แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 443 เรื่องที่อยู่เบื้องหลัง



บทที่ 443 เรื่องที่อยู่เบื้องหลัง

บทที่ 443 เรื่องที่อยู่เบื้องหลัง

รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าฝนสุดาจะมีปฏิกิริยาขนาดนี้ แต่ว่าอีก ฝ่ายรู้จักชื่อนี้ ทําให้เขาตื่นเต้นเล็กน้อย นั่นหมายความว่าเป็น

ไปได้ว่าเขาจะได้ข่าวของนนทภูจากฝนสุดา

“ดูปฏิกิริยาของคุณ น่าจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับชื่อนี้ บอก ผมได้ไหม?”รพีพงษ์ถามด้วยความจริงใจ

ฝนสุดาลุกขึ้นทันที เธอมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เดินไป ที่หน้าต่างอีกครั้ง มองออกไปข้างนอกอย่างละเอียด เหมือน กับกําลังดูให้มั่นใจว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา

รพีพงษ์รู้สึกตื่นเต้นกับปฏิกิริยาของฝนสุดา ไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆเธอถึงระมัดระวังตัวขนาดนี้ ตามหลักแล้ว แม้ว่านนท กูจะกลายเป็นคนระดับสูงของกิสนา แต่ก็ไม่ถึงกับแม้แต่ชื่อก็ เอ่ยถึงไม่ได้มั้ง

เมื่อไม่นานมานี้เขาได้ขอให้เตชัสช่วยหาเบาะแส ก็ได้ให้เขา ถามชื่อนี้โดยตรง คนเหล่านั้นไม่มีใครที่มีปฏิกิริยาเหมือนกับ ฝนสุดา

คนเหล่านั้นที่เตชัสรู้จักได้รู้จักกับคนระดับสูงๆที่กิสนาเป็น อย่างดี พวกเขาไม่คุ้นกับคนที่ชื่อนนทภูเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น ในตอนนั้นรพีพงษ์รู้สึกว่ากลุ่มคนระดับสูงในกิสนาไม่แน่นอน ว่าจะสามารถหานนทภูได้
ตัดความเป็นไปได้ทั้งหมดออก รพีพงษ์ถึงกับคิดว่า นนทภู ได้ตายไปแล้ว

แต่ปฏิกิริยาของฝนสุดาทําให้เขามีความหวังอันริบหรี่ในใจ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ ทําไมฝนสุดาถึงได้มีปฏิกิริยาขนาดนั้น นนทภูชื่อนี้ ทําไมถึงทำให้คุณหนูตระกูลอันดับต้นๆของโลก ลุกลี้ลุกลนได้ถึงขนาดนี้

หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจว่าในห้องนี้ปลอดภัยแล้ว ฝนสุดา ก็ปิดหน้าต่าง แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นมองไปที่รพี พงษ์อย่างเคร่งขรึม เอ่ยพูดว่า : “คุณรู้จักชื่อนี้มาจากไหน? คุณถามเรื่องของคนนี้คิดจะทําอะไร?”

รพีพงษ์ยิ้มให้กับฝนสุดา พูดว่า “จุดประสงค์ที่ผมมาที่กิ สนา ก็เพื่อมาตามหาคนนี้ เขามีอะไรพิเศษเหรอ? ทำไมคุณ ถึงมีปฏิกิริยาขนาดนี้?”

ฝนสุดาจ้องไปที่รพีพงษ์ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้พูดกับรพีพงษ์ อย่างระมัดระวังว่า : “ไม่ ชื่อนี้อยู่ในกิสนาไม่ได้มีความพิเศษ อะไร โดยทั่วไปไม่มีใครรู้ว่าชื่อนี้หมายถึงใคร”

ได้ยินฝนสุดาพูดแบบนี้, รพีพงษ์จู่ๆก็สงสัย ในเมื่อไม่รู้ว่าชื่อ นี้คือใคร งั้นทำไมฝนสุดาถึงได้มีปฏิกิริยาขนาดนั้น?

“งั้นทำไมคุณได้ยินแล้วถึงได้ตกใจขนาดนี้?”รพีพงษ์ถาม

“ฉันบอกว่าชื่อนี้อยู่ในกิสนาไม่มีอะไรพิเศษ เป็นเพราะคนเหล่านั้นไม่รู้ว่าชื่อนี้หมายถึงอะไร ทั่วทั้งกิสนา รู้เบื้องหลัง ของชื่อนี้ ไม่น่าจะเกินสามคน และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น”

ฝนสุดาพูดอย่างจริงจัง

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว พบว่าเรื่องของนนทภูอาจซับซ้อนกว่าที่ตัว เองคิด เขาจ้องไปที่ฝนสุดา พูดว่า : “มีอะไรอยู่เบื้องหลัง?” ฝนสุดามองไปที่รพีพงษ์ พูดว่า : “ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย ใครจะไปรู้ว่าคุณตามหานนทภูมีจุดประสงค์อะไร ชื่อนี้มี ความลับอะไรบางอย่างในกิสนา คุณบอกฉันมาก่อนว่าตกลง มีจุดประสงค์อะไร และคุณเป็นใครกันแน่”

รพีพงษ์อารมณ์เสียกับความจุ้นจ้าน นี่ก็เหมือนกับการตาม หาขุมทรัพย์ เมื่อหาคนที่มีเบาะแสสำคัญเจอแล้ว ถามเขาว่า เขารู้หรือไม่ว่าสมบัติอยู่ที่ไหน คนนั้นบอกว่ารู้ จากนั้นก็ถาม ว่าอยู่ที่ไหน คนนั้นกลับพูดออกมาว่ารู้แต่ไม่บอกคุณ

สิ่งนี้ทำให้คนสามารถระเบิดออกมาได้ ฝนสุดาได้กระตุ้น ความอยากรู้อยากเห็นในใจของเขาขึ้นมา หากวันนี้ไม่ได้คำ ตอบจากเธอ รพีพงษ์จะไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน

อีกอย่างมันเกี่ยวข้องกับเบาะแสของนนทภู แม้ว่าฝนสุดา จะเป็นหญิงสาวที่อยู่ในตระกูลใหญ่อันดับต้นๆของโลกก็ตาม ถ้าหากเธอไม่ยอมพูด รพีพงษ์ก็จะใช้วิธีการบางอย่างกับเธอ อย่างไม่สนใจใยดี

เขายืนขึ้นทันที เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าฝนสุดา มองลงไปที่ผู้หญิงคนนี้ พูดว่า: “ความสามารถของผมคุณก็เคยเห็นแล้ว เรื่องของนนทภูสำคัญกับผมมาก ผมรับรองว่าไม่ได้คิดร้าย อะไร หวังว่าคุณจะบอกความจริงเรื่องเขาให้ผมฟังได้ ถ้าไม่ ละก็ ผมคงต้องใช้วิธีอะไรบางอย่างแล้ว”

ฝนสุดามองผู้ชายที่ดุดันที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง นึกถึงฉากที่เขา ทำที่นั่งในบาร์แตกด้วยเท้าข้างเดียว ในใจของเธอจู่ๆก็กลัว ขึ้นมา

หากว่ารพีพงษ์จะลงมือ เธออาจจะมีชีวิตไม่ถึงหนึ่งวินาที

แต่ว่าถึงยังไงเธอก็คือคุณหนูของตระกูลก้องวณิชกุล ได้ ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาไม่น้อย

ที่รพีพงษ์กดดันยังไม่พอที่จะทําให้เธอยอมจํานน

“นี่คุณกำลังขู่ฉันเหรอ? อย่าคิดว่าวิธีนี้จะทำให้ฉันตกใจ ได้ ถ้าคุณกล้าทำอะไรฉันจริงๆ คุณก็อยู่อย่างสงบสุขไม่ได้ เหมือนกัน ที่นี่เป็นกิสนา คุณออกไปไม่ได้แน่ ถ้าฉันตายอยู่ ที่นี่ คนในกิสนาจะไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่ แม้ว่าคุณจะเก่ง กว่าดัมพ์รงค์ ก็คงไม่รอด ถึงตอนนั้นคุณก็มาที่นี่เสียเวลา เปล่า”ฝนสุดาพูดอย่างไม่แสดงความอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย

รพีพงษ์ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็คว้าเสื้อของฝนสุดา ยกเธอ ขึ้นมา กดไว้ที่กำแพง

“ตัวเลือกของผมไม่ได้มีแค่การฆ่าคุณเพียงอย่างเดียว ถ้าคุณไม่ยอมพูด ผมสามารถลองใช้วิธีอื่นๆ เพียงแค่ให้คุณ สามารถทนได้ก็พอ”รพีพงษ์พูด

ฝนสุดายกมือตัวเองขึ้นโดยไม่รู้ตัว กุมไว้ที่หน้าอกของตัว เอง แต่แล้วเธอก็วางมือลงอีกครั้ง สภาพเหมือนกับกระป๋อง แตก พูดว่า : “หึ ฉันไม่กลัวคุณหรอก แม้ว่าคุณจะเสีย มารยาทกับฉัน ฉันก็ไม่บอก ฉันยังจะสนุกซะอีก ลูกไม้นี้ของ คุณไม่มีผลอะไรกับฉัน”

รพีพงษ์อึ้ง เขาไม่คาดคิดว่าฝนสุดาจะคิดว่าวิธีอื่นที่เขาพูด กลับกลายเป็นวิธีนี้ เมื่อกี้เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย สิ่งที่เขา คิดก็คือทำให้ฝนสุดาต้องทรมานเล็กน้อยเท่านั้นเอง

“ถ้าหากฉันจะหักนิ้วของคุณทีละนิ้วล่ะ คุณจะยังสนุกกับมัน ไหม?”รพีพงษ์พูดขู่ฝนสุดา

ฝนสุดาตัวสั่น สามารถมองออกว่ากลัวจริงๆ

แต่ว่าความเป็นตระกูลใหญ่ทำให้เธอไม่สามารถอ่อนข้อ เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของรพีพงษ์ได้ เธอยืดอก พูดด้วย ความโมโห : “ฉันคิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ ฉันใจดี ช่วยเหลือคน คุณไม่รู้สึกซาบซึ้ง มิหนำซ้ำยังมาขู่ฉันอีก คุณ มันไอ้เลวอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ!”

รพีพงษ์เห็นฝนสุดาเป็นแบบนี้แล้ว กลอกสายตาไปมา แล้ว เขาก็โยนฝนสุดาลงบนโซฟาไปเลย
ผ่นสุดาคิดว่ารพีพงษ์จะทำอะไรเธอ ใบหน้าตกใจ

ในตอนนี้รพีพงษ์คว้าเท้าของฝนสุดาด้วยมือเดียว ถอด รองเท้าส้นสูงของเธอออก ตามด้วยดึงถุงน่องลงมา

ฝนสุดาต่อสู้อย่างดุเดือด ตะโกนออกมาว่า : “คุณอย่าแตะ เท้าของฉันนะ! คุณมันไอ้โรคจิต! ”

รพีพงษ์สงสัยบางเล็กน้อย คนที่ไม่สนใจแม้แต่ร่างกายของ ตัวเอง คิดไม่ถึงว่าจะกลัวคนอื่นแตะเท้าของตัวเอง แปลก มากจริงๆ

แต่ว่าเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มืออีกข้างวางตรงฝ่าเท้าของ ฝนสุดาแล้วถามว่า: “คุณจะบอกไหม?”

ต่อมามือข้างนั้นของเขาก็ออกแรง ฝนสุดาอดไม่ได้หัวเราะ ออกมาทันที ร่างกายเริ่มสั่นเล็กน้อย

“คุณมันสารเลว คุณปล่อยฉันนะ! “ฝนสุดาทั้งตะโกนทั้งสิ้น

“ถ้าคุณไม่พูดละก็ ฉันก็จะทำแบบนี้ต่อไป”รพีพงษ์ไม่ได้ แสดงอารมณ์ใดๆ

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดผ่นสุดาก็ทนไม่ได้กับสิ่งที่รพีพงษ์ “ทรมานเธอ”
ตะโกนออกมา: “ฉันบอก ฉันบอกแล้ว ไอ้เลว คุณปล่อยฉัน

ก่อน! ”

รพีพงษ์หยุดมือของเขาทันที ฝนสุดารีบลุกออกจากโซฟา ทันที กุมเท้าของตัวเองเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับ แค้นใจ มีน้ำตาจากเสียงหัวเราะอยู่ที่หางตาของเธอ

“ฉันบอกเรื่องของนนทภูกับคุณได้ แต่ว่าคุณต้องรับปากฉัน เรื่องที่คุณแตะเท้าฉัน จะบอกใครไม่ได้ อีกอย่างคุณต้อง บอกฉันมาว่าตามหานนทภูทำไม”ฝนสุดาพูด

รพีพงษ์พิจารณาสักครู่ จากนั้นก็พยักหน้า พูด: “ได้”

ฝนสุดาถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นจ้องไปที่รพี พงษ์สักสองสามวินาที เอ่ยปากถาม : “คุณรู้จักเทพสังหาร ไหม?”

“รู้จัก”รพีพงษ์พยักหน้า ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย “นนทภู กับเขาเกี่ยวข้องอะไรกัน?”

“ตามที่ฉันรู้มา ชื่อของเทพสังหารก่อนเข้ามาอยู่ที่กิสนา ก็ คือนนทภู”ฝนสุดาพูด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ