แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่126 หากผมจากไปเธอจะเป็นเช่นไร



บทที่126 หากผมจากไปเธอจะเป็นเช่นไร

บทที่126 หากผมจากไปเธอจะเป็นเช่นไร

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพยักหน้าเล่า แล้วเอ่ยว่า”รอให้วันไหน เขายั่วโมโหผมก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ฤบลโรจน์เริ่มไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้ว่าประโยคที่รพีพงษ์กล่าวมา นั้นหมายความว่าอย่างไร

แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้แค่พยักหัวให้กับรพีพงษ์ เท่านั้น แล้วกล่าวว่า ” ใช่ครับ คุณชายน้อย หากลูกชายที่ไม่ เอาไหนของผมกล้ายั่วโมโหคุณท่าน ให้คุณท่านบอกกับผม ผมจะจัดการกับเขาเอง!

“พอแล้วพอแล้ว ลูกชายที่ไร้ประโยชน์ของแกคนนั้นจะ สามารถชั่วโมโหคนในตระกูลลัดดาวัลย์ได้อย่างไรกัน ถึงแม้ รพีพงษ์จะแย่แค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่าพวกแกจะรังแกเขาได้ง่ายๆ โยษิตาเอ่ยปากพูดออกมาประโยคหนึ่ง

ผลโรจน์รีบพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไม่กล้า พูดอีกเลย

โยษิตาหัวเราะพลางสังเกตรพิพงษ์ แล้วกล่าวว่า “ ฉันพากัน ลิโรจน์มาด้วย เพียงเพราะจะบอกแกว่า
เมืองริเวอร์แห่งนี้มันเล็กนัก ตระกูลยิ่งใหญ่ที่สุดของที่นี่ เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลลัดดาวัลย์ ก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น เหยียบครั้งเดียวก็ตาย แกไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เมืองเล็กๆแบบนี้

“ผมจะอยู่ที่นี่หรือไม่นั้น มันไม่ใช่ธุระอะไรของคุณ รพีพงษ์ ตอบกลับมา

โยษิตาเห็นแล้วว่ารพีพงษ์ไม่ตอบรับกับรูปแบบนี้ จึงได้แต่ มองไปมองมา แล้วหัวเราะพลางถามว่า “ได้ยินมาว่าภรรยา ของแกสวยมาก? เมื่อไหร่จะพามาแนะนำให้ฉันรู้จัก

สายตาของรพีพงษ์ดูเป็นกังวล เรื่องที่เขาเป็นห่วงมากที่สุด ก็คือโยษิตาให้ความสนใจต่ออารียา ไม่คาดคิดมาก่อนว่าโย ตาจะสามารถจับประเด็นได้เร็วขนาดนี้

โยษิตา เจอรพีพงษ์ในตอนแรกเขาสงบนิ่งไม่มีอาการใดๆ ก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา ได้เข้าใจถึงสถานะของอารียาที่อยู่ใน ใจของรพีพงษ์

เธอหัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ ไม่ว่าจะ ยังไงฉันก็ถือเป็นผู้ปกครองของเธอนะ พาฉันไปหาเธอ ก็ไม่ น่าจะผิดอะไรนะ
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเธออีก แต่กลับยืนขึ้น มองดูไปข้างนอก แล้วเดินออกไป

โยษิตาก็ไม่ได้ตามออกไป รอยยิ้มอันเปี่ยมล้นเต็มอยู่บนใน

หน้า

“ไปสืบให้ฉันหน่อยคนที่ชื่ออารียาคนนั้น ฉันล่ะอยากจะเห็น ว่า ผู้หญิงแบบไหนกันนะ ที่ทำให้เขาเต็มใจที่อยากจะอยู่ใน เมืองริเวอร์เล็กๆแห่งนี้” โยษิตา กล่าวออกมา

กุนลโรจน์น้อมรับคำสั่งทันใด

“ไม่อยากจะกลับบ้านตระกูลลัดดาวัลย์กับฉัน? เหอะๆ บน โลกนี้ ยังไม่มีใครที่ฉันจัดการไม่ได้ ”

ในระหว่างรพีพงษ์เดินทางกลับบ้าน ได้ไปธนาคารถอนเงิน ออกมาจำนวนหนึ่งแสนหยวน เมื่อถึงวิลล่า นำเงินหนึ่งแสน หยวนนี้ให้กับศศินัดดา

เมื่อศศินัดดาได้เห็นเงินแล้วก็ยิ้มแก้มปริทันที ไม่พูดถึงเรื่อง

ที่จะไล่รพีพงษ์ออกไปอีกเลยเพราะสุดท้ายแล้วหล่อนยังต้องให้รพีพงษ์จ่ายเงินค่าส่วน

กลางของวิลล่าอยู่ดี

มีคนที่จ่ายเงินให้ฟรีๆขนาดนี้ หล่อนเต็มใจให้อยู่โดยปริยาย

อยู่แล้ว

อารียามองออกว่ารพีพงษ์มีอาการหดหู่ และได้พูดว่า “ฉันไป

เป็นเพื่อนคุณเดินเล่นนะ

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า สองคนเดินออกจากดงเย็นพร้อม

กัน ไปเดินเล่นบนถนน

“ยังไม่ได้แก้ไขปัญหาหรือ” อารียาถามออกมา

รพีพงษ์หัวเราะพลางพยักหน้า แล้วพูดว่า “ ยังไม่ถึงขั้น แก้ไขหรือไม่แก้ไข เพียงแค่รู้สึกไม่สบายใจเท่านั้น”

“ตระกูลกุลสวัสดิ์อยู่เมืองริเวอร์เพียงดัชนีเดียวขวางฟ้า คุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์ยิ่งยโสโอหังอยู่ด้วย ถ้าหากไม่ ได้จริงๆ คุณก็อ่อนข้อลงมา เขาคงไม่สามารถหาเรื่องคุณได้ ตลอดเวลาหรอก” อารียากล่าวออกมา

รพีพงษ์หยุดหัวเราะไว้ไม่อยู่ คิดไม่ถึงว่าอารียาจะคาดว่าเขา กำลังคิดถึงเรื่องคุณชายแห่งตระกูลกุลสวัสดิ์
เรื่องของคุณชายแห่งตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่จำเป็นต้องกังวล ก็ แค่ตระกูลกุลสวัสดิ์ ผมยังไม่ได้เก็บมาใส่ใจ” รพีพงษ์กล่าว

อารียาตกใจ ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะพูดประโยคนี้ออกมาได้ เมืองริเวอร์ตระกูลกุลสวัสดิ์ ถือว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีใครกล้ายั่วโมโห

พอมาถึงรพีพงษ์กลับเป็น ก็แค่ตระกูลกุลสวัสดิ์” นี่ทำให้

หล่อนรู้สึกแปลกๆ

“งั้นคุณกำลังกังวลอะไรอยู่ล่ะ?” อารียาถามต่อไป

รพีพงษไม่ได้ตอบคำถามของอารียา แต่กลับหยุดเดิน แล้ว ตั้งใจมองอารียา แล้วถามว่า “หากวันหนึ่งผมจากไป คุณ

เป็นอย่างไร? *

อารียานิ่งไปครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะถามคำถามนี้

อย่างกะทันหัน

“คุณ…….ทําไมต้องจากไป” อารียาถาม

“หลายๆเหตุผลล่ะ แน่นอน ก็แค่สมมุตินะ” รพีพงษ์ตอบ
ภายในใจของอารียาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ไม่รู้ เหตุผลที่แน่ชัด เมื่อรพีพงษ์บอกว่าเขาจะจากไป หล่อนรู้สึก ได้ว่าในจิตใจของตนเองนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ต่อให้ เป็นการสมมุติของรพีพงษ์ก็ตาม

หากเป็นช่วงเวลาปกติ เธอจะต้องพูดระบายความรู้สึกของ

ตนเองออกมา

แต่เธอรู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์รพีพงษ์ไม่ค่อยปกติ เพื่อไม่ให้ เขาคิดมาก จึงยิ้มพลางพูดว่า “หากเพราะเรื่องบางเรื่องเป็น เหตุให้จากไปแล้วก็

ฉันก็จําเป็นที่จะต้องดำรงชีวิตอย่างปกติต่อไปสิ คุณอย่า

คิดมาก

จะมีเหตุผลมากมายทำให้คุณจากไปได้ยังไงกัน” รพีพงษ์ได้ ฟังคำตอบของอารียา ในใจรู้สึกเกิดความผิดหวังขึ้นมา

หากผมจากคุณไป จะไม่กระทบต่อกรใช้ชีวิตประจำวันของ

คุณเลยหรอ?

อย่างนี้ก็ดี จะมาเพียงเพราะฉันจากไป แล้วไม่สามารถใช้

ชีวิตอยู่ต่อไปได้มันก็ไม่ใช่
ใบหน้ารพีพงษ์เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ทุกข์ระทม

“คุณเป็นอะไร?” ทันใดนั้นอารียารู้สึกได้ว่าเธอน่าจะตอบผิด

ไปแล้ว

ตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะแยกจากรพิพงษ์ได้อีกต่อไป หาก รพีพงษ์ต้องจากไปจริงๆ

ภายในใจของเธอจะรับไม่ได้โดยปริยายอยู่แล้ว

แค่เธอก็อายที่จะพูดความในใจของตนเองออกมากับรพิพงษ์ เพราะท้ายที่สุด

ผู้หญิงจะค่อนข้างมีความเย่อหยิ่งที่จะพูดออกมา

แต่เบื้องลึกของเธอบอกเธอว่า เธไม่ได้พูดความจริงเลย เหมือนทำให้รพีพงษ์ผิดหวังไปบ้าง

“ไม่เป็นไร รพีพงษ์ยิ้มพลางพูดออกมา

อารียาได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ กลับรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่ง ขึ้น และตัดสินใจอยากบอกรพีพงษ์เดี๋ยวนั้น หากรพงษ์จาก

ไป เธอไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ตอนนี้ก็ไม่อยากแยกจากรพีพงษ์แม้แต่วินาทีเดียว

แต่ทว่าในเวลานี้ มีเสียงทะเลาะดังมาจากไม่ไกล

รพีพงษ์กับอารียาล้วนหันหัวไปดู พบว่ากลุ่มคนจํานวนหนึ่ง

กำลังรุมล้อมอยู่ด้วยกัน

คนที่เป็นอันธพาลจำนวนหนึ่งกำลังตั้งวงล้อมคนแก่คนหนึ่ง

อยู่

คนแก่ล้มลงไปที่พื้น ร่างกายคูงอ โดนต่อยจนจมูกหักหน้า

บวมแล้ว

“แม่ง ไม่คิดว่าจะกล้าชนกู ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ ไหม รู้ไหมว่ากูเป็นใคร กูคือชญตว์ ไอ้โง่เดินบนถนนไม่รู้จัก

ชนกูแล้ว จะให้มึงตอบแทนอย่างสาสม! ”

หัวหน้าแก๊งคือคนที่มีรอยสักใหญ่อยู่บนแขน เรียกตัวเองว่า

ชัยสิทธิ์

ตอนนั้นเขาได้พาลูกน้องจำนวนหนึ่งขยับหัวไปมาเดินอยู่บน ถนน คนแก่คนนั้นไม่เชื่อว่าได้ชนเขาไปแล้ว
ในตอนนั้นเขาได้ให้ลูกน้องของตนเองกดคนแก่ลงเตะต่อย

ไปกับพื้น

“พวกนี้ทำไมเป็นแบบนี้” อารียาขมวดคิ้วพลางพูดออกไป

“ผมเข้าไปสั่งสอนพวกเขาเอง” รพีพงษ์พูดออกมา

ในขณะนี้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล หากเขาจากไป อารียาก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ นี่ทำให้เขารู้สึกว่าใน ใจของอารียานั้นแท้ที่จริงแล้วตนเองไม่ได้มีความสำคัญขนาด นั้น

เขากำลังคิดที่จะระบายอารมณ์ออกมา ในเมื่อคนพวกนี้ กำลังทุบตีคนแก่อยู่ตรงหน้าเขา งั้นเขาก็จะใช้คนพวกนี้ในการ ระบายอารมณ์

อารียาดูรพีพงษ์มองไปที่คนกลุ่มนั้นแล้วเดินเข้าไป สีหน้า ถอดสีทันที พวกเขาคนเยอะขนาดนั้น แล้วบนร่างกายยังเต็ม ไปด้วยรอยสัก แวบเดียวก็ดูรู้ว่าไม่ควรยั่วโมโห รพีพงษ์คน เดียวจะต่อกรได้อย่างไร

“รพีพงษ์ คุณรีบกลับมานะ พวกเราแจ้งตำรวจเถอะ อย่าไป คนเดียวเลย” อารียาตะโกนออกไป
รพีพงษ์ยิ้มให้กับเธอ แล้วพูดว่า “ ขอบคุณสำหรับความเป็น

ห่วงของคุณ ”

อารียาตะลึงงันอึดใจใหญ่ ในตอนนั้น หล่อนรู้สึกว่าน้ำเสียง ของรพีพงษ์ค่อนข้างแปลกไปในทันที

พีพงษ์เดินไปอยู่ที่หลังของชญตว์ แล้วยื่นมือไปตบไหล่ของ เขา พูดว่า “พวกมึงรวมกันต่อยคนแก่คนเดียว ไม่เหมาะสม เปล่า? –

ชญตว์หยุดหมัด แล้วหันมามองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ข้างหลัง แล้วด่าว่า “มึงแม่งเป็นใครวะ ยุ่งกับเรื่องไร้สาระตรงนี้ให้มัน น้อยๆหน่อย รีบไสหัวออกไปซะ”

คนบริเวณนั้นเห็นความกล้ายืนหยัดของรพีพงษ์ ก็อดไม่ ได้ที่จะพยักหน้าขึ้นลง “วัยรุ่นคนนี้บ้าจริงๆ พวกเขาจำนวนคน มากมายขนาดนี้

ทั้งยังล้วนแล้วแต่มีรอยสักทั้งนั้น ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คน ธรรมดา ในเวลาแบบนี้ยืนออกมา นี่ไม่ใช่หาเรื่องให้โดนต่อย หรอ”

“ในสมัยนี้ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องหาได้น้อยมาก เสียดายที่ เขาคาดคะเนพลังของตัวเองไม่ชัดเจน แค่เขาเพียงคน
เดียวที่ยืนออกไป ก็ต้องโดนรุมไปพร้อมๆกันสิ

“อาจเพราะดูซีรีย์มากเกินไป สมัยนี้ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่โง่ก็บ้า

รพีพงษ์หัวเราะต่อชญตว์ แล้วพูดว่า “กูคือคนที่ยืนหยัดเพื่อ สิ่งที่ถูกต้อง ”

เขาได้ยินคำวิจารณ์ของคนรอบข้างแล้ว สมัยนี้เย็นชากัน

จริงๆ

แต่นี่ก็ไม่ได้แปลว่าความยุติธรรมจะหายไป ในเมื่อคนพวก นั้นไม่เชื่อในการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง งั้นเขาก็เป็นแบบ อย่างให้คนเหล่านี้เห็นเลยแล้วกัน

ชญตว์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ทันใดนั้นก็เรียกให้ลูกน้อง

เหล่านั้นหยุด

“พวกมึงฟังนะ ไอ้นี่บอกว่าเขาคือคนที่ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูก ต้อง พวกมึงกลัวไม่กลัววะ?” ชญตว์ หัวเราะก๊ากพลางพูดออก

มา
ทันใดนั้นคนพวกนั้นก็หัวเราะอย่างสนุกสนานออกมา ใน เสียงหัวเราะแฝงด้วยน้ำเสียงของการประชดประชัน

“ช่างน่ากลัวจริงๆ ในที่สุดก็ได้เจอกับคนยืนหยัดเพื่อความ ยุติธรรม อย่าต่อยผมเลยนะ

“กลัวตายจริงๆ ลูกพี่ พวกเรารีบถอยเถอะนะ ไม่งั้นอีกแป๊บ เขาจะค่อยพวกเราแล้วนะ

แบ่ง โดนจนชิบหายหมดแล้ว ในสมัยนี้ยังมีคนยืนหยัดเพื่อ ความถูกต้องอยู่อีกหรอวะ”

คนแก่ายโอกาสในขณะที่คนกลุ่มนี้กำลังประชดประชันรพี พงษ์ รีบลุกขึ้นมาจากพื้น หันหลังกลับแล้วรีบวิ่งไปยังกลุ่มผู้ บุงดู ถึงแม้ว่าเขาจะซาบซึ้งใจรพีพงษ์ แต่ในใจก็ไม่คิดว่าร พระจะสามารถต่อกรกับชิญตว์และพวกได้สำเร็จ ดังนั้นเมื่อมี โอกาสก็ต้องรีบหนีก่อน

พูดๆแล้ว เขาก็ใช้ประโยชน์จากรพีพงษ์ ให้ตนเองมีทางรอด ไม่ได้มีความคิดที่จะต่อสู้กับชญตว์

และพวกไปพร้อมกับรพีพงษ์แต่อย่างใด
นี่คือความเย็นชาของยุคสมัยนี้ คุณเข้าไปช่วยเขา เขาอาจไม่ ได้ซาบซึ้งใจคุณ แต่กลับคิดที่จะหลอกลวงคุณต่ออีก

รพีพงษ์กลับไม่ได้ใส่ใจในการกระทำของคนแก่คนนั้น คน อายุขนาดนั้น มีความกังวลแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดา

ชญตว์เห็นคนแก่จะหนี รีบตะโกนออกไปว่า “แม่ง นึกไม่ถึงว่า ยังจะหนี ไปจับเขากลับมาให้ ชนก ไม่ชดใช้เงินให้หน่อย วัน นี้ก็อย่าหวังจะไปไหน! ”

ในขณะนั้นเองมีคนที่กำลังจะไปจับคนแก่กลับมา

ในตอนนี้เองรพีพงษ์เริ่มขยับตัว หมุนไปยังข้างหลังของคน นั้น ถีบไปยังก้นของเขาอย่างจัง คนนั้นล้มตะลุบอย่างกับหมา กินข

“ไอพวกปลวก พวกมึงอยู่บนโลกนี้ นอกจากจะรังแกคนแล้ว ยังมีประโยชน์อะไรอีกมั้ย” รพีพงษ์พูดอย่างสงบ

ตอนนี้ชญตว์เพิ่งจะตระหนักว่ารพีพงษ์ไม่ธรรมดา รีบเร่งให้ ลูกน้องกดรพีพงษ์ลงกับพื้นอย่างเร็วที่สุด

“แม่ง ไอ้นี่มีความสามารถ รมมัน ให้มันได้เป็นบทเรียน ”
คนของชญตว์ล้วนเข้าไปด้านหน้าของรพีพงษ์ ร่างกายรพี พงษ์พลิ้วไปตามสายลม สร้างความตื่นตกใจให้กับคนหมู่มาก

ตอนแรกอารียารู้สึกค่อนข้างเป็นห่วง แต่เมื่อได้เห็นฝีมือของ รพีพงษ์ เธอก็หมดห่วงแล้ว

ฝีมือเขาเก่งแบบนี้มาตลอดเลยหรอ? แต่ทำไมหลายปีมานี้ ได้รับความไม่เป็นธรรมมากมาย เขาก็ไม่เคยเลยที่จะลงไม้ ลงมือกลับใครเลย

ในใจของอารียาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่หล่อนก็ไม่มี ทางได้รู้ไปตลอดกาล ว่ารพีพงษ์ทำเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อ

เธอ

ขยับตัวอย่างรวดเร็วไม่กี่ท่า กลุ่มคนของชุญตว์ก็ล้มลงกับพื้น

ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆนั้นหน้าตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก จากนี้พวกเขาจะไม่ล้อรพีพงษ์อีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยคำ

ชื่นชม

สังคมนี้ต้องการคนที่ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องแบบนี้สิ”
“ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องคือคุณสมบัติของพวกเรา อย่าให้

มันหายไป

“ไม่คิดมาก่อนว่าพวกนี้จะอ่อนนักได้ขนาดนี้ ครั้งหน้าฉันก็ขอ ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องด้วยคน

เมื่อได้จัดการกับพวกของชญตว์เรียบร้อยแล้ว จิตใจของรพี พงษ์เริ่มรู้สึกดีขึ้นมานิดนึง

เขาเดินไปต่อหน้าของชญตว์ แล้วพูดอย่างสงบว่า:” ต่อจากนี้ ไปยังจะทำเรื่องรังแกคนแก่แบบนี้อีกไหม?

ชญตว์กลืนน้ำลายลงไป แล้วพูดว่า บอก……บอกมึงไว้เลย ถึงแม้มึงชกต่อยเป็น แต่มึงก็ไม่กล้ายั่วโมโหกหรอก กูเป็นคน ของคุณชายกุมุท มึงรีบขอโทษก ไม่งั้นคุณชายกุมุทจะไม่ให้ อภัยมึงแน่นอน

รพีพงษ์ฟังแล้วสักครู่ คาดไม่ถึงว่าชญตว์นี้แท้ที่จริงแล้วเป็น

คนของกมุท

เขากำลังอยากไปสั่งสอนกุมทซักครั้งอยู่พอดี คาดไม่ถึงว่า จะได้เจอกับคนของกุมทบนท้องถนน
“เหอะๆ คุณชายกมท ประติ้ว? ” รพีพงษ์พูด

สีหน้าของชตว์เปลี่ยนทันที แล้วพูดว่า “มึง..……..งชั่งกล้า ดูถูกคุณชายกมทตระกูลกุลสวัสดิ์คือตระกูลขุนนางที่ใหญ่ที่สุด ในเมืองริเวอร์ มึงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?

รพีพงษ์เบ้ปากไปมา แล้วพูดว่า “ตระกูลขุนนางที่ใหญ่ที่สุด เมืองริเวอร์ คนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนออกมาทำได้แคร้งแก คนตามท้องถนน ตระกูลแบบนี้ ยังเหมาะกับตระกูลขุนนางสอง คานี้หรอ?”

ชญตว์เงียบสักครู่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี ตอนนี้เขามอง ดูออกไปไกลๆ ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที หัวเราะไม่หยุด เด็กน้อย มึงแย่แน่ๆ”

เขาเพิ่งพูดจบ ด้านหลังของรพีพงษ์ก็มีเสียงอันเงียบสงบพูด ขึ้นมา “มึงเป็นใคร กล้าดียังไงมาตัดสินตระกูลกุลสวัสดิ์ของกู


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ