แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 483 ให้ทั้งตระกูลนิธิวรสกุลชดใช้ด้วยการตาย



บทที่ 483 ให้ทั้งตระกูลนิธิวรสกุลชดใช้ด้วยการตาย

บทที่ 483 ให้ทั้งตระกูลนิธิวรสกุลชดใช้ด้วยการตาย

ในห้องเหมาส่วนตัว

รพีพงษ์และไกรเดชทั้งสองนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะ ไกรเดชทำ สีหน้าที่รู้สึกผิด แล้วมองรพีพงษ์ด้วยความเกรงใจเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยพูด “ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ผมก็นึกไม่ถึงว่า จะเกิดเรื่องแบบนี้ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ผมน่าจะไปรับคุณที่สถานี รถไฟ”

รพีพงษ์ส่งยิ้มให้กับไกรเดช แล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไร แค่ เหตุสุดวิสัยเล็กน้อยเท่านั้น ผมไม่ได้ใส่ใจอะไร”

“ท่านครับ ครั้งนี้เรื่องที่ท่านสั่งให้ผมไปทำ ผมก็ได้จัดการ เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่จะมาร่วมงานในแผนการเปลี่ยนแปลงเขต เมืองเก่า ต้องเป็นเพียงตระกูลลัดดาวัลย์เท่านั้น” ไกรเดช พูดขึ้น ก่อนหน้านี้เพราะว่าอยู่ข้างนอก ต่อหน้าคนอื่น เขาไม่ สะดวกที่จะเรียกรพีพงษ์แบบนี้ ดังนั้นแค่เรียกชื่อของรพีพงษ์ เท่านั้น”

“อย่าเรียกผมแบบนี้ คุณเรียกชื่อผมก็พอ” รพีพงษ์พูดขึ้น

ไกรเดชก็ยิ้ม และไม่ได้เซ่าซี้ในเรื่องนี้อย่างไร ไหนๆ รพีพงษ์ ให้เขาเรียกชื่อ งั้นเขาก็เรียกชื่อ
“ครั้งี้ฝ่ายส่วนงานต้องเป็นตระกูลลัดดาวัลย์ แต่นอกจากจุด นี้แล้ว ผมยังอยากให้กรุ๊ปKINทุ่มทุนทั้งหมดออกมา คุณคิด ดูว่าจะสามารถทำเรื่องนี้ได้ไหม ครั้งนี้ผมไม่เพียงแต่จะให้ ตระกูลลัดดาวัลย์มีความสามารถในการจู่โจม แล้วยังจะทำให้ กรุ๊ปKINหายไปจากเกียวโต” รพีพงษ์พูดขึ้น

ถ้าปัญหาแบบนี้ ไปให้คนอื่นจัดการ งั้นก็คงเป็นปัญหาที่ยาก ลำบากมาก ยังไงก็ต้องให้ตระกูลลัดดาวัลย์กลายเป็นฝ่าย ร่วมงาน แล้วยังจะให้กรุ๊ปKINเอาเงินทุนออกมาทั้งหมด ทีแรก ก็เป็นเรื่องมีปัญหามากมายอยู่แล้ว

แต่ว่าหลังจากที่ไกรเดชได้ยินปัญหาของรพีพงษ์แล้ว แค่ทำ เสียงเรียบในสําคอ จากนั้นก็พูดขึ้น “ได้ครับ กลับไปผมจะคิด ดูดีๆ ยังไงอำนาจผู้ที่ริเริ่มก็ในมือของพวกเรา ถึงเวลาเรื่องนี้น่า จะไม่ยาก”

รพีพงษ์พยักหน้า สำหรับความสามารถในการสะสางงาน ของคนในกิสนา เขาไม่เคยสงสัยแม้แต่เพียงน้อย กำลังความ สามารถของพวกเขาไปถึงมาตรฐานของระดับโลกแล้ว อยาก จะทำให้เกียวโตเกิดความชุลมุนวุ่นวาย ก็ยังถือว่าเป็นเรื่อง ง่าย

“นาย…..เออ ไม่งั้นผมเรียกคุณว่าคุณรพีดีกว่า เรียกชื่อ โดยตรงทำให้ผมรู้สึกไม่ชิน” ไกรเดชพูดขึ้น

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วแสดงว่าได้
“คุณรพี ก่อนหน้านี้คุณให้ผมไปสืบประวัติของจิรเวช ผมไป สืบมาอย่างละเอียดแล้วครับ เขาคือลูกชายคนที่สองของนาย ใหญ่ของตระกูลของตระกูลนิธิวรสกุล และเป็นคนที่มีความ สามารถที่โดดเด่นคนหนึ่ง ถ้าเทียบกับคนที่อายุน้อยในกลุ่ม การเงินและตระกูลชั้นสูง ก็ถูกจัดอันดับอยู่ตรงหน้าๆ ”

“ครั้งนี้เป้าหมายที่จิรเวชมาเกียวโต ก็คือต้องการจัดการกับ ตระกูลลัดดาวัลย์ ตามที่ผมรู้ เพื่อที่ตระกูลนิธิวรสกุลจะให้จร เวชล่มตระกูลลัดดาวัลย์อย่างสิ้นซาก ก็ได้ให้เงินทุนสนับสนุน จิรเวชเป็นจํานวนสองหมื่นล้าน นี่ไม่ถือว่าเป็นจำนวนที่เล็กแล้ว ดูๆ แล้วระดับการให้ความสำคัญของตระกูลนิธิวรสกุลที่มีต่อ ตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ไม่ธรรมดา”

“จิรเวชเป็นบุคคลที่มีความสามารถที่พบได้ไม่มากในตระกู ลนิธิวรสกุล ถึงแม้จะไม่ใช่นายใหญ่ของตระกูลคนต่อไป ทว่า หลายปีมานี้ตระกูลนิธิวรสกุลก็ได้อุทิศเพื่อสังคมไว้มากมาย ถ้าคุณรพี่อยากจะกำจัดจิรเวช แค่เกรงว่าจะถูกตระกูลนิธิวรส กุลแก้แค้น”

ได้ยินไกรเดชพูดแบบนี้ มุมปากของรพีพงษ์กระตุกเป็นทรง โค้งที่ดูเจ้าเล่ห์ แม้ว่าอารียาหายตัวไป อุบัติเหตุทางรถยนต์ ของจารุณียังคงเป็นโยษิตาที่เป็นคนทำ ทว่าผู้ที่คอยสนุบสนุ นอยู่เบื้องหลังโยษิตา ก็คือจิรเวช

ถึงแม้รพีพงษ์ไม่รู้ว่าโยษิตาฟื้นคืนชีพได้ยังไง ทว่าเขารู้ดีต่อ ให้ในเรื่องครั้งนั้นที่โยษิตายังไม่ตาย โยษิตายังคงไม่มีทางมี ต้นทุนอะไรที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลลัดดาวัลย์ จิรเวชเป็นคนให้โอกาสนี้กับโยษิตา ก็ถึงจะมีเรื่องหลังๆ ที่เกิดขึ้น

วันนี้อารียาจะเป็นหรือจะตายก็ยังไม่รู้ จารุณีก็ยังคงนอนอยู่ บนเตียงผู้ป่วย รพีพงษ์จะปล่อยที่ทำกระทำเรื่องพวกนี้ที่อยู่ เบื้องหลังไปได้ยังไง

ต่อให้จิรเวชเป็นคนสําคัญของตระกูลนิธิวรสกุลแล้วจะ ทําไม ใครที่ต้องการคิดร้ายกับอารียา รพีพงษ์ไม่มีทางปล่อย ไป ไหนๆ จิรเวชกับโยษิตาเป็นคนทำให้อารียาหายตัวไป งั้น ต้องการเตรียมตัวรับมือกับความโมโหเลือดพล่านของรพีพงษ์ ไว้ได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนิธิวรสกุลเป็นศัตรูใหญ่ของตระกูลลัด ดาวัลย์ ทั้งสองฝ่ายนี้ยังไงก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่และตาย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าสามารถทำให้คนสําคัญคนหนึ่ง ของตระกูลนิธิวรสกุลตายไป รพีพงษ์จะรู้สึกมีความสุขมาก

“ตระกูลนิธิวรสกุลแล้วจะทำไม ภรรยาของผมต้องหายตัวไป เพราะจิราเวช หากเธอเกิดอะไรขึ้นมา ผมจะให้ทั้งตระกูลนิธิว รสกุลชดใช้ด้วยการตาย” สายตาของรพีพงษ์เปลี่ยนเป็นลุ่ม ลึกขึ้นมา

ไกรเดชเห็นความน่าเกรงขามของรพีพงษ์ที่แผ่ซ่านจากเรือน ร่าง ภายในใจจึงหวาดหวั่น สัญชาตญาณของเขาทำให้เขา รู้สึกหวาดกลัวรพีพงษ์ขึ้นมาเล็กน้อย
ดังทีคาด ผู้ที่สามารถเดินขึ้นบันไดสวรรค์ด้วยความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่ธรรมดา รพีพงษ์มีอำนาจที่จะบอกคำพูดแบบนี้ออก มา ไกรเดชไม่รู้สึกสงสัยว่ารพีพงษ์มีความสามารถแบบนี้ไหม เลยสักนิด

แค่พลังของรพีพงษ์ คิดว่าก็คงจะสามารถทำให้ทั้งตระกู ลนิธิวรสกุลต้องอาบเลือด

ทั้งสองจึงพูดคุยถึงเรื่องอื่น และก็ได้จัดการกับเรื่องภายหลัง หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ไกเดชก็อยากจะจองโรงแรมให้รพี พงษ์ ทว่ากลับถูกรพีพงษ์ปฏิเสธ

วันนี้ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นของเขา กลับถึงเกียวโต รพีพงษ์ ไม่จำเป็นต้องไปพักที่โรงแรม เขาแค่มุ่งหน้าไปที่ตระกูลลัดดา วัลย์ก็พอแล้ว

อีกอย่างช่วงนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ถูกกรุ๊ปKINจ้องจะหาเรื่อง ภายในเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายไปแล้ว รพีพงษ์ก็ต้องกลับ ไปทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหน่อย แล้วจัดการ กับสถานการณ์ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ต้องเผชิญ

แค่ก่อนที่จะไปตระกูลลัดดาวัลย์ เขายังต้องไปที่แห่งหนึ่ง

หอการค้าสมน

วันนี้จารุณียังคงสลบไม่ฟื้น รพีพงษ์มักจะเป็นห่วงในอาการ ของเธอ ตามที่ธฤตญาณพูด วันนั้นก็เพราะจารุณีเจอกับอารียา จึงได้เกิดเรื่องด้วยกัน

อีกอย่างพวกเขาก็ได้คาดการณ์จากที่รายละเอียดของที่เกิด เหตุ คิดว่าตอนนั้นรถบรรทุกคันนั้นมุ่งมาที่อารียา แค่ว่าก่อนที่ จะชน จารุณีผลักอารียาออก ดังนั้นผลสุดท้ายจารุณีถูกชนจน ตัวปลิว อารียาแค่ล้มลงบนพื้น แล้วมีเลือดออกเล็กน้อย

ไม่ว่าจะยังไง ภายในใจของรพีพงษ์ก็ยังรู้สึกขอบคุณจารุณี ต่อให้จารุณีไม่ได้ผลักอารียาออก รพีพงษ์ก็ยังโทษด้วยตัวเอง ในใจ

เพราะว่าการปรากฏตัวของโยษิตาอีกครั้ง ก็คือการรับผิด ชอบของเขา ตอนนั้นเขาไม่สามารถกำจัดโยษิตาให้สิ้นซาก จริงๆ เลยทําให้จารุณีพลอยลำบากไปด้วย

อาคารTY ห้องหน้าประตูห้องผู้ป่วยที่ธีรศานติ์แปลงโฉมออก

มาโดยเฉพาะ

รพีพงษ์ยืนอยู่ตรงหน้าประตู แล้วมองธีรศานต์ที่ยืนอยู่ตรง

ข้ามของตนเอง จากนั้นก็พูดในเชิงโทษด้วยตัว “เรื่องนี้ผมเอง ก็มีความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง ถ้าคุณจะโทษผม ผมก็ไม่มี อะไรที่เรียกร้อง ต่อให้คุณจะลงไม้ลงมือทำร้ายผม ผมก็จะ อดทนไว้”

ธีรศานตี๋จับจ้องรพีพงษ์แล้วมองไปสักพัก ทีแรกเขาก็เคยคิด ว่าจะเอารพีพงษ์มาระบายอารมณ์หน่อย ถ้าไม่ใช่เขา จารณีก็ไม่มีทางไปเมืองริเวอร์ แล้วไม่มีทางเกิดเรื่องภายหลัง แบบนี้

ทว่าช่วงเวลานี้ธีรศานติ์ก็คิดได้แล้ว คนที่ทำให้จารุณีต้อง เป็นแบบนี้ คือโยษิตา และผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเธอคือจิรเวช เขาโทษรพีพงษ์ นอกจากระบายอารมณ์แล้ว ก็เป็นเรื่องที่ไม่มี ความหมายอะไร

เชื่อว่าหลังจากที่จารุณีฟื้นขึ้นมาก็คงไม่โทษรพีพงษ์

ดังนั้นสุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจ

“เข้าไปเยี่ยมหน่อยเถอะ นีเกิดอาการโคม่าแบบนี้มานานแล้ว หมอบอกว่าเธออาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เธอกำลังอยู่ ในช่วงอายุที่ดีงามที่สุด กลับต้องเจอเรื่องแบบนี้ ผมที่เป็นพ่อ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจมาก หลายวันมานี้ไม่มีวันไหนที่ผมหลับฝัน ดี ทุกวันก็เอาแต่คาดหวังว่านีจะฟื้นขึ้นมา ทว่าทุกวันนี้ที่เห็น ยังคงเป็นดวงตาที่ปิดไว้สนิทของนี” ธีรศานติ์พูดด้วยความ ประหม่า

รพีพงษ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกมือ เอามือวางไว้บน กลอนประตู ตอนนี้เวลานี้เขากลับไม่รู้จะทำยังไง เขาไม่รู้ว่า ตนเองต้องไปเผชิญกับสภาพในตอนนี้ของจารุณียังไง

สุดท้าย รพีพงษ์ยังคงรวบรวมความกล้า แล้วเปิดประตู จากนั้นก็เดินเข้าไป
ก็เห็นร่างของซูบผอม ขาวซีด และใช้ชีวิตชีวาของจะหนี รพีพงษ์กำหมัดแน่นทันที จากนั้นก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาใน สมองทันที

ครั้งนี้ เขาต้องฆ่าโยษิตากับมือ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ