แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่321 แกไม่กลัวตายหรือไง



บทที่321 แกไม่กลัวตายหรือไง

บทที่321 แกไม่กลัวตายหรือไง

ในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น รพีพงษ์ได้รับโทรศัพท์จากเจสสิก้า โดยบอกว่าเมื่อวานพ่อลูกคู่นั้นรู้ถึงความผิดของตัวเองแล้ว อยาก จะขอให้ขอโทษรพีพงษ์ เชิญเขาไปรับประทานอาหารด้วย ที่ สำคัญยังช่วยรักษาโรคให้นิเษวกด้วย พวกเขาสองคนพ่อลูก อยากขอบคุณชุติเทพและเจสสิก้าพร้อมกัน

เดิมทีรพีพงษ์ว่าจะไม่ไปแล้ว แต่ว่าเจสสิก้าบอกว่าชุติเทพ รับปากเขาไปแล้ว หล่อนไม่ต้องการไปต่างฝ่ายต่างมองหน้า กันไปมากับนิเษวกสองคนพ่อลูกนั้น ดังนั้นรพีพงษ์ต้องไปให้ได้ แบบนี้ตอนที่ทานข้าวกันหล่อนยังสามารถมีใครที่พูดคุยได้

รพีพงษ์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับปากกับเจสสิก้าไป และ บอกกับอารียาว่าตอนเที่ยงตัวเองจะไม่อยู่ทานข้าวที่บ้าน ดังนั้น จึงออกจากคฤหาสน์คนเดียว

วันนี้อารียาไม่ทำงาน ดังนั้นเมื่อตอนที่รพีพงษ์ออกไปจึงขับรถ ของอารียา

ใช้เวลาไม่นาน รพีพงษ์จะมาถึงสถานที่ที่เจสสิก้าบอก ที่นี่คือ บ้านไร่ ไม่ใช่ร้านอาหารที่ดูหรูหราสูงใหญ่ การรับประทานอาหาร ในสถานที่แบบนี้ ก็ถือได้ว่ามีรสชาติที่พิเศษ
รพีพงษ์จอดรถไว้ที่ลานจอดรถหน้าบ้านไร่ แล้วหลังจากนั้นก็ เดินเข้าไปในบ้านไร่

ในเวลานี้มีพนักงานชายคนหนึ่งเดินมาที่ประตู แล้วขวางทาง รพีพงษ์ไว้ แล้วพูดว่า “ขออภัยด้วยนะครับ วันนี้ที่นี่ของพวกเรา ถูกเหมาจองไว้แล้ว และไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป

“ฉันได้รับเชิญให้ไปทานอาหารที่นี่”รพีพงษ์กล่าว

พนักงานคนนั้นจ้องมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดว่า “นายอย่ามาอวดดีที่นี่ไปหน่อยเลย วันนี้คนที่เหมาจองที่นี่เป็นคน ที่มีฐานะ ทั้งตัวของนายก็แค่แผงลอยข้างถนนยาจกขนาดนี้จะได้ รับเชิญมาได้ยังไง ฉันว่านายอยากจะมาทานอาหารฟรีมากกว่า รีบไสหัวออกไปซะ ฉันไม่อยากเสียเวลากับนายที่นี่”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว แล้วพูด “นี่เป็นวิธีการบริการต้อนรับต่อลูกค้า ของพวกคุณเหรอ?”

“ลูกค้า? นายไม่ใช่ลูกค้าของพวกเราสักหน่อย ยังจะมาพูด เรื่องการบริการต้อนรับลูกค้ากับฉันอีก รีบๆไสหัวออกไปให้พ้น อย่าขัดขวางการทำงานของฉัน พนักงานชายพูดอย่างเย็นชา
ไปเรียกคนที่เหมาจองสถานที่นี่มา นายสามารถถามเขาดูได้ ว่าฉันได้รับเชิญมาหรือเปล่า”รพีพงษ์กล่าว

พนักงานชายยิ้มเยาะเย้ย และพูดว่า “เขาบอกกับฉันแล้วว่า วัน นี้เชิญมาสองท่าน เมื่อกี้ก็มีคนเข้าไปแล้วสองท่าน นายยังมีหน้า มาบอกว่าตัวเองก็ได้รับเชิญให้มา ยังจะให้ฉันไปเรียกคนที่เหมา จองสถานที่อีก นายคิดว่านายเป็นใคร

ในตอนนี้นิเษวกกำลังแอบซ่อนตัวอยู่ในสวนเพื่อดูสถานการณ์ที่ นี่ ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย สถานการณ์ที่รพีพงษ์ต้องเผชิญกับตอนนี้ สามารถพูดได้ว่าเขาจงใจ

ในเวลานั้นเขาบอกกับพนักงานชายว่าวันนี้เชิญมาเพียงแค่สอง คน ที่สําคัญเขายังบอกกำชับกับพนักงานด้วยว่าถ้าเกิดมีคนที่ สวมใส่ชุดธรรมดามา ก็ขับไล่เขาออกไปซะ เพื่อทำให้รพีพงษ์ อับอาย

ตอนนี้ดูเหมือนว่ารพีพงษ์จะถูกพนักงานชายทำให้ลำบากใจ นิเวกก็ได้ใจ รู้สึกว่าก็น่าจะพอแล้ว จากนั้นก็เดินไปที่ประตู

“เกิดอะไรขึ้น?”นิเษวกแสร้งถามเหมือนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“คุณผู้ชาย คนคนนี้บอกว่าได้รับเชิญจากคุณมา อยากจะเข้าไป ผมไล่เขาไปแล้ว เขาก็ไม่ไป มันน่ารำคาญจริงๆ พนักงานชาย กล่าวอย่างรวดเร็ว
นิเษวกเหลือบมองไปที่รพีพงษ์ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า แล้ว พูดว่า: “อ่าว คุณนี่เอง ขอโทษด้วยจริงๆ รีบเข้าไปกันเถอะ ปกติ แล้วที่ของผมเคยชินกับการต้อนรับคนสูงศักดิ์ ยังไม่ชินกับการ ต้อนรับคนแบบคุณ ดังนั้นตอนนั้นเลยสั่งไว้ว่าพวกยาจกอะไรพวก นั้นห้ามให้เข้ามา ขอโทษด้วยจริงๆ ผมลืมคุณไปเลย”

เมื่อหลังจากรพีพงษ์ได้ยินคำพูดที่เสียดสีของนิเษวก ก็เข้าใจ ทันทีว่าเขาตั้งใจ ในเวลาเดียวกันก็รู้ทันที ว่าวันนี้นิเษวกเชิญเขา มารับประทานอาหาร อาจจะมีแรงจูงใจแอบแฝงอยู่

“ไม่เป็นไร สมองของคุณไม่ดี สามารถให้อภัยได้”รพีพงษ์กล่าว

นิเษวกสำลักกับคำพูดของรพีพงษ์สีหน้าก็เปลี่ยนไปเลยทันที ที่

สำคัญก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้รพีพงษ์ยังไง

ในเมื่อนิเษวกก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเกรงใจเขา อย่างนั้นรพีพงษ์ก็ไม่ จำเป็นต้องให้เกียรติอะไร

“เชี่ย กล้าว่าให้กูสมองไม่ดี รอเดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวก็มีเวลาที่จึง เสียใจ!”นิเษวกกัดฟันแน่นในใจ

รพีพงษ์เดินตามนิเษวกเข้าไปที่บ้านไร่ ในสวนปลูกดอกไม้และต้นไม้มากมาย สภาพแวดล้อมก็ไม่เลว ในสวนมีโต๊ะอยู่หนึ่ง โต๊ะ ชุติเทพและเจสสิก้าทั้งสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว

รพีพงษ์ รีบมาเร็วๆ ทําไมนายเพิ่งจะมา เมื่อกี้ฉันได้ยินเหมือน ว่าข้างนอกมีเรื่องทะเลาะกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”เจสสิก้ารีบโบก ไม้โบกมือให้รพีพงษ์อย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์เดินไปนั่งลงที่ข้างๆเจสสิก้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ไม่มี อะไร คนที่เชิญพวกเรามารับประทานอาหารสมองไม่ค่อยดี ไม่ ได้เตรียมการไว้ เลยทําให้ล่าช้าไปหน่อย

เมื่อนิเวกได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนี้กับเจสสิก้า ตัวเองก็กำหมัด แน่นอย่างรวดเร็ว

“รอเดี๋ยวเถอะ วันนี้กูไม่ทำให้มึงเสียใจ ก็ไม่ใช่คนตระกูลภัทร์รัฐ ชัย!”นิเวกกัดฟันแน่น พิมพาในใจ

เขาและไพรำ ก็นั่งลงที่โต๊ะด้วย ทั้งสองคนยังคงยิ้ม พยายาม ไม่ให้รพีพงษ์พวกเขาสงสัยอะไร

“ทั้งสามคนสามารถมาที่นี่ในวันนี้ รู้สึกเป็นเกียรติของผมจริงๆ หมอเทวดา และคุณเจสสิก้ามีพระคุณกับลูกชายผม ผมจะไม่ลืม ความเมตตานี้ สําหรับน้องชายท่านนี้ เมื่อวานลูกผมไม่ควรไปหา เรื่องคุณ วันนี้อาหารมื้อนี้ ไม่ใช่แค่ขอบคุณหมอเทวดา และคุณ หนูเจสสิก้าเท่านั้น แต่ยังขอโทษน้องชายท่านนี้ด้วย ผมดื่มก่อน พวกคุณตามสบายเลย

หลังจากพูดเสร็จ ไพก็ยกแก้วขึ้น และดื่มไวน์ในแก้ว

รพีพงษ์ไม่แตะต้องแก้วไวน์ แต่จ้องไปที่ไพร่ แล้วพูด จุด ประสงค์วันนี้ของคุณ คงจะไม่ใช่เพื่อแค่ขอบคุณและขอโทษ คุณ พูดมาเลยตรงๆดีกว่าต้องการทำอะไร อย่าเสียเวลาเลย

ในที่สุดเลวกก็ทนไม่ไหว ก็ตมโต๊ะไปหนึ่งที แล้วยืนขึ้นมา ไปที่หน้าของรพีพงษ์แล้วด่าว่า “เยแม่ง ให้เกียรติแกแต่แกไม่ สนใช่มั้ย นายมันก็แค่แมงดาที่มีชื่อเสียง มีสิทธิ์อะไรมาอวดดี?

ชุติเทพและเจสสิก้าก็มองไปที่รพีพงษ์อย่างตะลึง คิดไม่ถึงว่า เขาจะพูดเช่นนี้

“น้องชาย คำพูดของนายหมายความว่ายังไง? ไพรำจ้องไปที่ รพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูด “ตั้งแต่เข้ามา ฉันก็สังเกตเห็นว่า มีคนจำนวนมากซ่อนอยู่ในห้องนี้ ที่สำคัญในไวน์ของคุณมีอะไร อยู่ น่าจะผสมใส่ของอะไรลงไป พวกคุณสองคนเรียกพวกเรามา ตกลงว่าต้องการจะทำอะไรล่ะ?
เมื่อชุติเทพและเจสสิก้าได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ สีหน้าก็ เปลี่ยนไป ชุติเทพถึงค่อยยกแก้วไวน์บนโต๊ะ มาไว้ตรงหน้าจมูก และสูดดม สีหน้าก็เคร่งขรึม แล้วพูดว่า: “ในแก้วไวน์นี้มีของผสม อยู่จริงๆด้วย ไพรํา คุณหมายความว่ายังไง!

เมื่อเห็นว่าแผนการสมรู้ร่วมคิดของตัวเองถูกจับได้ ไพร่าถอน หายใจอย่างช่วยไม่ได้ เดิมทีเขาต้องการหลอกล่อให้ทั้งสามคน ดื่มอย่างดีๆ เพื่อที่ชะตากรรมของทั้งสาม จะถูกควบคุมตามความ ต้องการของเขา

อย่างไรก็ตามการวางยาในไวน์ก็เป็นเพียงการเตรียมเพื่อความ ปลอดภัยของเขาเท่านั้นเอง ต่อให้ไม่วางยาในไวน์ วันนี้เขาก็ ยังสามารถบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้ กุนลโรจน์ส่งคนจํานวน มากมาให้เขา มีคนพวกนี้อยู่ ด้วย เขาไม่กลัวว่ารพีพงษ์พวกเขา สามคนจะไม่เชื่อฟัง

“ไม่คิดว่านายว่าจะระมัดระวังขนาดนี้ ดูเหมือนว่าฉันจะประเมิน นายเกินไปไหร่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นเขาก็ปรบมือ และกลุ่มคนก็รีบวิ่งพุ่งออกมาจากในห้อง โดยรอบล้อมโต๊ะของพวกเขาไว้

เมื่อชุติเทพและเจสสิก้าเห็นสิ่งนี้ ก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าสองคนพ่อ ลูกตระกูลภัทร์รัฐชัยจะวางแผนเช่นนี้กับพวกเขา
“ไพร่า ฉันเป็นคนรักษาโรคให้ลูกชายของคุณ นายไม่ขอบคุณ ฉันไม่พอ กลับวางแผนหลอกลวงพวกเรา นายยังมีจิตใต้สำนึก อยู่บ้างมั้ย?”ชุติเทพจ้องมองด้วยความโกรธ

เขาจะไปคิดถึงได้ไง ว่าสองคนพ่อลูกนี้อยู่ในพื้นที่เล็กก็ยังยโส โอหังจนเคยชิน จะมาสนใจอะไรกับเรื่องจิตใต้สำนึก ในการรับ รู้ของพวกเขา เพียงแค่ไม่สามารถมีปัญหากับพวกเขาได้ ก็ต้อง เชื่อฟังพวกเขา

“หมอเทวดาช คุณก็อย่ากังวลเลย ฟังผมพูดให้จบก่อน ฉันเรียก พวกคุณมาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อหลอกลวงคุณไพรยิ้มเล็กน้อย “วันนี้ ที่เรียกพวกคุณทั้งสามคนมา หนึ่งเลยก็เพื่อบอกกับหมอเทวดาช หน่อยว่า ลูกชายของผมชอบลูกศิษย์ของคุณ พอดีก็เลยให้เธอ ช่วยคุณทดลองดูว่ายาตัวนี้มันใช้ได้ผลมั้ย ดังนั้นคืนนี้ให้ลูกศิษย์ ของคุณนอนกับลูกชายผมเถอะ

“พวกแกฝันไปเถอะ! เจสสิก้าก็ตะโกนเสียงดังไป เธอไม่เคยเห็น ใครที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อน

“ฮ่าฮ่า ลูกชายของฉันชอบเธอ ถือว่าให้เกียรติเธอ เธออย่าคิด ว่าอาจารย์ของเธอมีชื่อว่าหมอเทวดาแล้วพวกเราจะไม่กล้าแตะ ต้องเธอ ก็แค่หมอเอง ดังนั้นวันนี้เธอไม่ยอม ก็ต้องยอม! ไพรำ แสยะยิ้มแล้วพูด

“อย่างที่สอง ก็เพื่อสั่งสอนสั่งสอนไอ้หมอนี่ที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ทั้งๆที่เป็นเพียงเศษสวะตั้งแต่หัวจรดเท้า กล้าให้ ลูกชายของฉันคุกเข่าขอโทษด้วย ถ้าเมื่อวานนี้ไม่ใช่ว่าเพื่อให้ ชายชราคนนี้ ช่วยรักษาโรค แกคิดว่าฉันจะให้ลูกชายคุกเข่าให้ แกเหรอ?”นิเษวกหันหน้าไปมองรพีพงษ์

“เป้าหมายของฉันก็พูดออกมาหมดแล้ว เดิมทีว่าจะให้พวกคุณ ดื่มไวน์ เชื่อฟังดีๆ เรื่องมันก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น คิดไม่ถึงว่าจะถูก จับได้ แต่ว่ามันก็ไม่สำคัญ มองไปที่คนพวกนี้ที่รอบล้อมตัวพวก คุณ ถ้าหากว่าวันนี้พวกคุณไม่ยอมกับความต้องการของฉัน พวก เขาก็จะไม่เมตตาต่อพวกคุณ

ในใจชุติเทพและเจสสิก้าทั้งสองคนก็กังวล มีผู้คนล้อมรอบอยู่ มากมาย พวกเขาสองคนจะไม่สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน ดัง นั้นทั้งคู่จึงมองไปรพีพงษ์โดยไม่รู้ตัว

ใบหน้าของรพีพงษ์นิ่งสงบ แววตาไร้การเคลื่อนไหว ราวกับว่า ไม่ได้สนใจคนพวกนี้เลยสักนิด

นิเษวกแสยะยิ้มมองไปที่รพีพงษ์ แล้วพูด: “ให้ตายเถอะ รู้ถึง ความสุดยอดของกูหรือยัง ดูซิว่าครั้งนี้แกจะอวดเก่งอะไรกับฉัน อีก เห็นกระบองไฟฟ้าในมือพวกเขามั้ย ตอนนี้นายคุกเข่ากัน ลงไหว้ฉัน แล้วก็เรียกฉันว่าคุณปู่ ถ้าฉันอารมณ์ดี ไม่แน่อาจจะ ปล่อยแกไป ถ้าหากว่านายไม่ยอมทำ ก็รอถูกไฟช็อตตายละกัน!
ทันใดนั้นมีคนสองคนเดินตรงมาที่รพิพงษ์ ในมือของพวกเขา ถือกระบองไฟฟ้าไว้ เสียงแป๊ะแปลับจากด้านบน และดูเหมือนว่า แรงดันไฟฟ้าจะแรงด้วย

รพีพงษ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และหันไปมองที่นิเษก

นิเษวกคิดว่ารพีพงษ์จะคุกเข่าลงให้กับเขา ก็รีบลุกขึ้นยืนเดินไป ตรงหน้าเขา สีหน้าเต็มไปความมีชัยแล้วพูด “ฉันรู้ว่านายขี้ขลาด ตาขาว คนของพวกเรามากมายขนาดนี้ อยากจัดการกับนายสน เดียวได้ง่ายๆ รีบๆคุกเข่าลงมาเดี๋ยวนี้ ตอนที่ก้มกราบลงมาอย่า ลืมใช้แรงเยอะๆหน่อย”

รพีพงษ์ยิ้มให้เขาเล็กน้อย จากนั้นยกมือขึ้น แล้วแบบนหน้าขยา หนึ่งครั้ง

ตัวของนิเษวกกระแทกลงไปตรงบนโต๊ะ และโดนโต๊ะอาหาร ทำให้พัง

“แกเอาความกล้าหาญมาจากที่ไหนถึงทำอะไรที่ไร้ความคิดเห็น นี้? อยากให้ฉันคุกเข่าก้มหัวให้แก แกไม่กลัวตายหรือไม่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ