แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่315 ผมสามารถนำโชคดีมาให้คุณได้



บทที่315 ผมสามารถนำโชคดีมาให้คุณได้

บทที่3.15 ผมสามารถนำโชคดีมาให้คุณได้

โครวิทยได้ยินรพีพงษ์บอกจะให้เงินใส่ซอง บนหน้าเผยรอย ยิ้มที่เย้ยหยันออกมาทันที บอกว่า “รพีพงษ์ แกมาเล่นตลกที่นี่ ไง? แกอยากให้เงินใส่ซองก็ให้มาตรงๆ ก็ได้แล้วมั้ย ทำไมต้อง โทรศัพท์ให้คนอื่นมาส่ง? ถ้าไม่ได้จริง โอนดั่งเปาในวีแชทก็ได้ นี่ แกไม่อยากให้ก็คือไม่อยากให้ ฉันว่าแกให้คนคนนั้นส่งเงินใส่ ซองมา รองานเลี้ยงเลิกกลัวว่าจะยังส่งไม่ถึงล่ะมั้ง

ทุกคนโดยรอบต่างหัวเราะตามขึ้นมา รู้สึกว่าที่โศรวิทย์พูดนี้มี เหตุผล

ใบหน้าเจ้าบ่าวเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน เอ่ยปากบอก “ใส่ ซองเรื่องนี้ทุกคนอย่าคิดมากเลย รีบนั่งลงมากินเลี้ยงกันเถอะ วันนี้เป็นวันที่มงคลมากของผม ทุกคนอย่าทำลายบรรยากาศก็ พอแล้ว”

รพีพงษ์ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับโศรวิทย์ โดยเฉพาะเป็นพิธี แต่งงานของคนอื่นเขา เขาก็ไม่อยากทำให้บรรยากาศงานแต่ง ของคนอื่นเสียเพราะเขา

เขาดึงมือของอารียานั่งลงที่โต๊ะอาหารด้านข้างโต๊ะหนึ่ง รอคน ที่ส่งเงินใส่ซองเข้ามาอยู่
โครวิทย์ดื่มจนเมาแล้ว เดิมทีไม่มีความคิดที่พิจารณาถึงว่าจะ ทำลายบรรยากาศงานแต่งคนอื่นหรือไม่ ตอนนี้เขาแค่อยากเอา รพีพงษ์มาระบายความโกรธสักหน่อย

“แบบนั้นไม่ได้ ไม่ได้ใส่ซองจะมานั่งกินเลี้ยงได้ยังไงล่ะ เจ้าบ่าว รพีพงษ์คนนี้เป็นคนที่จะนำโชคร้ายมาให้คน คุณแน่ใจเหรอว่าคุณ จะให้เขาอยู่ในงานแต่งของคุณต่อไป?” ผมมองว่าตอนนี้คุณควร รีบไล่เขาออกไปดีกว่า” โศรวิทย์เปล่งเสียงตะโกนบอก

สีหน้าของเจ้าบ่าวดูแย่ที่สุด คาดไม่ถึงจะมีคนเมาอาละวาดในพิธี แต่งงานของเขา

“คุณอาครับ คุณนั่งลงมากินเลี้ยงก่อนเถอะครับ เรื่องของรพี พงษ์ผมไม่ถือสา คนที่มาเป็นแขก ไม่ได้ใส่ซองก็ไม่เป็นไร ที่ ต้องการคือมีความสุขกันเท่านั้น” เจ้าบ่าวพูดด้วยความอดทนไป สักหน่อย

โศรวิทย์ยิ่งฮึมเพิ่มขึ้น เอ่ยปากบอก “เจ้าบ่าว คุณไม่เข้าใจ รพี พงษ์คนนี้พาอารียามาที่งานนี้ของคุณ นั่นคือมีสาเหตุ คุณคงไม่รู้ ว่าตอนนั้นที่รพีพงษ์กับอารียาแต่งงานกัน เป็นเรื่องตลกใหญ่โตที่ เมืองริเวอร์มากแค่ไหน วันนี้พวกเขาสองคนมาที่นี่ นั่นเป็นเพราะ อิจฉาพวกคุณ น่าเสียดาย อารียาแต่งกับสวะอย่างรพีพงษ์นี้ ชาติ นี้อย่าคิดจะมีพิธีแต่งงานที่เข้าท่าเลย”
เจ้าบ่าวเห็นโศรวิทย์ยังไม่หยุดพูดในที่นี้ ชั่วขณะนั้นหน้าเต็มไป ด้วยความโกรธ ใกล้จะกลั้นไม่ไหวอยู่บ้าง

“คุณอา ในเมื่อคุณว่าพวกเขาสองคนขนาดนี้ งั้นสู้คุณบอก จำนวนเงินที่คุณใส่ซองมาหน่อยดีกว่า คุณเป็นคนที่รสนิยมสูง ขนาดนี้ น่าจะใส่ซองไม่น้อยล่ะมั้ง?” เจ้าสาวที่อยู่ด้านข้างเจ้าบ่าว เอ่ยปากขึ้น

โครวิทย์รีบหุบปากทันที ทั้งหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัด เขายัด เงินสิบหยวนไปในซองนั่งเปา นี่ถ้าให้ทุกคนรู้เข้า วันนี้คนที่ควร หัวเราะเยาะคงเป็นเขาแล้ว

“ผมใส่มากเท่าไร อย่างน้อยก็มี ไม่เหมือนรพีพงษ์สวะคนนี้ มา กินฟรีดื่มฟรีที่นี่ยังไม่ให้สักแดงเดียว” โศรวิทย์พูดแบบด่าพึมพำ ไป จากนั้นนั่งลงมาตรงโต๊ะกินเลี้ยง ถือว่าหุบปากลงแล้ว

เจ้าบ่าวมองเจ้าสาวทีหนึ่งอย่างไม่จะร้องไห้หรือหัวเราะอยู่บ้าง นึกไม่ถึงจะสามารถใช้วิธีแบบนี้ทำให้โศรวิทย์สงบลงได้

เห็นโศรวิทย์ไม่พูดอะไรอีก เจ้าบ่าวก็โล่งอกไปทีหนึ่ง เริ่มช่วง เวลาดื่มอวยพรด้วยกันกับเจ้าสาว

ช่วงที่เดินมาดื่มที่โต๊ะของรพีพงษ์พวกเขา รพีพงษ์หยิบแก้ว เหล้าขึ้น มองเจ้าบ่าวด้วยความหมายขอโทษอยู่บ้าง เอ่ยปากขึ้น เพิ่มความวุ่นวายให้พวกคุณแล้ว ขอให้ทั้งสองท่านครองรัก กันยาวนาน มีทายาทใ

เจ้าบ่าวหัวเราะแล้วบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มีความสุขก็พอ และขอให้พวกคุณรักใครกันจนแก่เฒ่า

จากนั้นทั้งสองคนก็ดื่มเหล้าในแก้วเหล้าลงไปกันรวดเดียว

หลังจากวางแก้วเหล้าลงรพีพงษ์นั่งลงมา ได้ยินคนล้อมรอบ กำลังพูดถึงงานของเจ้าบ่าว

“ได้ยินว่าเจ้าบ่าวทำงานอยู่ที่บริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปด้วย นั่นเป็น บริษัทที่ดีแห่งหนึ่งเลย ว่ากันว่าทุกปีสามารถทำเงินได้เยอะเลย ล่ะ”

“บริษัทเป็นบริษัทที่ดี เพียงแต่ว่าฉันได้ยินมาว่าเจ้าบ่าวอยู่ในที่ ทำงานโดนปัดแข้งปัดขาว่ากันว่ามีปากเสียงกับหัวหน้าเข้าเพราะ เรื่องเลื่อนตำแหน่ง คนอื่นเขาที่เป็นหัวหน้านั้นพูดออกไปว่าชาติ นี้จะไม่ให้เขาเลื่อนตำแหน่ง

“ใช่เหรอ งั้นน่าเสียดายจริงๆ นะ เจ้าบ่าวคนนี้เป็นคนหนุ่มที่ดี มากเลยล่ะ ทำไมถึงช่วยขนาดนี้มาเจอหัวหน้าแบบนี้
รพีพงษ์ได้ยินการแสดงความคิดเห็นของคนโดยรอบ ในใจหวั่น ไหว ตอนนั้นเขามองเห็นจากบนดอกไม้ประดับหน้าอกที่เจ้าบ่าว ติดชื่อของเจ้าบ่าวคือธีรวัฒน์ ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบมือถือออกมา ส่งข้อความหนึ่งไปหาเธียรวิชญ์

“ที่บริษัทนายทางนั้นมีคนชื่อธีรวัฒน์รึเปล่า?”

“เหมือนว่าจะมีคนนี้อยู่นะ เหมือนอยู่แผนกการตลาด ได้ยินว่าทำ ผลงานความสำเร็จการขายเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว เดิมที ผมคิดจะเลื่อนขั้นให้เขา แต่ว่าผู้จัดการแผนกการตลาดบอกว่าธีร วัฒน์คนนี้ไม่อยากเลื่อนขั้น อยากทำการขายไปตลอด ตอนนั้น ผมยังคิดว่าคนนี้แปลกมากเลย” เธียรวิชญ์ตอบคำถาม

รพีพงษ์มองเห็นคำตอบของเธียรวิชญ์ ในใจเดาได้ทันที ธีรวัฒน์ ไม่อยากเลื่อนตำแหน่ง ต้องเป็นเรื่องที่ผู้จัดการแผนกการตลาด คนนี้จงใจบอก ใครจะโง่ถึงขั้นที่มีโอกาสขึ้นตำแหน่งแต่ปล่อย ผ่านไป ผู้จัดการแผนกการตลาดทำขนาดนี้ ไม่มีศีลธรรมอยู่บ้าง จริงๆ

“ปลดผู้จัดการการตลาดคนนี้ออกเถอะ ให้ธีรวัฒน์มาทำแทน ผู้ จัดการการตลาดคนนี้หลอกลวงนาย เป็นเขาจงใจไม่ให้ธีรวัฒน์ เลื่อนขั้น ตอนนี้ฉันอยู่ที่งานแต่งของธีรวัฒน์ เดี๋ยวนายโทรศัพท์ ไปหาเขา บอกเขาเรื่องเลื่อนตำแหน่งสักหน่อย และถือว่า เป็นการอวยพรที่ฉันให้ในงานแต่งเขาแล้วกัน” รพีพงษ์ส่งข้อความไปหาเธียรวิชญ์แล้ว

ไม่นานเธียรวิชญ์ก็ตอบกลับมา “ได้ครับ

ผ่านไปไม่นานเจ้าบ่าวดื่มเหล้าอวยพรเสร็จ พิธีกรให้ญาติพี่น้อง เพื่อนผองด้านล่างเวทีมีใครอยากกล่าวอวยพรต่อเจ้าบ่าวให้ขึ้น ไปกล่าวได้ในตอนนี้

คนด้านล่างเวทีต่างค่อนข้างเขินอาย ตั้งนานก็ไม่มีสักคน ยินยอมขึ้นไปกล่าวอะไร

เวลานี้รพีพงษ์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นเวที รับไมโครโฟนในมือ พิธีกรมา ยิ้มบอก “ในเมื่อไม่มีใครขึ้นมา งั้นผมก็ขอมาพูดสักสอง สามประโยคแล้วกัน”

เจ้าบ่าวไม่ถือสาเช่นกัน แต่ทว่ายังมีความซาบซึ้งใจนิดๆ ต่อร พงษ์ โดยเฉพาะไม่มีคนขึ้นมากล่าวอะไรหน่อย เห็นได้ชัดว่า กระอักกระอ่วนมาก รพีพงษ์ช่วยกู้หน้าไว้พอดี

“ถึงแม้ว่าผมกับเจ้าบ่าวจะพึ่งรู้จักกันในวันนี้ แต่ว่าจากในคำพูด และการกระทำของเจ้าบ่าว ผมเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีน้ำใจและ จิตใจสูงมากคนหนึ่ง การอบรมแบบนี้ พอพิสูจน์ได้ว่าวันหลังเขา จะต้องมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาก เจ้าสาวที่แต่งงานกับเจ้าบ่าว แบบนี้ ก็ต้องได้รับความสุขทั้งชีวิตแน่นอน”
คำพูดของเขาพึ่งจบลง โศรวิทย์ที่กินของไปด้วยตะโกนออกมา ไปด้วย “แกโม้อยู่ที่นี่ไปเถอะ ถึงคนอื่นเขาจะมีโอกาสนี้จริง แต่ เพราะแกที่เอาโชคร้ายมาให้ คงกลายเป็นยากจนข้นแค้นและ จิตใจท้อแท้ บ้านฉันก็กลายมาเป็นแบบนี้เพราะแก

เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้ยินคำพูดของโศรวิทย์ ขมวดคิ้วขึ้นมา ทันที นี่ไม่ใช่สาปแช่งพวกเขาอยู่ต่อหน้าพวกเขาเลยเหรอ คน แบบนี้พูดจาช่างไม่รู้จักกาลเทศะเลย

รพีพงษ์จ้องมองโศรวิทย์แวบหนึ่ง พูดเสียงเย็นชา “บ้านคุณ ยากจนข้นแค้น เป็นสาเหตุของบ้านคุณเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับผม

“หึๆ ไม่เกี่ยวกับแกสิถึงแปลก” โศรวิทย์คิดว่าครอบครัวของเขา กลายมาเป็นแบบนี้ เป็นเพราะรพีพงษ์นำโชคร้ายมาให้

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเขาอีก แต่ว่าพูดกับทุกคนไป “ผมคิดว่าผมมี ความจำเป็นต้องทำให้กระจ่างที่นี่สักหน่อย เมื่อกี้เขาบอกว่าผม จะเอาโชคร้ายมาให้คนอื่น แต่ผมกลับรู้สึกกลับกันโดยสิ้นเชิง ผม คนนี้ยังมีโชคดีอยู่หน่อย วันนี้ผมมาที่นี่ ไม่แน่ว่าอาจจะนำโชคดี บางอย่างมาให้เจ้าบ่าวด้วย อย่างเช่นสามารถทำให้หน้าที่การ งานของเขาได้รับการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น”
รพีพงษ์พูดคำนี้ออกไป คนเหล่านั้นที่นั่งอยู่ด้านล่างต่างหัวเราะ ฮาๆ ขึ้นมาทันที ต่างคิดว่ารพีพงษ์เหมือนกำลังพูดเรื่องตลก

“รพีพงษ์ หนังหน้าแกนี่มันหนามากพอจริงๆ คนไร้น้ำยาอย่าง แกยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเอาโชคดีมาให้คนอื่นได้ ถ้าเอาโชคดี มาให้คนอื่นได้จริง ตัวเองจะมีชีวิตแย่ขนาดนี้เหรอ?” โศรวิทย์รีบ เอ่ยปาก

“พูดถูก ต่อให้นายไม่เอาโชคร้ายมาให้คนอื่น แต่นายบอกว่าตัว เองเอาโชคดีมาให้คนอื่นได้ นี่ก็หน้าไม่อายไปหน่อยมั้ย”

“ใช่ นายจะเอาโชคดีอะไรมาให้คนอื่นได้ หรือว่านายยังสามารถ ทำให้เจ้าบ่าวเลื่อนตำแหน่งเพิ่มเงินเดือนได้เหรอ”

เจ้าบ่าวก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ของรพีพงษ์ไม่ค่อยสมเหตุสมผลอยู่บ้าง โดยเฉพาะใครก็ไม่กล้าบอกว่าตนเองสามารถนำโชคดีมาให้คน อื่นได้

แต่ในเวลานี้มือถือของเจ้าบ่าวดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมารับสาย พบ ว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์แปลกหน้า

“คุณคือ?”
“ฉันเธียรวิชญ์” เสียงของเธียรวิชญ์ในสายนั้นลอยมา

สีหน้าของเจ้าบ่าวเปลี่ยนไป รีบโบกมือไปทางทุกคนในงาน ทันที แสดงความหมายว่าให้พวกเขาเงียบเสียงลง

ทุกคนสงบลงมาแล้ว จ้องที่เจ้าบ่าว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“คงไม่ใช่รพีพงษ์เจ้าหมอนี้เอาโชคร้ายอะไรมาให้คนอื่นเขานะ เวลานี้มีผลแล้วมั้ง ดูสีหน้าของเจ้าบ่าวสิ อย่างกับตกใจน่าดู” มี คนพึมพำเสียงเบาๆ

“นั่นต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ผมก็บอกแล้วว่ารพีพงษ์เจ้าสวะคนนี้ ได้แต่เอาความซวยมาให้คนอื่น ไม่อาจเอาโชคดีมาให้ได้ เวลานี้ ยืนยันแล้วสิ ผมบอกว่าควรไล่เขาออกไป พวกคุณยังไม่ฟัง” โศรวิ ทย์พูดจาเต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ

“ประ……..ประธานเธียรวิชญ์ ทำไมคุณถึงโทรมาหาผมกะทันหัน ล่ะครับ?” เจ้าบ่าวพูดแบบประหม่าอยู่บ้าง

เพราะตอนนั้นการแสดงความคิดเห็นของคนด้านล่าง เจ้าบ่าว สงสัยเลยอยู่หน่อย เป็นรพีพงษ์นำโชคร้ายอะไรมาให้เขาหรือ เปล่า ทำให้เขาต้องโดนไล่ออกที่งานแต่งวันนี้

โดยเฉพาะดูจากระดับของเขา ยังสัมผัสไม่ถึงเธียรวิชญ์ขั้นนี้ เธียรวิชญ์โทรศัพท์หาเขา ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร

ทุกคนได้ยินว่าเป็นประธานโทรศัพท์หาเจ้าบ่าว รีบฟันธงว่าการ งานต้องเกิดเรื่องอะไรอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตอนนั้นที่รพีพงษ์ พูดว่าหน้าที่การงานของเจ้าบ่าวจะมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น ถ้าเป็น โชคไม่ดี งั้นก็คือจะเสียงานไป

“ปากของรพีพงษ์นี้ยังเสียจริงๆ เลย ทำเอางานของเจ้าบ่าวเขา ไม่มีแล้ว ครั้งนี้ดูว่าเขาจะแก้ตัวยังไง” โศรวิทย์พูดพลางหัวเราะ เยาะ

“ได้ยินว่าวันนี้นายแต่งงานเหรอ?” เธียรวิชญ์เอ่ยปาก

“ใช่……..ใช่ครับ” เจ้าบ่าวใบหน้าเต็มไปด้วยความประหม่าเอ่ย

ปากบอก

“ฉันโทรมาหานาย เรื่องแรกคืออยากแสดงความยินดีที่นาย แต่งงานสักหน่อย หวังว่านายกับคู่ชีวิตของนายจะอยู่ด้วยกัน นานๆ ต่างฝ่ายต่างพึ่งพาอาศัยกัน” เธียรวิชญ์พูดต่อ

“ขอบคุณประธานที่อวยพรครับ” เจ้าบ่าวกล่าว เขารู้ว่าส่วนนี้เป็น คำพูดตามธรรมเนียม คำพูดที่สำคัญแท้จริงเป็นประโยคด้านหลัง นั้น
“เรื่องสองที่ฉันอยากบอกเป็นการแสดงความยินดีกับนายอีก อย่างเหมือนกัน ยินดีด้วย ต่อไปนายก็เป็นหัวหน้าแผนกการ ตลาดของบริษัท นี่ถือว่าเป็นของขวัญใหญ่สำหรับงานแต่งแล้ว กัน หวังว่านายจะตั้งใจรักษาไว้ให้ดี เอาล่ะ ฉันพูดมากขนาดนี้ แล้ว นายยุ่งต่อไปแล้วกัน” เธียรวิชญ์พูดจบก็วางสายโทรศัพท์

แวบเดียวเจ้าบ่าวก็ตาค้างแล้ว จากนั้นหันหน้ามองทางรพีพงษ์ คิดในใจว่าเจ้าหมอนี้ช่างได้ผลเหลือเกินเลย สามารถนำโชคดีมา ให้คนอื่นได้จริงๆ ด้วย?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ