แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่176 จุดจบอันสมเพชของนกทีปั



บทที่176 จุดจบอันสมเพชของนกที

รพีพงษ์ได้ยินคําถามของศศินัดดา ชะงักซักพัก แล้วกล่าว “รู้จักกันโดยบังเอิญ ครั้งที่แล้วที่เธอไปหา ผมเพื่อสอบถามเรื่องบางอย่าง”

ศศินัดดาพยักหน้าอย่างกำลังคิดอะไรอยู่ในตอน นั้นในใจของเธอมีความรู้สึกสงสัยความสัมพันธ์ของ รพีพงษ์และโยษิตาว่าไม่ธรรมดา บวกกับ คืนนั้นที่ ศักดาบอกว่ารพีพงษ์อาจจะเป็นคนของตระกูลลัด ดาวัลย์ ในใจของฉันศศินัดดาก็รู้สึกสงสัยว่าร พงษ์อาจจะเป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์

เมื่อความคิดนี้ผุดเข้าไปในสมองของเธอในใจ ของเธอก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เพราะหลายปีมานี้ เธอรุนแรงกับรพีพงษ์เหลือเกิน เอะอะอะไรก็ว่าเขา รพีพงษ์ก็ไม่โต้ตอบมาโดยตลอด

ถ้าเขาเป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์จริงๆ ถึงเวลา นั้นฉันจะสั่งสอนตัวเองเกี่ยวกับทัศนคติของฉันที่มี ต่อเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เธอยังไม่กล้าพูด อะไร
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดว่าเค้ากับโยษิตา รู้จักกันโดยบังเอิญเท่านั้น มาหาเค้าก็เพียงแค่ สอบถามเรื่องราวเท่านั้น ในใจก็รู้สึกผ่อนคลายลง

มา

เพียงแค่รพีพงษ์ไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลลัดดา วัลย์ก็โอเคแล้ว แม้ในมือรพีพงษ์จะมีเงินเล็กน้อย เธอก็ยังสามารถที่จะบีบบังคับรังแกรพีพงษ์อย่างไร ก็ได้

“ช่วงนี้โชคของแกไม่ใช่โชคดีธรรมดา แม้กระทั่ง คนของตระกูลลัดดาวัลย์ก็ยังรู้จักโดยบังเอิญได้ คนนั้นหาแกเพื่อสอบถามเรื่องราว น่าจะให้เงินแก ไม่น้อยนะ เงินของแกก็น่าจะได้มาจากตรงนี้สินะ คนตระกูลลัดดาวัลย์เวลาจ่ายเงินก็ใจปั๊มจริง วัตถุ โบราณเหล่านี้ที่มีมูลค่าหลักร้อยล้าน ยังมอบให้ อารีได้เลย

“รพีพงษ์ ฉันบอกแกไว้นะ ตอนนี้ฉันก็เป็นคนที่มี ทรัพย์สินมูลค่ากว่า ยล้าน ต่อไปขู่ฉันเรื่องค่าส่วน กลางให้น้อยๆหน่อย แกสามารถหารายได้จากคน ตระกูลลัดดาวัลย์ได้ ต้องขอบคุณลูกสาวฉัน ไม่ งั้นแกจะมีโชคที่จะได้รู้จักคนของตระกูลลัดดาวัลย์ หรอ ดังนั้นเงินพวกนั้นของแก ก็ล้วนเป็นเงินของ

ครอบครัวฉัน
เดี่ยวแกเอาบัตรธนาคารของแกมาให้ฉัน ต่อไป ฉันจะเป็นคนกําหนดให้แกเอง ในหนึ่งเดือนให้เงิน ค่าครองชีพพนหยวน ฉันมีน้ำใจกับแกขนาดนี้ แก ควรที่จะกตัญญู เข้าใจไหม?”

ศศินัดดากล่าวอย่างคิดไปเอง

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินดังนี้ก็รู้สึกไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ในใจ คิดว่าแม่ภรรยาของตนนั้นสมองน่าจะไปแล้ว ไม่ใช่ เป็นสิ่งที่คนทั่วไปเค้ามีกัน

หลังจากที่อารียาได้ยินคำพูดของศศินัดดาแล้วใน ใจรู้สึกโกรธ โยษิตามอบวัตถุโบราณเหล่านี้ให้เธอ ก็ไม่ใช่ว่าเพราะให้เกียรติรพีพงษ์หรอกหรอ

ไม่คาดคิดว่าศศินัดดาจะคิดว่านี่คือโชคดีของเธอ เอง แล้วยังคิดจะยึดบัตรธนาคารของรพีพงษ์อีก เกินไปแล้วจริงๆ

“แม่ ถึงแม้วัตถุโบราณเหล่านี้จะมีมูลราคามาก คุณก็ขายไม่ได้ อารียากล่าว

“ทําไมถึงขายไม่ได้? ก็มอบให้แกแล้ว ก็ต้องเป็น ของแก อยากขายก็ต้องขาย ถ้าไม่ให้ขายแล้วจะเอาของพวกนี้ไว้ทําไม” ศศินัดดากล่าว

หรือวันนี้คุณไม่เห็นจุดจบของชรินทร์ทิพย์หรอ ก็เพราะเธอขายวัตถุโบราณไปสองชิ้น ตระกูล ฉัตรมงคลทั้งตระกูลต้องรวบรวมเงินแทนเธอ ถึง ตอนนั้นคุณเอาวัตถุโบราณเหล่านี้ไปขายแล้ว คน ของตระกูลลัดดาวัลย์มาเอาคืน ความผิดนี้คุณรับ ผิดชอบเอง” อารียากล่าว

ศศินัดดาคิดว่าความจริงแล้วก็มีเหตุผลนี้อยู่เหมือน กัน ตอนแรกมีความรู้สึกตื่นเต้นแต่ตอนนี้กลับกลาย เป็นโศกเศร้า

ฉันก็ไม่เข้าใจพวกของ ไม่ให้ขาย แม้จะมีมูลค่ากี ไม่มีประโยชน์อะไร” ศศินัดดาพูดอย่างเป็นทุกข์

“ดังนั้นตอนนี้คุณก็ไม่ต้องคิดแล้วว่าตัวเองมีเงิน มาก แล้วฉันก็ไม่งาน ตอนนี้คนในครอบครัวทุกคน ต้องพึ่งรพีพงษ์

ต่อไปถ้าจะให้ดีคุณก็ทำดีกับรพีพงษ์สักหน่อย ถ้า ยั่วโมโหเขาแล้ว แม้แต่เงินที่จะกินข้าวคุณก็จะไม่มี อารียาสอดส่องสายตาไปมาแล้วกล่าว
เอาของพวกนี้ไว้ทําไม” ศศินัดดากล่าว

หรือวันนี้คุณไม่เห็นจุดจบของชรินทร์ทิพย์หรอ ก็เพราะเธอขายวัตถุโบราณไปสองชิ้น ตระกูล ฉัตรมงคลทั้งตระกูลต้องรวบรวมเงินแทนเธอ ถึง ตอนนั้นคุณเอาวัตถุโบราณเหล่านี้ไปขายแล้ว คน ของตระกูลลัดดาวัลย์มาเอาคืน ความผิดนี้คุณรับ ผิดชอบเอง” อารียากล่าว

ศศินัดดาคิดว่าความจริงแล้วก็มีเหตุผลนี้อยู่เหมือน กัน ตอนแรกมีความรู้สึกตื่นเต้นแต่ตอนนี้กลับกลาย เป็นโศกเศร้า

ฉันก็ไม่เข้าใจพวกของ ไม่ให้ขาย แม้จะมีมูลค่ากี ไม่มีประโยชน์อะไร” ศศินัดดาพูดอย่างเป็นทุกข์

“ดังนั้นตอนนี้คุณก็ไม่ต้องคิดแล้วว่าตัวเองมีเงิน มาก แล้วฉันก็ไม่งาน ตอนนี้คนในครอบครัวทุกคน ต้องพึ่งรพีพงษ์

ต่อไปถ้าจะให้ดีคุณก็ทำดีกับรพีพงษ์สักหน่อย ถ้า ยั่วโมโหเขาแล้ว แม้แต่เงินที่จะกินข้าวคุณก็จะไม่มี อารียาสอดส่องสายตาไปมาแล้วกล่าวสุขได้ยังไงอีก

วิลล่าของตระกูลฉัตรมงคล

ทุกคนของตระกูลชาติมงคลยังคงทะเลาะกันไม่

หยุด

ตอนนี้ครอบครัวของชรินทร์ทิพย์ เหมือนตกนรก ทั้งเป็น นั่งอยู่บนโซฟาอย่างร่างไร้วิญญาณ ใน ตอนนั้นนกที’ ได้จัดคนไปจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สิน ทั้งหมดของบ้านพวกเขาแล้ว ใช้เวลาไม่นาน บ้าน ของครอบครัวเขาและรถก็จะถูกขายทิ้งทั้งหมด

ถึงแม้ทรัพย์สินของครอบครัวชรินทร์ทิพย์จะ ถูก ดออกมาจนไม่เหลือ แต่ทุกคนของตระกูล ฉัตรมงคลก็ช่วยกันรวบรวมเงินบางส่วนอย่างเต็มที่

แล้วรวมกับเงินของบริษัท อีกทั้งเงินที่เหลือจาก การขายวัตถุโบราณของชรินทร์ทิพย์ ก็เพิ่งจะ

รวบรวม

ได้เจ็ดสิบล้าน
เหลืออีกสิบล้าน ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องรวบรวมให้ได้

นกที’ มองดูทุกคนของตระกูลฉัตรมงคลอย่าง ใบหน้าซีดเซียว แล้วกล่าว ” ฉันรู้ว่าทุกคนยังมีเงิน อยู่ ตอนนี้เป็นวิกฤติของตระกูลฉัตรมงคล หรือ พวกแกคิดอยากที่จะเห็นตระกูลฉัตรมงคลล่มสลาย ไป”

ทุกคนต่างก้มหน้า ไม่มีใครสนใจนาที

นาที ถอนหายใจ แล้วคิดว่าคนพวกนี้สิถึงจะถือ เป็นคนอกตัญญูจริงๆ ถึงช่วงเวลาที่สำคัญ ไม่คาด คิดว่าสักคนที่จะทุ่มเทนั้นก็ไม่มี

ในตอนนี้ธายุกรยืนขึ้นมา มองไปที่นภทีป์ แล้ว กล่าว “คุณปู่ ฉันมีวิธีที่จะเอาสิบล้านนี้ออกมา”

นาที ดววตาประกาย แล้วกล่าว “วิธีอะไร?”

“ผมไม่สามารถบอกวิธีคุณได้ แต่ผม รับประกันได้ ว่าสามารถเอาสิบล้านนี้มาได้ แต่คุณต้องให้ผมเป็น ประธานของบริษัทก่อน” ธายุกรกล่าว

ร่างกายของนกที แข็งทื่อขึ้นมาทันที ไม่คาดคิดว่าหลานชายที่เขารักที่สุด ในเวลานี้ยังจะฉวย

โอกาสกับเขา ให้เขาเอาตำแหน่งของประธานให้

ทุกคนกำลังเพ่งไปที่ธายุกร ล้วนคิดเพียงแค่ธาตุ กรมีหนทางที่จะรวบรวมเงินสิบล้านนี้ได้ ไม่ใช่แค่ ขูดรีดพวกเรา แม้ต้องให้ธายุกรเป็นประธานบริษัทก็ ไม่เป็นอะไร

ทันใดนั้นทุกคนเริ่มโน้มน้าวนาทีป์กันอย่างวุ่นวาย

ยังไงนกที ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะมีจุดจบ แบบนี้ ตอนนี้คิดๆดูแล้ว คนรุ่นหลังของเขาเหล่านี้ ก็ มีแค่อารียาคนที่ทำให้เขาไม่ต้องกังวลมากที่สุด

เสียดายอารียโดนบีบออกจากตระกูลฉัตรมงคล แล้ว เขาเสียใจไปก็ไม่มีความหมายใดๆแล้ว

นกที หายใจลึกๆหนึ่งเชือก หลับตาลง แล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นต่อไปแกก็คือประธานบริษัท ฉันแก่แล้ว ก็ควรที่จะพักผ่อนพักผ่อนล่ะ

ใบหน้าของธาตุกรสะท้อนรอยยิ้มที่ตื่นเต้นออกมา แล้วกล่าว “คุณปู่ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลบริษัทแทนคุณอย่าง ”

หลังจากนั้นเขาก็หันหลังไปมองคนเหล่านั้น แล้ว กล่าว “เหตุการณ์ในครั้งนี้ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจ แค่แปดสิบล้านเท่านั้น บริษัทยังมีโครงการของ บริษัทซันบับเบิ้ลกรุ๊ปอยู่ เงินแค่นี้แป๊ปเดียวก็จะได้ กลับมาแล้ว”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“งั้นยอดสิบล้านที่เหลือจะทำอย่างไร?” ชรินทร์

ทิพย์ถาม

ธายุกรหัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วกล่าว “ฉันรู้ว่าที่ คุณปู่นั้นยังมีวัตถุโบราณที่มีมูลค่าอยู่หลายชิ้น ถึง แม้มูลค่าเทียบไม่ได้กับที่ตระกูลัดดาวัลย์ให้มา แต่ ทว่ารวบรวมให้ครบสิบล้านก็เหลือเฟือ

เมื่อนาที ได้ยินวิธีในการรวบรวมเงินสิบล้านของ ธายุกรว่าจะขายวัตถุโบราณของเขาแล้ว ก็โกรธจน ตัวสั่นขึ้นมาทันใด

ยังไงเขาก็ไม่คาดคิด ว่าธายุกรจะเล่นงานเขา
“ธายุ วัตถุโบราณเหล่านั้นของฉันขายไม่ได้นะ!” นาที เกรี้ยวกราด

ธายุกรหันหลังกลับไป หัวเราะพลางพูด “คุณปู่ ตอนนี้เป็นช่วงวิกฤตของตระกูลฉัตรมงคล ทุกคน ต้องร่วมด้วยช่วยกันฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ ในฐานะที่ เป็นประธานบริษัท ผมจําเป็นต้องคิดถึงตระกูลเป็น หลัก วัตถุโบราณเหล่านั้นของคุณขายก่อนล่ะกัน เดี๋ยวผมค่อยซื้อกลับมาให้คุณ”

ในใจทุกคนคิดว่าพวกเราออกเงินแล้วทั้งนั้น แค่ คุณที่ยังไม่ออก แล้วตอนนั้นยังพูดเกี่ยวกับภาพรวม ส่วนใหญ่ ตอนนี้ขายวัตถุโบราณของคุณกี่ชิ้นคุณก็ เคร่งเครียดแล้ว ซึ่งหน้าไม่อายจริงๆ

ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มเสียงดังขึ้นมา แล้วพูดว่าต้อง ขายวัตถุโบราณพวกนี้ด้วย

นาที ก็ยินยอมให้ธายุกรเป็นประธานบริษัทไป แล้ว ตอนนี้ก็เปรียบเสมือนว่าเขาไม่มีอำนาจในการ พูดใดๆในตระกูลฉัตรมงคลอีกแล้ว ทำได้เพียงยอม ให้ธายุกรเชือดเท่านั้น

เขานั่งบนโซฟาอย่างไร้ซึ่งพลัง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะมีจุดจบแบบนี้

“เรื่องนี้เอาตามนี้ล่ะกัน ต่อไปผมจะเป็นผู้นำของทุก ท่าน ให้ตระกูลฉัตรมงคลเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป!” ธายุกรกล่าว

ใบหน้าของเขาสะท้อนรอยยิ้มอันสะใจ ในใจคิดว่า ตอนนี้ตนเองไปเป็นประธานบริษัทแล้ว อนาคตจะได้ ทําธุรกิจมากมาย

แต่อารียาก็เป็นแค่คนทั่วไป ไม่มีสิทธิ์ที่จะเทียบกับ เขาได้อีก

ในช่วงเวลาค่ำ บอดี้การ์ดสองคนของโยษิตานำ ขวดหยกขาวและไม้แกะสลักส่งมาถึงดงเย็น

เมื่อโยษิตาได้รับสองสิ่งนี้แล้วก็รู้สึกประหลาด ใจนิดหน่อย เธอไม่คาดคิดว่าตระกูลฉัตรมงคล สามารถรวบรวมเงินแปดสิบล้านได้ แล้วไถ่เอาของ สองสิ่งนี้กลับมาได้

แต่ไม่สนว่าตระกูลฉัตรมงคลจะรวบรวมเงินเหล่านี้มาได้อย่างไร ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ

เมื่อตอนบ่ายรพีพงษ์ได้พูดคุยกับเธอ บอกเธอว่า เขาคือคนของตระกูลลัดดาวัลย์จริงๆ นั่นเป็นเพียง แค่อดีต ตอนนี้เขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูล ลัดดาวัลย์แล้ว

รพีพงษ์ไม่ได้เล่าให้อารียาฟังถึงเรื่องในปีนั้นที่เขา โดนไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ เพียงแค่บอกเธอ ว่ามีความขัดแย้งใดเกิดขึ้นกับตระกูลลัดดาวัลย์ ดัง นั้นจึงได้ออกมา

โยษิตามาหาเขา ก็แค่มาขอความช่วยเหลือจาก

เขา

ถึงแม้อารียาจะรู้แล้วว่ารพีพงษ์คือคนของตระกูล ลัดดาวัลย์ แต่หลังจากที่ได้ยินเขายอมรับด้วยตัว เองแล้ว ในจิตใจก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

รพีพงษ์บอกกัยอารียาแล้วว่าเขาไม่ได้มีความ สัมพันธ์ใดๆกับตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ตอนนี้เขาก็แค่ อยากอยู่กับอารียา นี่ทำให้ในใจอารียาอบอุ่น รู้สึก ว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดในชีวิต ที่ได้เจอกับรพีพงษ์
หลังจากนั้นสองวัน เดิโตตาคิดว่าอารียาไม่ต้องไป หางาน สู้กลับบ้านพ่อแม่ให้เร็วขึ้นดีกว่า ก็ได้ทำตาม นั้น แล้วให้อารียาจัดเก็บข้าวของ

“อารี พวกเรายังต้องพารพีพงษ์กลับไปด้วยไหม? จากที่ฉันดู ไม่งั้นไม่พาเขาไปแล้วดีกว่า?” ศศินัดดา เข้ามายังห้องของรพีพงษ์และอารียา ชาวยอารียา เก็บข้าวของ

“พาไปสิ ทําไมจะไม่พาไป? วันนั้นปรางทิพย์ก็ไม่ ให้ฉันพาไป แต่ฉันจะพาไปให้ได้ ตอนนี้รพีพงษ์ ไม่ใช่ไอ้สวะอย่างที่พวกเขาคิดแล้วนะ ฉันจะต้อง พากลับไปให้พวกเขาได้แหกตาดู” อารียากล่าว

ทันใดนั้นศศินัดดากล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “ไอ้ห ยา ลูกสาวผู้โง่เขลา นั่นเธอตั้งใจ เธออยากจะให้แก พารพีพงษ์ไป จะได้ฉวยโอกาสนี้ว่าแกนะ แล้วตอนนี้ ในมือรพีพงษ์ก็พอมีเงินอยู่นิดหน่อย ไม่ได้มีจุดเด่น อะไรเลย พากลับไปก็มีแต่ทำให้พวกเราขายขี้หน้า

อารียามองบนไปที่ศศินัดดา แล้วกล่าว “ถ้าคุณไม่ พารพีพงษ์ไป งั้นฉันก็ไม่ไปแล้ว”
ศศินัดดาได้ยินดังนี้ก็ไม่พูดอะไรกับอารียาอีกต่อ ไป ช่วยเธอเสื้อผ้าอย่างเงียบๆ

ตอน ศ นัดดาเห็นบนหัวเตียงกำลังวางบัตร ธนาคารสีดำไว้ คือบัตรนั้นของรพีพงษ์พอดี

วันนี้ตอนที่รพีพงษ์เปลี่ยนชุดออกไปข้างนอกนั้นลืม หยิบไป

ศศินัดดามองซ้ายมองขวา ปกติเธอเห็นรพีพงษ์จับ จ่ายใช้สอยก็ใช้เงินในบัตรนี้ แล้วก็เสแสร้งทำเป็น นั่งลง เก็บเสื้อผ้าไปพลาง แล้วก็ขโมยบัตรนั้นใส่ใน เสื้อผ้าของตัวเองไปพลาง

“ลูกสาว ฉันเห็นปกติรพีพงษ์รูดบัตรก็ใช้บัตร ธนาคารสีดำใบนั้น ไม่ค่อยเหมือนกับบัตรธนาคาร ทั่วไป แกรู้หรือเปล่าว่านั่นคือบัตรอะไร?” ศศินัดดา ถามอย่างแสร้งไม่รู้

“ฉันก็ไม่ค่อยรู้ แต่บัตรธนาคารนั้นค่อนข้างเจ๋งอยู่ คนธรรมดาไม่สามารถทําได้” อารียากล่าว

“งั้นแกรู้รหัสบัตรนั้นของเขาไหม? ศศินัดดาถามต่อ
อารียาชะงักชั่วครู่ ถาม “แม่ คุณถามเรื่องนี้ทําไม?”

ศศินัดดาหัวเราะอย่างอาย แล้วกล่าว “ฉันก็แค่เป็น ห่วง ปกติแกปกป้องเขาจะตาย เขาต้องบอกรหัส บัตรธนาคารกับแกสิ เขาคงไม่แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่บอก แกหรอกนะ?”

อารียามองบน แล้วกล่าว “เขาบอกฉันแล้ว รหัส คือศูนย์หกตัว เพราะทุกครั้งที่รูดบัตรใส่รหัสบัตร ลําบาก ดังนั้นจึงตั้งให้มันง่าย แล้วบัตรนั้นของเขา ยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย ถ้าหายแล้ว เหมือน กับโทรหาธนาคารก็สามารถล็อคบัตรได้แล้ว”

ศศินัดดากําลังหัวเราะแล้วพยักหน้า รพีพงษ์ต้อง คิดแน่ๆว่าบัตรนี้ยังอยู่ในบ้าน เดี่ยวอีกสักแปปเธอจะ ไปธนาคารเช็คยอดดู ในบัตรนี้ยังมีเงินเหลืออยู่เท่า ไหร่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ