แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 53 งานเลี้ยงรุ่น



บทที่ 53 งานเลี้ยงรุ่น

บทที่ 53 งานเลี้ยงรุ่น

ตอนที่ทั้งสองออกจากบ้านไปได้สักพัก บุษบากรก็

โทรศัพท์เข้ามา

“แคลร์ ตอนนี้พวกเราอยู่ข้างหน้าโรงแรมบลูสกายอิน เตอร์เนชั่นเนล เธอรีบๆหน่อย”

“โอเค ฉันรู้แล้วกำลังจะรีบไป” อารียาวางสายและรีบ

ขับรถ

โรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนลเป็นโรงแรมห้าดาว ในเมืองริเวอร์ที่มีไว้สำหรับลูกค้าระดับไฮเอนด์

หากคิดจะไปทานอาหารที่นี่ นอกจากมีเงินแล้วยังไม่ พอ ยังต้องมีตำแหน่งหรือสถานะทางสังคม
โรงแรมระดับนี้ถือว่าเป็นสถานที่จัดเลี้ยงรวมตัวของคน ชั้นสูง งานเลี้ยงคนธรรมดาทั่วไปเดิมทีก็ไม่ได้พิจารณา ถึงสถานที่แบบนี้

สาเหตุที่เจตนิพัทธ์เลือกสถานที่แห่งนี้ในการจัดงาน เลี้ยงรุ่น โดยเหตุผลข้อแรกคือต้องการแสดงสถานะของ ตัวเองเพื่อเป็นการโอ้อวด และอีกเหตุผลคือบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงแรมบลูสกา ยอินเตอร์เนชั่นเนล

ในฐานะที่เป็นผู้จัดการสาขาของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป เจตนิพัทธ์จึงมีโอกาสมาทานอาหารที่โรงแรมบลูสกา ยอินเตอร์เนชั่นเนลได้ง่าย

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก เพื่อให้ได้ห้องอาหารมาห้องหนึ่ง

ก่อนหน้านี้รพีพงษ์เคยได้ยินเธียรวิชญ์พูด
ถึงโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนลแห่งนี้ เหตุผลที่ เขากลายเป็นผู้ถือหุ้นของโรงแรมนี้เนื่องจากเป็นธรรมดา ที่เขาต้องการจะขยายเครือข่ายของตัวเอง โดยทั่วไป ใครก็ตามที่มาทานอาหารที่แห่งนี้มักเป็นผู้ที่มีเครือข่าย กว้างขวาง เธียรวิชญ์เชี่ยวชาญในเรื่องทำธุรกิจจึงย่อมรู้ ดีถึงความสำคัญของเครือข่ายเหล่านี้

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปรพีพงษ์และอารียาก็มาถึงบริเวณ หน้าโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนล ทั้งสองลงจาก รถ สายตามองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ไกลออกไป

บุษบากรและเจตนิพัทธ์รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อบุษบากร เห็นรพีพงษ์ก็มาด้วยจึงพูดบ่นอุบอิบ ไม่รู้จักเจียมตัว งานเลี้ยงรุ่นของแคลร์แท้ๆก็ยังจะตามมาด้วย น่าขาย หน้าจริงๆ”

หลังจากที่เจตนิพัทธ์เห็นรพีพงษ์ก็มีสีหน้าบั้งตึง เขายัง จำสิ่งที่เกิดขึ้นกับชุติเทพในวันนั้นได้ ถ้ารพีพงษ์พูดเหตุ การที่น่าอับอายของเขาในวันนั้นต่อหน้าเพื่อนๆ เกรงว่าเขาจะต้องเดินหนี

ออกไป

“ฮีนายมาก็ดีแล้ว วันนี้ฉันจะให้นายได้เห็นความ สามารถของฉัน นายจะได้ถอนตัวไปและมอบอารียาให้ ฉัน” เจตนิพัทธ์รำพึงอยู่ในใจ

“มาแล้วก็อยู่ทานข้าวด้วยกันสิ คิดว่าเขาคงไม่เคยมา ทานข้าวในสถานที่แบบนี้” เจตนิพัทธ์พูดด้วยรอยยิ้ม

เพื่อนสมัยเรียนบางส่วนของอารียามองอารียาที่พารพี พงษ์มาด้วยอยู่ห่าง พวกเขาเริ่มพูดคุยซุบซิบกัน

“นั่นสามีของอารียาหรือ? ได้ยินว่าชื่อรพีพงษ์ได้ชื่อว่า เป็นเศษสวะแห่งเมืองริเวอร์ เธอพาเศษสวะแบบนี้มา ทำไมกันนะ”คนนั้นก็คือไอ้เศษสวะไร้ความสามารถแห่งเมืองริเวอร์ งั้นหรือ? ถ้าเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ คนแบบเขาจะคู่ควรกับ อารียาได้อย่างไร น่าเสียดายจริงๆ”

“ได้ยินว่าอารียาแต่งงานกับเขาเป็นเพราะโดนบังคับ ไม่แน่ว่าที่อารียาพาเขามาด้วยเพื่อต้องการให้เขารู้ตัวว่า คนแบบเขาไม่คู่ควรกับเธอ และให้เขาปล่อยเธอไป”

“ก็เป็นไปได้ พวกเธอรู้อะไรไหม หัวหน้าห้องแอบชอบ อารียามานานแล้ว และที่จัดงานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้ก็เพื่ออารี ยาด้วย ไอ้เศษสวะรพีพงษ์นั่นเมื่อเทียบกับหัวหน้าห้อง แล้วเทียบกันไม่ติดเลย”

เจตนิพัทธ์พากลุ่มเพื่อนๆเดินเข้าไป พวกเพื่อนสมัย เรียนเหล่านั้นเริ่มเงียบเสียง แต่ยังส่งสายตามองรพีพงษ์อย่างดูถูกดูแคลน

“คนเยอะแล้ว พวกเราเข้าไปข้างในเถอะ” เจตนิพัทธ์

พูด

เจตนิพัทธ์และกลุ่มคนพวกนั้นเดินตรงเข้าไปในโรงแรม บลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนล คนทั้งหมดต่างมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

โดยปกติพวกเขาจะสามารถเข้ามาในสถานที่แบบนี้ได้ อย่างไร ครั้งนี้เป็นเพราะเจตนิพัทธ์ถึงเข้ามาได้

“หัวหน้าห้องสุดยอดจริงๆที่พาพวกเราเข้ามาทาน อาหารในที่แบบนี้ได้ ฉันไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าจะได้ มาทานอาหารที่นี่”

“นั่นสิ ตอนนี้หัวหน้าห้องเป็นถึงผู้จัดการบริษัทบริษัท ซันบับเบิล กรุ๊ป รายได้ต่อปีตั้งหลายแสน มาทานข้าวที่นี่ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว”

“ฮ่าฮ่า หัวหน้าห้องทั้งเก่งและมีความสามารถขนาดนี้ แต่ยังโสด แต่พอมองไปดูไอ้เศษสวะนั่นสิ ไม่รู้จะเอา หน้าไปไว้ที่ไหนจริงๆ”

ใบหน้าของเจตนิพัทธ์เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และ หันไปมองรพีพงษ์ด้วยสายตาดูถูกราวกับว่ากำลังโม้ เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของตัวเอง

รพีพงษ์เพิกเฉยต่อการแสดงออกของเจตนิพัทธ์ พูด ง่ายๆก็คือเขาไม่คิดว่าคนไตพร่องจะยิ่งใหญ่อะไร

อารียาเองก็มองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น นี่ เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาในสถานที่หรูหราโอ่อ่าขนาดนี้เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าอารียาให้ความสนใจกับสถานที่แห่ง เนี้จึงพูดออกไปว่า “ถ้าคุณชอบที่นี่ วันหลังผมพาคุณมา ทานข้าวที่นี่ทุกวันเลยก็ได้นะ”

อารียาเบิกตาโพล่ง จะต้องรวยมากขนาดไหนถึงมา ทานข้าวที่นี่ทุกวันได้

แต่สำหรับรพีพงษ์ผู้ที่สามารถซื้อหัวใจวีดัสได้ พูดแบบ นี้ก็ไม่น่าแปลกอะไร

“นายอย่ามาคุยโม้ไปหน่อยเลย นายรู้ไหมว่ากว่า หัวหน้าห้องจะจองห้องอาหารของที่นี่ได้ต้องลำบาก ขนาดไหน นายคิดว่าที่นี่เป็นร้านอาหารชั้นใต้ดินของ คนอย่างพวกนายงั้นหรือ คิดไปคิดมานายก็เป็นแมงดา เกาะผู้หญิงนี่นะ จะเอาอะไรมาพาอารียามาเลี้ยงข้าวที่นี่” บุษบากรพูดโดยไม่ให้เกียรติแม้แต่น้อย

เจตนิพัทธ์ก็ยิ้มอย่างเย็นชา พลางคิดภายในใจว่าคนบ้านนอกคอกนาอย่างรพีพงษ์ยังแกล้งทำเป็น

อวดดี

กลุ่มเพื่อนสมัยเรียนคนอื่นๆต่างก็หัวเราะเยาะรพีพงษ์

รพิพงษ์โค้งริมฝีปากของเขาและไม่ได้พูดอะไร คนที่ อยู่ในตำแหน่งสูงไม่ควรใส่ใจอธิบายกับมดที่อยู่บนพื้น

เมื่อเข้าไปข้างในโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนลก็มี คนออกมาต้อนรับพวกขา

บริกรคนนั้นเห็นเจตนิพัทธ์ก็พูดว่า “คุณผู้ชาย ไม่ทราบ ว่าคุณได้จองห้องอาหารไว้หรือยังครับ?

เจตนิพัทธ์พยักหน้า “พาพวกเราไปที่ห้องอีวานโฟน

นิก”
พอบริกรได้ยินชื่อห้องอาหาร สีหน้าก็เปลี่ยนไป “ขอ ประทานโทษนะครับคุณผู้ชาย ห้องอีวานโฟนนิกมีคน จองไว้แล้ว ทางเรายังมีห้องธรรมดาอีกห้องหนึ่ง ไม่ ทราบว่าคุณ…

“อะไรนะ!” เจตนิพัทธ์พูดเสียงดังด้วยความตกใจ “ไม่กี่ วันก่อนผมจองห้องอีวานโฟนนิกเอาไว้แล้ว พวกคุณเอา ให้คนอื่นจองได้อย่างไร?”

“คือแบบนี้ครับ ทางเรามีลูกค้าสมาชิกบัตรทองอยู่ท่าน หนึ่ง เดิมทีเขามาทานอาหารที่ห้องอีวานโฟนนิกเป็น ประจำ ลำดับเขาอยู่สูงกว่าคุณและตอนนี้เขาก็ยังทานอา หาารอยู่ที่นั่น” บริกรอธิบาย

เจตนิพัทธ์มีสีหน้าแข็งที่เขารู้ว่าหากต้องการสมัคร บัตรทองที่โรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนลแห่งนี้จะ ต้องเติมเงินขั้นต่ำหนึ่งล้านหยวน แต่เขาไม่ได้มีเงินมาก ขนาดนั้น
เมื่อตะกี้นี้เขายังคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตกอยู่ใน สถานการณ์หน้าเสียวหน้าขวานต่อหน้าเพื่อนสมัยเรียน ไม่คิดเลยว่าจะเจอกับสถานการณ์น่าอับอายแบบนี้

เขาหันไปมองตรงนั้นก็พบว่ามีชายร่างใหญ่ในชุดสูทระ ดับไฮเอนด์ยืนอยู่ตรงนั้น พอมองก็เห็นว่าเป็นเจ้านายใน บริษัทท่านหนึ่ง เขาเป็นแค่ผู้จัดการสาขาและแน่นอนว่า เทียบกับเขาคนนั้นไม่ติด

ในขณะที่เจตนิพัทธ์กำลังยุ่งอยู่กับการพยายามหา วิธีแก้ปัญหารพีพงษ์ก็เดินไปทางด้านข้างและหยิบ โทรศัพท์ออกมา จากนั้นก็ต่อสายโทรศัพท์ไปหาเธียร วิชญ์

“ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงแรมโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่น เนล ต้องการใช้ห้องอีวานโฟนนิกนั้น แต่มีคนแย่งพวก เราไปแล้ว นายช่วยฉันจัดการหน่อย”
“ได้ ไม่มีปัญหา” เธียรวิชญ์ตอบรับ

“ทุกคน…หรือว่าพวกเราจะไปห้องอาหารธรรมดากันดี ไหม?” เจตนิพัทธ์พูดด้วยสีหน้าว่างเปล่า

ในขณะนี้รพีพงษ์ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูด “ในเมื่อจอง ห้องอีวานโฟนนิกไว้แล้วก็ไปห้องอีวานโฟนนิกเถอะ ทำไมต้องไปห้องธรรมดาด้วยล่ะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ