แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่319 คุกเข่าขอโทษฉัน



บทที่319 คุกเข่าขอโทษฉัน

บทที่319 คุกเข่าขอโทษฉัน

ชุติเทพที่กำลังต้มยาอยู่ภายในได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหน้า พูดกับรพีพงษ์ไปประโยคหนึ่ง “คนมาแล้ว ฉันจะออกไปต้อนรับ หน่อย”

รพีพงษ์พยักหน้า ไม่ได้ใส่ใจ

เขาจ้องเจสสิก้าที่กำลังเฝ้าด้านหน้าหม้อยา พบว่าที่จริงหญิง สาวคนนี้ดูมีน้ำมีนวล รูปร่างโดดเด่น นั่งยองที่พื้น ร่องหน้าอกที่ เห็นได้ชัดนั้น ดูจนคนเพ้อฝันคิดไปไกล

เจสสิก้าเห็นรพีพงษ์จ้องตนเองขนาดนี้ ชั่วขณะนั้นหน้าแดง เอ่ย ปากขึ้น “มองอะไรกัน คนอันธพาล”

รพีพงษ์หัวเราะส่ายๆ หน้า บอกว่า “ฉันเป็นอาจารย์ของเธอนะ เธอกล้าไม่เคารพอาจารย์ อยากโดนลงโทษใช่มั้ย?”

เจสสิก้าได้ยินคําพูดของรพีพงษ์ ชั่วขณะนั้นภายในก็ไม่สบายใจ แต่ว่าตอนแรกเพราะเธอแพ้ให้กับรพีพงษ์ จึงต้องยอมรับรพีพงษ์ เป็นอาจารย์ นี่เธอไม่ใช่คนที่คนที่ตายก็ไม่ยอมรับความจริงแบบ นั้นเหรอ
“ฉัน……ฉันผิดไปแล้วไม่ได้เหรอ ใจแคบจริง” เจสสิก้าพูดแบบ ระทมทุกข์ในใจ

“ในเมื่อสำนึกผิดแล้ว งั้นเข้ามาทุบหลังให้ฉันหน่อย ให้ฉันดื่ม การต้อนรับแบบอาจารย์หน่อยสิ” รพีพงษ์พูดขึ้น

ใบหน้าเจสสิก้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมเดินเข้าไปทางร พงษ์ กำหมัดน้อยๆ ของตนเองขึ้น ทุบบนหลังของรพีพงษ์ไป สองที

รพีพงษ์รีบลุกขึ้นมา ยื่นมือจับข้อมือของเจสสิก้าไว้ เจ็บจนเบะ ปากพูด “เธออยากทุบฉันให้ตายรึไง

เจสสิก้าทำหน้าทะเล้นใส่รพีพงษ์ เอ่ยปากบอก “คุณเป็นคนให้ ฉันทุบเอง คุณไม่ได้บอกว่าใช้แรงมากแค่ไหน

เวลานี้ชุติเทพพานิเษวกและไพรทั้งสองคนที่ด้านนอกเข้ามา ด้านใน ยิ้มบอก “อีกไม่นานยาก็ต้มเสร็จ พวกคุณนั่งรออยู่ที่นี่ก่อน เถอะ”

นิเษวกกับไพรำทั้งสองเข้ามาภายในลานบ้าน เคารพนอบน้อม ต่อชุติเทพมาก

แต่ว่าไม่นานพวกเขาก็มองเห็นรพีพงษ์กำลังจับข้อมือของเจสสิก้าไว้ ทำท่าทางอยากสั่งสอนเจสสิก้า

นิเษวกมองเห็นรพีพงษ์ และมองเจสสิก้าที่หน้าตาอ่อนเยาว์ งดงาม จึงด่าออกไปทันที “แม่งเอ๊ย ไอ้คนต่ำต้อยนี้ คาดไม่ถึงยัง กล้ามารังแกเด็กสาวในที่ของหมอเทวดา ไม่อยากอยู่จริงๆ ใช่มั้ย ฉันจะสั่งสอนให้เอง”

พูดอยู่ นิเษวกก็พุ่งเข้าไปที่รพีพงษ์ทางนั้น ถีบเท้าเข้าไป โดยตรง

รพีพงษ์เห็นเหตุการณ์ ไม่ได้เกรงใจนิเษวกคนนี้สักนิดเดียว พอ หมุนตัวก็กวาดขาไป เตะเท้าของนิเษวกออกทันที

ร่างกายนิเษวกยืนไม่นิ่ง ล้มลงบนพื้นไปตรงๆ เจ็บจนยิงฟัน

แสยะปากขึ้นมา

“เชียแม่งเอ๊ย แกกล้ามาลงมือกับฉัน แกไม่อยากอยู่แล้วเหรอ?” นิเษวกค่าเสียงดัง

“ใครลงมือก่อนกันแน่?” รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชา

“ฉันลงมือกับแกได้ แต่แกแม่งลงมือกับฉันไม่ได้ แกไอ้คนจน ต่ำต้อย มีสิทธิ์อะไรมาลงมือกับฉัน แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร เบื้อง หลังฉันมีที่พึ่งใหญ่มากด้วยนะเว้ย” นิเษวกตะโกนบอก

รพีพงษ์อื่นๆ ปาก คิดในใจว่าคงเป็นพวกคุณชายบ้านรวยที่ ก้าวร้าวโอหังคนหนึ่ง เพียงแต่คนแบบนี้เดิมทีรพีพงษ์ไม่เห็นอยู่ ในสายตา ที่เมืองริเวอร์ รพีพงษ์ถึงคือพระเจ้า มีที่พึ่งใหญ่แค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์

ไพรมองเห็นลูกชายของตนเองโดนเตะล้ม สีหน้าดูแย่มากเช่น กัน รีบเดินเข้ามาพยุงนิเษวกขึ้นมาแล้ว

“แกหาที่ตายเหรอ? แกกล้าเตะลูกชายฉัน?” ไพรำท่าทาง ปกป้องลูกของตนเองมาก

เวลานี้ชุติเทพทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง เอ่ยปากบอก “ทั้งสองท่าน นี่พวกคุณหมายความว่าอะไร พอมาก็ลงมือกับแขกของผมที่นี่ เลย?”

ไพรํามองชุติเทพอย่างตกใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเป็น แขกของชุติเทพ

“หมอเทวดา เจ้าหมอนี่เป็นความคนจนต่ำต้อย มีสิทธิ์เป็นเพื่อน กับคุณได้ยังไงกัน ตอนนั้นรถไฟฟ้าพังๆ ที่เขาขี่มา ผมให้เขา หลบที่จอดให้ เขายังไม่ยอมอีก ผมเลยบดรถไฟฟ้าคันนั้นของ เขาไปเลย” นิเษวกยังพูดแบบกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่บ้าง
จากนั้นสายตาของเขาตกลงบนตัวของเจสสิก้า ในสายตามี ความละโมบนิดๆ เห็นได้ชัดว่าถูกความงามของเจสสิก้าดึงดูดไว้ แล้ว

หลังจากรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของนิเวก ชั่วขณะนั้นในใจเกิด ความแค้นนิดๆ เขาคาดไม่ถึงว่านิเษวกคนนี้จะบดรถไฟฟ้าของ เขาเข้าจริงๆ

รพีพงษ์ย่อมไม่สนใจรถไฟฟ้าคันหนึ่ง แต่ว่านิเษวกทำแบบนี้ ไม่ ต้องสงสัยว่าไม่ไว้หน้ารพีพงษ์อย่างจัง วันนี้ไม่ทำให้นิเษวกคนนี้ ลิ้มรสความเจ็บปวดสักหน่อย งั้นรพีพงษ์ก็คงไม่ใช่รพีพงษ์แล้ว

“รถไฟฟ้านั้นของฉันอยู่กับฉันมาสามปีกว่า ฉันจอดมันไว้ตรง ตำแหน่งปกติ นายกลับมาบดของฉัน เรื่องในวันนี้ นายจะต้องให้ คำอธิบายกับฉัน ไม่อย่างนั้นอย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจ” รพีพงษ์ พูดเสียงเย็นชา

ไพรำมองเห็นสีหน้าของชุติเทพเปลี่ยนไปดูแย่มากเพราะสอง คนนี้ เขากลัวชุติเทพจะไม่ดูอาการให้นิเษวกเพราะเหตุนี้ จึงรีบ พูดว่า “เมื่อกี้นั่นเข้าใจผิดกัน ที่นี่เป็นคลินิกของหมอเทวดาช เกิด เรื่องขัดแย้งแบบนี้ขึ้นจะทำให้หมอเทวดา ไม่พอใจเอานะ ไม่งั้น เอาแบบนี้ไหม ฉันให้เงินนายห้าพัน นี่คงพอซื้อรถไฟฟ้าคันใหม่ ได้คันหนึ่งเลย เรื่องนี้จบแบบนี้เถอะนะ”
ขณะพูด ไพรําก็หยิบธนบัตรพับหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าเงิน ยื่นให้รพีพงษ์

นิเษวกยังอยากพูดอะไร ทว่าโดนไพรจ้องตาเขม็งกลับไป วันนี้ พวกเขามาหาหมอ ดีที่สุดอย่าได้ขัดแย้งกันคนอื่น

รพีพงษ์จ้องเงินในมือของไพรำ ยื่นปากพูดเสียงเย็นชา “ฉันไม่ ได้ขาดแคลนเงิน ถ้าพวกนายอยากจบเรื่องนี้ ก็ให้เขามาคุกเข่า ขอโทษฉัน”

นิเษวกโมโหทันที ตะโกนขึ้น “แม่งเอ๊ย นี่ให้โอกาสแล้วแกยัง ไม่เจียมตัว ยาจกอย่างแกยังไม่ขาดแคลนเงิน? มาแสร้งทำสูงส่ง อะไรที่นี่ น่าตลกจริง

ไพรเห็นรพีพงษ์ไม่รับความหวังดี ก็โกรธเคืองอยู่บ้าง เอ่ยปาก บอก “ในเมื่อนายไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี งั้นอย่าโทษฉันแล้วกัน ไอ้ หนุ่ม ถึงแม้พวกเราสองคนจะไม่ใช่คนเมืองริเวอร์ แต่ว่าความ สัมพันธ์ของฉัน นายอยากหาเรื่องพวกเราเลย นี่ไม่ใช่ทางเลือก ที่ฉลาดแน่นอน”

“อ่อ? งั้นเหรอ?” บนหน้ารพีพงษ์เผยยิ้มเยาะออกมา

ไพรเห็นรพีพงษ์พูดขนาดนี้ หันหน้ามองทางชุติเทพพลางบอก ว่า “หมอเทวดาช คุณเห็นแล้วนะ ผมให้เจ้าหมอนี้เต็มที่แล้ว เป็น เขาไม่รับน้ำใจเอง คุณไล่เขาออกไปเถอะ ผมยังอยากให้คุณดูอาการลูกชายผมหน่อยด้วย

“วันนี้มีฉันอยู่ นายอย่าคิดให้ชุติเทพรักษาอาการให้ลูกชายนาย เลย นอกเสียจากให้เขามาคุกเข่าขอโทษฉัน” รพีพงษ์พูดขึ้น

“แกคิดว่าแกเป็นใครกัน คาดไม่ถึงยังมาวางท่าที่นี่ หมอเทวดาช เขาไม่เคารพคุณแบบนี้ คุณรีบไล่เขาไปดีกว่า” นิเษวกเอ่ยปาก

ชุติเทพจ้องสองคนนั้นทีหนึ่ง และรู้สึกว่าพ่อลูกสองคนนี้กำเริบ เสืบสานอยู่นิดหน่อย พอมาก็ด่าว่ารพีพงษ์ รพีพงษ์มีบุญคุณต่อ เขา แน่นอนว่าเขาต้องฟังรพีพงษ์

“ทั้งสองท่าน ขอโทษด้วย รพีพงษ์เป็นแขกพิเศษของผม มีบุญ คุณกับผม เขาไม่ให้ผมรักษาลูกชายคุณ งั้นผมย่อมไม่รักษา ยา ของพวกคุณต้มเสร็จแล้ว ผมรับเงินพวกคุณมา ยานี้ย่อมให้พวก คุณแน่นอน เพียงแต่ว่าอาการของลูกชายคุณผมไม่รักษาแล้ว ชุติเทพเอ่ยปาก

สีหน้าของนิเษวกและไพรเปลี่ยนกันหมด พวกเขาสองคนคิด ได้ที่ไหนว่าคนต้อยต่ำอย่างรพีพงษ์นี้ มีสิทธิ์คบค้าสมาคมกับชุติ เทพที่ไหนกัน เมื่อสักครู่พวกเขาเข้ามา ยังคิดว่ารพีพงษ์ปีนรั้วมา หยอกเย้าเด็กสาวอยู่เลย
ใครจะรู้ว่าชุติเทพบอกว่ารพีพงษ์เป็นแขกพิเศษของเขา ทั้งยังมี บุญคุณกับเขาด้วย เรื่องนี้เปลี่ยนเป็นวุ่นวายขึ้นมาแล้ว

ครั้งนี้ไพร่าเสียเงินไปจํานวนมาก และไม่ใช่เพื่อยานั้น เป้าหมาย ที่แท้จริงคือให้ชุติเทพรักษาอาการให้ลูกชายเขา

เพียงแต่ว่าอาการป่วยของลูกชายเขานี้ขายหน้าอยู่บ้าง นิเวก เองก็อับอาย ดังนั้นตอนที่ไพร่าติดต่อชุติเทพ จึงพูดเพียงว่าอยาก จะได้ยาบำรุงร่างกาย การรักษาอาการให้ลูกชายเขาเป็นเพียง เรื่องพ่วงท้าย

พอชุติเทพรับปากถือโอกาสช่วยดูอาการของลูกชายเขาด้วย เขาถึงได้ให้เงิน

ถ้าตอนนี้ชุติเทพไม่ดูอาการให้ลูกชายเขาเพราะรพีพงษ์ งั้นครั้ง

นี้พวกเขามากันสูญเปล่าแล้ว

เขาหันหน้ามองนิเวกทีหนึ่ง ในสายตามีการตำหนินิดๆ ถ้าวันนี้ เขาเข้ามาแบบดีๆ จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไรกัน

“หมอเทวดา พ่อหนุ่ม ต้องขอโทษจริงๆ พวกเราไม่รู้ว่านายเป็น แขกพิเศษของหมอเทวดา ถึงได้ล่วงเกินไปบ้าง พ่อหนุ่มอย่าได้ ถือสาหาความเลย ถ้านายคิดว่าชดใช้เงินห้าพันไม่พอ ขอแค่บอก ตัวเลขมา ฉันให้ได้แน่นอน” ไพรำอยากกอบกู้สถานการณ์อีกสัก หน่อย
“ฉันบอกแล้ว ให้เขาคุกเข่าขอโทษฉัน” รพีพงษ์บอกไป

ไพรกัดฟันแล้วหันหน้ามองทางนิเวก ในใจทนไม่ไหวอยู่บ้าง

“พ่อ ผมไม่คุกเข่าขอโทษเขาหรอกนะ เขามีสิทธิ์อะไร” นิเษวก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเดือดดาลพูดไป

ไพรำถีบไปที่ก้นของเขาทีหนึ่ง บอกว่า “มาถึงเวลานี้แล้ว ลูก ยังจะมาวางมาดที่นี่อีก ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าครั้งนี้พวกเรามาทำ อะไรกัน ถ้าหมอเทวดา ไม่รักษาอาการให้ลูก อาการป่วยของลูก ไม่หาย ตระกูลภัทร์รัฐชัยก็ไม่มีทายาทแล้ว เรื่องวุ่นวายนี้ลูกเป็น คนที่ก่อขึ้นเอง วันนี้ลูกจำเป็นต้องคุกเข่า”

ไพรกุมหมัดแน่น ถึงแม้เขาจะไม่อยากคุกเข่าให้รพีพงษ์ แต่ว่า ในใจเขารู้ดีว่าอาการป่วยของตนเองสำคัญ หลังจากลังเลอยู่นาน เขาจึงทำได้เพียงคุกเข่าลงมาตรงหน้ารพีพงษ์

“ขอ……ขอโทษ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ