แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 142 ภาพในภาพ



บทที่ 142 ภาพในภาพ

กุนลโรจน์ไม่รู้ว่ารฟ์พงษ์จะเอาของพวกนั้นไปทำ อะไร แต่เขาก็ไม่กล้าชักช้า จึงรีบส่งสายตาไปหาร ปภ.คนนั้นทันที

รปภ.พยักหน้า รีบไปเตรียมของที่รพีพงษ์ต้องการ

ทุกคนต่างพากันมองรพีพงษ์ด้วยความสงสัย ไม่รู้ ว่าเขาจะทําอะไร

เมื่อ จารุพิชญ์ ได้ยินของที่รพีพงษ์ต้องการ ก็รีบ ขมวดคิ้วขึ้นทันที เหมือนเขาจะรู้ว่ารพีพงษ์จะทำ อะไร แต่ก็ยังคงไม่แน่ใจ

“คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้น จริงๆ งั้นสายตาของรพีพงษ์คงจะไม่มีใครเทียบได้ แล้วล่ะ” จารุพิชญ์พูดพึมพำากับตัวเอง

จารุกิตติ์ คิดว่ารพีพงษ์จะเล่นตุกติก จึงพูดด้วย ความไม่พอใจว่า “รพีพงษ์ นี่มันก็แค่ภาพเลียนแบบ เท่านั้น ไม่ว่านายจะทำอย่างไรก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ฉันว่านายอิจฉาอาจารย์ของฉันที่มองแวบ เดียวก็รู้ว่าภาพนี้เป็นภาพอะไร กลัวหัวหดแล้วล่ะสิ”

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ จารุกิตติ์ พูด ต่างก็พากัน พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด

ถึงแม้ว่าชายวัยกลางคนจะพูดไปแล้วว่าภาพนี้มัน นับคะแนน แต่ทว่าการที่เมื่อสักครู่ จารุพิชญ์ ดูภาพ นี้แล้วรู้ว่าเป็นภาพอะไร มันทำให้ทุกคนคิดว่าฝีมือ ของ จารุพิชญ์ สูงกว่ารพีพงษ์ไปเสียแล้ว

ตอนนี้รพีพงษ์กำลังจะหาประโยชน์จากภาพนี้ แต่ มันก็แค่ความหวังตอนกำลังใกล้จะตายเท่านั้น

ฉันคิดว่าดูจากภาพนี้ก็รู้แล้วนะว่าฝีมือของใครสูง “ กว่ากัน ไม่มีความจำเป็นต้องแข่งกันอีกต่อไปแล้ว”

“ใช่ ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ สายตาเฉียบแหลม มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นภาพจริงหรือปลอม แต่ รพีพงษ์กลับพูดว่าภาพนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด น่า ข่าสิ้นดี ฉันว่าคงไม่ต้องดูของชิ้นต่อไปแล้วล่ะ”

เมื่อครู่แม้ว่าการประเมินของรพีพงษ์กับท่าน อาจารย์จารุพิชญ์จะไม่ต่างกันเท่าไร แต่ภาพนี้มันเป็นการทดสอบสายตาของทั้งสองคนอย่างแท้จริง จะไม่นับคะแนนได้อย่างไร ฉันว่าการแข่งครั้งนี้รู้ว่า ใครแพ้ใครชนะแล้วล่ะ”

ทุกคนต่างพากันถกเถียงกัน พวกเขาตกลงกันไป อยู่ข้าง จารุพิชญ์ และต้องการให้การแข่งนี้จบลง พวกเขาคิดว่าการแข่งครั้งนี้ได้ผลแพ้ชนะแล้ว

จารุพิชญ์ มองไปยังรพีพงษ์อย่างได้ใจ จากนั้นจึง พูดว่า “รพีพงษ์ ความสามารถของคุณโดดเด่น แต่ ดูท่าแล้วฉันจะมีความสามารถมากกว่าคุณเล็กน้อย นายอยากแข่งต่อไหม?

“สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากความประณีตของภาพนี้คุณ ยังมองไม่ออก คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาบอกว่าความ สามารถของตัวเองสูงกว่าผม ไม่อายเหรอ?” รพี พงษ์พูดแล้วหัวเราะออกมา

จารุพิชญ์สีหน้าดูไม่ดีขึ้นมาทันที เขาพูดด้วยน้ำ เสียงเย็นชา “ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ!

จารุกิตติ์ จ้องไปทางรพีพงษ์แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็แค่ภาพเลียนแบบเท่านั้น จะมีความ ประณีตอะไร นายไม่ต้องมาเคียงข้างๆ คู่ๆ นาย ยังทำต่อไปก็เสียเวลาทุกคนแบบเปล่าๆ เท่านั้น”

ชายวัยกลางคนคนนั้นมองไปยังรพีพงษ์อย่างไม่ พอใจเช่นกัน ภาพนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เป็นของเขา เมื่อกี้ที่รพีพงษ์เอาภาพไป มันทำให้เขาไม่พอใจมาก

“เจ้าหนุ่ม เอาภาพคืนให้ผมเถอะ นี่มันแค่ภาพเลียน แบบจริงๆ คุณมองไม่ออกไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง อายุของคุณกับ ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ ก็ต่างกัน พอควร สายตาเทียบเขาไม่ได้มันเป็นเรื่องปกติอยู่ แล้ว” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น

“ใช่ นายอย่ามาสร้างเรื่องเพราะสู้ ท่านอาจารย์ จารุพิชญ์ ไม่ได้เถอะ หรือว่านายอยากเก่งกว่า ท่าน อาจารย์จารุพิชญ์ แม้อายุเพียงเท่านี้งั้นเหรอ” คน จำนวนไม่น้อยต่างพากันตะโกนออกมา

ขณะนี้คนในลานต่างพากันตัดสินด้วยตัวเอง ไม่มี ใครอยู่ข้างรพีพงษ์แม้แต่คนเดียว

จารุกิตติ์ หัวเราะแล้วเหลือบมองไปยังรพีพงษ์เขาคิดในใจว่าไอ้หมอนี่มีความสามารถไม่ถึง เมื่อกี้ ตอนที่เขาเห็นว่าภาพนี้เป็นภาพเลียนแบบ รพีพงษ์ คงจะดูไม่ออก

ความสามารถในการประเมินวัตถุโบราณที่เขา แสดงมันออกมาก่อนหน้านี้ มันเป็นเพียงแค่เรื่อง บังเอิญเท่านั้น ไม่แน่รพีพงษ์อาจจะเคยเห็นของชิ้น นั้นมาก่อนจึงสามารถพูดมันออกมาได้อย่างละเอียด

“รพีพงษ์ อย่าพูดเพ้อเจ้ออีกเลย ฉันว่าผลการแข่ง ครั้งนี้มันออกมาแล้วล่ะ นายกับอาจารย์ของฉันยัง ต่างชั้นกันเยอะ ยอมรับซะเถอะว่าตัวเองแพ้แล้ว!”

คิดถึงสภาพตอนที่รพีพงษ์แพ้แล้วต้องเห่าเป็นหมา ต่อหน้าทุกคน จารุกิตติ์ ก็รู้สึกสะใจขึ้นมาทันที

เมื่อเห็นว่าทุกคนไปอยู่ข้างจารุพิชญ์ รพีพงษ์กลับ ไม่ได้ประหม่าแม้แต่น้อย แถมยังยิ้มแล้วมองไปยัง ชายวัยกลางคนแล้วเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ในเมื่อคุณคิด ว่าภาพนี้เป็นเพียงภาพเลียนแบบ งั้นคุณก็ขายให้ผม เถอะ ถ้าผมจะทำอะไรกับภาพนี้มันจะได้ไม่มีปัญหา อะไรใช่ไหม?”
ชายวัยกลางคน งไป เขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะซื้อ ภาพของเขา

แต่ทว่าไม่นานรอยยิ้มเย้ยหยันก็แสดงออกมาบน ใบหน้าของเขา “ได้สิ ในเมื่อคุณอยากซื้อผมก็ขาย ให้ ภาพนี้ผมซื้อมาสองพัน แต่คุณคิดว่าภาพนี้มันไม่ ธรรมดา งั้นผมขายให้คุณสองแสน คุณยังต้องการ มันอีกไหม?”

ทุกคนต่างพากันหัวเราะออกมา ภาพราคาแค่สอง พัน แต่ขายออกไปในราคาสองแสน คนโง่เท่านั้น แหละที่จะซื้อ

“ได้ เอาเลขบัญชีของคุณมา ผมจะให้คนโอนเงิน ให้ รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ทุกคนอึ้งกันไปหมด แค่ฟังก็รู้ว่าชายวัยกลางคน กำลังพูดประชดรพีพงษ์ เรื่องที่จะขายภาพให้ใน ราคาสองแสน แค่อยากทำให้เขาลำบากใจเท่านั้น

แต่ทว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะซื้อภาพนั้น จริงๆ

ชายวัยกลางคนมองรพีพงษ์อย่างไม่แน่ใจ เขาเอ่ยถามขึ้นว่า “คะ คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าจะซื้อภาพนี้ ในราคาสองแสน?”

“ใช่ เอาเลขบัญชีมา” รพีพงษ์พูดอย่างเด็ดขาด

ชายวัยกลางคนจ้องรพีพงษ์อยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดใน ใจว่าคนคนนี้ต้องโง่แน่ๆ แต่ในเมื่อมีโอกาสทำเงิน เขาก็ต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน อีกทั้งขายแค่ครั้ง เดียวก็เท่ากับได้กลับมาร้อยเท่าเชียวนะ

งั้นก็ได้ แต่คุณอย่ามาเปลี่ยนใจทีหลังก็แล้วกัน ” ผมจะให้เลขบัญชีกับคุณ” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์โทรหาผู้จัดการธนาคาร ในฐานะที่เป็น บุคคลที่ได้ครอบครองแบล็กการ์ด เขาสามารถ ให้ธนาคารโอนเงินให้เขาได้ทุกเมื่ออย่างไม่จำกัด วงเงิน

อารียามองรพีพงษ์ด้วยความสับสน เธอคิดว่าจะ รั้งเขาดีไหม อีกอย่างทุกคนต่างพูดว่ามันเป็นภาพ เลียนแบบ แถมชายวัยกลางคนยังบอกว่าซื้อมา แค่สองพัน ถ้าเขาซื้อภาพนั้นในราคาสองแสน มัน ขาดทุนมาก
แต่ทว่าเงินที่รฟ์พงษ์เอามาซื้อภาพเป็นเงินของเขา เอง เธอไม่อยากก้าวก่าย จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

ขณะนั้นเองจู่ๆ เธอก็อยากเข้าห้องน้ำ เธอจึงเดินไป หาห้องน้ำคนเดียว

บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ใหญ่มาก แถมยังไม่มี สัญลักษณ์บอกว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน ตอนนี้ทุกคน กำลังจ้องไปยังรพีพงษ์ อารียาจึงทำได้เพียงเดินหา ห้องน้ำด้วยตัวเอง

เธอเดินผ่านลานกว้าง ในที่สุดเธอก็เห็นแผ่นป้ายคำ ว่าห้องน้ำแขวนไว้ จึงรีบเดินเข้าไปทันที

ขณะที่เธอกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ชนเข้ากับ กุมุทที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

เมื่อกุมุทเห็นอารียา จู่ๆ เขาก็ยิ้มร้ายกาจออกมา

ประมาณสองสามนาที รพีพงษ์โอนเงินจำนวนสอง แสนให้กับชายวัยกลางคน
หลังจากที่ชายวัยกลางคนได้รับเงินสีหน้าของเขา เต็มไปด้วยความดีใจ จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า คิดไม่ ถึงจริงๆ ว่ารูปที่ซื้อมาสองพันจะขายได้ทั้งสองแสน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เงินมากหลายเท่า

ทุกคนพากันมองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความ อิจฉา ถึงแม้ว่าเงินสองแสนพวกเขาจะไม่นับ ว่ามากเท่าไร แต่นี่มันเท่ากับใช้ทุนจำนวนน้อยแต่ กลับได้ผลประโยชน์จํานวนมาก

ขณะเดียวกันคนพวกนั้นก็ส่งสายตาเย้ยหยันไป ทางรพีพงษ์ พวกเขาคิดว่ารพีพงษ์สมองมีปัญหา

“นี่มันคนมีเงินแต่โง่ เสียเงินทั้งสองแสนซื้อรูปเลียน แบบ แถมทุกคนยังรู้ว่าราคารูปจริงๆ มีราคาเท่าใด ทั้งชีวิตเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้ครั้งแรกเลย

สองแสนกับรูปเก่าๆ เนี่ยนะ แม้สองแสนจะไม่นับ ว่ามาก แต่ก็ไม่ควรมาเสียเงินไปเปล่าๆ แบบนี้

จะสนใจเขาอีกอย่างเงินที่ใช้ไปก็ไม่ใช่เงิน ของฉัน ฉันล่ะชอบคนที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้จริงๆ รอให้เขาคิดได้ก่อนก็คงจะเสียใจตายเลยล่ะ”
จารุกิตติ์ แสยะยิ้มแล้วปรายตามองรพีพงษ์ จาก นั้นพูดขึ้นมาว่า “รพีพงษ์ ถึงนายจะใช้เงินสองแสน อภาพนี้ นายก็ไม่สามารถบอกได้ว่าภาพนี้มันมี ค่าสองแสน เมื่อครู่ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่านายสู้ อาจารย์ของฉันไม่ได้ การแข่งครั้งนี้นายแพ้แล้ว”

รพีพงษ์เหลือบมองจารุกิตติ์ แล้วพูดว่า “ใครบอก คุณว่าการแข่งครั้งนี้จบแล้ว ผมบอกพวกคุณไปแล้ว ว่าภาพนี้ไม่ใช่ภาพธรรมดาอย่างที่ทุกคนคิด

ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจของ จารุกิตติ์ เขาคิด ว่ารพีพงษ์กำลังยื้อเวลา

“รอดูว่าเขาจะทำอะไร อีกอย่างยังเหลือเวลาอีก เยอะ ถือว่าให้ทุกคนดูอะไรสนุกๆ ก็แล้วกัน” จารุ พิชญ์ หัวเราะแล้วพูดขึ้น

เขาคิดว่าตัวเองชนะแน่แท้แล้ว ไม่ว่ารพีพงษ์จะทำ ยังไงทุกคนก็เลือกอยู่ข้างเขาอยู่ดี

เมื่อครู่เขาคิดว่ามีโอกาสที่จะเป็นไปได้ แต่เมื่อมา คิดดูในตอนนี้ ความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมันน้อยมาก แทบจะไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลอะไรแล้ว

ผ่านไปไม่นาน รปภ.ของตระกูลกุลสวัสดิ์นำของที่ รพีพงษ์ต้องการมาให้เขา

รพีพงษ์วางภาพลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงใช้มือถูไปมา บริเวณริมขอบภาพแล้วเอาน้ำมาหยดลงบนขอบ ภาพ

ทุกคนต่างพากันโน้มหน้าเข้ามาดูด้วยสีหน้าที่เต็ม ไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ต้องการจะทำ อะไร

จารุพิชญ์ กับ จารุกิตติ์ ได้ศึกษาภาพโบราณมาพอ สมควร หลังจากที่พวกเขาเห็นวิธีของรพีพงษ์ก็รู้ทัน ทีว่ารพีพงษ์ต้องการทำอะไร

อยากบอกนะว่าไอ้หมอนี่จะแยกภาพออกจากกัน น่าขำสิ้นดี ภาพในภาพเราไม่ได้เห็นรูปแบบนี้มา หลายปีแล้วนะ จะมาอยู่ในภาพที่มีราคาแค่สองพัน ได้อย่างไรกัน” จารุกิตติ์ แสยะยิ้ม

จารุพิชญ์ กลับขมวดคิ้ว ตอนที่รพีพงษ์หยดน้ำลงไป เขาเห็นว่าภาพนี้มีอะไร ด พิเศษอยู่ ภาพโดย ทั่วไปมันไม่ได้หนาขนาดนี้

การกระทําของรพีพงษ์ ตั้งใจเป็นอย่างมาก เขา อย่างระมัดระวัง ทุกคนต่างพากันจดจ่อไปที่ภาพ นั้น รอให้รพีพงษ์ตอบคําถาม ทุกคนสงสัย

หลังจากประมาณสิบนาที รพีพงษ์ ใช้นิ้วมือจับขอบ ทั้งสองข้างของรูปภาพแล้วยกขึ้นอย่างช้าๆ แยก ภาพชั้นบนสุดออกมาอย่างช้าๆ

เมื่อทุกคนเห็นทันทีว่าใต้ภาพที่รพีพงษ์ยกขึ้นยัง มีภาพอยู่อีกภาพหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าอีกภาพหนึ่งมัน จะเป็นภาพที่มีเทคนิคชั้นสูง สีสันงดงามและมีราย ละเอียดที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก

ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าภายใต้ภาพ เรียบๆ ไม่น่าสนใจอะไรจะมีภาพอีกภาพหนึ่งซ่อน อยู่!

เดิมที่คนที่เคยหัวเราะเยาะรพีพงษ์อย่าง จารุกิตติ์ อึ้งไปในทันที เขาพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่

จารุพิชญ์ เดินเข้าไปก้าวหนึ่ง เขาจ้องรูปนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตกใจว่า “นะ นี่เป็น ภาพ’Born of Gautama Buddha’ของ Wu Daoziปรมาจารย์ด้านการวาดภาพ!

ความโกลาหลเกิดขึ้นที่ลานกว้าง ทุกคนจ้องไปที่ ภาพที่อยู่บนโต๊ะอย่างไม่เชื่อสายตา

แน่นอนว่าพวกเขารู้จัก Wu Daozi ปรมาจารย์ด้าน การวาดภาพ เขาคือจิตรกรที่มีชื่อเสียงสมัยราชวงศ์ ถัง ตามประวัติศาสตร์เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น ปรมาจารย์ด้านการวาดภาพ ภาพของเขามีมูลค่าสูง เป้าหมายของนักสะสมวัตถุโบราณจำนวนมากคือ ต้องการสะสมภาพจริงของ Wu Daozi

ชายวัยกลางคนที่แต่เดิมกำลังได้ใจกับภาพเลียน แบบเพียงภาพเดียว เมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดก็อึ้ง ไปในทันที

เขารีบเดินเข้าไปที่โต๊ะแล้วมองไปยังภาพวาดที่ ทำให้คนตกตะลึง จู่ๆ เขาก็รู้สึกหายใจติดขัดไปชั่ว ขณะ

“ท่านอาจารย์จารุพิชญ์คุณแน่ใจไหมว่าภาพนี้เป็นภาพจริงของWu Daozil” ขายวัยกลางคนถามชื้น อย่างเคร่งเครียด

จารุพิชญ์ จ้องไปยังตราประทับและลายเซ็นที่ อยู่บนภาพแล้วพูดว่า “ไม่ผิดแน่ๆ ลายเซ็นและตรา ประทับของWu Daozi ผ่านการจัดการโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันคนอื่นเลียนแบบผลงานของเขา ภาพนี้ คือภาพจริง!”

ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในลานกว้างอีกครั้ง

ทุกคนมองรพีพงษ์ด้วยสายตาชื่นชมและนับถือ คิด ไม่ถึงว่าภาพนี้จะเป็นอย่างที่เขาพูดไว้ทุกอย่าง มัน

ไม่ใช่ภาพธรรมดา!

“ภาพของWu Daozi ได้รับความนิยมในตลาดเป็น

อย่างมาก รูปภาพภาพนี้ของ Wu Daozi มีราคาสูง ถึงสองร้อยล้านขึ้นไปเลยนะ” นักสะสมคนหนึ่งพูด ขึ้น

ทุกคนสูดหายใจเฮือก คิดไม่ถึงว่ารูปที่วางอยู่บน โต๊ะจะมีมูลค่าถึงสองร้อยล้าน มันไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย
ชายวัยกลางคนตกตะลึงไปในทันที เขาปากสั่นไป

หมด

*สะ สองร้อยล้าน แต่ฉันขายไปในราคาสอง

แสน…….

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ เงินสอง แสนเทียบไม่ได้เลยกับสองร้อยล้าน

“ผมไม่ขายรูปนี้แล้ว ผมเอาเงินคืนให้คุณ คุณเอา ภาพคืนให้ผม!”

ชายวัยกลางคนรีบเข้าไปแย่งรูปที่วางอยู่บนโต๊ะ ทันที

กุนลโรจน์รีบส่งสายตาไปให้รปภ. พวกเขารีบพุ่ง เข้าไปกดตัวชายวัยกลางคนลงบนพื้น

อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้จักกฎระเบียบในแวดวง ของนักสะสมวัตถุโบราณ ของที่ออกจากมือไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคืนกลับมา คุณมองไม่เห็น มูลค่าของภาพนี้ มันก็แสดงว่าสายตาของคุณยัง เฉียบแหลมไม่มากพอ ภาพนี้เป็นของคุณรพีพงษ์ แล้ว!” กุนลโรจน์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ