แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่109 ไม่กล้าทำอะไรเขาจริงๆ



บทที่109 ไม่กล้าทำอะไรเขาจริงๆ

บุษบากรที่อยู่ข้างๆ เห็นเวทนวิ่งไปหาคนที่เรียกว่าที่คนนั้น ก็รู้ได้ว่าทั้ง สองคนต้องรู้จักกันแน่นอน

นอกจากนี้เธอตัดสินจากคำพูดของเวทน สถานที่แห่งนี้ คงจะเป็นของ คนที่ถูกเรียกว่าพี่ธฤตคนนั้น

แม้ว่าความสามารถของรพีพงษ์จะทำให้เธอประหลาดใจ แต่หลังพี่ธฤต คนนี้ยังมีอีกตั้งหลายสิบคน ต่อให้รฟีพงษ์จะเก่งแค่ไหน ก็รับมีอคนมาก ขนาดนี้ไม่ไหวหรอก

สีหน้าของเธอกังวลเล็กน้อย วิ่งไปข้างรพีพงษ์ จากนั้นก็คว้าแขนของรพี พงษ์เพื่อเตรียมวิ่ง

“พวกเรารีบหนีกันเถอะ พวกเขามีคนตั้งเยอะ ถ้าไม่หนีตอนนี้ก็หนีไม่ได้ แล้วนะ”บุษบากรพูด

รพีพงษ์ยืนอย่างไม่ขยับเขยื้อน แล้วพูดกับบุษบากร “หนีทำไม?”

“นายไม่เห็นเหรอว่าคนมากมายขนาดไหน หรือนายยังอยากจะเอาชนะ คนขนาดนั้นด้วยตัวคนเดียวอีกนะนายจะโดนอัดจนตายนะ รีบวิ่งตามฉัน มาสิ ยืนบื้ออยู่ทำไม!”บุษบากรพูดอย่างรีบร้อน บุษบากรกลัวจนแทบจะต่าแม่เขาไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอสนใจรที่ พงษ์อยู่ ตอนนี้เธอคงทั้งรพีพงษ์ไว้แล้วหนีไปแล้ว

เมื่อเวหนเห็นว่าทั้งสองคนคิดจะหนี ก็รีบบอกธฤตญาณ พี่ธฤต พวกมัน จะหนีไปแล้ว รีบให้คนของพี่ไปจับพวกมันสองคนไว้เถอะครับ เมื่อกี้มันต่า ว่าพี่เป็นขยะนะ

จากนั้นเขาก็มองไปที่รพีพงษ์กับบุษบากร หัวเราะเยาะ “ที่อยู่ข้างฉันก็คือ ธฤตญาณผู้โด่งดังแห่งเมืองริเวอร์ ที่นี่คือเขตของเขา เมื่อกี้พวกแกเพิ่งจะ ดูถูกฟัธฤตญาณอย่างเปิดเผย วันนี้เขาไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!”

บุษบากรหน้าถอดสี ชื่อเสียงของธฤตญาณเธอเองก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่เธอไม่คิดว่า ที่ที่มาวันนี้จะเป็นถิ่นของธฤตญาณ

แถมเวทนยังเป็นเพื่อนกับธฤตญาณอีก ถ้าธฤตญาณคิดจะจัดการพวก เธอล่ะก็ วันนี้พวกเธอคงจะจบแล้วจริงๆ

“เหลวไหล! พวกเราไปด่าเขาตอนไหน นายอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีกันนะ”

บุษบากรตะโกนใส่เวทน

“ฉันได้ยินมากับหู เธออย่ามาทำบิดพลิ้ว ฉันกับพี่ธฤตญาณเป็นเพื่อนกัน ฉันจะไปโกหกเขาได้ยังไง ส่วนพวกแกสองคน ถึงกับกล้ามาดูถูกพี่ ธฤตญาณหัวเราะพลางถาม นายแน่ใจเหรอว่าเขาเพิ่งจะตำฉันจริงๆ

เวทนรับพยักหน้า แล้วพูด”แน่ใจซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ พี่ธฤต จะปล่อย พวกเขาไปแบบนี้ไม่ได้นะ”

ธฤตญาณพยักหน้า ก่อนหันไปมองรพีพงษ์ “เขาบอกว่านายต่าฉัน เรื่อง นี้จะให้ทำยังไงดีล่ะ?”

บุษบากรเห็นธฤตญาณเริ่มถามรพีพงษ์แล้ว ในใจก็หวั่นกลัวขึ้นมา วันนี้ นากลัวว่าคงจะเกิดเรื่องยุ่งขึ้นจริงๆ

เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่ธฤตญาณคนนั้นพูดกับรพีพงษ์ ก็ไม่ได้ดู โมโหอะไร แต่กลับเหมือนการคุยกันระหว่างเพื่อนมากกว่า

เธอหันมองรพีพงษษ์ เพราะเขาว่ารพีพงษ์จะดื้อดึงไปหาเรื่องธฤตญาณ เธอจึงกัดปากพูดออกไป “ฉันด่าเองแหละ ขอโทษคุณด้วย คุณปล่อยเรา ไปเถอะนะ”

รพีพงษ์และธฤตญาณต่างนิ่งอึ้ง ก่อนที่ใบหน้าของธฤตญาณจะเผยรอย ยิ้มขี้เล่นออกมา ส่วนรพีพงษ์ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี รพีพงษ์ตวัดสายตามองธฤตญาณหันที ก่นต่า”ไม่รู้รึไงว่าฉันมีเมียแล้ว ดู เหมือนฉันจะต้องศานายจริงๆ แล้ว ไอ้ขยะธฤตญาณ !”

บุษบากรหน้าถอดสี เธอรู้สึกเหมือนรพีพงษ์มาเพื่อหาเรื่องให้เธอซะ มากกว่า เธอนี่มันแกว่างเท่าหาเสี้ยนจริงๆ ไม่นึกว่ารพีพงษ์จะด่าธฤต ญาณออกมาจริงๆ

“นายบ้าไปแล้วเหรอนายจะไปด่าเขาทำไม ทีนี่ถึงนายจะกระโดดลง แม่น้ำหวงเหอก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ฉันนี่ม้นโชคร้ายอะไรขนาดนี้ ถึง บังเอิญมาเจอคนโง่อย่างนาย เรื่องมันไม่มีอะไรแท้ๆ นายก็ยังทำให้มันมี ขึ้นมาอีก

บุษบากรแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว เธอมองรพีพงษ์ด้วยใบหน้าสิ้น หวัง

รพีพงษ์เห็นเธอเป็นแบบนั้นก็หัวเราะ “เธอวางใจเถอะ วันนี้ไม่เกิดอะไร ขึ้นกับเราหรอกน่า

“ไอ้เวร แกกล้าเรียกพี่ธฤตของฉันว่าขยะ ยังคิดว่าวันนี้จะไม่เกิดอะไรขึ้น กับแกอีกรึไง? ดูเหมือนแกจะฝันหวานไปหน่อยมั้ง?” เวทนเอ่ยแบ้ยหยัน เวทนเห็นรฟีพงษ์พูโด้งนั้น ก็รีบมองไปทางธฤตญาณอย่างโกรธเคือง “พี่ ธฤต ไอ้นั่นมันยโสเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าเห็นพี่ไม่อยู่ในสายตา พี่ธฤตพี่ เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของเมืองริเวอร์นะ จะไปกลัวไอ้โง่อย่างมันได้ ยังไง ให้มันได้เห็นความเก่งกาจของพี่เลย!”

ธฤตญาณมองเวทน ก่อนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เขาก็พูดถูกแล้ว ฉันไม่ กล้าทำอะไรเขาจริงๆ

เพียงรฤตญาณพูดออกมา เวทนก็ตกตะลึง บุษบากรก็ตะลึงไปเช่นกัน แต่กลุ่มของพัชรพลที่รู้อยู่แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว

“พี..พีธฤต มันเป็นแค่ไอ้บ้าที่ไม่มีชื่ออะไรนะ พี่จะกลัวมันทำไม?” เวทน ถามอย่างไม่เข้าใจสุดๆ

บุษบากรเองก็มองไปที่ธฤตญาณ แล้วหันมามองรพีพงษ์อย่างงุนงง ไม่ เข้าใจว่าทำไมธฤตญาณถึงไม่กล้าทำอะไรรพีพงษ์

“ฉันสู้เขาไม่ได้ ก็ต้องกลัวสิ” ธฤตญาณตอบไปตามตรง

บุษบากรมองรพีพงษ์ทันที ทั้งสองตาเบิกกว้างจนแทบจะถลน ธฤตญาณจ้องไปที่เวทนอีกครั้ง แล้วพูดถปางมีเลคนัย นอกจากนี้ฉันจะ บอกความลับให้นายอย่างนึ่ง

จู่เวทนก็สังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา เขากลืนน้ำลายอีกอย่างไม่รู้ตัว “ความลับ อะไรครับ?”

“เขาคือบอสของฉัน นายไปหาเรื่องเขา ฉันคงจะทำเป็นมองไม่เห็นไม่ ได้”ธฤตญาณพูดด้วยรอยยิ้ม

เวทนทรุดลงกับพื้น มองไปยังรพีพงษ์ด้วยสีหน้าสะพรึงกลัว “เขา….เขา เป็นบอสของพี่?”

ธฤตญาณมองไปยัง รพีพงษ์ “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“เขาลวมลามผู้หญิงคนนี้ แล้วฉันมาเจอโดยบังเอิญ “รพีพงษ์พูด

ธฤตญาณพยักหน้า ถาม” งั้นให้ฉันจัดการเขาให้มั้ยล่ะ?”

“อึม นายจัดการเถอะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวเมียจะเป็นห่วง”รพี

พงษ์พูด

“งั้นนายรีบไปเถอะ ที่นี่ฝากฉันเอง”ธฤตญาณยิ้ม บุษบากรที่เต็มไปด้วยความสับสน แต่เมื่อเห็นรพีพงษ์ไปแล้ว เธอก็รีม

ตามไปอย่างรวดเร็ว

เวลาอ้าปากมองรพีพงษ์กับบุษบากรเดินจากไปตาค้าง บนหน้าผาก ปกคลุมด้วยเหงื่อเป็น

“พี..พี่ธฤต ยกโทษให้ผมด้วย ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกพี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว เห็นแก่ที่เราเคยกินข้าวด้วยกัน ยกโทษให้ผมเถอะ” เวทนนั่งบนพื้นเอ่ย ขอร้องอ้อนวอน

ธฤตญาณยิ้มให้เขา พูด”นายโทษตัวเองเถอะ หาเรื่องใครไม่หา ดันมาก ระตุกหนวดเสื้อ ถ้าฉันไม่เก็บกวาดนายให้เรียบร้อย เขาคงจัดการฉันแน่”

จากนั้นไม่นาน สตาร์กายก็มีเสียงร้องดังราวกับกำลังฆ่าหมูดังออกมา บุษบากรเดินไปใกล้จะถึงประตูจึงได้ยินเสียงที่อยู่ข้างในทั้งหมด อดไม่ ได้ที่จะรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา

เธอเร่งฝีเท้าตามรพีพงษ์ไป รพีพงษ์ไม่หันกลับมาเลยแม้แต่น้อย ราวกับ ลืมเธอไปแล้วอย่างนั้น

“รพีพงษ์”บุษบากรตะโกนใส่รพีพงษ์ สีหน้าไม่ยินดีเลยสักนิด ตอนที่รฟ์พงษ์พูดถึงเธอกับธฤตญาณ เขาใช้คำว่าผู้หญิงคนนี้ แม้แต่ชื่อ ของเธอก็ยังไม่พูดถึง เหมือนกับว่าเคยรู้จักเธอมาก่อน นั่นทำให้เธอไม่ พอใจอย่างมาก

ในความคิดของเธอ เรื่องนี่สำคัญยิ่งกว่าเรื่องที่ว่าทำไมรพีพงษ์ถึงได้เก่ง ขนาดนั้นซะอีก

รพีพงษ์พงหยุดเดิน หันไปมองบุษบากรเล็กน้อยก่อนถาม “มีอะไร?”

“ทำไมเมื่อกี้นายไม่เรียกชื่อของฉัน ในสายตาของนาย แม้แต่ชื่อของฉัน ก็ไม่มีเลยงั้นเหรอ?”บุษบากรพูดอย่างโกรธเคือง

รพีพงษ์แสดงสีหน้างุนงงออกมา ไม่เข้าใจว่าบุษบากรกำลังพูดอะไร

เมื่อเห็นรพีพงษ์เป็นแบบนั้น บุษบากรก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจมากขึ้น เธอกัดริม ฝีปาก มองไปที่รพีพงษ์ด้วยน้ำตาคลอเบ้า “นี่ฉันไม่สามารถที่จะได้รับ ความสนใจจากนายได้แม้แต่นิดเดียวเลยอย่างนั้นเหรอ?”

“ทำไมฉันต้องสนใจเธอด้วย? ฉันมีแค่อารียาก็พอแล้ว”รพีพงษ์ตอบ บันเทิง นายทำแบบนี้ คู่ควรกับอารีแล้วเพรอ?

“ฉันไม่ได้มาหาความบันเทิง ฉันมาจัดการธุระ รพิพงษ์ชมวดคิ้วตอบ ไม่ สัตว์บุษบากรจะเข้าใจตัวเองผิดไปแบบนั้น

บุษบากรเม้มปาก ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด “นายยมาทำธุระอะไรในที่แบบ นี้ที่นี่มันมีเรื่องอะไรให้มาจัดการ?”

“ผู้หญิงที่นี่มีแต่พวกหยาบคาย ถ้าจะไปหาพวกหล่อน นายมาหาฉันดี กว่า ฉันรับรองว่านายจะต้องพอใจ นอกจากนี้ฉันจะไม่บอกอารีด้วย ฉัน ทำขนาดนี้แล้ว นายจะมีปฏิกิริยากับฉันหน่อยรีไง?”

บุษบากรยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น บวกกับแอลกอฮอล์ในตัว อารมณ์ในใจของ เธอแทบจะระเบิดออกมา

“เธอเมาแล้ว รีบกลับไปซะ” รพีพงษ์ไม่คิดจะพูดอะไรกับบุษบากรต่อ เขา ทำความซื่อสัตย์ก็ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ

“เดี๋ยวก่อน!”บุษบากรเห็นว่ารพีพงษ์กำลังจะไป ก็รีบตะโกนออกไป

“ตอนนี้ดึกขนาดนี้ นายไว้ใจให้ฉันที่เป็นผู้หญิงคนเดียวกลับบ้านเองงั้น เหรอ แถมฉันยังดื่มไปมากขนาดนี้ อาจจะมีคนมาทำมิดีมิร้ายกับฉัน รพีพงษ์ขมวดคิ้ว “ฉันจะพาเธอไปเรียกรถที่ถนน

บุษบากรเดินไปหารพิพงษ์อย่างโซซัดโซเซ “แต่ว่า…นันรู้สึกเวียนหัวมาก รพีพงษ์ นายไปส่งฉันหน่อยได้มั้ย ได้โปรด ฉันขอแค่อย่างเดียว”

บุษบากรพูด ขณะกำลังจะซบลงบนตัวรพีพงษ์

รพีพงษ์เบี่ยงตัวหลบทันที

แต่บุษบากรที่ทรงตัวไม่มั่นคง ทั้งยังหลับตาอยู่ ดูเหมือนจะหมดสติไป

แล้ว

ขณะที่บุษบากรกำลังจะล้มลงกับพื้น รพีพงษ์ก็ถอนหายใจแล้วก้าวไป ประคองเธอขึ้นมา

“บ้านเธออยู่ที่ไหน? “รพีพงษ์ถาม

บุษบากรที่หลับตาอยู่ ริมฝีปากเริ่มซีดขาว พูดตัวยน้ำเสียงอ่อนแรง “ฉัน หนาว กอดหน่อยได้มั้ย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ