แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่324 คนของนายกำลังมีเรื่อง



บทที่324 คนของนายกำลังมีเรื่อง

บทที่324 คนของนายกำลังมีเรื่อง

เช้าวันรุ่งขึ้น ชนิสราไปตลาดเพื่อซื้อผัก ส่วนรพีพงษ์ทำความ สะอาดอยู่ที่บ้าน

ศศินัดดาที่ออกมาจากในห้อง เห็นรพีพงษ์กำลังกวาดพื้นอยู่ ก็ พึมพำทันทีว่า: “ชีวิตต้อยต่ำเหมือนกับคนใช้เลย คนของตระกูล ลัดดาวัลย์อยู่ในสภาพนี้ของแก ขายขี้หน้าจริงๆ

รพีพงษ์ นกับมันมานานแล้ว ไม่ได้สนใจสสินัดดา แต่ยังคง กวาดพื้นต่อไป

ในมุมของรพีพงษ์ การทำงานบ้านเป็นการฝึกฝนของอารมณ์ ความสงบของเขาในตอนนี้ และไม่เคยห่างหายจากการทำงาน บ้านทุกวันมาหลายปี มองเห็นบ้านสะอาดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย อารมณ์ของตัวรพีพงษ์เองก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นดีขึ้นมา

ดังนั้นแม้ว่าชนิสราจะมาอยู่ที่นี่ ตอนที่รพีพงษ์ว่างก็ยังคงชอบ ทำงานบ้าน ทำให้บ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย กลายเป็นความ เคยชินของเขาแล้ว

อารียาก็ชอบการใช้ชีวิตอยู่เช่นนี้ของรพีพงษ์ ถ้าหากว่าตอนนี้รพีพงษ์กลายเป็นทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์จริงๆ มีคน ค่อยดูแลเสื้อผ้าอาหารการกินการอยู่ทุกวัน เธออาจจะยังยอมรับ ไม่ได้เล็กน้อย

ทันทีรพีพงษ์กวาดพื้นเสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

“ร….รพีพงษ์ คุณสามารถมาที่ตลาดผักหน่อยได้ไหม ฉันเจอกับ เรื่องลำบากเล็กน้อย เสียงที่กังวลของชนิสราดังขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้น?”รพีพงษ์ขมวดคิ้ว

“ตอนนั้นฉัน…..คำพูดของชนิสรายังพูดไม่จบ ก็มีเสียง โทรศัพท์ตกลงพื้น ตามด้วยเสียงด่าของชายคนหนึ่ง “เย็*แม่ง รีบ ไสหัวไปซะ วันนี้เธอจะโทรหาใครก็ไม่มีประโยชน์

ในใจของรพีพงษ์บอกว่ามันไม่ดี รีบวางสายโทรศัพท์หยิบเสื้อ และรีบไปที่ตลาดผัก

ตลาดผักอยู่ไม่ไกลจากดงเย็น แต่ว่าใช้เวลาเดินไปที่นั่นยี่สิบ นาที หลังจากที่รพีพงษ์ออกไป เขาก็สแกนจักรยานแชร์วิ่งแล้ว ปั่นไป

ตลาดผักแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นตลาดผักที่ใหญ่ที่สุดที่ใกล้กับดงเย็น มีทุกอย่าง ตั้งแต่ผักไปจนถึงอาหารทะเล และเมื่อไม่นาน มา รพีพงษ์ได้ยินธฤตญาณบอกว่า เขาได้เข้ามารับช่วงบริหาร ตลาดผักแห่งนี้ และเขายังส่งคนมีจัดการดูแลระเบียบของตลาด ผัก เจ้าของแผงขายของจะต้องจ่ายดูแลทุกเดือน เนื่องจากขนาด ค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นทุกๆเดือนสามารถทำรายได้ไม่น้อย

หลังจากที่ถึงตลาดผัก รพีพงษ์จอดจักรยานแชร์ริ่งไว้ข้างถนน จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปด้านใน ทันทีที่เดินเข้ามา ก็เห็นคนกลุ่ม ใหญ่รวมตัวกันรอบๆแผงขายผักเพื่อดูเรื่องโหวกเหวก

เขารีบเดินเข้าไปหากลุ่มฝูงชน หลังจากเบียดตัวเข้ามา ก็เห็น ชนิสรากำลังนั่งอยู่บนพื้น ผมยุ่งเหยิง โทรศัพท์มือถือแตก กระจายอยู่อีกด้าน ซึ่งเสียแล้ว ตรงข้ามของเธอคือผู้ชายที่ ท่าทางดุดัน พ่อค้ามีใบหน้าที่เคร่งขรึม

“กูก็แบ่งบอกกับมึงแล้วว่า กูไม่ได้เอากระเป๋าของแกไป แกทํา กระเป๋าหายเอง แม่งเกี่ยวอะไรกับกูด้วย แกรีบไสหัวไปให้พ้นๆ ฉันซะ อย่ามาขัดขวางธุรกิจของฉัน ฉันไม่ให้แกชดใช้เงินที่ ทําให้ธุรกิจของฉันล่าช้าก็ดีแค่ไหนแล้ว”พ่อค้ากล่าวอย่างโหด ร้าย

“เมื่อกี้ฉันฝากกระเป๋าวางไว้ที่นาย ไปเลือกผัก ตอนนั้นที่นี่ นอกจากฉันก็มีเพียงนาย ฉันหันไปเพียงไม่กี่นาทีกระเป๋าก็ไม่มีแล้ว ถ้าไม่ใช่นายเอาไปยังจะมีใครเอาไปอีกชนิสราสีหน้า เต็มไปด้วยความสาบากใจ

“นี่แกกําลังใส่ร้ายคนอยู่ นี่เป็นเพียงแผนการหลอกลวงของแก เท่านั้นเอง นั่งสารเลว แกอย่ามาหน้าด้านที่นี่ ฉันกับเป็นญาติคน ที่ดูแลที่นี่ ถูกกดดันมากๆ ฉันจะหาคนมีขับไล่แกออกไป พ่อค้า ตะโกน

“ถ้านายคิดว่ากําลังฉันใส่ร้ายนายอยู่ ทำไมนายไม่ตรวจสอบ กล้องวงจรปิดละ ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดไม่ใช่เหรอ น่าจะบันทึก ภาพไว้ได้อย่างแน่นอน ทำไมเมื่อฉันบอกว่าจะดูกล้องวงจรปิด นายถึงผลักฉันล่ะ และยังทำโทรศัพท์ฉันฟังด้วย แบบนี้นายจะ พูดยังไงดีล่ะ”ชนิสราตอบโต้กลับ

พ่อค้าก็รู้สึกได้ว่าไร้ผลทันที แต่รัศมีก็ยังไม่อ่อนลง พูดอย่าง เย็นชา: “กูไม่ได้เอากระเป๋าถึงไป ดูกล้องวงจรปิดไปก็ไม่มี ประโยชน์ โทรศัพท์มือถือของเธอตัวของเธอเองต่างหากที่ทำง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน อย่ามาใส่ร้ายคนที่นี่นะ

หลายคนรอบข้างมองไปที่ชนิสราอย่างเห็นใจ แต่ว่าก็ไม่มีใคร ออกมาช่วยหล่อน เพราะคนที่นี่รู้ดีว่า พ่อค้าคนนี้เป็นญาติกับคน ที่ดูแลตลาดผักนี้จริงๆ อยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับเขา ปกติ พ่อค้าคนนี้ก็ชอบหาเรื่องพวกเขา พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่อดทน
“เธอก็คิดว่าตัวเองโชคร้ายละกัน อยู่ในตลาดแบบนี้ เธอใช้ เหตุผลกับเขาไม่มีประโยชน์ บางทีเธออาจจะโดนทำร้ายนะ คน รอบข้างเดือนชนิสราอย่างหวังดี

ชนิสรากัดฟันแน่น ในใจก็รู้สึกไม่พอใจ ในกระเป๋าของเธอมีเงิน อยู่สองพันหยวน เป็นเงินที่รพีพงษ์ให้เธอซื้อกับข้าวหนึ่งเดือน นี่ถ้าเกิดว่าไม่มีแล้ว ต่อให้รพีพงษ์ไม่ว่าอะไร ในใจของเธอก็ รู้สึกไม่สบายใจดี

รพีพงษ์เบียดตัวออกมาจากกลุ่มฝูงชน ไปที่ด้านชนิสรา พยุง เธอขึ้นมา

“พี่สา พี่ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”รพีพงษ์ถาม

เมื่อชนิสราเห็นรพีพงษ์มา ดวงตาก็เปล่งประกายด้วยความหวัง อันน้อยนิด แล้วพูด: “รพีพงษ์ กระเป๋าของฉันหาย ฉันสงสัยว่า คนคนนี้เป็นคนเอาไป ตอนนี้ฉันเพียงแค่ต้องการดูกล้องวงจรปิด ถ้าหากว่าฉันสงสัยผิดคนจริงๆ ฉันก็ยินดีที่จะขอโทษเขา แต่ว่า ฉันไม่อยากให้กระเป๋าของฉันหายไปโดยที่ไม่รู้อะไรที่ชัดเจน”

รพีพงษ์พยักหน้าให้กับชนิสรา แล้วพูด: “พี่สบายใจได้ เรื่องนี้ ผมช่วยพี่จัดการเอง ให้ผลลัพธ์ที่พอใจกับพี่แน่”

จากนั้นเขาก็หันไปมองพ่อค้า และพูดอย่างเย็นชาว่า “ยังไม่ต้องพูดเรื่องกระเป๋านายเอาไปหรือเปล่า นายผลักคนอย่างไร้ เหตุผล ทำโทรศัพท์คนอื่นพัง เรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆแบบนี้ใช่ มั้ย?”

พ่อค้ามองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นว่ารพีพงษใส่เสื้อผ้ายัง ไม่ดีเท่าเขา บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามทันที และ พูดว่า: “มีอะไรเหรอ นี่หาคนช่วยมาด้วยจริงๆเหรอ กูผลักหล่อน แล้วทำไม หล่อนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วขวางหูขวางตา ฉันไม่ตบตี หล่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว แล้วแกจะทำไม? จะออกหน้าแทนหล่อน เหรอ?”

“ขอโทษเธอซะ”รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา

พ่อค้ายิ้มเยาะเย้ย แล้วพูดว่า “ให้ฉันขอโทษนังสารเลวคนนี้ นะเหรอ? แกแม่งฝันไปเถอะ? บอกแกให้นะ คนดูแลที่นี่เป็นอา ของฉัน ถ้าเกิดแกไม่อยากโดนซ้อม ตอนนี้รีบพานังสารเลว ไสหัวออกไปซะ อย่ามากระทบการทำธุรกิจของฉัน”

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าพ่อค้านั้นหยิ่งผยองและไม่มีเหตุผล รพีพงษ์ ก็ไม่เสียเวลากับเขา เอื้อมมือไปจับแขนของเขา และใช้กำลัง แล้วพูด: จะขอโทษหรือไม่ขอโทษ?

พ่อค้าเจ็บจนร่างกายผิดไปจากรูปเดิม เขาพบว่าตัวเองไม่ สามารถหลุดพ้นจากมือของชายหนุ่มคนนี้ได้ ต้องรู้ว่าเขาทำงาน หนักใช้แรงมาก ขนถ่ายสินค้าด้วยตัวเองทุกวัน และกำลังก็ไม่ธรรมดา

ตอน รพีพงษ์ก็บีบเบาๆได้อย่างง่ายดาย มันทําให้เขาไม่ สามารถต่อสู้กลับได้ ที่สำคัญความเจ็บปวดนั้นรุนแรงมาก จน ทําให้หัวใจของพ่อค้าตกใจ

“แก….แกแม่งปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ แกไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วใช่มั้ย! พ่อค้ากัดฟันแล้วตะโกนออกมา

รพีพงษ์ก็ใช้กำลัง และพูดว่า “ถ้าหากว่านายไม่ขอโทษ แขน ของนายก็ไม่ต้องเอาแล้ว”

พ่อค้ากัดฟันด้วยความเจ็บปวด เขาไม่สงสัยคำพูดของรพีพงษ์ เลยว่าถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป แขนของเขาหักอย่างแน่นอน

“ฉัน…..ฉันขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ พอใจยัง”พ่อค้ารีบพูดทันที

รพีพงษ์ถึงค่อยปล่อยเขา

พ่อค้ารีบถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็วทําให้ และจ้องมองรพี พงษ์อย่างโกรธแค้น แล้วตะโกนว่า “แกแม่งรอดเลยนะ ฉันจะไป เรียกอาของฉันมา วันนี้ไม่สั่งสอนให้บทเรียนแก แกคิดว่าตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย!”

พูดจบ พ่อค้าก็วิ่งไปด้านหลัง

“ถอยไปแม่งให้มันหมดๆ อย่าขวางทางฉัน!”

เมื่อชนิสราเห็นว่าพ่อค้าไปเรียกคนมา ในใจก็กังวล หันไปมอง รพีพงษ์ แล้วพูด: “รพีพงษ์ หรือว่าพวกเราไปกันเถอะ ที่นี่เป็นถิ่น ของเขา ถ้าเกิดมีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ พวกเราน่าจะเสียเปรียบ ใน กระเป๋าของฉันก็มีเงินสองพันกว่าที่คุณให้ฉันซื้อผัก เงินพวกนี้ หักจากเงินเดือนของฉันก็ได้”

“พี่สา พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ การกระทำของพวกเราถูกต้องและ เหมาะสม ถ้าหากว่ากระเป๋านั้นเขาเป็นคนเอาไปจริงๆ พวกเราก็ ควรที่จะเอาคืนกลับมา ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องกลัวเขา รพี พงษ์กล่าว

มีคนรอบๆตักเตือนรพีพงษ์: “ชายหนุ่ม ฉันว่านายรีบๆไปเถอะ พ่อค้าเมื่อกี้เป็นจอมอันธพาลที่มีชื่อเสียงในตลาดผักของพวกเรา อาของเขาก็คือคนดูแลที่นี่ของพวกเรา เป็นที่รู้จักในนามนวัชหัว ล้าน ได้ยินมาว่าเป็นลูกน้องของธฤตญาณ คนพวกนี้ไม่ควรไปมี ปัญหาด้วย”

“ใช่ ประวัติความเป็นมาของนวัชหัวล้านก็ไม่ธรรมดา ผู้คนที่นี่ ของพวกเราก็กลัวเขา ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับเขา ที่สำคัญเขายังปกป้องพ่อค้าคนเมื่อกี้ด้วย พวกคุณเสียเปรียบอย่าง แน่นอน”

รพีพงษ์เหลือบมองไปที่ผู้คนรอบๆตัว และกล่าวว่า “ความหวังดี ของพวกคุณผมรู้ดี แต่ว่าไม่สนว่าเขาจะเป็นใคร เรื่องนี้ผมก็ต้อง เคลียร์ให้มันชัดเจน

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกว่ารพีพงษ์โง่

“เป็นคนที่ดึงดันจริงๆ อุตส่าห์หวังดีเตือนเขาแต่เขายังไม่ฟัง เดี๋ยวโดนกระทืบก็สมควรแล้วล่ะ”ป้าคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าที่ไม่มี ความสุข

รพีพงษ์หยิบโทรศัพท์ออกมา และโทรออกไปยังหมายเลขของ ธฤตญาณ

“ตอนนี้มาที่ตลาดอัมพราหน่อย คนของนายกำลังมีเรื่องร พงษ์กล่าว

“หื้อ? คนของฉันกำลังมีเรื่อง? เรื่องอะไร?”ธฤตญาณถาม

“มีเรื่องกับฉัน ถ้านายมาสาย พวกเขาอาจจะถูกฉันกระทืบ ตาย”รพีพงษ์พูดอย่างโกรธๆ จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์
ไม่นาน กลุ่มคนที่ดูโหดก็เดินมาไม่ไกล ผู้นำคือชายหัวล้านวัย กลางคน พ่อค้าเดินตามเขาไป ด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ ก็รีบหลีกทางให้พวกเขา เพราะกลัวว่าตัว เองจะมีปัญหาเหมือนกัน

นวัชหัวล้านนำพาพ่อค้าไปตรงหน้ารพีพงษ์และชนิสรา นวัชหัว ล้านคนนี้มีใบหน้าที่ดุร้าย เป็นคนที่ดูไม่เหมือนคนดี หลังจากที่ ชนิสราเห็น ในใจก็หวาดกลัว หันหน้าไปมองรพีพงษ์

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ชนิสราก็ไม่ สามารถพูดอะไรได้ แต่คิดดูแล้วรพีพงษ์ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ถ้า รพีพงษ์บอกว่าไม่เป็นไร คนพวกนั้นก็คงจะทำอะไรรพีพงษ์ไม่ได้

“เป็ด ก็คือแกที่มีปัญหากับหลานชายของฉันเหรอ?”นวัชหัว ล้านมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า

รพีพงษ์จ้องนวัชหัวล้าน พูดอย่างเย็นชา: “คำพูดของนายน่าจะ พูดกลับกันนะ”

พ่อค้าที่อยู่ข้างๆ ก็ตะโกนทันทีว่า “อา อาเห็นหรือยัง ไอ้หมอ นี่มันกล้าอวดดีต่อหน้าอา อาต้องช่วยผมสั่งสอนมันนะ ที่สำคัญ พวกเขากระทบต่อการทำธุรกิจของผมด้วย พวกเขายังต้องชดใช้เงินให้ผมด้วย วันนี้ถ้าไม่มีเงินหนึ่งหมื่นหยวน ก็ ห้ามปล่อยพวกเขาไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ