แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่309 เจ้านายเบื้องหลัง



บทที่309 เจ้านายเบื้องหลัง

บทที่309 เจ้านายเบื้องหลัง

สตาร์กาย

ภายในห้องที่ค่อนข้างลึกลับแห่งหนึ่ง

ไตรวิทย์คุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาในเวลานี้ทั้งจมูกเขียวหน้าบวม ทั่ว ทั้งร่างกายเขียวช้า ร่างกายก็สั่นอยู่ไม่ขาดสาย

หลังจากที่ธฤตญาณนําเขากลับมา ก็ได้ดำเนินการตีอย่างไม่ ปรานีต่อเขาแล้ว ไตรวิทยในตอนนี้ทำตัวว่านอนสอนง่ายแบบไม่รู้ จะว่านอนสอนง่ายถึงไหนแล้ว

รพีพงษ์ยืนอยู่ตรงหน้าไตรวิทย์ สายตาหนาวเย็น จากนั้นถีบเท้า ข้างหนึ่งบนหน้าของไตรวิทย์ ถีบจนเขาล้มไปที่พื้นทันที

ธฤตญาณที่อยู่ด้านข้างจ้องมองไตรวิทย์ทีหนึ่ง เอ่ยปากบอก “ไอ้หมอนี้เป็นลูกชายของปิยังกูรบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส ไม่มีความรู้ ได้ยินว่ามีความคิดกับภรรยาของคุณตั้งแต่แรกแล้ว เดาว่าถึงแม้จะไม่มีการแข่งขันครั้งนี้ กลัวว่ามันจะทำอะไรกับ ภรรยาคุณด้วย

หลังจากไตรวิทยได้ยินคำพูดของธฤตญาณ รีบปีนขึ้นมาจากพื้นทันที พูดอย่างใบหน้าเต็มไปด้วยการอ้อนวอน “พี่ธฤต ใน เมื่อพี่ก็รู้แล้วว่าผมเป็นคนของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส งั้น ขอร้องพี่ปล่อยผมเถอะ รพีพงษ์ไม่ใช่แค่พวกสวะเท่านั้นเหรอ พี่ ไม่จําเป็นต้องไม่มีมันแล้วมาขัดแย้งกับบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สของผมเลย

ธฤตญาณจ้องไตรวิทย์ไปแวบหนึ่ง พูดเสียงเย็น “เมื่อกี้แกพูดว่า อะไร? รพีพงษ์เป็นสวะ? มาถึงตอนนี้แล้ว หรือว่าแกยังไม่เข้าใจ สถานการณ์อีกเหรอ?”

ไตรวิทย์จ้องมองรพีพงษ์ทีหนึ่งด้วยความสงสัยอยู่บ้าง เอ่ยปาก พูด “หรือว่ารพีพงษ์คนนี้ไม่ใช่สวะเหรอ? นี่เป็นเรื่องที่รู้กันไป ทั่วทั้งเมืองริเวอร์เลยนะ พี่ธฤต พี่จับผมเข้ามา หรือว่าไม่ใช่เพื่อ ต้องการเงินเหรอ? ขอเพียงพี่ยอมปล่อยผมไป ไม่ว่าพี่ต้องการ เงินเท่าไร พ่อผมต้องให้พี่ทั้งหมดแน่”

ธฤตญาณหัวเราะขึ้น เอ่ยปากบอก “ไอ้หนุ่ม แกอย่าคิดว่าตัวเอง มีค่าเกินไปเลย เงินแค่นั้นของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สพวก แก ฉันยังไม่สนใจ

“งั้น………จับผมเพราะอะไรกัน ไอ้สวะคนนี้กับพี่เป็นญาติกัน เหรอ?” ไตรวิทย์ถามประโยคหนึ่งอย่างหวาดกลัวอยู่บ้าง

“บอกแกตามตรงนะ รพีพงษ์เป็นลูกพี่ฉัน ทุกอย่างของฉันใน ตอนนี้รพีพงษ์เป็นคนให้ทั้งนั้น ตอนนี้แกยังคิดว่าเขาเป็นสวะอยู่มั้ย?” ธฤตญาณถามด้วยเสียงเย็นชา

สีหน้าของไตรวิทย์เปลี่ยนฉับพลัน จ้องรพีพงษ์แบบใบหน้า เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ท่าทีของธฤตญาณยามอยู่ต่อหน้า รพีพงษ์ดูเคารพนอบน้อมมากจริงๆ ฟังดูเหมือนน่าจะไม่ใช่ของ ปลอม ถ้าเป็นแบบนี้จริงล่ะก็ งั้นเขาคงจบเห่จริงๆ แล้ว

“รพีพงษ์ ฉันเป็นคนที่มีตาหามีแววไม่เอง ฉันไม่ควรคิดอะไรกับ เมียนาย นายไว้ชีวิตฉันเถอะ ฉันยอมให้เงินนาย นายพาฉันไปหา พ่อฉันนะ ไม่ว่าเงินสักเท่าไร พ่อฉันก็จะให้นายทั้งหมด” ไตรวิทย์ พูดอ้อนวอน

“ไม่จําเป็นแล้ว พวกแกบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สคงอยู่ได้ อีกไม่นาน ถึงตอนนั้นเงินของพวกแกย่อมเป็นของฉัน ฉันไม่ต้อง ไปขอกับพ่อแกหรอก” รพีพงษ์เอ่ยปาก

ภายในใจของไตรวิทย์สั่นไหว ดวงตาทั้งสองจ้องรพีพงษ์ดาไม่ กะพริบ เอ่ยปากถาม “นาย……..นายหมายความว่าอะไร? บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สของฉันจะอยู่ได้ไม่นานยังไง ถึงแม้ว่าเป็น ลูกพี่ของธฤตญาณ ก็ไม่อาจจะทำให้บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ สอยู่ต่อไม่ได้มั้ง”

รพีพงษ์หัวเราะให้ไตรวิทย์แล้วเอ่ยปากบอก “ได้หรือไม่ได้ถึง ตอนนั้นแกก็รู้เอง นี่ไม่ใช่เรื่องที่แกควรกังวลแล้ว
ร่างกายของไตรวิทย์อ่อนยวบลงมาทันใด ดวงตาทั้งสองจ้องบน พื้นอย่างใจลอย ภายในสมองหวนนึกถึงคำพูดของรพีพงษ์ ในใจ เกิดอารมณ์ที่หวาดกลัวขึ้นมาอย่างหนึ่ง

ครั้งนี้ตนเองหาเรื่องการมีตัวตนที่น่าหวาดหวั่นมากแค่ไหน เข้า ราวกับว่าบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สในสายตาของคนผู้นี้ เดิมทีไม่ถือว่าเป็นอะไร เป็นเพียงมดที่จะบีบให้ตายเมื่อไรก็ได้ตัว หนึ่ง

“เอามันไปขังไว้กับจักรพันธ์ก่อนเถอะ ให้มันได้รับความทรมาน สักหน่อย รอถึงเวลาต้องการค่อยเอามันออกมา” รพีพงษ์หันหน้า ไปพูดกับธฤตญาณ

ธฤตญาณพยักหน้า จากนั้นกำชับลูกน้องของตนเองให้นำตัว ไตรวิทยไป

รพีพงษ์ไม่ได้อยู่ที่สตาร์กายนาน หลังสั่งสอนไตรวิทย์เสร็จ ยกหนึ่ง ก็ไปที่บริษัทของตระกูลฉัตรมงคล ตอนนี้อารียามีเรื่อง ที่ปวดหัวมากมายที่ต้องจัดการ ถึงแม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ เขาก็ สามารถช่วยอารียาผ่อนคลายได้หน่อย

สตาร์กาย ภายในห้องที่ขังจักรพันธ์ไว้ ไตรวิทย์โดนผลักเข้ามา

แล้ว

แสงด้านในห้องน้อยนิด มืดครึ้มชื้นแฉะ หลังประตูถูกปิดสนิท ยังเผยความรู้สึกที่วังเวงน่ากลัวอยู่

ไตรวิทย์สังเกตไปรอบด้านที่หนึ่ง เพราะทำได้แค่มองเค้าโครง โดยรอบชัดเพียงนิดหน่อยแบบเลือนราง ในใจเขายังกลัวอยู่บ้าง เดินเข้าไปตรงที่เหมือนเตียงซึ่งอยู่กลางห้องอย่างระมัดระวัง

“ซวยจริงๆ เลย คิดไม่ถึงว่าคุณชายของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สอย่างฉันจะต้องโดนขังอยู่ในสถานที่แบบนี้” ไตรวิทย์บ่น พึมพำขึ้นมา หลังจากนั้นนั่งเข้าไปที่ขอบเตียง

“คุณชายของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส? ในที่สุดก็มีคนมา อยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ฉันผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างยากลำบากเสีย จริง มีคนมาพูดคุยด้วยหน่อยคงจะดี

เวลานี้จักรพันธ์ที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นนั่งทันที จับแขนของ ไตรวิทย์เอาไว้ แวบเดียวไตรวิทย์ก็ตกใจจนดีดตัวขึ้นมา ใบหน้า เต็มไปด้วยความหวาดกลัวมองเข้าไปที่เตียง

ระยะเวลานี้จักรพันธ์โดนคนของธฤตญาณดำเนินการลงโทษที่ กำหนดไว้ตั้งแต่แรก ทุกวันตบหนึ่งร้อยที บวกกับน้ำเย็นหนึ่งถัง บวกกับอาหารการกินไม่ดี จักรพันธ์ในเวลานี้จึงเปลี่ยนไปผอม เหลือแต่กระดูก ใบหน้าซูบผอม เบ้าตาเว้าลึกลง ภายในห้องห้อง นี้แสงค่อนข้างอ่อน มองดูแล้วเหมือนกับผีตนหนึ่ง

หลังจากไตรวิทย์มองเห็นใบหน้านั้นของจักรพันธ์ ตกใจจนกรีด ร้องออกมาทันที รีบวิ่งไปที่หน้าประตู เคาะประตูขึ้นมาอย่างบ้า คลั่ง

“มีผีอยู่ รีบปล่อยฉันออกไปนะ ด้านในนี้มีผีตัวหนึ่ง พวกนาย ปล่อยฉันออกไป ต่อไปฉันไม่กล้าหาเรื่องรพีพงษ์อีกแล้ว ขอร้อง พวกนายล่ะนะ ฉันกลัวผี” ไตรวิทย์ร้องตะโกนด้วยความหมดหวัง เต็มที่

“แม่งเอ๊ย กูเป็นคน แกบอกว่าใครเป็นผีกัน” จักรพันธ์ตะโกนไป ทางไตรวิทย์ จากนั้นลงมาจากบนเตียง ผลสุดท้ายเพราะร่างกาย อ่อนแอเกินไป เดินมาไม่ถึงสองก้าวก็ล้มลงที่พื้นไปโดยตรง

ไตรวิทยได้ยินคำพูดของจักรพันธ์ หันหน้ามองไปทางด้านหลัง ทีหนึ่ง เวลานี้ถึงมองลักษณะของจักรพันธ์อย่างชัดเจน ที่จริงเขา ดูเหมือนน่ากลัวไปบ้างเท่านั้นเอง พอวิเคราะห์ดูถึงที่สุดแล้วพบ ว่ายังเป็นคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นผีจริงๆ คงไม่อาจล้มลงบน พื้นได้

“นาย…….นายไม่รีบบอกให้เร็วหน่อย ทำฉันตกใจหมดเลย ฉัน คิดว่าที่นี่เลี้ยงผีเอาไว้ตัวหนึ่งซะอีก พวกเขาเอาฉันเข้ามาปล่อย ไว้ อยากจะให้ฉันเป็นอาหารของนายซะอีก” ไตรวิทย์บ่นไปชุดหนึ่ง

“แม่งเอ๊ยยังไม่รีบพยุงฉันขึ้นไปอีก ยืนเซ่อทำอะไรกัน จักรพันธ์ตะคอกประโยคหนึ่ง

ไตรวิทย์อื่นๆ ปาก แต่ก็เดินเข้าไปประคองจักรพันธ์ขึ้นมา นั่งลง ไปบนเตียงด้วยกันกับเขา

“นายหาเรื่องรพีพงษ์เข้าแล้วเหรอ ถึงโดนขังในที่แห่งนี้?” ไตร วิทย์เอ่ยปากถามประโยคหนึ่ง

“เชอะ ฉันหาเรื่องมัน? เป็นไอ้โง่นั่นไม่รู้จักที่ตายเอาฉันมาขัง ไว้ต่างหาก รอฉันออกไปได้ จะต้องอัดไอ้หมอนั้นให้ร่างแหลก ละเอียดไปเลย” จักรพันธ์พูดอย่างหน้าเผยความโหดเหี้ยม

“หึๆ คิดไม่ถึงยังยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่มาก เพื่อน จะบอกนายให้นะ ฉันเป็นคุณชายของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส ขอเพียงอยู่ ทีนี่นายปรนนิบัติฉันดีๆ รอต่อไปฟอฉันช่วยฉันออกไปแล้ว ฉัน คุ้มครองนาย เป็นไง?” ไตรวิทย์เอ่ยปากพูดขึ้น

หลังจากจักรพันธ์ได้ยินคําพูดของไตรวิทย์ หัวเราะทีหนึ่ง เอ่ย ปากบอก “บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สถือว่าเป็นอะไรกัน? ไม่ เคยได้ยินมาก่อนเลย
ไตรวิทย์ถลึงตาทันที มองจักรพันธ์อย่างไม่เชื่อถือเท่าไร คิดใน ใจรพีพงษ์อยู่ที่เมืองริเวอร์กล้าจับตัวเขามาก็เป็นความกล้ามาก แล้ว เจ้าหนุ่มที่ดูเหมือนผีที่อยู่ด้านในคนนี้ถึงอย่างไรเสียเบื้อง หลังก็ไม่อาจยิ่งใหญ่ไปกว่าเขาได้มั้ง ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าจะดูถูก บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส นี่ทำให้ภายในของเขาไม่สบายใจ อยู่บ้าง

“เพื่อน ระวังท่าทีการพูดจาของนายด้วย ถึงแม้จะบอกว่าตอน นี้พวกเราสองคนถูกจับเหมือนกัน แต่ว่าความน่าเกรงขามบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สของฉันไม่ใช่พวกลูกกระจ๊อกแบบที่นายจะ เหยียดหยามไปได้มั่วๆ ไตรวิทย์พูดด้วยใบหน้าภูมิใจเต็มที่

จักรพันธ์หัวเราะหึๆ เอ่ยปากบอก “ฉันเป็นลูกกระจ๊อก? แหกตา หมาของแกดูฉันให้ดี ฉันเหมือนพวกลูกกระจ๊อกเหรอ?”

ไตรวิทย์พินิจพิเคราะห์จักรพันธ์ขึ้นลงทีหนึ่ง ที่จริงไม่มีความ รู้สึกว่าจักรพันธ์มีตรงไหนพิเศษ จึงเอ่ยปากถาม “แล้วยังไง นาย ไม่ยอมรับขนาดนี้? กล้าจริงก็เอาเบื้องหลังของนายมาบอกให้ฉัน ฟังหน่อยสิ”

“ฉันเป็นทายาทตระกูลลัดดาวัลย์ของเกียวโต แม่งเอ๊ยไอ้พวก ตดหมาบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สมีสิทธิ์มาเทียบกับฉัน?” จักรพันธ์ตะโกนด่าเสียงดัง
หลังจากไตรวิทย์ได้ยินคำพูดของจักรพันธ์ ร่างกายสั่นเทา ทันใด จากนั้นบนหน้าก็มีความตระหนักปืนขึ้น “นาย…….นายว่า อะไรนะ? นายเป็นทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต?”

“จริงที่สุด” จักรพันธ์พูดแบบโมโหมาก

ไตรวิทย์แสดงความหวาดกลัวออกมา ความกลัวในใจที่มีต่อพี พงษ์ยิ่งลึกขึ้นอีกหลายระดับ เจ้าหมอนี้ สรุปว่าโรคจิตขั้นไหนกัน คาดไม่ถึงแม้แต่ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโตยังกล้า จับ งั้นรพีพงษ์บอกว่าบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สอยู่ต่อไปได้ ไม่นาน คงไม่ได้ล้อเล่นกับเขามั้ง

เวลานี้ไตรวิทย์รู้สึกว่ามุมมองของตนเองถูกล้มล้างแล้ว ถ้าให้ โอกาสกับเขาอีกสักครั้ง เขาคงไม่เลือกไปหาเรื่องใดๆ กับคนที่ เกี่ยวข้องกับรพีพงษ์อย่างเด็ดขาด คนผู้นี้น่ากลัวเหลือเกินเสีย จริง

สองวันผ่านไป ภายในอาคารTG

เวลานี้ปิยังกูรกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของตนเองด้วยความ ดีใจเต็มหน้า ถึงแม้ว่าจะแพ้การแข่งขันโกะ ลูกชายเขาก็ไม่รู้ไป อยู่ที่ไหนด้วย แต่ว่าเมื่อวานนี้ บริษัทของพวกเขาจัดหาเงินทุนที่หมุนเวียนได้สำเร็จ วันนี้ประธานใหญ่ที่ลงทุนให้ พวกเขารายนั้นจะมาที่บริษัท และยังจัดเงินลงทุนก้อนแรกลงมา ด้วย

มีเงินก้อนนี้แล้ว ถึงแม้บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สจะไม่ได้เปิด ตลาดของเมืองกรีนโคล แต่ก็ยังคงสามารถพอที่จะพัฒนาได้ดี มาก สามร้อยล้านที่เขาเสียไปที่เมืองกรีนโคลก่อนหน้านี้ย่อมไม่ ถือว่าเป็นอะไร

เวลานี้ชายที่ใส่แว่นตาคนนั้นเดินเข้ามาในห้องทำงาน ในมือเขา ถือสัญญาฉบับหนึ่งไว้บนหน้ายังมีความกังวลนิดๆ

“ประธานครับ เงินลงทุนของพวกเราในครั้งนี้ยังไม่เข้าบัญชีเลย ทำไมคุณถึงกู้เงินทุนสูงขนาดนี้ รับโครงการมากขนาดนี้ครับ ขอ เพียงทางผู้ลงทุนนั้นเกิดปัญหาอะไรนิดหน่อยขึ้น งั้นบริษัทพวก เราก็จบเห่เลยสิครับ” ชายใส่แว่นคนนั้นเอ่ยปากบอก

ปิยังกูรหัวเราะแล้วบอกว่า “เรื่องธุรกิจ คนที่กล้าเสี่ยงก็จะได้ผล ประโยชน์มาก คนที่ไม่กล้าทำก็ไม่ได้รับอะไรเลย สัญญาจัดหา เงินทุนของพวกเราก็เซ็นแล้ว ทางนั้นจะเกิดปัญหายังไง เงินนี้ก็ ต้องให้พวกเรา ถ้าเวลานี้ฉันไม่รับโครงการพวกนี้มา ต่อไปอาจ ไม่มีโอกาสแล้ว ขอเพียงทางผู้ลงทุนให้เงินมา พวกเราก็รีบเริ่ม โครงการทันที อีกไม่นานก็สามารถทำกำไรได้
ชายที่ใส่แว่นได้ยินคำพูดของปิยังกูรได้แต่พยักหน้า

“ใช่แล้วครับประธาน คนของทางผู้ลงทุนใกล้จะมาถึงแล้ว ผม ได้ยินมาว่าวันนั้นคนที่เซ็นสัญญากับพวกเราไม่ใช้ผู้ลงทุนที่แท้ จริง เขาเป็นเพียงแค่ตัวแทน เจ้านายใหญ่ที่แท้จริงเป็นคนอื่น ได้ยินว่าวันนี้เจ้านายใหญ่คนนี้จะมาที่บริษัทพวกเราด้วยครับ” ชายใส่แว่นพูดขึ้น

ปิยังกูรพยักหน้าบอก “ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้านายใหญ่ พวกเราต้อง ต้อนรับเขาให้ดี ครั้งนี้พวกเราจัดหาเงินทุนหมุนเวียนสำเร็จ ยิ่งไม่ ต้องเอาบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลมาไว้ในสายตา อีกไม่กี่วันรพี พงษ์เจ้าสวะคนนั้นจะต้องมาคุกเข่าขอร้องฉันถึงที่

พูดจบ ปิยังกูรก็ไปเตรียมพร้อมสักหน่อย รอต้อนรับผู้ที่มาลงทุน

ผ่านมาไม่นาน คนกลุ่มหนึ่งมาถึงในห้องประชุมระดับสูงของ บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สแล้ว คนที่นำทีมมาคือผู้บริหาร ระดับสูงของบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป ผู้บริหารระดับสูงท่านนี้เป็นคน เซ็นสัญญา

และคนที่ตามมาด้านหลังของผู้บริหารระดับสูงท่านนี้ ก็คือเธียร

วิชญ์
ปิยังกูรรีบเข้าไปทักทายก่อน มองเห็นเธียรวิชญ์ที่อยู่ด้านหลัง ปิยังกูรตกใจเช่นกัน รีบเอ่ยปากพูด “ประธานเธียรวิชญ์ ได้ยินมาก็ ไม่เหมือนเจอกับตัวจริง ผมได้ยินพวกเขาบอกว่าเจ้านายที่ลงทุน กับบริษัทพวกผมเป็นอีกคนหนึ่ง หรือว่าคือประธานเธียรวิชญ์?”

ขณะพูดอยู่ เขาก็ยื่นมือออกไปทางเชียรวิชญ์ อยากจะจับมือ

ก่อนหน้านี้ปิยังกูรมีความคิดประจบบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป น่า เสียดายที่เมื่อก่อนเธียรวิชญ์ไม่สนใจบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ ส แม้แต่หน้าของเขายังไม่เคยเจอ ตอนนี้ปิยังกูรเห็นเธียรวิชญ์มา อย่างคาดไม่ถึงแล้ว ชั่วขณะนั้นจึงคิดว่าเธียรวิชญ์เป็นเจ้านายผู้ อยู่เบื้องหลังคนนั้น

สำหรับมือข้างนั้นที่ปิยังกูรยื่นออกมา เธียรวิชญ์ได้แต่หัวเราะ แล้วมองข้ามไปทันที ก่อนจะเอ่ยปากบอก “คุณเข้าใจผิดแล้ว ครั้ง นี้ผมมาด้วยกันกับเพื่อน

ปิยังกูรเห็นเธียรวิชญ์ไม่จับมือกับเขา ก็สีหน้าอึมครึม เต็มไป ด้วยความกระอักกระอ่วน เอ่ยปากถาม “อ่อ? ไม่ทราบว่าเพื่อนที่ ประธานเธียรวิชญ์พูดถึงเป็นท่านไหน?”

คําพูดของเขาพึ่งจบ รพีพงษ์ก็เดินเข้ามาจากนอกประตู มองทาง ปิยังกูรที่ใบหน้าเต็มไปด้วยการหยอกเย้า “ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้ ไปห้องน้ำมา ประธานปิยังกูร ไม่ได้เจอกันนานเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ