แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่135 มารับคุณรพีพงษ์ตามคำบัญชา



คนทั้งห้องโถงตกตะลึง ห้องโถงทั้งห้องเงียบกริบ

นกที กลืนน้ำลายลงคอ มือทั้งสองรับบัตรเชิญ อย่างสั่นเทา พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า”พวกเรา จะไปร่วมงานแน่นอนครับ ฝากบอกคุณท่านบ้าน ตระกูลกุลสวัสดิ์ด้วย ขอบคุณที่ท่านเชิญตระกูล

ฉัตรมงคลมาร่วมงาน

ชายสวมชุดสูทพยักหน้า แล้วออกจากคฤหาสน์

ทุกคนต่างมองไปทางรพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ คิดไม่ ถึงว่าตระกูลกุลสวัสดิ์จะส่งบัตรเชิญมาจริงๆ

“รพีพงษ์เป็นคนจัดการมาได้จริงๆหรือนี่ เหตุใด ตระกูลกุลสวัสดิ์ถึงได้เชื่อฟังเขาขนาดนี้ ถึงขนาด มาส่งบัตรเชิญให้ถึงบ้านเลย ได้ยินมาว่าบัตรเชิญ ตระกูลกุลสวัสดิ์แจกหมดไปเมื่อหลายวันก่อน นา”คนๆหนึ่งพูดขึ้น

อารียามองรพีพงษ์อย่างตกตะลึง ไม่รู้เหมือนกันว่า รพีพงษ์ได้มายังไง เขายังไม่ได้ก้าวขาออกจากเรือน เลย หรือเขาแค่ใช้โทรศัพท์ ตระกูลกุลสวัสดิ์ก็ส่ง บัตรเชิญมาแล้ว
“ตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่ได้ส่งบัตรเชิญมาเพราะพี พงษ์หรอก เมื่อกี้ผมจ้องมันอยู่นาน มันยืนอยู่ข้าง นอกตลอด บัตรเชิญนี่น่าจะเป็นบัตรที่ตระกูลกุล สวัสดิ์ตั้งใจจะส่งมาแล้วมากกว่า”

ธายุกรทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“มีเหตุผล ระยะเวลาสั้นขนาดนั้น รพีพงษ์ยังไม่ทัน ได้ออกจากบ้านเลย ตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่มีเหตุผลที่ จะส่งบัตรเชิญมาเพราะมัน”คนหลายคนเห็นพ้อง ต้องกัน

รพีพงษ์เห็นว่าคนพวกนี้ไม่เชื่อ จึงหยิบมือถือตัวเอง ออกมา แกว่งไกว พูดขึ้นรพีพงษ์”มันยุคสมัยไหน แล้ว บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่ได้อยู่ใกล้ๆเลย ผมก็ โทรให้พวกเขาเอามาสิ

ธายุกรเบ้ปาก พูดขึ้น“หยุดตอแหลสักที แกอาจจะ มีเบอร์โทรบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ หรือว่าแกลืมแล้ว หรือไงว่าเมื่อคืนตัวเองทำอะไรไว้กับคุณชาย ถ้าแก มีเบอร์โทรบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ได้จริง พระอาทิตย์ คงจะโผล่มาจากทิศเหนือ”

“นั่นสิ รพีพงษ์สร้างความขุ่นเคืองให้บ้านตระกูล กุลสวัสดิ์ขนาดนั้น เขาจะส่งบัตรเชิญมาให้ถึงที่ได้ อย่างไร เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
“ นั่นสินะ เห็นได้ชัดว่าตระกูลกุลสวัสดิ์เห็นว่าบ้าน ฉัตรมงคลเรายิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน ก็เลยเอามาส่งให้เรา

เอง

รพีพงษ์ปิดปากเงียบ ขอแค่คนพวกนี้ไม่เชื่อ พวก เขาก็มักจะหาข้ออ้างมาเสมอแหละ

สีหน้านภทีป์ดีขึ้นมาก เห็นได้ชัดว่าบัตรเชิญ ที่ตระกูลกุลสวัสดิ์ส่งมา ทำให้เขารู้สึกดีใจและ ประหลาดใจอย่างมาก ส่วนเรื่องของรพีพงษ์ เขาไม่

เก็บมาใส่ใจแล้ว

“คุณปู่ครับ แสดงว่าตระกูลกุลสวัสดิ์ต้องยอมรับใน บ้านฉัตรมงคลของเราแน่ๆเลย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ รพีพงษ์หรอกครับ”ธายุกรพูดกับนาทีปั

นภทีป์พยักหน้า เปิดปากพูด“ไม่เลว ตอนนี้บารมี ตระกูลฉัตรมงคลไม่ได้อ่อนด้อยกว่าใคร ตระกูล กุลสวัสดิ์ยอมรับบ้านเราแล้วล่ะ

“งั้นเราก็ไสหัวรพีพงษ์ออกจากบ้านเถอะครับ อย่างไรเสียก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรพีพงษ์ ธายุกร เปิดปากพูด
นกทีฬส่ายหน้า พูดขึ้นว่า “แม้ว่าตระกูลกุลสวัสดิ์จะ ยอมรับในพวกเรา ในเมื่อตระกูลกุลสวัสดิ์ยอมส่ง บัตรเชิญมา ก็แปลว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องเมื่อวาน ก่อน หน้ารพีพงษ์ก็มีประโยชน์เรื่องโครงการซันบับเบิล ก็ เอามันไว้ก่อนแล้วกัน”

ธายุกรร้อนใจขึ้น คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะรอดตัวไป ได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้ง ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้เขาไม่พูด มากแต่แรกดีกว่า

“คุณปู่ครับ ให้รพีพงษ์อยู่ต่อไม่ได้นะครับ เขาจะ ต้องรู้ล่วงหน้าแน่นอนว่าตระกูลกุลสวัสดิ์จะส่งบัตร เชิญมา ถึงได้กล้าวางท่าขนาดนี้ บ้านเราจะเหลือไอ้ สวะแบบนี้ไว้ไม่ได้นะครับ ”

ธายุกรกล่าว

นกที โบกปัดมือ พูดขึ้น“เอาล่ะ เรื่องนี้ พอแค่ นี้แหละ บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์บอกว่าให้เราไปทั้ง ครอบครัว จำนวนคนต้องควบคุมให้ดี ไปหารือกัน มาว่าจะให้ใครไปกับปู่

ทุกคนต่างรุมล้อมขึ้นมา โอกาสที่ดีขนาดนี้ แน่นอน ว่าพวกเขาต้องอยากตามไปด้วย

ธายกรกัดฟันกรอด คิดไม่ถึงว่าพอนกที อารมณ์แล้ว กลับไม่ไปเอาเรืองรพีพงษ์

“คุณปู่ครับ ใครไปกับคุณปู่ผมตัดสินใจไม่ได้ แต่ ที่แน่ๆรพีพงษ์ไปไม่ได้ครับ ไม่อย่างนั้นจะขายหน้า ตระกูลฉัตรมงคลเสียเปล่าๆ”ธายุกรพูด

“ฮ่าๆ รพีพงษ์บอกแล้วนี่ว่าตระกูลกุลสวัสดิ์ได้เชิญ เขาแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องไปกับคุณปู่หรอก”จู่ๆมีคน หัวเราะขึ้น

นภทีป์เหล่มองรพีพงษ์ พูดว่า”งานเลี้ยงตระกูล กุลสวัสดิ์เป็นงานสำคัญมาก รพีพงษ์ไม่มีสิทธิ์ไป แน่นอน อีกอย่างเรื่องเมื่อคืน พวกแกทั้งบ้านก็ไม่ ต้องไป ถือว่าเป็นการลงโทษพวกแก”

เดิมทีศศินัดดากับศักดาอยากจะตามไปเปิดหูเปิด ตาสักหน่อย แต่พอได้ยินนาทีป์พูด

แบบนี้ ใจก็รู้สึกเย็นว๊าบ

พวกเขามองไปที่รพีพงษ์อย่างเกลียดชัง รู้สึกว่า เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกตนไม่ได้ไป

งานเลี้ยง ทั้งหมดเป็นความผิดของรพีพงษ์คนเดียว

พวกเขาไม่รู้ ต่อให้ไม่มีเรื่องของรพีพงษ์ นาทีป์
อารียาไม่สนใจเรื่องนี้ เธอไม่ได้สนใจงานเลี้ยง อาหารค่ำบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์เลยแม้แต่น้อย

“ศักดา พวกแกทั้งบ้านกลับไปก่อนเถอะ ต่อไปก็ดู ไอ้รพีพงษ์มันดีๆหน่อย อย่าให้ไปก่อเรื่องข้างนอก

อีก”นาที พูดกับศักดา

ศักดาขานรับ จากนั้นจึงหันไปพูดกับศศินัดดาและ อารียาว่า “พวกเราไปกันเถอะ”

สี่คนทั้งครอบครัวเดินออกจากคฤหาสน์ไป สายตา ทุกคู่ต่างมองไปที่พวกเขาอย่างเย้ย

หยัน ปากก็คอยพูดจาตัดกำลังใจ

พอมาถึงข้างนอก ศักดาไปเอารถมา ศศินัดดาโก ธรจน ยื่นมือไปบีบคอรพีพงษ์ ตะโกนขึ้นว่า “เพราะ แกคนเดียวไอ้สวะ! ถ้าไม่ใช่เพราะแก พวกเราคง ได้ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ แล้ว ตอนนี้แกทำให้พวกเราสูญเสียโอกาสที่จะได้ คอนเนคชั่นคนใหญ่คนโต แกจะต้องเสียค่าชดเชย

ให้พวกเราล้านนึง! ”

อารียามองมารดาตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ คิดไม่ ถึงว่ามารดาจะเป็นคนแบบนี้
“แม่คะ จะบ้าไปแล้วเหรอ แม่คิดว่าต่อให้ไม่มีเรื่อง รพีพงษ์ คุณปู่จะยอมให้พวกเราไปงานเลี้ยงด้วย เหรอ แล้วทําไมรพีพงษ์จะต้องให้แม่ล้านนึงด้วยล่ะ คะ”อารียาเปิดปากพูด

“ฉันไม่สน เอาเป็นว่ามันติดค้างบ้านเรา ถ้ามันไม่ให้ ขู่เข็ญ

คืนนี้ก็อย่าหวังจะได้เข้าบ้าน! ” ศศินัดดาบังคับ

รพีพงษ์มองศศินัดดา เมื่อกี้ที่โดนศศินัดดาบีบคอ ช่างเจ็บจริง ถ้าไม่เห็นว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ล่ะก็ รพี พงษ์คงตบเธอกระเด็นแล้ว

“อย่าลืมนะครับ คุณแม่ต้องจ่ายค่าส่วนกลาง คุณ แม่ไม่ให้ผมเข้าบ้าน ผมไปนอนโรงแรมได้ แต่ค่า ส่วนกลางเดือนละแสนนี่ควักจ่ายเองนะครับ รพีพงษ์ พูดเสียงเย็นชา

ศศินัดดานิ่งขึ้นทันที พูดขึ้นว่า “สักแต่รังแกคนซื่อๆ แบบฉัน รพีพงษ์ แกมันใจดำจริงๆ!”

รพีพงษ์พูดไม่ออก เขารู้สึกว่าคำพูดนี้เขาน่าจะเป็น คนพูดมากกว่า

ไม่นาน ศักดาขับรถมา ทั้งสามคนขึ้นรถ แล้วขับไป ทางดงเย็น
ตลอดทางทั้งสี่คนนั้นเงียบกริบ

ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากไปงานเลี้ยงอาหารค่ำบ้าน ตระกูลกุลสวัสดิ์ ผมพาไปได้นะครับ รพีพงษ์ขัด ความเงียบขึ้น

ศศินัดดาตะคอกเสียงแหบพร่า”แกหุบปากไปเลย

แกนอกจากโม้ขี้ฟันเหม็น ยังมีปัญญาทำอะไรได้อีก แกคิดว่าบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์จะเชิญแกจริงๆหรือไง แกอย่ามาฝันหน่อยเลย! ”

รพีพงษ์ยักไหล่ เมื่อกี้เขาอยากพาศศินัดดากับ ศักดาไปงานเลี้ยงด้วยใจจริง ในเมื่อไม่ อย่าโทษกันแล้วกัน เชื่อ ก็

หลังจากนี้ไม่กี่วัน บ้านฉัตรมงคลก็มัวแต่ง่วนอยู่กับ งานเลี้ยงตระกูลกุลสวัสดิ์ นภทีป์ต้องการให้เด็กๆ บ้านฉัตรมงคลได้เปิดหูเปิดตา เขาเลยเลือกแต่พวก เด็กๆไปร่วมงานกับเขา

แน่นอนว่าในนั้นต้องมีธายุกรกับชรินทร์ทิพย์

ในตอนที่ชรินทร์ทิพย์รู้ว่านกทีป์จะไม่พาอารียาไป ร่วมงาน เธอดีใจจนออกนอกหน้า งานเลี้ยงอาหาร ค่ำตระกูลกุลสวัสดิ์จะทำให้เธอได้รู้จักสุภาพบุรุษ

มากมาย เวลานั้นเธอลองเลือกคบคนเก่งๆสักสองสามคน ต่อให้อารียาเป็นผู้จัดการบ้านฉัตรมงคลก็

เถอะ สู้เธอไม่ได้

แน่นอน

ยุคสมัยนี้คอนเนคชั่นก็คือการเงิน ต่อให้อารียา เป็นผู้จัดการ แต่ไม่มีคอนเนคชั่น ก็ยังคงทำงานรับ เงินเดือนนั่นแหละ

รพีพงษ์อธิบายให้อารียาฟัง ว่าเขาได้บัตรเชิญบ้าน ตระกูลกุลสวัสดิ์มาจริงๆ เขาพาเธอไปด้วยได้

แม้ว่าอารียาจะไม่เชื่อ แต่เพื่อที่จะไม่ให้รพีพงษ์ผิด หวัง จึงตกปากรับคำ ว่าจะไปกับเขา

ไม่กี่วันนี้อารียารู้สึกแปลกๆ บุษบากรมาคุยเรื่อง รพีพงษ์กับเธอทุกคืน แม้ว่าจะดูเหมือน ตั้งใจกึ่งไม่ ตั้งใจ แต่บุษบากรทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าความ สัมพันธ์ระหว่างบุษบากร กับรพีพงษ์นั้นดีขึ้น

นอกจากนี้เคยมีครั้งหนึ่งที่บุษบากรเผลอพูดออก มา ว่ามีคืนหนึ่งเธออยู่กับรพีพงษ์ แต่ว่าเธอก็เปลี่ยน คำพูดโดยเร็ว

พอคิดถึงว่าหมู่นี้รพีพงษ์ออกไปช่วงกลางคืนถี่ๆ ใน ใจอารียาก็รู้สึกแปลกๆ
ทุกครั้งที่รพีพงษ์ออกไป มักจะพูดกับเธอว่ามีธุระ ต้องจัดการ เธอเองก็ไม่เคยสงสัย แต่พอบุษบากร หลุดพูดออกมา ทำให้อารียาสงสัยขึ้นมาทันทีว่า ตอนกลางคืนรพีพงษ์ออกไป

หาบุษบากรหรือเปล่า

ผู้หญิงมักจะเชื่อในสัญชาตญาณตัวเองเสมอ

เธอลองถามรพีพงษ์ ว่าช่วงนี้สนิทกับบุษบากรเกิน ไปหรือเปล่า รพีพงษ์แสดงออกว่าไม่มี ยิ่งทำให้อารี ยาสงสัยว่าเขากับบุษบากรมีอะไรกันหรือไม่

แต่ว่าความสงสัยก็เป็นเพียงแค่ความสงสัย อารียา ไม่สามารถยืนยันได้ จึงไม่ได้เรียกรพีพงษ์คุยเรื่องนี้

พริบตาก็มาถึงวันงาน ในตอนบ่าย รพีพงษ์ได้ไปที่ บริษัทของอารียา ว่าจะไปงานเลี้ยงอาหารค่ำบ้าน ตระกูลกุลสวัสดิ์พร้อมกันกับเธอ

ในตอนที่รพีพงษ์เข้ามาในบริษัท ก็เห็นธายุกรกับ ชรินทร์ทิพย์เดินออกมาพอดี

ทั้งคู่เห็นรพีพงษ์ สีหน้าแสดงความเยาะเย้ยขึ้น

แหม นี่รพีพงษ์นี่นา นายได้รับเชิญไปงานเลี้ยง “ ตระกูลกุลสวัสดิ์แล้วนี่ ยังไม่รีบไปบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์อีก มาที่บริษัททำไม”ธายุกรยิ้ม

“ผมมารับอารียาไปด้วยกัน”รพีพงษ์พูด

ซรินทร์ทิพย์เบ้ปาก แล้วพูดขึ้น“รพีพงษ์ ไม่หน้า ด้านไปหน่อยเหรอ นายไม่มีแม้แต่บัตรเชิญ จะไป ร่วมงานเลี้ยงยังไง นายเข้าไม่ได้แม้แต่ประตูบ้าน ตระกูลกุลสวัสดิ์โอเคป่ะ ฉันว่านายอย่ามาฉีกหน้าตัว เองที่นี่เลย”

“พอแล้วล่ะเจน อย่ามัวต่อปากต่อคำกับคนที่มพวก นี้เลย เขาก็แค่พูดสะใจๆ พวกเราต่างหากที่ต้องไป ร่วมงานจริงๆ รีบกลับไปแต่งตัวออกไปกับคุณปู่ เถอะ”ธายุกรพูดขึ้น

ชรินทร์ทิพย์พยักหน้า หลังจากที่ส่งสายตาสมเพช ให้รพีพงษ์แล้ว ก็เดินออกจากบริษัท

รพีพงษ์เดินเข้าไปข้างในต่อ จนมาถึงออฟฟิศของ อารียา

อารียาเห็นรพีพงษ์มา จึงลังเลย แต่ก็เปิดปาก ถาม“รพีพงษ์ คุณจะพาฉันไปร่วมงานเลี้ยงบ้าน ตระกูลกุลสวัสดิ์ ไม่มีบัตรเชิญจะทำอย่างไร”

รพีพงษ์ยิ้ม พูดขึ้น“พวกเราไม่ต้องใช้บัตรเชิญหรอก คนของตระกูลกุลสวัสดิ์จะมารับเรา”

อารียาตะลึง ไม่รู้ว่ารพีพงษ์พูดจริงหรือเล่น ตระกูล กุลสวัสดิ์ส่งคนมารับเหรอ จะต้องยิ่งใหญ่แค่ไหนถึง ได้รับการปฏิบัติแบบนี้

เวลานี้โทรศัพท์ของรพีพงษ์ดังขึ้น

“สวัสดีครับ คุณรพีพงษ์ใช่ไหมครับ ผมเป็นคนรถ ของบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์มารับคุณไปงานเลี้ยงครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ”

รพีพงษ์บอกที่อยู่ของบริษัท คนรถบอกว่าอีกสิบ นาทีถึง

สิบนาทีต่อมา รพีพงษ์จับมืออารียา พูดขึ้น”เราลง

ไปกันเถอะ”

อารียาคิดถึงอาการแปลกๆของบุษบากรเมื่อสอง

สามวันก่อน จึงสะบัดมือออกจากมือรพีพงษ์ เธอ พยักหน้า ลุกขึ้นยืนแล้วสลัดมือหลุดจากมือรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ คิดว่าอารียาคงเขิน เพราะอยู่ในบริษัท

ทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูบริษัท อารียายังคงสงสัยในคำพูดรพีพงษ์ อย่างไรเสียดนตระกูลกุล สวัสดิ์ไม่มีเหตุผลที่ต้องส่งคนมารับรพีพงษ์

เวลานี้เองรถลินคอร์นขนาดยาวมาจอดเทียบหน้า

บริษัท คนรถลงมา เดินมาหยุดตรง

หน้ารพีพงษ์

“สวัสดีครับ คุณรพีพงษ์ใช่ไหมครับ”

รพีพงษ์พยักหน้า

“ ผมเป็นคนรถบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ครับ ได้รับคำ บัญชาให้มารับคุณรพีพงษ์ไปร่วมงานเลี้ยงอาหาร

อารียาได้ฟัง จึงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

คนรถบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ หรือว่า ประมุขบ้าน ตระกูลกุลสวัสดิ์จะเชิญรพีพงษ์ไปร่วมงานเลี้ยง

จริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ