แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่323 อันที่จริงฉันเป็นทายาทเศรษฐีที่ปิดบังตัวตน



บทที่323 อันที่จริงฉันเป็นทายาทเศรษฐีที่ปิดบังตัวตน

บทที่323 อันที่จริงฉันเป็นทายาทเศรษฐีที่ปิดบังตัวตน

ทั้งชุติเทพและเจสสิก้าทั้งสองคนมองดูฉากนี้ด้วยความตกตะลึง คิดไม่ถึงว่านายใหญ่ของตระกูลอันดับแรกของเมืองริเวอร์ เพื่อ รพีพงษ์แล้ว ถึงขนาดที่ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นแม้แต่ญาติ

รพีพงษ์ยิ้มให้กับทั้งสองคนเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ฉันพูดถูกใช่ มั้ย”

เจสสิก้าก็รีบยกนิ้วโป้งให้กับรพีพงษ์ แล้วพูด: “สุดยอดสุดยอด

หลังจากที่กุนลโรจน์ให้คนจับตัวไพรและนิเษวกสองพ่อลูกขึ้น มา ก็ให้ทั้งสองคนคุกเข่าลงตรงหน้ารพีพงษ์

“คุณรพี ทั้งสองคนนี้ก็ถูกจับแล้ว คุณว่าจะจัดการกับพวกเขายัง ไงดี”กุนลโรจน์ถาม

รพีพงษ์จ้องมองไปที่พวกคนที่กุนลโรจน์นำพามา กล่าวด้วย รอยยิ้ม: “บนตัวของนายก็พกกระบองไฟฟ้าแบบนี้ด้วยเหรอ บัง เอิญจริงๆนะ พวกคนที่สองคนนี้พามา ก็ใช้กระบองไฟฟ้ายี่ห้อนี้ เหมือนกัน”
ทันใดนั้นกุนลโรจน์ยิ้มอย่างอึดอัด รู้ว่ารพีพงษ์รู้แล้วว่าความ สัมพันธ์ระหว่างเขาและไพร่ำสองพ่อลูก เพียงแต่ว่าไม่พูดออกมา เท่านั้นเอง

“ใช่….ใช่ครับ บังเอิญจริงๆครับ กระบองไฟฟ้ายี่ห้อนี้อาจจะดึ มากก็ได้ครับ ดังนั้นจึงซื้อยี่ห้อนี้”กุนลโรจน์พูด

“ถ้าบังเอิญขนาดนี้ อย่างนั้นให้คนของนายเอากระบองไฟฟ้ามา ดูแลพวกเขาสักหน่อย หนึ่งคนสิบนาที รพีพงษ์พูด

ไพรำและนิเษวกทั้งสองคนต่างสูดลมหายใจเข้า เมื่อกี้พวกเขา ก็ได้ลองอานุภาพของกระบองไฟฟ้าแล้ว เพียงแค่ในช่วงเวลา สั้นๆ พวกเขาก็เกือบจะตาย ถ้าโดนไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องสิบนาที ต่อให้ไม่ตาย พวกเขาอาจจะต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาครึ่งปี

“พี่ชาย….”ไพรำยังอยากร้องขอความเมตตา

กุนลโรจน์เบิกตากว้างจ้องมองไปที่เขา แววตาส่งสัญญาณบอก ให้เขาว่า ห้ามให้เขาพูด

ทันใดนั้นสีหน้าของไพรำก็เต็มไปด้วยความลำบากใจ เดิมที่ เขาคิดว่าตัวเองมาที่เมืองริเวอร์ จะสามารถอาศัยอำนาจบารมี ของลูกพี่ลูกน้องอวดเก่งได้ คิดไม่ถึงตอนนี้ตัวเองกลับถูกรังแก ลูกพี่ลูกน้องก็ไม่ช่วยตัวเอง แต่ยังช่วยคนอื่นรังแกเขาด้วย นี่มันนําบาก งบ้านจริงๆ

“พวกแกสองคน ทําตามที่คุณรพีบอก เอากระบองไฟฟ้าจี้บนตัว พวกเขาสิบนาท”กุนลโรจน์พูดกับลูกน้องทั้งสองคนของตัวเอง

ทั้งสองคนนั้นก็รีบเอากระบองไฟฟ้าเดินไปที่ตรงหน้าพวกเขา ทั้งสองคน

สีหน้าของไพรําและนิเษวกทั้งสองคนต่างก็สิ้นหวัง แต่ว่าก็ไม่ กล้าพูดอะไร

“ใช่แล้ว ให้เขาลองที่เป้ากางเกงด้วยสักหน่อย ด้านนี้ของเขามี ปัญหา ต้องรักษาด้วยการใช้ไฟฟ้า ไม่แน่อาจจะช่วยรักษาเขาจน หายก็ได้ รพีพงษ์ยื่นมือชี้ไปที่นิเวก

ดวงตาทั้งสองข้างของนิเวกก็มองไปรอบๆทันที ส่ายหัวหัว อย่างไม่หยุด ปากก็เอาพูดว่า: “ไม่เอา ปล่อยฉันไปเถอะ ขอร้อง นายล่ะ……

อย่างไรก็ตามรพีพงษ์ไม่สนต่อคําขอร้องของเขา บนใบหน้าก็ ปรากฏรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์

ชายคนที่ถือกระบองไฟฟ้าเพื่อที่จะให้กับนิเษวกก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่ใครจะไปคิดว่าใช้กระบองไฟไปที่เป้ากางเกง จะเจ็บแสบเกินบรรยายขนาดไหน

หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา ในบ้านไร่ก็มีเสียงของไพร่และ นิเษวกสองพ่อลูกที่ที่ร้องโอดโอยเหมือนหมูถูกเชือกก็ดังออกมา

รพีพงษ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพูดกับกุนลโรจน์ว่า: “นายใหญ่กล

สวัสดิ์ ที่นี่ฝากนายจัดการด้วย พวกเราไปก่อนละ

กุนลโรจน์ก็ไม่กล้าพูดอะไร รีบพยักหน้าทันที แล้วพูดว่า “คุณ รพีสบายใจได้ ผมจะจัดการตามความต้องการของคุณ ไฟฟ้า พวกเขาสิบนาที”

รพีพงษ์พยักหน้า โดยไม่สนใจว่ากุศลโรจน์จะไฟฟ้าถึงสิบนาที หรือเปล่า เขาเพียงแค่ต้องการที่จะตักเตือนสองพ่อลูกเท่านั้นเอง

ชุติเทพและเจสสิก้าทั้งสองคนรีบเดินตามรพีพงษ์ไปทั้งสามคน เดินออกมาจากบ้านไร่พร้อมกัน

หลังจากทั้งสามคนเดินจากไปไกล กบลโรจน์แอบออกไปข้าง นอกดูแล้ว ถึงค่อยวิ่งกลับพูดกับสองคนนั้น “พอได้แล้ว หยุดได้ แล้ว คณร ไปไกลแล้ว
จากนั้นทั้งสองคนก็หยุดมือ นิเวกและไพรําถูกไฟฟ้าช็อตจน ปากตาบิดเบี้ยว ถ้าเกิดยังต่อเนื่องอีก สองคนนี้ก็คงจะกลายเป็น คนปัญญาอ่อน

หลังจากนั้นไม่นาน นิเวกและไพรทั้งสองคนถึงค่อยๆฟื้น คืนกลับมา การตอบสนองอย่างแรกของไพรำ ก็คือไปดูว่าที่เป้า กางเกงของนิเวก แล้วถามว่า: “ลูก ที่ตรงนั้นของลูกเป็นยังไง ยังมีความรู้สึกมั้ย?”

นิเษวกก็ร้องไห้ขึ้นมา แล้วพูดว่า:พ่อ ตระกูลภัทรรัฐชัยของเรา เกรงว่าจะไม่มีทายาทผู้สืบสกุลแล้ว”

สีหน้าของนิเวกก็เศร้าทันใด เขาหันหน้าไปมองกุนลโรจน์ที่ ยืนอารมณ์ไม่ดีอยู่ข้างๆ แล้วพูด: “พี่ เมื่อกี้ไอ้หมอนั้นมันจะทำให้ ตระกูลภัทรรัฐชัยของผมขาดทายาทสืบสกุล ทำไมพี่ไม่ห้ามเขา ไว้ล่ะ?”

*หี ฉันห้ามเขาเหรอ? ถ้าฉันกล้าห้ามเขา มันไม่ใช่ว่าจะง่ายดาย เพียงแค่ตระกูลภัทร์รัฐชัยของนายขาดแค่ทายาทสืบสกุลเท่า ท่านเมื่อกี้คือคนที่ฉันไม่สามารถมีเรื่องด้วย ไม่รู้จริงๆว่าพวกแก กำลังทําบ้าอะไร ถึงกล้าไปหาเรื่องเขา”กนลโรจน์กล่าวด้วยน้ เสียงที่เย็นชา

นิเษวกนิ่งไปชั่วขณะ แล้วพูด: “พี่ คนคนนั้นไม่ใช่เศษสวะที่มีชื่อ เสียงในเมืองริเวอร์หรอกเหรอ ทําไมเป็นคนที่แม้แต่พี่ก็ไม่กล้ามีเรื่องด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่าเข้าใจผิดนะ?”

กุนลโรจน์จ้องมองเขา และพูดว่า “นายจะไปรู้อะไร เขาเรียกว่า ปกป้องตัวเอง จะบอกความจริงกับนายนะ คนเมื่อกี้ อย่าว่าแต่ฉัน ที่มีเรื่องด้วยไม่ได้เลย ทั้งเมืองริเวอร์ก็ไม่มีใครสามารถมีเรื่องกับ เขาได้

ดวงตาของนิเวกเบิกกว้าง แล้วถาม: “เขาเป็นใครมาจากไหน ทําไมต้องพูดแบบนี้ด้วยเหรอ?”

กุนลโรจน์มองไปรอบๆ จากนั้นก็กระซิบบอกกับนิเษวกว่า: “ตระกูลลัดดาวัลยีในเกียวโต

หลังจากที่นิเวกได้ยิน ก็ยังสงสัย แต่ว่าหลังจากเมื่อนึกถึงว่า คนเมื่อกี้ อรพีพงษ์ ก็ตกใจ

“ตร……..ตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโต ไพรำก็รู้สึกหวาดกลัว ที่ หลังก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา หลังจากที่รู้ตัวตนของรพีพงษ์ คิดๆดูแล้วตัวเองโดนแค่ไฟฟ้าช็อตเอง นิเษวกก็แค่ขาดทายาท สืบสกุลเท่านั้นเอง จุดจบผลลัพธ์นี้ค่อนข้างเบา

“เรื่องในวันนี้ หลังจากที่ออกไป ใครก็ห้ามพูดออกไป มิฉะนั้นมัน จะเกิดหายนะได้ ฉันก็ไม่สนใจพวกนายแล้ว!”กุนลโรจน์ก็พูดขึ้น มาอีกครั้ง
ไพร่าก็พยักหน้าทันที ตอนนี้ในใจของเขาไม่มีความแค้นเคือง แม้แต่น้อย จะโทษก็คงต้องโทษที่ตัวเองและลูกชายที่ไม่มีตา ของตัวเอง ที่ไปมีเรื่องกับคนที่น่ากลัวเช่นนี้

หลังจากที่รพีพงษ์และชุดเทพเจสสิก้าทั้งสองคนออกมาจาก บ้านไร่พร้อมกัน ไปที่ลานจอดรถพร้อมกัน

รพีพงษ์ ตกลงว่านายทำยังไงถึงทำให้นายใหญ่ของตระกูล กุลสวัสดิ์ถึงปฏิบัติต่อนายด้วยความเคารพได้ เมื่อกี้สะใจจริงๆ ตอนแรกฉันคิดว่านายใหญ่ตระกูลกุลสวัสดิ์คนนั้นมาถึง พวกเรา คุกเข่าลงก็ยังมีเรื่อง เจสสิก้าจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อยให้กับเจสสิก้า แล้วพูด: “ถ้าฉันบอกว่าฉันใช้ เงินซื้อตัวนายใหญ่ของตระกูลกุลสวัสดิ์ เธอเชื่อมั้ย?”

“เชอะ เชื่อก็บ้าล่ะ ถ้านายใหญ่ของตระกูลกุลสวัสดิ์สามารถซื้อ ตัวได้ อย่างนั้นจะต้องเสียเงินมากมายเท่าไหร่ นายก็ไม่เหมือน กับคนรวย เจสสิก้าพูดอย่างไม่เชื่อ

“อันที่จริงฉันเป็นทายาทเศรษฐีที่ปิดบังตัวตนรพีพงษ์ยิ้ม
“นายอย่ามาขี้โม้นะ มีทายาทเศรษฐีที่ไหนท่าทางอย่างนายบ้าง เมื่อก่อนฉันเคยเจอเคยรู้จักกับทายาทเศรษฐี ทั้งตัวล้วนแต่เป็น ของแบรนด์เนมขับรถหรู “เจสสิก้าเบะปาก

“อ๋อ? หรือมันจะไม่มีทายาทเศรษฐีที่อ่อนน้อมถ่อมตนเลยเห รอ?”รพีพงษ์ยิ้มแล้วถาม

ในเวลานี้ทั้งสามคนเดินไปที่หน้ารถปอร์เช่911ของรพีพงษ์ หลังจากที่เจสสิก้าเห็น อุทานทันที และพูดว่า: “ว้าว รถคันนี้ฉัน เคยได้ยินมาก่อน ปอร์เช่ ได้ยินมาราคามากกว่าสี่ล้าน รพีพงษ์ นายบอกว่านายเป็นทายาทเศรษฐีไม่ใช่เหรอ นายต้องมีปัญญา ซื้อรถประเภทนี้ ถึงจะถือว่าเป็นทายาทเศรษฐี”

“พ่อหนุ่ม รถคันนี้มีราคามากกว่าสี่ล้านหยวน ตอนนี้พวกคนรวย มีเงินมากมายจริงๆแต่ไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหน “ชุติเทพที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจแล้วพูด “รพีพงษ์ รถขอนายล่ะ เทียบกับรถหรูคันนี้ ของคนอื่นเขา ก็คงจะแย่กว่านี้อีกมากซินะ

“อันที่จริงแล้วก็พอๆกันนะ”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อาจารย์คุณดู ไอ้หมอนี่ขี้โม้อีกแล้ว ยังกล้าพูดว่าพอๆกันกับรถ คนอื่นเขา หน้าไม่อายจริงๆเลย”เจสสิก้าแลบลิ้นออกมา

รพีพงษ์หยิบกุญแจรถปอร์เช่ออกมา แล้วจากนั้นก็กดเพื่อปลดล็อก ไฟสว่างขึ้นสองครั้ง และเจสสิก้าก็ตะลึง

รพีพงษ์นั่งลงในตำแหน่งคนขับ ลดกระจกลง แล้วพูดกับชุด เทพและเจสสิก้าที่อยู่นอกรถ: รีบๆขึ้นมาเถอะ ฉันส่งพวกคุณ กลับไปเอง”

ดวงตาทั้งสองข้างของเจสสิก้า จ้องมองไปที่รถคันนั้นอย่าง เหลือเชื่อ คิดไม่ถึงว่ารถคันนี้จะเป็นของรพีพงษ์จริงๆด้วย

ให้ตายเถอะ ไอ้หมอนี่มีจุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจของสาวๆขึ้น มาอีกหนึ่งอย่าง

เจสสิก้าพึมพำในใจ จากนั้นก็ขึ้นรถพร้อมกับชุติเทพ นั่งลงในรถ

ระหว่างทางกลับ เจสสิก้าก็เอาแต่ถามว่ารถคันนี้ใช่รพีพงษ์ซื้อ หรือเปล่า รพีพงษ์รู้สึกว่าเจสสิก้าถามได้ปัญหาเยอะมาก ก็เลย บอกว่าไม่ใช่

“ดูสิ ฉันก็ว่ารถคันนี้เป็นไปไม่ได้ที่นายจะซื้อ”เจสสิก้าเหมือนกับ ว่าจับผิดรพีพงษ์ได้ ก็ดีใจขึ้นมา

“นี่คือคนอื่นซื้อมาให้ฉัน”รพีพงษ์กล่าวเสริม
ทันใดนั้นเจสสิก้าก็ดูเหมือนลูกบอลที่ยุบตัวลง จ้องมองดูรพี พงษ์อย่างโกรธๆ

หลังจากที่ส่งคนทั้งสองกลับไปที่โรงพยาบาลแล้ว รพีพงษ์ก็ ไม่ได้อยู่ต่อ และขับรถกลับไปที่ดงเย็น

คืนนั้น ในสนามบินเมืองริเวอร์

เครื่องบินลงจอด วีธราก็ลงมาจากเครื่องบิน ตามด้วยบอดี้การ์ด หลายคนในชุดสูท กลุ่มคนที่ดูมีรัศมี ดึงดูดความสนใจของผู้คน รอบข้าง

“ที่นี่ก็คือสถานที่ที่เศษสวะอย่างรพีพงษ์อยู่เหรอ เป็นสถานที่ที่ เหมาะสำหรับเศษสวะอย่างเขาอยู่จริงๆด้วย อากาศที่นี่ทำให้ฉัน รู้สึกขยะแขยง วีธรากล่าว

“แต่ว่าก็ยังดีที่ว่าไอ้เศษสวะนั้นตายไปแล้ว ตอนนี้อยู่ที่เมืองริ เวอร์ คือจักรพันธ์ลูกชายของฉัน คิดเช่นนี้แล้ว อากาศก็สูดดมได้ ดีขึ้นมาก

“นายใหญ่ ตอนนี้ต้องการแจ้งให้คุณชายทราบว่าคุณมาถึงที่ เมืองริเวอร์หรือยังครับ?”ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ธราถาม

วีธราส่ายหัว แล้วพูด: “ตอนนี้ยังไม่จำเป็น ครั้งนี้ฉันอยากจะทำให้เขาประหลาดใจ แล้วดูว่าเขาอยู่ที่นี่ในฐานะของรพีพงษ์ เป็นยังไงบ้าง วันนี้ยังไม่จำเป็นต้องบอกเขาว่าฉันมาถึงแล้ว หา ที่พักให้ฉันพักผ่อนก่อนเถอะ

“ครับ!”ชายคนนั้นพยักหน้าทันที

คนกลุ่มหนึ่งออกไปจากสนามบินอย่างคึกคัก ดึงดูดความสนใจ ของผู้คนนับไม่ถ้วน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ