แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

ตอนที่ 90 ผมจ่ายเต็มจำนวน



ตอนที่ 90 ผมจ่ายเต็มจำนวน

ตอนที่ 90 ผมจ่ายเต็มจำนวน

เจตนิพัทธ์ที่กำลังหัวเราะเยาะเย้ยรพีพงษ์ กลับเกร็งไปทันที

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

เขารีบเดินไปหยุดอยู่ค้างหญิงสาว มองไปที่เครื่องPOS เมื่อ เห็นตัวอักษรบนหน้าจอปรากฏขึ้นว่า ชำระเงินสำเร็จ และยอด เงินที่ชำระไปทั้งหมดสิบห้าล้าน

เจตนิพัทธ์กลืนน้ำลาย มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความรู้สึกรับไม่ ได้ เขาทำงานไม่ตั้งนาน ยังไม่เคยเก็บเงินได้ถึงสิบห้าล้าน แต่ รพีพงษ์เป็นแค่ผู้ชายเกาะผู้หญิงกิน จะมีเงินมากขนาดนั้นได้ เช่นไร?

“นะ…นายเอาเงินพวกนี้มาจากไหนกัน นี่ต้องไม่ใช่เงินของ นายแน่นอน!” เจตนิพัทธ์พูดขึ้น

รพีพงษ์ยิ้มและเหลือบมองเขา เอ่ยปากพูดขึ้น “ถ้าไม่ฉันของ ฉัน งั้นเป็นของนายงั้นหรือ?”
หลังจากที่รพีพงษ์ชำระเงินสำเร็จ หญิงสาวผู้นั้นดีใจจน ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทันใดนั้นเธอไม่ดูถูกเหยียดหยามหยาม เขาอีกต่อไป ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน หากตอนนี้รพีพงษ์จะ ใช้ให้เธอเรียกเขาว่าพอ เธอคงเรียกให้เขาอย่างไม่ลังเล

“คะ…คุณผู้ชาย ชำระเงินเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณเก็บสัญญาไว้ ก่อนนะคะ อีกไม่นาน จะได้รับโฉนดที่ดิน เมื่อถึงตอนนั้นฉัน จะแจ้งให้คุณทราบค่ะ” หญิงสาวผู้นั้นยิ้มและพูดกับเขา

ทันใดนั้นผู้จัดการเดินเข้ามา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะขาย บ้านเดี่ยวออก บ้านหลังนี้ เพียงพอที่จะให้ธุรกิจดำเนินไปได้ อีกหนึ่งเดือน

ผู้จัดการมองหญิงสาวผู้นั้นด้วยสายตาพึงพอใจ จากนั้นจึงหัน กลับไปมองรพีพงษ์ พูดด้วยความเคารพ “คุณผู้ชายครับ ผม ขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณด้วยนะครับ โฉนดมาเมื่อไหร่ ผมจะ ไปส่งให้คุณเองครับ”

คนที่สามารถซื้อบ้านหรูเช่นนี้ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มี ฟื้นเพใหญ่โต ผู้จัดการรู้จักคนสนิทใกล้ชิดของรพีพงษ์อยู่แล้ว

ดังนั้นจึงอยากประจบสักหน่อย
รพีพงษ์พยักหน้าลง ในเมื่อผู้จัดการจะมาเป็นคนส่งโฉนด ด้วยตัวเอง เขาก็ไม่ต้องเสียเวลามาที่นี่อีกรอบ

เมื่อเจตนิพัทธ์เห็นท่าทางของผู้จัดการและหญิงสาวที่ปฏิบัติ ต่อรพีพงษ์เปลี่ยนไป เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

รพีพงษ์ซื้อบ้านเดี่ยวหนึ่งหลังด้วยเงินเต็มจำนวนสิบห้าล้าน แน่นอนว่าทำให้เขารู้สึกไม่ยุติธรรม

“รพีพงษ์ นายเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้านหลังนี้กันแน่? ถ้าฉัน เดาไม่ผิด คงเป็นเงินที่อารียาให้นาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่า นาย จะเกาะผู้หญิงมาได้ถึงขั้นนี้ ใช้เงินของผู้หญิงโดยไม่รู้สึกอะไร สักนิด” เจตนิพัทธ์พูดขั้น

รพีพงษ์เหลือบมองเขา ไม่อยากโต้เถียงอะไรมาก จึงพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หลีกทางหน่อย ฉันจะกลับแล้ว”

เจตนิพัทธ์เห็นว่ารพีพงษ์ไม่พูดอธิบายอะไร เขายังมั่นใจว่า เงินที่ซื้อบ้าน เป็นเงินของอารียา

มีเพียงคิดเช่นนี้ที่จะทำให้เขารู้สึกเป็นธรรม
เขาเคยเป็นผู้จัดการ รู้ว่าเงินปันผลของโครงการในครั้งนี้ของ บริษัทซันบับบิลกรุ๊ปมีมากมายเท่าไหร่ ตอนนี้ตระกูลฉัตรมงคล เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ นั่นก็คืออารียา ดังนั้นเขาจึงคิดว่า เงินก้อนนี้เป็นเงินที่อารียาได้จากโครงการนี้

“ที ถึงแม้ว่านายจะซื้อบ้านที่แพงที่สุดของที่นี่ ก็ไม่สามารถ แก้ไขความเหลงไหลของนายได้ หากไม่มีอารียา นายก็ไม่ เหลืออะไร!” เจตนิพัทธ์พูดด้วยความโกรธ

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา เดินตรงออกไปข้างนอกทันที

ผู้จัดการและหญิงสาวรีบตามไป เพื่อจะออกไปส่ง แต่กลับถูก เขาห้ามไว้ก่อน

หลังจากที่รพีพงษ์กลับไป เจตนิพัทธ์ยิ่งคิดยิ่งแค้นมากขึ้น เขารู้สึกว่าเงินที่เขาใช้ซื้อบ้านหลังนี้ไป เดิมที่ควรเป็นของเขา

“ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเจ้าโง่อย่างรพีพงษ์ ฉันจะ ถูกไล่ออกได้อย่างไร ถ้าฉันยังอยู่ดูแลโครงการครั้งนี้ คนที่มา ซื้อโครงการนี้ ควรเป็นฉันต่างหาก”
รพงษ์ นายติดทางโชคลาภของฉัน แต่ยังแ49หญิงที่ “ ควรเป็นของฉันไปด้วย ฉันกับนายอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”

เมื่อออกมาจากห้องVIP รพีพงษ์เดินออกมาด้วยสีหน้ายิ่ง เรียบ ผู้คนมากมายภายในนั้นต่างให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก เมื่อเห็นเขาเดินออกมา ทุกคนล้วนแล้วแต่หันมามองสังเกต เขา

นี่เขาซื้อบ้านหลังนั้นแล้ว?”

จะเป็นไปได้ยังไง ถ้าเขาซื้อบ้านหลังนั้นจริง คนใน สำนักงานขายต้องจุดพลุฉลองแล้วสิ ดูสิ ตอนนี้ไม่มีใครเดิน ออกมากับเขาเลย ต้องเป็นเพราะไอ้หมอนี่หาข้ออ้างอะไร แน่นอน ทำให้พวกเขาไม่อยากเดินตามออกมา”

“ก็พูดถูกนะ ดูสีหน้าของเขา ไม่เหมือนคนที่เพิ่งซื้อบ้านเลย ถ้าเป็นฉัน คงยิ้มไม่หุบแล้ว”

“ๆ ต้องคุยโม่โอ้อวดแน่ๆ แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าเขาซื้อจริงๆ นั่นแหละจึงเป็นเรื่องผิดปกติ”

เมื่อรพิพงษ์กลับไปถึงบ้าน เขานำสัญญาซื้อบ้านเก็บไว้ใน

ห้องนอน

บ้านหลังที่เขาซื้อเป็นบ้านแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพ และหรูหราที่สุด เขาได้กุญแจมาเรียบร้อยแล้ว จะย้ายเข้าไป เมื่อไหร่ก็ได้

เมื่อโฉนดมาถึง บ้านหลังนี้ก็จะเป็นของเขาและอารียาโดย สมบูรณ์ หากศศินัดดายังคงบีบเขาให้ออกจากบ้านอีก เขาก็มี ที่อยู่พร้อมแล้ว

กลางดึก เมื่ออารียากลับถึงบ้าน รพีพงษ์ยิ้มให้ พร้อมพูดขั้น “ผมซื้อบ้านเรียบร้อยแล้วนะ”

อารียาตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่ารพีพงษ์จะซื้อบ้านเร็วขนาดนี้

“ทำไมเร็วขนาดนี้ล่ะ? ถ้าต้องกู้เงิน ต้องรอนานไม่ใช่เหรอ?” อารียาถามขึ้น

“ไม่ได้กู้เงิน ฉันซื้อเต็มราคา ” รพีพงษ์พูด
อารียาพยักหน้า คิดในใจว่า ห้องที่รพีพงษ์จ่ายไปด้วยเงิน เต็มจำนวนขนาดนี้ คงเป็นห้องที่ไม่ใหญ่มาก คงเป็นห้องชุด แบบที่มีห้องนอนห้องเดียว หรือไม่ก็อาจจะเป็นห้องสตูดิโอ แบบไม่มีห้องรับแขก

ใช้เงินซื้อเต็มราคาได้เช่นนี้ ตำแหน่งที่ตั้งคงไม่ค่อยดีเช่นกัน

แต่ถ้ามีเพียงแค่พวกเขาสองคนพักอาศัย ห้องเล็กหน่อย คงไม่เป็นอะไร อีกอย่าง ตอนนี้พวกเขามีรถ อยู่ไกลออกไป หน่อยก็ไม่เป็นไร ดังนั้นอารียาจึงไม่ได้พูดอะไร

เพราะเธอเดาว่ารพีพงษ์ซื้อห้องขนาดเล็ก จึงไม่ได้ถามราย ละเอียดเรื่องห้องเยอะ

รพีพงษ์ก็อยากจะทำเซอไพรส์ให้อารียา จึงไม่ได้บอกว่าตน ซื้อบ้านคฤหาสน์หรู

“รอให้เธอมีเวลาว่างเมื่อไร แล้วฉันจะพาไปดูบ้านของพวก เรานะ” รพีพงษ์ยิ้มพลางพูดขึ้น

อารียาพยักหน้า เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ม่ได้ให้ดูรูป จึงมันใจมากขึ้นว่าเขาคงซื้อห้องขนาดเล็กมาก จึงอายจนไม่ อยากให้เธอดู

ผ่านไปไม่นาน ศศินัดดาและศักดาก็กลับมาจากข้างนอกพอดี ทั้งสองทำสีหน้าไม่พอใจ ราวกับมีใครทำไม่ดีใส่พวกเขา

“แม่ กลับมากันแล้วเหรอคะ หนูกำลังให้รพีพงษ์ทำอาหาร อยู่” อารียาพูดขึ้น

“ไม่ต้องทำแล้ว คืนนี้พวกเราไปทานข้าวที่บ้านลุงสอง” ศศิ

นัดดาพูดอย่างไม่พอใจ

ไปทานข้าวที่บ้านลุงสอง?” อารียาตกใจตะลึง ลุงสองคือพ่อ ของชรินทร์ทิพย์ ทั้งสองตระกูลไม่ลงรอยกันมาตั้งแต่ไหนแต่ ไร คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ต้องไปทานข้าวบ้านเขา

“ลุงสองซื้อบ้านหลังใหม่ ตั้งใจเชิญพวกเราไปทานข้าว เขา ไม่เชิญคนอื่น แต่กลับมาเชิญแต่บ้านพวกเรา อันที่จริงก็คง อยากคุยโวโอ้อวด” ศศินัดดาพูดกัดฟัน

อารียาจึงเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้าเดาไม่พูด เรื่องทานข้าวคงเป็นคำแนะน่ำจากนรินทร์ทิพย์

ใต้อ เขาซื้อบ้านใหม่เขา อยากไยาดก็ถือเป็นเรื่องแน่นอน อยู่แล้ว พวกเขาไปดูกันหน่อยเคอe” ศักดาพครันอย่างคน

“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก ฟอเดียวกันแท้ๆ เขามีทั้งบ้านทั้ง นายละ จะให้ฉันอยู่บ้านโทรมๆนี่ไปทั้งชีวิตเลยขั้นเทรอ ัน พลาดจริงๆที่แต่งให้กับคนไม่มีอนาคตอย่างนายดนัดา พูดตัดพ้อใส่ศักดา

ศักดากลัวหัวหด ไม่กล้าพูดอะไรต่อ

ทันใดนั้นรพีพงษ์เดินออกมาจากห้องครัวพอดีเมื่อศดินัตดา เห็นเธอ ยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้น พูดตะคอกใส่เขา นายก็อีกคน ไหนบอกว่าจะซื้อบ้านไม่ใช่เหรอ บ้านที่นายซื้อละ? ลูกสาวฉัน แต่งงานกับนายช่างน่าสงสารจริงๆ

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินเช่นนั้น จึงตอบกลับทันที ผมซื้อบ้านแล้ว ครับ”

ศศินัดดาอึ้งตะลึงไป รีบถามขึ้น “นายซื้อบ้านแล้วเทรอ? นายหลอกใครกัน ตอนนี้บ้านแพงขนาดนั้น นายคิดจะซื้อ ก็ซื้อได้เลยงั้นรึ?”

“ผมซื้อแล้วจริงๆ ถ้าคุณไม่เชื่อ เดี๋ยวผมพาไปดูครับ” รพีพงษ์ พูดขึ้น

เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนั้น ศศินัดดาเริ่มเชื่อเขา จึงถามขึ้น “นายจ่ายเงินดาวน์ไปเท่าไหร่? เดือนนึงผ่อนเท่าไหร่? ฉันจะ บอกให้นะ ถ้าไม่เยอะมาก นายก็ผ่อนเองไปเลย อย่ามาคิดว่า ลูกสาวของฉันจะจ่ายหนี้ให้

“ผมซื้อสดเต็มราคาครับ ไม่ต้องกู้เงิน” รพีพงษ์กล่าว

ศศินัดดายิ่งสงสัยมากขึ้น ไม่รู้ว่ารพีพงษ์เอาเงินมากมาย เหล่านี้มาจากไหน

“แคลร์ บอกกับแม่มาตรงๆ เงินที่เขาซื้อบ้านเป็นของลูกใช่ ไหม ช่วงนี้ลูกได้เงินจากบริษัทมาเท่าไหร่แล้ว? ซื้อบ้านไม่ได้ ใช้เงินน้อยๆนะ ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ขึ้นมา พวกเราแย่แน่” ศศินัดดา ถามขึ้น

“แม่ รพีพงษ์ออกเงินซื้อบ้านเองค่ะ เขาซื้อห้องเล็กๆ ไม่ได้ ใช้เงินมากมาย หนูไม่ได้เงินเอามาจากบริษัท”อารียาพูดอธิบาย

เมื่อได้ยินอารียาพูดเช่นนั้น ศตินัดตาเริ่มเชื่อขึนมามากขึ้น จากนั้นหันไปมอง รัพงษ์ พูดด้วยความดูถูก “ซื้อห้องเล็กๆโท รมๆ มีอะไรน่าภูมิใจงันหรือเทียบกับบ้านชรินทร์ทิพย์ได้รึเปล่า เขาซื้อบ้านกลางเมื่อเชียวนะ นายไม่กลัวขายหน้าบ้างหรือไง ยังจะกล้าเอามาเทียบกันอีก”

รพีพงษ์หมดคำพูด เพราะนี่เป็นสิ่งที่ศศินัดดาเอาตัวเองไป เปรียบเทียบเอง เขาเพียงแค่บอกว่าซื้อบ้านแล้วเท่านั้น

“แม่ บ้านที่รพีพงษ์ซื้อเป็นบ้านที่ให้เราสองคนอยู่เท่านั้น ซื้อ หลังใหญ่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร แม่ก็อย่าไปรู้จักับเขามาก แม่บอกว่าจะไปทานข้าวบ้านลุงสองไม่ใช่เหรอคะ รีบไปเถอะ ค่ะ” อารียากล่าว

ศศินัดดาบ่นพึมพำ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจรพีพงษ์เป็นอย่าง มาก รู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะซื้อห้องเล็ก แต่เงินที่ซื้อต้องเป็นของ อารียาแน่นอน ไม่เช่นนั้นคนสวะอย่างเขา จะมีเงินพอซื้อบ้าน ได้อย่างไร
“ช่างหน้า18 10 อันจะนอนให้ยาแต่sioขอดี พวกเราด้วย เงินพาเป็น แต่ต้องต้นให้&f ศติดตา

จากนั้นทั้งคนก็เป็น6าจากด้วนแนวรัดาป็นดนชัน

พาพวกเขาขับตรงไปยังเมือง

ศศินัดดาบอกตำแหน่งที่ตั้งบ้านใหม่ของชนทร์ที่พย์ให้อย ยา อารียาเคยได้ยินชื่อหมู่บ้านนี้มาก่อน ถือว่ามีชื่อเสียงโด่ง สังมากในเมืองริเวอร์ ราคาค่อนข้างสูง

ผ่านไปไม่นานนัก อารียาก็จอดรถอยู่ด้านข้างหมู่บ้าน ทั้งสี่ คนเดินลงมาจากรถ ศศินัดดาและศักตามองไปดูสิ่งแวดล้อมะ บๆ ด้วยสีหน้าอิจฉา

“ที่ตรงนี้ดีจังเลย เมื่อไหร่ฉันจะได้อยู่ที่แบบนี้บ้าง ศตินัตตา พูดตัดพ้อ

รดีพงษ์มองไปรอบๆ รู้สึกว่าหมู่บ้านนี้ค่อนข้างดี แต่ทางจาก คงเย็นไกลพอสมควร แวดล้อมก็ไม่ดีเท่าคงเป็น หากจะแปรียบ ทั้งสองที่ ที่นี้ถือว่าคนละระดับกับคงเป็นเลยทิเดียว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ