพงษ์ เปิดปากพูด”ถ้าหมุนได้ดี ให้ฉันร้อย ล้าน รับประกันว่าจะคุมเมืองริเวอร์ได้ แล้วก็หมุนได้ดีด้วย”

“แต่อย่าคิดให้ฉันควักเงิน ฉันมาทำงาน พวกนายต้องจ่าย เงินเดือนให้ฉัน น้อยไปนิดก็ไม่ได้”

ธฤตญาณกับไตรทศจ้องเขม็งเห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์

พวกเขารู้ดีว่าร้อยล้านไม่ได้เล่นกันง่ายๆ ต่อให้เป็นรพี พงษ์ เกรงว่าก็ไม่น่าจะมีเยอะ ขนาดนั้น

เดิมที่รพีพงษ์คิดว่าจะต้องการมากเท่าไหร่เชียว คิดไม่ ถึงว่าเอาแค่ร้อยล้าน เงินแค่นี้สำ

หรับเขา ก็เป็นแค่ขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัว

เขาอยากบอกธฤตญาณว่าเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ในเวลา แบบนี้ สตาร์กายมีพวกเสเพลรวมตัวกันเต็มไปหมด
คนพวกนี้ทะลุดุดัน พอคนมาตะโกนอยู่ในห้องโถง

“ธฤตญาณ ไสหัวออกมา เมืองริเวอร์ไม่มีที่ให้คนอย่าง แกซุกหัว วันนี้พวกเราจะถล่มแก ! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ