แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่277 เดินทางไปเมืองกรีนโคล



บทที่277 เดินทางไปเมืองกรีนโคล

บริษัทอสังหาริมทรัพย์เมค์ส ในห้องทํางานของปี

ยังกูร

อารียานั่งขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้าของปียังกูรอย่างไม่

หยุด

“ประธานปียังกูร เมื่อวานเราตกลงกันแล้วหนี ว่าวัน นี้มาเพื่อเป็นสัญญา ทำไมตอนนี้คุณเปลี่ยนใจแล้ว ล่ะ?” อารียากล่าว

ปียังกูรมองไปที่อารียาอย่างสงบ แล้วกล่าว “เมื่อ วานผมดื่มเยอะไปหน่อย พูดผิดไปเท่านั้น ทำไม หรือถ้าผมไม่เซ็นสัญญานี้ แล้วคุณจะบังคับให้ผม เข็นหรอ?”

อารียา หมัดแน่ เธอคิดว่าปียังกูรจะรู้มากกว่า ไตรวิทย์ แต่ความจริง เธอคิดไปเองทั้งนั้น

“ประธานปียังกูร ผลงานของบริษัทพวกเราคุณน่า จะได้ดูแล้ว คู่ค้าที่ดีที่สุดสำหรับโครงการนี้ของคุณก็คือพวกเรา ถ้าตอนนี้คุณไม่ร่วมงานกับพวกเรา สําหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไมค์ส จะขาดทุนเป็น จํานวนมาก” อารียากล่าว

ปียังกูรหัวเราะเยาะเย้ย แล้วกล่าว “อย่าคิดว่าตัว เองนั้นเจ่ง บริษัทอสังหาริมทรัพย์เมคของเรา สิ่ง ที่ไม่เคยขาดเลย คือคู่ค้า บริษัทตระกูลฉัตรมงคล ก็แค่ตระกูลรองเท่านั้น ไม่มีพวกคุณ โครงการของ พวกเราก็ยังคงมีคนแย่งกันอยู่ดี”

“ว่าแต่คุณเถอะ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้ ลูกชายผม ขอบคุณ ถือเป็นโชคของคุณ หรือเขายังเทียบไม่ได้ กับสามีสวะนั่นของคุณหรือไง? เพียงแค่ตอนนี้คุณ ยินยอมให้ลูกชายผมลิ้มลองคุณ ตอนนี้ผมจะเซ็น สัญญาให้คุณทันที ถ้าคุณไม่ตกลงล่ะก็ ผมไม่เพียง ไม่มอบโครงการให้คุณ แล้วผมรับรองได้ ว่าอนาคต ตระกูลฉัตรมงคลจะไม่ได้รับงานใดๆอีก อย่าคิดว่า ผมแค่พูดเล่นๆ” ปียังกูรกล่าวอย่างเยือกเย็น

สีหน้าอารียาถอดสี ไม่คาดคิดว่าปียังกูรย้ง ร้ายกาจขนาดนี้ เพื่อไตรวิทย์ ก็สามารถเล่นงา ตระกูลฉัตรมงคลโดยเฉพาะได้
“ประธานปียังกูร คิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณจะเป็นคน แบบนี้ แม้จะไม่เอาโครงการนี้ ฉันก็ไม่มีทางตอบรับ ข้อเรียกร้องนั้นของคุณเป็นอันขาด!” อารียายืนขึ้น

ปียังกูรไม่ซีเรียส เขามองว่า อารียาปากแข็งเท่านั้น รอให้ถึงตอนที่ตระกูลฉัตรมงคลไม่ได้สักโครงการ อารียาก็จะถวายตัวให้ลูกชายเขาแล้ว ไม่แน่เมื่อถึง เวลานั้นเขาอาจจะน่วมด้วยก็ได้

“เชิญ” ปียังกูรกล่าว

อาริยากัดฟัน แล้วถือสัมภาระของตน ออกจากห้อง ทํางาน

หลังจากที่อารียาออกไปนั้น ปียังกรหยิบมือถือขึ้น มา โทรหาเลขาของตน

“บอกทุกบริษัทที่ร่วมกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เมค์ส จากวันนี้เป็นต้นไปใครกล้าร่วมงานกับ บริษัทตระกูลฉัตรมงคล ก็จะเป็นศัตรูกับบริษัท อสังหาริมทรัพย์เมค์สของผมทันที ผู้หญิงที่ลูกชาย ผมถูกใจ ต้องเอามาให้ได้
“เออใช่ เรื่องการแข่งขันโกะเตรียมการเป็นไงบ้าง แล้ว? บอกโกมุท การแข่งขันครั้งนี้สําคัญกับบริษัท อสังหาริมทรัพย์เมค์สมาก เพียงแค่เขาให้รางวัล ชนะเลิศ เรื่องเงินๆทองๆ ได้ตกถึงมือเขาแน่

แล้วก็จองตั๋วเครื่องบินให้ผมด้วย ถึงเวลานั้นผมจะ ไปร่วมการแข่งขันด้วยตัวเอง จะสามารถเปิดตลาด เมืองกรีนโคลได้หรือไม่นั้น ต้องดูจากการแข่งขัน ครั้งนี้แล้ว

หลังจากที่อารียากลับถึงบ้านแล้ว รู้สึกมืดมน แม้วัน นี้ปิยังกูรไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่เขาขู่ว่าถ้าไม่ทำตาม ลูกชายเขา ต่อไปจะไม่มีใครกล้าร่วมงานกับบริษัท ตระกูลฉัตรมงคลอีกต่อไป

สําหรับบริษัทตระกูลฉัตรมงคล ถือว่าถูกกระทำที่ รุนแรง ถ้าไม่มีคู่ค้าแล้ว บริษัทตระกูลฉัตรมงคลอยู่ ได้ไม่นานก็จะล้มละลาย

เธอคิดไม่ตก ทําไมตนเองพยายามมากขนาด นี้ สุดท้ายถึงถูกคนรังแก หรือเพราะตนมีใบหน้าที่ สวยงาม เลยถูกคนพวกนี้ขู่หรอ?
ระหว่างทางกลับเธอรู้สึกเศร้าโศก รู้สึกน้อยเนื้อ ต่ำใจแต่ไม่รู้จะบอกกับใครดี เธออยากจะขอความ ช่วยเหลือจากรพีพงษ์ ถ้ารพีพงษ์ออกหน้าล่ะก็ จะ ต้องจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายแน่ๆ แต่เมื่อเช้า เธอเพิ่งจะตัดสินใจ ว่าจะทำให้บริษัทรุ่งเรืองด้วยตัว เอง ดังนั้นจึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป

หลังจากที่เข้าประตูแล้ว อารียาเห็นรพีพงษ์นั่งอยู่ บนโซฟา ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เก็บความรู้สึกที่ไม่มี ความสุขเอาไว้ ให้ดูว่าตัวเองเป็นธรรมชาติที่สุด

รพีพงษ์เห็นอารียากลับมา ก็รีบยิ้มแล้วลากเธอ มายังโซฟา แล้วกล่าว “คืนนี้ผมต้องรีบไปที่เมืองกรี นโคลแล้วนะ อีกแป๊ปก็จะออกแล้ว ช่วงที่ผมไม่อยู่ คุณต้องดูแลตัวเองดีๆนะ

หลังจากที่ตัดสินใจจะล้างแค้นแล้วนั้น ธฤตญาณ อยากที่จะไปถึงเมืองกรีนโคลให้เร็วที่สุด เมื่อก่อน เขาไม่รู้ว่าตระกูลรัตนชัยนันท์เอาบุญสิตามาเป็นหุ่น เชิด ตอนนี้รู้แล้ว เลยอยากที่จะไปช่วยเธอออกมาให้ เร็วที่สุด

อารียาแปลกใจ แล้วถาม “ต้องไปวันนี้เลยหรอ? มี

ธุระเร่งด่วน?”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “นานสุดก็น่าจะใช้ เวลาหนึ่งสัปดาห์ เสร็จธุระผมจะรีบกลับมา คุณไม่ ต้องเป็นห่วง”

อารียาพยักหน้า ด้วยสายตาที่ผิดหวัง เธอไม่อยาก ให้รพีพงษ์ไป เพียงแค่มีรพีพงษ์อยู่ แม้จะมีปัญหา ยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความ ปลอดภัย เมื่อรพีพงษ์ไปแล้ว เธอก็รู้สึกไม่มีที่พึ่ง

แต่เธอไม่ได้แสดงอาการออกมา แต่พูดว่า “คุณไป เถอะ ทางนี้ไม่มีปัญหาอะไร

รพีพงษ์ยิ้มจากนั้นเอาเบอร์โทรของเธียรวิชญ์ให้ อารียา แล้วกล่าว “ถ้าบริษัทมีปัญหาอะไร คุณก็โทร หาเบอร์นี้ นี้คือเพื่อนที่ดีของผม เขาสามารถช่วย คุณแก้ไขปัญหาได้

อารียาบันทึกเบอร์โทรศัพท์ ถ้าบริษัท อสังหาริมทรัพย์เมค์สเล่นงานบริษัทตระกูล ฉัตรมงคล ถึงแม้จะเป็นเพื่อนของรพีพงษ์ ก็เกรงว่า จะช่วยอะไรไม่ได้

หลังจากที่บอกอารียาแล้ว รพีพงษ์ก็เก็บเสื้อผ้าของตน แล้วสะพายกระเป๋าเดินออกจากประตูบ้าน

ณ สนามบินเมืองริเวอร์

รพีพงษ์และธฤตญาณทั้งสองเตรียมตัวขึ้นเครื่องธ ฤตญาณมองไปที่รพีพงษ์อย่างแปลกใจ แล้วกล่าว “แกแน่ใจ ว่ามีแค่พวกเราสองคนไปล้างแค้นที่เมืองก รีนโคล”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ทําไม หรือเราแค่สองคนยัง ไม่พอหรอ”

ธฤตญาณมองบน แล้วกล่าว “ฉันรู้ว่าแกทำได้ หนึ่งต่อร้อยก็ไม่มีปัญหา แต่ที่สำคัญคือพวกเรา ต้องเผชิญกับลูกน้องทั้งหมดของเมืองกรีนโคล ถ้า ต้องการล้างแค้น เกรงว่าจะไม่ง่ายอย่างนั้น

“ฉันล้อเล่น ฉันได้วางแผนที่เมืองกรีนโคล เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอพวกเราลงจากเครื่องบิน น่า จะมีคนมารอรับ” รพีพงษ์กล่าว

ธฤตญาณชะงัก แล้วถาม “คนที่มารับพวกเราเป็น ใคร?”
“คนของตระกูลธนาพัชรกุล แกน่าจะรู้จัก” รพีพงษ์

ธฤตญาณสีหน้าถอดสี มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความ ตะลึง กล่าวอย่างตกใจว่า “ตระกูลธนาพัชรกุล! คาด ไม่ถึงว่าแกขอความช่วยเหลือจากตระกูลรัตนชัย นันท์เมืองกรีนโคล!”

“ทําไม? แปลกหรอ? หรือตระกูลธนาพัชร์กุลต่อกร อ้านาจนั้นไม่ไหวหรอ?” รพีพงษ์ยิ้ม

ธฤตญาณรู้ว่ารพีพงษ์กำลังโอ้อวด พูดอย่างเอือม ระอาว่า “ตระกูลธนาพัชร์กุลของเมืองกรีนโคลมี อำนาจที่ล้นหลาม ตอนนั้นที่ฉันกำลังรวบรวมอำนาจ ถึงแม้จะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ใกล้เคียงกับตระกูลรัตน ชัยนันท์ ถ้าตระกูลธนาพัชรกุลมาช่วยจริงๆละก็ เรื่องนี้จะง่ายขึ้นเยอะ

รพีพงษ์พยักหน้า เขาก็รู้ถึงความเก่งกาจของตระ กูลธนาพัชรกุล ถึงแม้ตระกูลรัตนชัยนันท์มีอำนาจ ของธฤตญาณคอยค้ำจุนอยู่ ในสายตาของตระกูล ธนาพัชร์กุล ก็เป็นแค่มดน้อยๆเท่านั้น

นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมรพีพงษ์ถึงได้พาธฤตญาณเพียงคนเดียวไปที่เมืองกรีนโคล

หลังจากได้ยินคําพูดของรพีพงษ์แล้ว ธฤตญาณ แลดูผ่อนคลายขึ้นเยอะ ได้รับการช่วยเหลือจากตระ กูลธนาพัชรกุล เขาก็ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรมาก

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเข้าแถวอยู่นั้น มีผู้หญิง สองคนยืนอยู่หลังรพีพงษ์ หนึ่งในนั้นมองรพีพงษ์ ตกใจแล้วกล่าว “รพีพงษ์ ทำไมเป็นแกได้?”

รพีพงษ์หันไป มองไปด้านหลัง เห็นว่าเป็นเพื่อน ของอารียา กันตา

ครั้งที่แล้วกันตา หาเรื่องรพีพงษ์แล้วอารียา ชีพ นนท์ได้ช่วยตบตาไปสองฉาด หลังจากเหตุการณ์นี้ ชีพนนท์ได้เอาบ้านในดงเย็นของกันตากลับไป

ถึงแม้ก้นตาเสียใจ แต่ไม่เข้าใจว่าทําไมชีพนนท์ ต้องช่วยรพีพงษ์ขนาดนี้ ความโกรธในใจของเธอที่ มีต่อรพีพงษ์ยังไม่หายไป

ชีพนนท์เอาบ้านในดงเย็นกลับไปนั้น กันตาไม่ สามารถอยู่ที่ดงเย็นได้ เธอและรพีพงษ์จึงไม่ต้อง เผชิญหน้า จากนั้นจึงไม่ได้เจอกันอีกต่อไปน้องสาวของกันตาบาจรีย์มาเล่นที่บ้านของกันตา น้องสาวของเธอเป็นคนเมืองกรีนโคล ในตอนกลับ ได้เชิญก้นตาไปเที่ยวที่เมืองกรีนโคล บอกว่าอีกไม่ กี่วันจะมีการแข่งขันโกะ กันตาไม่ได้ปฏิเสธ ก็ได้ซื้อ ตั๋วไปเมืองกรีนโคลพร้อมกับบาจรีย์

รพีพงษ์ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับกันตาที่นี่ แต่ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วยังทักทายกันตาอย่างมี มารยาทอีกด้วย

กันตามองรพีพงษ์อย่างเหยียดหยาม แล้วพูดกับ บาจรีย์ว่า “ไอ้เหี้ยนี่แหละ ทําให้ฉันพลาดบ้านดงเย็น ไป ชีพนนท์ไม่สนใจฉัน ก็เป็นเพราะไอ้เหี้ยนี่แหละ”

เขาคือไอ้สวะที่แกพูดถึงหรอ มันชั่งน่าโมโหจริงๆ อยู่ให้ไกลจากเขาหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะนำพา ความโชคร้ายมาให้

ทั้งสองเดินถอยหลังไป บาจรีย์เป็นคนปากมาก เมื่อรู้ว่าด้านหน้าคือรพีพงษ์แล้ว ก็บอกกับคนรอบๆ อย่างไม่หยุดว่ารพีพงษ์คือไอ้สาะ ตัวซวย ให้ทุกคน ออกห่างจากเขา
ธฤตญาณขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ผู้หญิงทั้งสอง แล้ว ถามรฟ์พงษ์ว่า “ฉันมีคนสนิทอยู่ที่สนามบิน จัดให้สั่ง สอนเธอทั้งสองไหม?”

“ไม่จําเป็น รีบไปเมืองกรีนโคลก่อนล่ะกัน” รพีพงษ์ กล่าว

ผ่านไปไม่นาน ก็ได้ตรวจบัตรขึ้นเครื่อง เวลาใน การเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เครื่องบิน ก็ได้ลงสู่พื้นดินของเมืองกรีนโคล

รพีพงษ์และธฤตญาณเดินออกจากสนามบิน รู้สึก ว่าการพัฒนาของเมืองกรีนโคลและเมืองริเวอร์ นั้นไม่ต่างกันมาก สิ่งแวดล้อมดีกว่าเมืองริเวอร์นิด หน่อย

ขณะนี้เป็นเวลาพลบค่ำ รพีพงษ์รู้สึกว่าตัวเองเริ่ม หิวคนที่ตระกูลธนาพัชร์กุลจัดให้มารับพวกเขายังมา ไม่ถึง ดังนั้นรพีพงษ์จึงหาที่กินข้าวก่อน

ทั้งสองไม่ได้สังเกต ว่าหลังจากที่พวกเขาออกจาก สนามบินแล้วกันตาและบาจรีย์ทั้งสองก็เดินตามหลัง พวกเขามาด้วย
“ไอเซี้ยนี้ทำร้ายฉัน ครั้งนี้ได้เจอกันฉันจะไม่มีทาง

ปล่อยมันไป!” กันตสกัดฟันพูด

บาจรีย์หัวเราะกับกันตา แล้วกล่าว “ไว้ใจได้ สาว ฉันคุ้นเคยเมืองกรีนโคล ไอสวะแบบนี้ ทำร้ายคนอื่น อย่างไม่ใยดี สมควรจะได้รับการสั่งสอน เดี๋ยวฉันจะ คิดหาวิธีจัดการมันเอง” กันตาพยักหน้า จากนั้นก็รีบ เดินไปที่รพีพงษ์และธฤตญาณ

ไม่นาน ทั้งสองเดินไปถึงถนนการค้าที่ครึกครื้นเดิน ไปไม่นาน รพีพงษ์ได้เห็นร้านอาหารที่ตกแต่งอย่าง หรูหรา ชื่อร้านอาหารฟอร์จูน มองๆไปรู้สึกไม่เลว จึง ได้เดินเข้าไปพร้อมกับธฤตญาณ

กันตาและบาจรีย์ทั้งสองมาถึงประตูของร้าน อาหารฟอร์จูน บาจรีย์ยิ้มอย่างมีเลศนัยขึ้นทันใด

“สองคนนี้ งเลือกสถานที่เก่งจริง คาดไม่ถึงว่าจะ มาถึงร้านอาหารฟอร์จูนนี้ ถ้าพวกเขาไปที่อื่น ฉัน เกรงว่าจะไม่มีทางจัดการพวกเขาได้ แต่เมื่อมาร้าน อาหารฟอร์จูน ก็ง่ายขึ้นเลย” บาจรีย์กล่าว

“ทำไมถึงพูดแบบนี้?” กันตาถามอย่างสงสัย
“เจ้าของร้านอาหารฟอร์จูนนี้ เป็นลูกพี่ใหญ่ของ เมืองกรีนโคล ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในวงการด้าน แต่หลายปีมานี้ก็ได้เปิดเฟรนอาหาร มากมาย ถ้าไม่รู้จักคนแบบนั้นก็เป็นไปไม่ได้”

เจ้าของร้านอาหารนี้ชื่อฟังดูเหมือนหมู หลายปีก่อนหน้านี้ชอบมีคนบอกว่าเขาเหมือนหมู ต่อ มาเมื่อเขาทําร้านอาหารประสบความสําเร็จ ก็ได้หา ลูกน้องกลุ่มหนึ่งเพื่อจัดการคนที่เรียกเขาว่าหมูโดย เฉพาะ

“จนกระทั่งปัจจุบันในร้านอาหารจะไม่มีคำว่าหมู หนึ่งตัวหรือหมู มิเช่นนั้นเจ้านายของพวกเขาจะต้อง พาลูกน้องมาจัดการคนที่พูดคำนั้น”

ฉันรู้จักพนักงานที่นี่เดี๋ยวฉันจะให้เขาใส่ร้ายรพี พงษ์พวกเขาทั้งสอง ถึงเวลานั้นเมื่อเจ้านายสุกรณ์ มาถึง พวกเขาทั้งสองก็จะหนีไปไม่ได้แล้ว”

เมื่อได้ยินพูดจบ กันตายิ้มอย่างมีเลศนัย รู้สึกว่าวิธีนี้ของเธอใช้ได้

ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านอาหาร บาจรีย์ไปหาพนักงาน ที่ตนรู้จัก แล้วให้เงินเขาไปสองร้อยหยวนแล้วพูดข้างๆหูของเขา จากนั้นยืนมือชี้ไปที่รพีพงษ์ และธฤตญาณทั้งสอง

พนักงานรับทราบ จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะของรพี พงษ์และธฤตญาณทั้งสอง แล้วยื่นมือชี้ไปที่รพีพงษ์ จากนั้นก็ตะโกน “แกพูดว่าอะไรนะ! แกบอกว่าเจ้า นายของเราเป็นหมูตัวหนึ่งหรอ จบแล้ว ถ้าวันนี้พวก แกไม่อธิบายให้ดี ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ