แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 493 รพี



บทที่ 493 รพี

บทที่ 493 รพี

ในชั้นที่หนึ่งนั้น ทุกคนต่างก็กำลังจ้องมองอย่างการมีความ สุขบนความโชคร้ายของรพีพงษ์อยู่ อีกทั้งยังกระซิบกระซาบ ว่าร้ายอีก

“ เจ้าเด็ก ไม่กลัวตายจริง ๆ ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ใกล้จะ ลงมาด้วยตัวเองแล้ว ยังคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนคนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย หรือว่ามันไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ ปรมัตถ์จะลงมาด้วยตัวเองนะ นี้หมายความว่าอะไร?”

คนแบบนี้ ถ้ารู้ความหมายจริงๆ อย่างชัดเจนแล้วว่าหมาย ถึงอะไร ก็จะไม่วิ่งมาก่อกวนท่านอาจารย์ปรมัตถ์ถึงที่นี่หรอก หรือว่าเดิมทีแล้วเขาไม่รู้ฐานะตนเองหรือไง ตอนนี้ฉันเกรงว่า เขาคงจะคิดว่าสิ่งที่ตนเองนั้นพูดคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วมั้ง ”

“ พูดได้ถูกต้อง คนแบบนี้นะ จะต้องให้ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ ลงมาสั่งสอนด้วยตนเองเท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้นไม่คงไม่รู้จัก ที่ต่ำที่สูงหรอก ”

รพีพงษ์ไม่สนใจที่คนอื่นพูดเลยสักนิด ในใจของเขารู้ดีที่สุด ถ้าหากว่าปรมัตถ์ลงมาจริง ๆ เรื่องนี้ก็จะจัดการง่ายขึ้นหน่อย
แต่ถ้าท่านปรมัตถ์ไม่ลงมา เรื่องของวันนี้คงจะกลายเป็นเรื่อง วุ่นวายแน่

เมื่อผดุงสิทธิ์เห็นผู้คนรอบ ๆ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์แบบนั้น ใน ใจของเขาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา เขาไม่อยากเป็นเพราะรพี พงษ์ ถึงทําให้ปรมัตถ์มีความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขา แต่ถ้า หากเป็นเช่นนั้นจริง คงจะทำให้เขานั้นรู้สึกเสียใจตลอดชีวิต

หลังจากที่คิดทบทวนมานาน ผดุงสิทธิ์ก็เดินมาด้านหน้าของ รพีพงษ์ พร้อมกับเตือนว่า : “ คุณรพี ผมรู้ว่าคุณวัยรุ่นเลือด ร้อน และมีระดับความสามารถในการประเมินวัตถุโบราณสูง มาก แต่ว่าก็มีหลายครั้ง ที่คุณควรจะเชื่อมั่นอำนาจและบารมี ในหน้าที่การงานด้วย ท่านอาจารย์ปรมัตถ์เองนั้นก็ดำรงอยู่ใน อาชีพนี้ตั้งหลายปีแล้ว ความถี่ในความผิดพลาดนั้นน้อยมาก อีกทั้งทุกคนนั้นต่างก็รอหัวเราะเยาะคุณ ตามความคิดของผม แล้ว คุณยอมแพ้ซะเถอะครับ มิเช่นนั้นถ้าท่านอาจารย์ปรมัตถ์ ลงมาตาต่อตาฟันต่อฟันกับคุณ แล้วทุกอย่างจะสายไปเสีย”

มโนชาก็เดินตามมา มองรพีพงษ์แล้วพูดว่า : “คุณครูของ ฉันพูดได้ถูกต้อง คุณไม่เห็นจะต้องตั้งตนเป็นศัตรูกับท่าน อาจารย์ปรมัตถ์ ความจริงแล้วความสามารถของคุณล้ำเลิศ ที่สุดแล้ว อย่างน้อย ในสายตาฉัน คุณก็เป็นคนที่เก่งกาจมาก ๆ นะ”

รพีพงษ์หันไปมองทั้งสองคนแล้วหัวเราะออกมา พูดว่า : “ พวกคุณวางใจเถอะ ปรมัตถ์ไม่มีความกล้าที่จะตาต่อตาฟันต่อฟันกับผมหลอก อีกแป๊บเดียวเขาลงมาพวกคุณก็จะรู้เอง ”

ทันใดนั้นผดุงสิทธิ์ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา แม้ว่ารพีพงษ์จะเก่งสัก แค่ไหน แต่ว่าเขาก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ดี แต่กลับมักจะดูถูกท่าน อาจารย์ปรมัตถ์ ทำให้เขาหมดความอดทนแล้วจริงๆ

” พวกคุณทายสิว่าเมื่อกี้เจ้าหมอนี่พูดว่าอะไร!” ในขณะนั้น บุคคลที่แอบฟังรพีพงษ์พูดอยู่ตะโกนเสียงดังออกมาว่า

ทุกคนต่างก็มองยังคนนั้น

“ เมื่อกี้เขาพูดว่าท่านอาจารย์ปรมัตถ์ไม่มีความกล้าที่จะตา ต่อตาฟันต่อฟันกับเขาหรอก พระเจ้า ทำให้ผมตกตะลึงจริง ๆ ตกลงแล้วเขาเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่ คาดไม่ถึง อีกว่าเขาจะคิดว่าตนเก่งกว่าท่านอาจารย์ปรมัตถ์อีก ” คนนั้น ตะโกนพูดต่อ

ทุกคนได้ยินคำพูดที่คนนั้นพูด ก็เกิดอารมณ์ที่ไม่พอใจกับรพี พงษ์มากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังจ้องไปยังรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ เป็นศัตรู

“นี้มันบ้าชะมัด! ผมไม่เคยเจอใครที่หยิ่งยโสแบบนี้มาก่อน เขามีหน้าอะไรที่พูดแบบนี้ออกมาได้ ! ”

“ เจ้าเด็กน้อย ผมขอเตือนว่าคุณรีบหนีไปเถอะ แค่เพียงคำ พูดของคุณเมื่อครู่ เมื่อท่านอาจารย์ปรมัตถ์ลงมา ก็ไม่มีทางไว้ชีวิตคุณหลอก !”

“ หนีงั้นเหรอ? ก่อนที่ท่านอาจารย์ปรมัตถ์จะสั่งสอนเจ้าเด็ก นั้น เกรงว่าในที่นี้คงจะไม่มีที่ให้เขาหนีออกไปแล้ว ในเมื่อเขา พูดออกมาแบบนี้ ก็จะต้องให้เขารับผิดชอบกับการพูดของ ตนเอง!

ผดุงสิทธิ์ได้ยินคำพูดของทุกคน ถอนหายใจออกมาจาก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจําใจ ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว ถึงแม้นรพีพงษ์จะยอมรับผิด เกรงว่าคงจะไม่มีประโยชน์อะไร อีก

ไกรเดชและมโนชาทั้งสองคิ้วขมวดชนกัน คิดไม่ถึงเลยว่ารพี พงษ์จะก่อเรื่องจนเป็นแบบนี้ อีกสักครู่ปรมัตถ์ก็จะลงมาแล้ว เกรงว่าคงจะไม่มีวิธีดี ๆ ที่จะแก้ไขเรื่องนี้แล้ว

ระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดปราบปรามรพีพงษ์อยู่นั้น ปรมัตถ์ และปรวิทย์สองคนก็รีบลงมาอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้ใบหน้า ของปรมัตถ์เต็มไปด้วยความกังวล แต่ใบหน้าของปรวิทย์กลับ เต็มไปด้วยความอับอายและสํานึกผิดต่อบาป

เมื่อทุกคนเห็นท่านปรมัตถ์และปรวิทย์ทั้งสองคนลงมา การ พูดปราบปรามรพีพงษ์ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

“ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ลงมาแล้ว เดี๋ยวคอยดูกันว่าคุณจะเส แสร้งต่อหน้าท่านอาจารย์ปรมัตถ์ต่อไปยังไงกัน ถ้าหากว่า ต้องการเอาตัวรอดละก็ ก็รีบขอโทษท่านอาจารย์ปรมัตถ์ซะ ! ” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น

ทุกคนต่างมองปรมัตถ์ด้วยใบหน้าที่ใจจดใจจ่อ อยากจะให้ เขาสั่งสอนท่าทางของรพีพงษ์

หลังจากที่ปรมัตถ์มาถึงชั้นหนึ่งนั้น ก็รีบถามปรวิทย์ว่า : “คน ที่แกพูดถึงนั้นคือคนไหน? ”

ปรวิทย์จึงชี้นิ้วไปทางรพีพงษ์ แล้วพูดว่า : “กะ…..ก็คือเขา ”

“ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ครับ เจ้าเด็กคนนี้ก็คือคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำ ที่สูงที่มาก่อกวนร้านท่านครับ คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดว่าผล การประเมินของท่านนั้นผิดพลาด ถ้าหากว่าท่านไม่ชอบเขา ละก็พวกเราจะช่วยท่านไล่เขาออกไปได้ครับ! “คนจำนวน ไม่น้อยที่ต้องการจะเริ่มสานสัมพันธ์กับท่านปรมัตถ์

ปรมัตถ์มองผ่านทุกคนไป เมื่อมองไปเห็นรพีพงษ์นั้น เขาก็ ตกใจครู่หนึ่ง แม้แต่ใบหน้าก็ยังแสดงออกความรู้สึกปลื้มปีติ ยินดีและตื่นเต้น

“ระ….รพีพงษ์ เป็นคุณจริง ๆ ใช่ไหม ? ” ปรมัตถ์รีบมุ่งไป ทางรพีพงษ์ แล้วตื่นเต้นแปลกไปจากเดิม

หลังจากที่รพีพงษ์เห็นท่านปรมัตถ์แล้ว ใบหน้าก็มีรอยยิ้ม ออกมา พร้อมพูดกับเขาว่า : “ท่านปรมัตถ์ไม่เจอกันนานเลย นะครับ ”
หลังจากที่ปรมัตถ์ยืนต่อหน้ารพีพงษ์แล้วนั้น ก็ยืนมือทั้งสอง ข้างออกมาด้วยความสั่น แล้วก็คารวะแสดงความเคารพให้กับ ทางรพีพงษ์

ในฉากนี้ทําให้ทุกคนตกตะลึงตาค้าง ใบหน้าของคนที่เดิมที รอว่าปรมัตถ์จะจัดการสั่งสอนรพีพงษ์ก็ตกตะลึง ผู้คนไม่น้อย ล้วนอ้าปากค้าง ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับความตกตะลึงนี้

“รพี คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณ มิน่าล่ะลูกชายของผมถึงพูดว่ามี คนหนึ่งที่สามารถพูดถึงประวัติของ โถเครื่องเคลือบลายคราม ได้ ถ้าหากว่าเป็นคุณละก็ งั้นก็สามารถพึ่งแค่ดวงตาก็สามารถ แยกแยะอายุยุคสมัยที่แท้จริงของ โถเครื่องเคลือบลายคราม อย่างแน่นอน ” หลังจากที่ปรมัตถ์เคารพรพีพงษ์เสร็จ ยิ้มแล้ว พูดออกมา

“ เด็กคนนี้ยังกล้าพูดอีกว่า ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะผมเห็น แล้วคุณขายแจกันลายดอกไม้นี้ออกไป ภายหลังจากนั้นชื่อ เสียงของคุณก็อาจจะเสื่อมเสียได้ ” รพีพงษ์พูดออกมาตามใจ ตนกับปรมัตถ์

เมื่อก่อนนั้นความสัมพันธ์ของเขากับปรมัตถ์ถือว่าใกล้ชิดกัน มาก ทั้งสองคนก็ลืมนับอายุในการคบกันไปเลย ตอนนั้นรพี พงษ์ก็ได้แสดงความสามารถในการประเมินวัตถุโบราณที่น่า ทึ่งให้คนตกใจไปทั่วแล้ว แม้แต่ปรมัตถ์ ก็ยังละอายใจ

คนอื่นเรียกท่านอาจารย์ปรมัตถ์ ปรมัตถ์ก็เรียกรพีพงษ์รพีไป ด้วย เพื่อแสดงถึงความเคารพที่มีต่อรพีพงษ์
“รพีพูดได้ถูกต้อง ผมก็เพิ่งได้รู้เมื่อครู่เองว่าแจกันลาย ดอกไม้ใบนี้เป็นของยุคสมัยราชวงศ์ชิง นั้นก็เป็นเพราะว่าผม ขอร้องเพื่อนของผมให้ใช้วิธีการสมัยใหม่ตรวจสอบออกมา คาดไม่ถึงเลยว่ารพีจะใช้เพียงแค่ดวงตาก็สามารถที่จะมอง ออกถึงยุคสมัยที่แท้จริงของแจกันลายดอกไม้ใบนั้นได้ เมื่อ เทียบกับคุณแล้ว ผมรู้สึกละอายใจจริงๆ ” ปรมัตถ์พูดออกมา อย่างละอายใจ

ปรวิทย์ที่ยืนด้านหลังท่านปรมัตถ์ ได้ยินถึงบทสนทนาของ ทั้งสอง ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาคิดไม่ถึง เลยว่าปรมัตถ์กับรพีพงษ์เคยรู้จักกันมาก่อน อีกทั้งยังคิดไม่ ถึงเลยว่าปรมัตถ์จะพูดกับเด็กรุ่นหลังว่าละอายใจตัวเอง นี่มัน เหนือความคาดหมายของเขาจริง ๆ

ไม่เพียงแต่ปรวิทย์ที่ตกตะลึง ไกรเดชทั้งสามคนล้วนไม่กล้า จะเชื่อสายตาของตนเองในฉากนี้ เดิมทีแล้วพวกเขาคิดว่า หลังจากที่ปรมัตถ์ลงมา จะต้องทำให้รพีพงษ์อับอายแน่ๆ จะ ไปคิดล่ะว่าปรมัตถ์จะแสดงความเคารพนับถือต่อรพีพงษ์มาก ขนาดนี้ ทั้งสองคนก็เหมือนกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ดูเหมือน ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากด้วย

“คะ….คาดไม่ถึงเลยว่าเขากับปรมัตถ์จะเป็นเพื่อนกัน อีก ทั้งท่านอาจารย์ปรมัตถ์มีท่าทีที่ราวกับให้ความสําคัญกับเขา มากด้วย ที่แท้พวกเราเข้าใจเขาผิดไปจริงๆ ” มโนชาพึมพำกับ ตนเอง

หลังจากที่ผ่านความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้มา ในตอนนี้ก็ได้รับ รู้ถึงระดับความสามารถที่แท้จริงของรพีพงษ์แล้ว ซึ่งความแตกต่างแบบนี้ ยิ่งทำให้มโนชาเห็นเสน่ห์บนตัวรพีพงษ์ มากยิ่งขึ้น

เธอที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่สวยงาม จะปฏิเสธเสน่ห์ความน่า หลงใหลบนตัวของรพีพงษ์ไปได้ยังไง

เมื่อก่อนมโนชารู้สึกว่าผู้ชายในโรงเรียนของพวกเขานั้นค่อน ข้างที่จะไร้เดียงสา ไม่มีระดับที่สามารถจีบเธอได้ ดังนั้นตอน เธออยู่ในโรงเรียนเธอก็คือเทพธิดาที่เย็นชาคนหนึ่ง

แต่ว่าตอนนี้เทพธิดาที่มีดวงตาที่สูงส่งก็พ่ายแพ้ให้กับรพี พงษ์แล้ว ความนิ่งเฉยของรพีพงษ์ สายตาที่ไม่สนใคร ตลอด จนถึงระดับความสามารถในการประเมินวัตถุโบราณที่แม้แต่ ปรมัตถ์ยังนับถือ ก็ทําให้ใจของมโนชานั้นเต้นแรงขึ้นมา

* คุณครูคะ พวกเราเข้าใจคุณรพีผิดไปแล้ว เดิมทีคุณรพีเป็น เพื่อนกับท่านอาจารย์ปรมัตถ์ ดูเหมือนว่าพวกเราจะเอาจิตใจ ที่คับแคบของเราไปตัดสินเขาแล้วนะคะ” มโนชาพูดกับผดุง สิทธิ์

ผดุงสิทธิ์พยักหน้า แล้วก็พูดด้วยความละอายใจ ว่า : “ อีกสัก ครูพวกเราไปขอโทษคุณรพีกันเถอะ ถ้าหากว่าเขาสามารถ แนะนำพวกเราให้รู้จักกับท่านอาจารย์ปรมัตถ์ได้ละก็ นั่นคงจะ มาก ๆ เลย

ผู้คนโดยรอบมากมายก็ยังไม่ได้สติจากการตกใจ ปรมัตถ์ก็สังเกตเห็นท่าทางของคนพวกนี้แล้ว แล้วจึงถามรพีพงษ์ไปว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ

รพีพงษ์จึงพูดเรื่องที่ผ่านมาให้ปรมัตถ์ฟัง ส่วนด้านของปร วิทย์พอได้ฟังก็เหงื่อแตกออกมา

ถ้าหากว่าสืบสาวเรื่องราวแล้วเรื่องนี้นั้นก็ต้องเป็นความผิดปร วิทย์ ถ้าหากว่าตอนแรกเริ่มนั้นเขาไปเรียกปรมัตถ์ลงมา ก็คง ไม่เกิดเรื่องแบบนี้แน่

ปรมัตถ์หันไปมองปรวิทย์ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ว่า : “ ยังไม่รีบขอโทษมารพีอีก ลูกคนนี้พ่อจะสั่งสอนแกยังไงนี่นะ ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนวิชาการประเมินวัตถุก็เละหมด อีกทั้งยัง ก่อปัญหาอีกแกนี้มันจริง ๆ เลย”

ปรวิทย์ไม่กล้าที่จะเมินเฉยได้ จึงรีบโค้งคำนับให้กับรพีพงษ์ แล้วก็พูดด้วยสีหน้าที่สำนึกผิดว่า : “รพี ผมต้องขอโทษจริง ๆ เป็นเพราะผมมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักคุณ ทําให้คุณเดือดร้อน หวังว่าคุณจะไม่ใส่ใจและให้อภัยผมด้วย ”

“ แค่อธิบายสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจนก็พอแล้ว ” รพีพงษ์พูด

ปรมัตถ์มองไปยังทุกคนที่นี่ พูดอย่างเสียงดังว่า : “ ทุกท่าน เนื่องจากเรื่องในวันนี้เป็นความผิดพลาดของผมเอง ความจริง แล้ว โถเครื่องเคลือบลายคราม ใบนี้เป็นของยุคราชวงศ์ชิง เป็นเพราะว่าผมมองพลาดไป วันนี้ผมให้เพื่อนของผมใช้วิธี ตรวจสอบสมัยใหม่ งชัดเจนแล้วว่ายุคที่ โถเครื่องเคลือบลายคราม ใบนี้อยู่คือยุคราชวงศ์ชิงครับ สายตาของรพีมองไม่ ผิดครับ หวังว่าทุกท่านคงไม่เข้าใจเขาผิดนะครับ ”

หลังจากที่ทุกคนได้ฟังคำพูดของปรมัตถ์เช่นนั้น ต่างหายใจ เข้าสงบอารมณ์ คิดไม่ถึงว่าปรมัตถ์จะลงทุนพูดแก้ต่างอธิบาย ให้รพีพงษ์ด้วยตนเอง อีกทั้งความหมายที่ปรมัตถ์พูดนั้น เขา เองก็ยังที่จะต้องพึ่งวิธีการประเมินสมัยใหม่เพื่อที่จะพิสูจน์ สมัยของ โถเครื่องเคลือบลายคราม นั้นด้วย แต่รพีพงษ์กลับ ใช้เพียงแค่ดวงตา ก็สามารถรู้ที่มาของ โถเครื่องเคลือบลาย ครามได้

ระดับความสามารถในการประเมินวัตถุโบราณนี้ ถือว่าเข้า ขั้นระดับปรมาจารย์ได้เลย ซึ่งแม้แต่ปรมัตถ์ก็ยังเทียบไม่ได้

ผู้คนที่เยาะเย้ยพูดเสียดสีรพีพงษ์ไปเมื่อกี้ก็เปลี่ยนเป็นหน้า แดงขึ้นมา พวกเขาล้วนเสียใจภายหลังที่ได้พูดแบบนั้นกับ รพีพงษ์ พวกเขาทําแบบนี้กับ คนที่แม้แต่ท่านปรมัตถ์ยังต้อง เคารพนี่นะ!

มีไม่น้อยคนที่ทีหลังจากพัวพันเรื่องนี้แล้ว ก็รีบขึ้นมา โค้ง คำนับรพีพงษ์ แล้วพูดว่า : “ รพีครับ ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจ คุณผิดไป ได้โปรดอภัยพวกเราด้วย ”

เมื่อทุกคนเห็นดังนั้น ก็โค้งคำนับต่อรพีพงษ์เพื่อขอโทษตาม ๆ กัน อีกทั้งปากของพวกเขาก็ได้พูดขอโทษรพีพงษ์ด้วย

ผดุงสิทธิ์และมโนชาทั้งสองก็ได้เดินมาตรงหน้ารพีพงษ์แล้วโค้งคำนับอย่างเคร่งขรึมต่อรพีพงษ์ โดยผดุงสิทธิ์นั้น ขอโทษรพีพงษ์อย่างจริงจัง และมโนชาที่กล่าวขอโทษตาม พอพูดจบ ใบหน้าของเธอก็แดงเพราะความเขินอายเล็กน้อย สายตาที่มองไปที่รพีพงษ์ เต็มไปด้วยความรัก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ