แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 360 โดนไล่ออกจากบ้านถาวร



บทที่ 360 โดนไล่ออกจากบ้านถาวร

บทท360 โดนไล่ออกจากบ้านถาวร

หลังจากที่คลินิคคาไล่ฟัง ก็เปกตาโพลงโคชั่นทั้งสอง ช่างท่าน…ท่านอาจารย์ รู้ได้ไงคะ”

ในเวลานี้คลินิคคารู้สึกทั้งในตัวอาจารย์มาก เพราะว่าหล่อนไม่ เคยคุยเรื่องในบ้านให้ฟังเลย อาจารย์รู้ได้อย่างไรว่ามีคนตระกูล ลัดดาวัลยอยู่ด้วย

แน่นอนว่าคำนวณออกมา อาจารย์เปิดปากพูด

“งั้น งั้นขอถามอาจารย์หน่อยค่ะ หมายความว่า มันเป็นสาเหตุ แห่งความช่วยในบ้านหรือคะ ไอ้คนลัดดาวัลย์เนี่ย ในใจของศศิ นิคคาเดาออกว่าอะไรเป็นอะไร และก็ตรงกับสิ่งที่เธอคิดไว้ในใจ พอดี

ใช่ต้นเหตุแห่งความซวย ก็อยู่ที่คนๆนี้นั่นแหละ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ปะนะ ตอนนี้มันไม่อยู่ บ้านใช่ไหม ที่ข้าปัดเป่าได้ก็เพราะมันไม่ อยู่บ้านนี่แหละ ถ้ามันไม่กลับบ้านเลย พวกแกก็จะมั่งมีศรีสุข แต่ พอมันกลับมา บ้านแกก็จะช่วยเหมือนเดิม อาจารย์สาธยายออก มาเป็นวักเป็นเวร

ศศินัดดาคิดอยู่เสมอว่าที่บ้านซวยนั้นเพราะมีรพีพงษ์อยู่ด้วยพอได้ยินอาจารย์พูดแบบนี้ ก็ยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีก

“อาจารย์คะ ช่วยคิดหาวิธีให้เราด้วยค่ะ ก่อนหน้าฉันก็รู้สึกว่าบ้าน เราซวยเป็นประจำ ที่แท้ก็เพราะมีตัวซวยอย่างรพีพงษ์นี่เอง ท่าน ต้องช่วยคิดหาวิธีให้เรานะคะ ! “ศศินัดดาร้องขอ

อารียาที่มองอยู่ไม่ไกลพอเห็นศศินัดดาจ่ายเงินจำนวนมากก็ รู้สึกว่าอาจารย์คนนี้ออกจะ เกินไปหน่อย ตอนนี้พอมาได้ยิน อาจารย์พูดแบบนี้ เธอยังอดรนทนไม่ได้

“แม่คะ คนๆนี้เป็นนักต้มตุ๋นชัดๆ เขาก็แค่วาดลีลาไปมาในบ้าน สองสามทีแล้วก็บอกว่าล้างซวยให้บ้านเราแล้ว จริงๆสองหมื่น นั่นแม่ไม่ต้องให้ก็ได้ แต่หนูแค่คิดว่าอยากให้แม่สบายใจ เลยไม่ อยากถือสา ตอนนี้เขามาพูดจาแบบนี้ หนูรับไม่ได้จริงๆ เขากำลัง หลอกแม่นะคะ”อารียาเดินไปหยุดตรงหน้าศศินัดดา

ศศินัดดาหันไปจ้องเขม็ง พูดขึ้น”ถ้าท่านอาจารย์หลอกฉัน ทาน จะรู้ได้ไงว่าในบ้านเรามีคนตระกูลลัดดาวัลย์ ตอน รพีพงษ์ไม่อยู่ บ้าน ท่านอาจารย์ยังทํานายออกว่ามันนามสกุลอะไร แล้วจะบอก ว่าไม่ชัดเจนได้ยังไง”

“คนทั้งเมืองริเวอร์ก็รู้ว่ารพีพงษ์เป็นสมาชิกบ้านเรา แม่ก็รู้ว่านี่ก็ คํานวณออกมาเหมือนกัน เขาก็แค่รู้พื้นเพบ้านเรามาก่อนไม่ใช่เห รอ”อารียาเถียงกลับ
“ซึลั๊วะพูด ! อาจารย์ไม่เคยยุ่งกับเรื่องทางโลกมาก่อน ท่านจะ ไปรู้ได้ไงว่าพวกเราเป็นใคร แกก็ไม่ต้องมาเดาอะไรแล้ว อาจารย์ บอกแล้ว แกยังจะไปปกป้องรพีพงษ์ตัวซวยเพื่ออะไร คราวที่แล้ว ฉันก็ลองคำนวณในเนตแล้ว ว่ารพีพงษ์น่ะมันตัวซวย แล้วตอนนี้ก็ เป็นจริงๆด้วย”ศศินัดดาร้อนใจ เปิดปากพูดกับอารียา

ท่านอาจารย์เองก็มองอารียาด้วยสีหน้าน่าเกลียด เปิดปาก พูด”ฉันเตือนแกด้วยความหวังดี แกกลับมาว่าฉันเป็นนักต้มตุ๋น ดู ท่าไม่ควรจะช่วยพวกแกล้างซวยเลยจริงๆ ช่างเถอะนะ ต่อไปถ้า พวกแกเจอเรื่องอะไรซวยๆ ก็อย่ามาหาฉันแล้วกัน”

พูดจบ อาจารย์ก็เริ่มเก็บของ จากนั้นก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออก จากบ้านอารียา

ศศินัดดาเห็นไม่ดีจึงเริ่มวิ่งตามไป ปากก็พร่าตะโกน อาจารย์คะ อย่าโกรธเลยค่ะ พวกเราไม่คิดว่าอาจารย์จะเป็นนักต้มตุ๋นนะคะ ลูกสาวฉันโดนไอ้รพีพงษ์มันล้างสมอง ขอร้อง อาจารย์เมตตา เถอะค่ะ ช่วยลูกสาวฉันด้วย ! ”

อารียาเห็นศศินัดดาวิ่งตามไป ก็อดกัดฟันไม่ได้ แววตามีน้าตา เอ่อล้น เธอคิดไม่ถึงว่า ศศินัดดายังคงมีอคติกับรพีพงษ์ขนาดนี้

ถ้าหากว่าไม่ใช่รพีพงษ์ ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่บ้านจะโดนธายุกรกับชรินทร์ทิพย์บีบไปถึงไหนแล้ว ไม่แน่ว่าเธออาจจะตกงานแล้ว ก็ได้ คงไม่ได้มีบ้านอยู่แบบตอนนี้ ไม่ได้เป็นประธานแบบตอนนี้ หรอก

ศศินัดดาก็เอาแต่ด่าทอรพีพงษ์ แต่ไม่เคยมองเลยว่ารพีพงษ์ทำ อะไรเพื่อครอบครัวบ้าง มันไม่ยุติธรรมกับรพีพงษ์เลยจริงๆ

บนทางเดิน ศศินัดดาวิ่งตามอาจารย์ สองมือคว้าแขนเขาไว้แน่น สีหน้าวิงวอนท่านอาจารย์อย่าโกรธเลยค่ะ ลูกสาวฉันไม่ประสี ประสา แต่ฉันเชื่ออาจารย์นะคะ ขอร้องอาจารย์ ช่วยด้วยเถอะค่ะ ไม่งั้นพวกเราคงซวยเพราะรพีพงษ์”

อาจารย์ตอบสีหน้าเย็นชา”ฉันก็แค่เตือนด้วยความหวังดี ฉันไม่มี ความจําเป็นต้องช่วยพวกแกด้วยซ้ำ แล้วลูกสาวแกยังมาพูดจา แบบนี้ใส่อีก ทำไมฉันต้องช่วยแก

ศศินัดดากลอกตา จากนั้นก็ควักธนบัตรออกมาจากอกเสื้อ ยัดใส่

มือ

“อาจารย์คะ ฉันขอโทษแทนลูกสาว อาจารย์อย่าถือสาเลยนะคะ นี่เป็นน้าใจเล็กๆน้อยๆจากฉัน ขอให้อาจารย์เห็นแก่ความจริงใจ ของฉันเถอะ ชี้ทางสว่างให้ฉันด้วย”ศศินัดดาขอโทษขอโพย
อาจารย์เห็นศศินัดดา ดธนบัตรมา ท่าทีก็อ่อนลง หลังจากที่ เขาเก็บเงินแล้ว จึงพูดกับศศินัดดาว่า”เดิมทีฉันไม่มีความจําเป็น ต้องช่วยแก แต่เห็นแก่ความจริงใจของแก ฉันจะชี้แนะให้ ต้นเหตุ ความซวยของบ้านแกคือคนลัดดาวัลย์คนนั้น ถ้าอยากจะหลีก เลี่ยงความซวย ทางที่ดีให้ไล่มันออกจากบ้านตลอดกาล นอกจาก วิธีนี้ไม่มีวิธีอื่น”

พูดจบ อาจารย์ก็กดลิฟต์ เดินเข้าไป

ศศินัดดายืนที่เดิม ปากบ่นพึมพำ ไล่ออกจากบ้าน ไล่ออกจาก บ้าน ไล่ออกจากบ้าน ฉัน ควรทำแบบนี้นานแล้ว แค่ลูกแคลร์ ขวางเอาไว้”

“ตอนนี้มีอาจารย์ชี้แนะ ฉันต้องไล่ไอ้ตัวซวยนี้ออกไปให้ได้ จะ ให้มันอยู่ในบ้านไม่ได้อีกต่อไป แน่นอน เขาไปเกียวโตคราวนี้ ไม่ ต้องกลับมาอีกเป็นดีที่สุด

หลังจากที่แน่วแน่ในความคิดของตัวเอง ศศินัดดาจึงหมุนตัว กลับเข้าบ้าน คิดว่าไม่ว่าอารียาจะขัดขวางปกป้องรพีพงษ์ยังไง หล่อนก็ต้องไล่รพีพงษ์ออกจากบ้านให้ได้

ไม่นานนัก ชนิสราก็กลับมาจากจ่ายตลาด เห็นบรรยากาศในบ้าน ไม่ถูกต้องนัก นอกจากนี้ควันธูปยังโขมง เธอจึงรู้สึกแปลกใจ
แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะเธอเองก็มีเรื่องกลัดกลุ้ม เมื่อกี้ระหว่างทางกลับมา ลูกสาวโทรหาเธอ บ่นว่าหมู่นี้มีเรื่องที่ โรงเรียน ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวขึ้นมา

แม้ว่าลูกสาวจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ชนิสรารู้ดี ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ ลูกสาวก็คงไม่โทรมา บ่นหรอก

ลูกสาวเป็นความหวังทั้งหมดของชนิสรา ถ้าหากว่าลูกสาวเป็น อะไรไป จะต้องเป็นความสูญเสียอย่างมหันต์สำหรับชนิสรา เธอ จึงไม่มีแก่ใจไปถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้าน

คืนนั้น อารียาได้ข่าวคราวจากรพีพงษ์ บอกว่าพรุ่งนี้จะกลับเมือง ริเวอร์

พอรู้ว่ารพีพงษ์จัดการเรื่องที่เกียวโตเรียบร้อยแล้ว อารียาก็ ดีใจแทนเขาเหลือเกิน แต่ว่าท่าทีของศศินัดดาทำให้อารียาเสีย อารมณ์

ตอนกินข้าว ศศินัดดาแสดงความชัดเจนกับอารียา ไม่ว่าเรื่องที่ เกียวโตของรพีพงษ์จะเป็นอย่างไรต่อไปก็ห้ามรพีพงษ์เข้าบ้าน เด็ดขาด

คราวนี้ท่าทีของรพีพงษ์แน่วแน่มาก เธอไม่เหลือพื้นที่ให้อารียา เลย สองคนเกือบจะตีกันขึ้นมา ชนิสรากับศักดาต้องมาห้ามศึกจึง สงบลงได้
ตอนนี้ศศินัดดามีหุ้นอยู่ในโรงแรมเมนตี้ เธอไม่กลัว ต่อให้ไม่มี รพีพงษ์ เธอก็ไม่ได้ลำบากอะไร

ส่วนตัวซวยอย่างรพีพงษ์ ต่อให้จัดการธุระที่บ้านลัดดาวัลย์ เรียบร้อย หรือรับช่วงกิจการมา มันก็ยังเป็นตัวซวยอยู่ดี

เธอจึงต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับรพีพงษ์ เธอจึงจะมีชีวิตสงบ สุขได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องมีชีวิตที่ใจหายใจคว่ำทุกวัน เผลอๆ โรงแรมของตัวเองก็จะตกเป็นของรพีพงษ์ไป

กบใต้บ่อยังไงซะก็เห็นได้แต่ส่วนหนึ่งของท้องฟ้าเท่านั้น เธอ สนใจแต่ว่าตัวเองจะได้รับผลประโยชน์อะไร เลยไม่สนใจอะไรทั้ง สิ้น และก็ไม่มีใครมาเปลี่ยนความคิดเธอได้ด้วย

นี่เป็นสันดานในตัวเธอ ถ้าเธอประทับใจใครหรืออคติกับใคร ต่อ ให้คนๆนั้นเป็นเศรษฐีระดับโลก เธอก็จะคิดอยู่ดีว่าพรุ่งนี้มันคงจะ ล้มละลาย

รพีพงษ์อาจจะช่วยเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของศศินัดดาได้ แต่คงเปลี่ยนสันดานที่ติดตัวศศินัดดามาเป็นสิบๆปีไม่ได้

อารียาผิดหวังกับศศินัดดามาก เธอคิดว่าถ้าศศินัดดาไม่ยอมรับ รพีพงษ์ เธอจะย้ายออก ไปกับเขา
ตอนนี้บริษัทกำลังไปได้สวย เงินเดือนอารียาสูงกว่าคนปกติ ทั่วไป ออกไปหาบ้านใหม่กับรพีพงษ์คงไม่ยากอะไร

แน่นอนเธอรู้ดี ถ้าจะออกไปต้องวางแผนกับรพีพงษ์อย่างดี เงิน เดือนเธอสูงแค่ไหน เมื่อเทียบกับเขา ก็เป็นเพียงแค่ขนหนึ่งเส้น ของวัวเก้าตัว

วันที่สอง รพีพงษ์ออกมาจากสนามบินเมืองริเวอร์ เขาเองก็ไม่ ได้รีบร้อนกลับไป

ห่างออกไปไม่ไกลนัก เขาเห็นรถโรลสรอยซ์จอดอยู่ คนไม่น้อย มองดูรถด้วยความสนใจ แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาปนชื่นชม

รพีพงษ์ยิ้มแล้วเดินไปที่รถคันนั้น หน้าต่างเลื่อนลง เธียรวิชญ์ สวมแว่นดำนั่งอยู่ในนั้น ยิ้มให้รพีพงษ์

“โทษทีครับ ขอทางไปหน่อย ผมจะเข้าไป”เพราะรอบรถมีคนมุง เยอะ จึงต้องเบียดเข้าไป พี่ชาย ไม่ต้องเบียดแล้ว ต่อให้เบียด ก็ ไม่มีวาสนาได้นั่งหรอก มองไกลๆดีแล้ว มองใกล้ๆจะทำให้รู้สึกว่า ไม่มีปัญญาซื้อ หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ”ชายคนหนึ่งยิ้มแล้วพูด

“คนบนรถรอผมอยู่ครับ ถ้าไม่ไป ผมจะขึ้นรถยังไง”รพีพงษ์ยิ้ม

ตอบกลับ
คนนั้นเบิ่งตาโต มองรพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ พูดขึ้น”อย่ากัน หน่อยเลย คนบนรถเขาจะรอคุณได้ไง คุณดูไม่เหมือนพวกเถ้าแก่ เลยสักนิด คุณล้อเล่นใช่ไหม”

คนรอบตัวมองรพีพงษ์อย่างสงสัย รู้สึกว่ารพีพงษ์กำลังโม้

กว่ารพีพงษ์จะเบียดเข้าไปได้ ประตูรถเปิดออก รพีพงษ์ขึ้นนั่ง คนรอบๆมองอย่างเอิกเกริก ต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“พระเจ้า เขาขึ้นรถไปจริงๆด้วย ! “ผู้คนพูดกันเซ็งแซ่

พอขึ้นนั่งบนรถ รพีพงษ์จึงมองเธียรวิชญ์ แล้วพูดขึ้น คราวหน้า ช่วยโลว์โปรไฟล์กว่านี้จะได้ไหม แบบนี้ขึ้นรถที่เหนื่อยมาก”

เธียรวิชญ์มองแล้วพูดอย่างกระอักกระอ่วน แค่กๆ นี่โลว์โปร ไฟล์สุดๆแล้วนะ รถคันอื่นเว่อร์วังกว่านี้อีก”

รพีพงษ์กลอกตาขาว พูดขึ้น รีบไปเถอะ ขอไปดูงานที่มอบ หมายหน่อย”

จากนั้นโรลสรอยด์จึงหายลับออกไปจากแววตาอิจฉาปนชื่นชม

ของผู้คนไป
ไม่นานนัก เธียรวิชญ์จอดรถที่ไซต์งานก่อสร้างกลางเมืองริเวอร์

รพีพงษ์กับเธียรวิชญ์ลงจากรถ เดินมุ่งหน้าไปที่ไซต์งาน ก่อสร้าง

เพราะงานก่อสร้างยังไม่จบ รอบๆจึงมีแต่กำแพง ไม่มีใครรู้ว่า ข้างในเป็นโครงการอะไร

“พวกเราทำตามที่สั่ง จัดสร้างปราสาทคริสตัลที่เป็นหนึ่งเดียวใน โลก คิดว่าที่นี่น่าจะเป็นสถานที่แต่งงานที่สวยที่สุดในโลก”เธียร วิชญ์ยิ้มแล้วพูด

รพีพงษ์พยักหน้า เดินเข้าไปในไซต์งาน พอเห็นปราสาท คริสตัลแล้ว รพีพงษ์ก็ตกตะลึง

แม้ว่ารพีพงษ์เป็นคนเสนอไอเดียปราสาทคริสตัลให้เธียรวิชญ์ ไปทำ แต่พอเห็นงานก่อสร้างปราสาทคริสตัลแล้ว รพีพงษ์ก็ ตะลึงไม่น้อย

ที่นี่เป็นที่ที่โรแมนติกที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา

เมื่อเห็นความอลังการของปราสาทคริสตัล รพีพงษ์จึงยิ้มไม่หุบ
ไอเดียปราสาทคริสตัลเกิดขึ้นหลังจากที่รพีพงษ์ตัดสินใจจัด งานแต่งให้อารียา แล้วสั่งให้เธียรวิชญ์ไปเตรียม

ในเมื่อให้ของขวัญใหญ่ขนาดนี้ สถานที่จัดงานย่อมต้องไม่ เหมือนใคร

ในใจของรพีพงษ์ อารียาเป็นเจ้าหญิงเพียงหนึ่งเดียวของเขา

ปราสาทคริสตัลย่อมเป็นสถานที่แต่งงานที่คู่ควรกับเธอที่สุด

หลังจากที่รพีพงษ์หารือเรื่องนี้กับเธียรวิชญ์ แล้วแอบสร้าง อย่างเป็นความลับ เพื่อไม่ให้คนรู้ว่าสร้างอะไร จึงส่งให้เธียรวิชญ์ ล้อมกำแพงขึ้น

ดีที่ปราสาทคริสตัลไม่สูงมาก ด้านนอกจึงมองเข้ามาไม่เห็น

รพีพงษ์เดินเข้าไปในห้องโถงปราสาทคริสตัล เห็นการตกแต่งที่ ระยิบระยับ ในหัวจึงวาดภาพงานแต่งกับอารียา

เขาอดใจรอไม่ไหวแล้ว

ปราสาทคริสตัลสร้างเสร็จเมื่อไหร่ เขาจะอวดโฉมต่อหน้าชาว เมืองริเวอร์ทันที
รพีพงษ์หันไปมองเธียรวิชญ์ พูดขึ้นภายในสามวัน หลาย กําแพงออกได้ ผมต้องการให้ทุกคนเห็นความโรแมนติกของที่นี่ งานแต่งของผมกับอารียา จะต้องตรึงสายตาคนทั่ว โลก !”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ