แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 379 ภารุจา



บทที่ 379 ภารุจา

บทที่ 379 ภารุจา

อัคคพลมองมือถือถูกเหยียบพัง แววตาทั้งคู่ดูว่างเปล่า อาจเป็นเพราะว่าเขาเพิ่งซื้อมือถือมาใหม่ได้เพียงหนึ่ง อาทิตย์ก็มาถูกคนเหยียบพังเสียแล้ว

“นั้นมันมือถือที่ผมเพิ่งซื้อมาใหม่ คุณถือดีอย่างไรมา เหยียบมือถือของผมจนพังเสียหาย คุณรอผมก่อน ผม ไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” อัคคพลจ้องมองรพีพงษ์ตาเขม็ง ดู ท่าทางเขาเหมือนอยากลงมือกับรพีพงษ์แต่ไม่กล้าลงมือ

“มือถือคุณจะชดใช้ให้ คุณสามารถชดเชยค่าที่ทําให้นาง ชอกช้ำใจได้หรือไม่” รพีพงษ์จ้องมองอัคคพล

อัคคพลมีช่วงสั้นๆ ที่กลัวว่าผู้อื่นจะรู้ว่ารู้สึกผิดแต่ก็กัดฟัน จ้องรพีพงษ์พร้อมพูดขึ้น “คุณกล้าป่าวประกาศชื่อของคุณ หรือไม่ ในมหาวิทยาลัยบาสแตร่ไม่มีใครที่ผมจัดการไม่ ได้!”

“เรื่องนี้ไม่ได้มีการพูดกันไว้ก่อน ผมไม่หนีไปไหนหรอก ดีที่สุดคุณลองคิดดูให้ดีว่าเรื่องที่ตนทำผิดหรือไม่ ไม่อย่างนั้นเมื่อถึงเวลาจะไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้ รพีพงษ์พูดด้วยเสียงเยือกเย็น

อัคคพลส่งเสียงและลุกขึ้นยืนและพูดกับรพีพงษ์อย่างดุ เดือด “งั้นคุณรอผม ผมจะให้คุณทั้งสองไม่ตายดี! ผมขอบ อกคุณ ถ้าภารจาถูกไล่ออกก็เป็นความผิดของคุณ! ใครก็ อย่าคิดช่วยนาง!”

พูดจบอัคคผลก็ออกจากฝูงชน วิ่งออกไปข้างนอก

เมื่อเห็นอัคคผลออกไปแล้ว รพีพงษ์ก็หันกลับเดินมาหน้า ภารุจา ตอนนี้เขาต้องหาว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นถึงจะ คิดหาวิธีช่วยการจาได้

ถ้าไม่รู้เหตุการณ์ชัดเจน ที่ขึ้นมาตบอัคคพลก็จะดูไม่สม เหตุผล

ดวงตาทั้งคู่ของภารุจาเม่อมองรพีพงษ์ เวลาผ่านไปนาน ไม่มีปฏิกิริยาอะไร นางอยู่ในมหาวิทยาลัยนี้ตัวคนเดียวมา ตลอด ไม่เคยมีใครออกหน้าแทนนาง

นี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ามีคนสนับสนุน
“คณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” รพีพงษ์เอ่ยถามขึ้น

ภารุจาได้ยินเสียงของรพีพงษ์ได้สติกลับมา จากนั้นจึงรีบ ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้น “ฉัน…ไม่เป็นไร

“ผมขอแนะนําตัวก่อน ผมคือ…” รพีพง เตรียมจะแนะนํา ตัวเอง

“ท่านคือรพีพงษ์พี่ชายใหญ่ใช่ไหม” ภารุจาเอ่ยปาก แวว ตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

ภารุจายิ้มและเอ่ยถามขึ้น “คุณรู้จักผม

“แม่ฉันพูดถึงท่านให้ฉันฟังบ่อยๆ นางบอกฉันว่าท่านคือผู้ มีพระคุณของนาง ท่านดีกับนางมาก” ภารจาอธิบาย “เพียง แต่ท่านทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้

“ผมมาทำธุระที่เมืองบาสแตร์ พอดีแม่ของคุณบอกว่าคุณ เกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นจึงมาดู พวกเราไปหาที่นั่งคุยกัน เล่า เรื่องของคุณให้ผมฟัง ผมจะดูว่าจะสามารถช่วยคุณแก้ ปัญหาได้หรือไม่” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

การจารู้สึกว่ารพีพงษ์ออกหน้าช่วยเหลือนางนั้นไม่ง่าย เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดดังกล่าวเดิมคิดจะปฏิเสธ แต่นาง คิดว่าตอนนี้ตนเองถึงทางตันแล้ว นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้ว จึงพยักหน้า

ทั้งสองคนเดินออกมาจากฝูงชน ผู้คนที่มุงดูจ้องมองภา รุจาและรพีพงษ์ด้วยสายตาไม่ปกติพร้อมกระซิบกระซาบ กัน

ภารจาเห็นสายตาของคนรอบๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นางรู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจำกัดได้ ถ้ารพีพงษ์ไม่มีหนทาง ช่วยนางเกรงว่านางคงต้องออกจากมหาวิทยาลัย

ทั้งสองคนเดินมาถึงเก้าอี้ยาวริมทะเลสาบของ มหาวิทยาลัย หลังจากนั่งเรียบร้อยรพีพงษ์ให้ภารุจาเล่าถึง เรื่องที่พบเจอ

“เรื่องนี้เป็นเพราะฉันโง่เอง ถ้าตอนแรกไม่เชื่ออัคคพล คนเลวนั้นก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้น” ภารจาก้มหน้าท่าทางดู ซีดเซียว

ที่แท้ภารจาอยู่ในมหาวิทยาลัยสงบเสงี่ยมมาตลอด อย่าง มากที่สุดคือไอศิราที่อยู่หอพักเดียวกับนางไม่ชอบนางและมักหาโอกาสเล่นงานนาง เพื่อให้สามารถ เรียนจบอย่างราบรื่นนางคิดว่านางทนได้

ก่อนหน้านี้การจาเรียนวิชาต่างๆ จบเรียบร้อยแล้ว จึงมี เวลาว่างมา นางอยากหาเงินมาใช้เพื่อลดภาระของชนิสรา

ในเวลานั้นเองอัคคพลก็มาหาภารจาบอกว่าสามารถ แนะนำงานให้ได้

ตั้งแต่เล็กจนโตภารุจาทุ่มเทให้กับการเรียนจึงไม่ค่อยได้ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชาย อัคคพลทำเป็นว่าอยากหางานให้ภา รุจาแต่แท้จริงแล้วจะจีบนาง

ภารุจาไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เมื่อถูกอัคคพลพูดสองสาม คำก็หลงเสน่ห์แล้ว ภารจาซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่นี้เป็นสาวแรก แย้ม เมื่อมีชายหนุ่มมาตามจีบนาง นางจะยับยั้งต่อสิ่งล่อใจ ได้อย่างไร

ดังนั้นไม่นานภารจาก็ตกลงเป็นแฟนอัคคพล

ในช่วงเริ่มแรกภารุจารู้สึกว่าตนเองกับอัคคพลก็รักกัน ตามปกติ ไปทานข้าวด้วยกัน ไปดูหนัง จับมือกัน
แต่ว่าเพียงไม่นานอัคคพลเริ่มลงไม้ลงมือกับภารจาและ เริ่มเรียกร้องที่จะเปิดห้อง

ภารจารู้สึกว่าอัคคพลเพียงไม่นานก็นึกถึงเรื่องนั้นแล้วซึ่ง เร็วเกินไปจนนางตกใจ ดังนั้นจึงปฏิเสธคำขออัคคพล

อัคคพลหลังจากถูกปฏิเสธก็ไม่ได้พูดอะไรและยังได้ ขอโทษการจาและพูดว่าตนเองวู่วามขอให้ภารจาอภัยให้ เขา

ภารุจาเมื่อเห็นอัคคพลสำนึกผิดอย่างจริงใจจึงอภัยให้เขา และรักษาความรักกับอัคคพลต่อไป เพียงแต่นับตั้งแต่นั้น มาภารุจาระมัดระวังมากขึ้น

วันนั้นอัคคพลมาหาภารจาบอกกับนางว่าเขาหางานที่ เหมาะสมที่สุดคืองานสอนหนังสือที่บ้าน เงินเดือนดี จาก นั้นก็หยิบข้อตกลงออกมาให้นางลงชื่อ

ภารจาอ่านข้อตกลงแล้วเห็นว่าไม่มีปัญหาจึงเซ็นชื่อ ตนเองลงไป

พอมาวันที่สองขณะที่อัคคพลนำภารจาไปทำงาน ภารจารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทีแท้อัคคพลพาภารจาไป ผับและยังให้นางใส่กางเกงสั้นเสื้อกล้ามและยังต้องแต่ง หน้าให้สวย

การจารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงรีบออกจากผับ อัคค พลออกมาตามนางบอกว่านางเซ็นชื่อในสัญญาแล้วต้อง ทํางานในผับ

ภารจาถามอัคคพลว่าที่ตนเองเซ็นชื่อคือสัญญางาน สอนหนังสือที่บ้านไม่ใช่หรือ ในเวลานั้นอัคคพลยิ้มอย่าง ร้ายกาจพร้อมหยิบสัญญาออกมาให้ภารจาดู ภารจาเห็น ข้อความในสัญญาพบว่าที่จริงเป็นงาน “ขายตัว” !

ในแผ่นสุดท้ายของสัญญาเหมือนกับที่ภารจาเซ็นในตอน นั้น ด้านบนเขียนรายละเอียดงานที่ไม่มีนัยนะสำคัญอะไร ตอนนี้สัญญาฉบับนี้กับที่ภารจาเซ็นมาวางไว้ด้วยกันก็ไม่มี ตรงไหนที่รู้สึกว่าผิดปกติ

ในตอนนั้นเองภารจาถึงรู้ว่าตนเองถูกอัคคผลหลอก

อัคคผลคบกับการจาเพราะว่าภารจารูปร่างหน้าตาสวยจึง คิดที่จะหลอกเพื่อนอนด้วย เมื่อถูกภารจาปฏิเสธอัคคพลถึงคิดวิธีนี้

ภารุจาเซ็นสัญญาแล้วนางจำเป็นต้องทำงานในผับ หน้าที่ หลักคือดื่มเหล้าเป็นเพื่อนลูกค้า การจารู้ว่านอกจากดื่ม เหล้าแล้วต้องมีอย่างอื่นด้วย แน่นอนว่าต้องไม่ตกลง

แต่ถ้านางไม่ไปทำงานก็ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อัคคพล สามแสน ไม่อย่างนั้นอัคคพลจะนำเรื่องนี้ร้องต่อศาล

ถ้าดูตามสัญญาอัคคพลให้การจาทำงานก็ไม่ปัญหาอะไร ตอนเซ็นสัญญามีเพียงพวกเขาสองคน ถ้านางอธิบายอัคค พลสามารถบอกว่านางเล่นลิ้นได้ โอกาสที่ภารจาจะชนะมี น้อยนอกจากนี้นางยังไม่มีเงินจ้างทนาย

อาของอัคคพลเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา หลัง จากวันนั้นอัคคพลพาภารจาไปหาอาของเขา ทั้งสองคน ข่มขู่ภารุจา ภารจาให้นางจ่ายเงินและนอนกับพวกเขาทั้ง สอง ไม่อย่างนั้นภารจาไม่เพียงถูกฟ้องศาลและยังถูกไล่ ออกจากมหาวิทยาลัยด้วย นางซึ่งเป็นนักศึกษาปีสามแล้ว เท่ากับสูญเปล่า
อัคคพลและอาของเขาให้เวลาภารจาหนึ่งอาทิตย์ในการ คิด หลังจากหนึ่งอาทิตย์ถ้าภารุจายังไม่ตัดสินใจจะไล่นาง ออกจากมหาวิทยาลัยและฟ้องร้องต่อศาล

เมื่อได้ยินคคำพูดของภารุจา ภารุจาถึงกับขมวดคิ้ว ไม่คิด ว่าอัคคพลจะโหดเหี้ยมขนาดนี้

เห็นชัดๆ ว่าเป็นนักศึกษาผู้หนึ่งกลับใช้อุบายที่โหดเหี้ยม

“ฉันมาถึงทางตันแล้วถึงได้ขอยืมเงินจากแม่ อัคคพลโหด เหี้ยมนัก แม้ฉันตกลงนอนกับพวกเขา พวกเขาคงไม่ปล่อย ฉันไว้แน่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงชีวิตของฉันคงพังทลาย ภารจาพูดอย่างหมดหวัง

รพีพงษ์พยักหน้าและปลอบใจภารุจา “คุณไม่ต้องกังวล เมื่อรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องแล้วฉันจะไม่ให้เขาได้ตาม สมประสงค์ คุณเป็นลูกสาวของพี่สาและยังเป็นน้องสาวฉัน ฉันจะช่วยสนับสนุนคุณ

ภารุจานัยน์ตาแดงรู้สึกขอบคุณรพีพงษ์อย่างที่สุด

“ไปเถอะ พาผมไปสำนักงานอธิการบดี เรื่องนี้กระทบต่อ อเสียงของคุณอย่างมาก มีเพียงอธิการบดีที่จะ สามารถแก้ข่าวลือให้คุณได้ รพีพงษ์เอ่ยปาก

การจาชะงัก ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเอ่ยปากว่าต้องการไปหา อธิการบดี มหาวิทยาลัยบาสแตร์เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ ในระดับประเทศ อธิการบดีที่ สถานะไม่ธรรมดา ถ้าไม่มี อิทธิพลจริงไม่สามารถทำให้อธิการบดีไว้หน้าได้ อีกอย่าง อาของอัคคผลเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษาเป็น ลูกน้องของอธิการบดี มีเรื่องอะไรอธิการบดีแน่นอนว่าต้อง ช่วยเหลือพวกเขา

แต่ว่าตอนนี้ที่นางพึ่งพาได้มีเพียงรพีพงษ์ เมื่อรพีพงษ์ พูดอย่างนั้นคงมีวิธีจัดการ นางจึงพารพีพงษ์เดินไปยัง สํานักงานอธิการบดี

ถนนหน้าอาคารสํานักงานบริหารของมหาวิทยาลัย

อัคคพลและอาของเขากอบบุญกำลังเดินมุ่งหน้าไปยัง อาคารสํานักงานบริหาร

“ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าช่วยภารุจา ช่างไม่เห็นผมผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษาอยู่ในสายตา” กอบบุญพูด อย่างเยือกเย็น

“อา คนผู้นั้นดูไม่เหมือนคนในมหาวิทยาลัย แต่ไม่ว่าเขา จะเป็นใคร ภารุจาไม่มีทางหนีพ้น พวกเราต้องทําให้การจา ทุกข์ทรมาน ทั้งหมดเป็นเพราะนังตัวดีนั้น มือถือขาเพิ่งซื้อ มาใหม่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ครั้งนี้จะไปปล่อยนางไปแน่!” อัคค พลพูดด้วยความดุเดือด

“เรื่องนี้เราวางใจ ผมกับอธิการบดีมีความสัมพันธ์คุยกัน ได้ง่าย อยากไล่นักศึกษาคนหนึ่งออกเพียงแค่พูดประโยค เดียวเท่านั้น อีกอย่างเป็นเรื่องของนักศึกษาคนหนึ่งที่มี พฤติกรรมไม่สมควร อธิการบดีคงไม่ปล่อยให้นักศึกษา ประเภทนี้อยู่ในมหาวิทยาลัย” กอบบุญพูดขึ้น

อัคคพลพยักหน้า หัวเราะเยาะในใจ อยากให้การจา ทรมานก่อน ต่อมาก็ชายผู้นั้นที่ใช้ฝ่ามือตบหน้าเขา เขา ไม่มีทางปล่อยไว้

ทั้งสองคนเดินเข้าไปยังอาคารสำนักงานบริหาร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ