แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่312 คนหนึ่งให้เงินรางวัลหนึ่งแสน



บทที่312 คนหนึ่งให้เงินรางวัลหนึ่งแสน

บทที่312 คนหนึ่งให้เงินรางวัลหนึ่งแสน

หลังจากคนเหล่านั้นที่เดิมทีนั่งก้มหน้าคอตกได้ยินคำพูดของ รพีพงษ์ รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที มองทางรพีพงษ์แบบใบหน้าเต็ม ไปด้วยความหัศจรรย์ ต่างคิดว่าตนเองฟังผิดไป

เจษฎินฺทธิ์และคนกลุ่มหนึ่งล้วนเบิกดวงตาโตเช่นกัน นึกไม่ ถึงว่าหลังจากที่พวกเขาเซ็นชื่อเสร็จ รพีพงษ์จะกล่าวคำพูดแบบนี้ ออกมา

แต่ว่าไม่นานเจษฎิสุทธิ์ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา สําหรับเขานั้น นี่ ไม่ใช่รพีพงษ์สร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาเท่านั้นเหรอ

“รพีพงษ์ นายอย่ามาหลอกลวงใครที่นี่เลย ทั้งบริษัทในตอนนี้ ไม่มีอะไรจะกินแล้ว คาดไม่ถึงนายยังอยากจ่ายเงินเดือนสามเท่า ให้คนอื่นอีก ฉันว่านายให้สัญญาจอมปลอมกับพวกเขามากกว่า ล่ะมั้ง ลูกไม้อย่างนาย ใช้การไม่ได้นานแล้ว หรือนายคิดว่าทุกคน เป็นคนโง่งั้นเหรอ?” เจษฎิทธิ์พูดเสียงเย็นชา

ด้านหลังเจษฎิสุทธิ์ คนที่เซ็นข้อตกลงลาออกเหล่านั้นล้วนไม่ เชื่ออย่างเต็มที่ ปัจจุบันนี้บริษัทไม่มีโครงการที่กำลังดำเนินการ อยู่เลย เดิมทีไม่มีกำไรอะไร ในสถานการณ์อย่างนี้ยังจะจ่ายเงิน เดือนสามเท่าให้พนักงานได้อย่างไรกัน
“ฟังเขาโม้ไปเถอะ นี่เป็นเพราะเขาเห็นว่าพวกเราลาออกกันแล้ว เลยอยากยั่วยุพวกเราไงล่ะ น่าเสียดายที่วิธีแบบนี้ของเขาช่างเบา ปัญญาเหลือเกิน คิดว่าพวกเราจะเชื่อจริงๆ เหรอ”

“หึๆ บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สทางนั้นให้เงินเดือนถึงสอง เท่า หรือนายคิดว่านายยังเก่งกาจกว่าบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเหรอ ยังจะมาจ่ายเงินเดือนให้สามเท่า น่าตลก”

“พวกคุณฟังคำพูดของเจ้าสวะนี้ไว้ ผมแนะนำให้พวกคุณรีบลา ออกเถอะ ตามคนที่ให้เพียงสัญญาจอมปลอมแบบนี้กับพวกคุณ ต่อ ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องเสียเปรียบ

คนที่ไม่ได้ลาออกเหล่านั้นต่างจ้องรพีพงษ์อย่างไม่เชื่อพอ สมควร เห็นได้ชัดคิดว่าที่รพีพงษ์บอกจะให้เงินเดือนสามเท่ากับ พวกเขาไม่สมจริงอยู่บ้าง

อารียาก็ดึงๆ แขนของรพีพงษ์เช่นกัน พูดเสียงเบา “รพีพงษ์ พวกเรามีเงินมาขึ้นเงินเดือนมากขนาดนั้นที่ไหนกัน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งตั้งสามเท่า นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ นะ

บนหน้ารพีพงษ์เผยรอยยิ้มที่หยอกเย้าออกมา เจษฎิพุทธิ์คน พวกนี้เซ็นสัญญาลาออกเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจําเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป ดังนั้นจึงบอกกับอารียา “เงิน คุณ ไม่ต้องกังวลหรอก ในเมื่อผมพูดแล้ว ต้องจ่ายออกไปให้ได้แน่

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้สำหรับบริษัทแล้ว ถือว่าเป็นวันที่คุ้มค่า ให้ฉลอง ดังนั้นผมคิดจะมอบเงินรางวัลหนึ่งแสนให้กับพวกคุณ ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ เป็นรางวัลให้กับความซื่อสัตย์ของพวกคุณ” รพี พงษ์พูดด้วยเสียงดังชัดเจน

จากนั้นเขาก็ปรบมือ ด้านนอกมีคนสองสามคนยกถุงกระสอบ เดินเข้ามา พวกเขานำถุงกระสอบวางไว้บนโต๊ะ หลังเปิดออก เผย ธนบัตรสีแดงด้านในออกมา แต่ละมัดๆ

หลังจากที่ทุกคนมองเห็นธนบัตรในกระสอบ ต่างตกใจกันไป ยกใหญ่ทันที ผู้คนไม่น้อยที่ลูกตาเกือบถดึงออกมา

เจษฎิพุทธิ์และคนกลุ่มหนึ่งที่เดิมหน้าตาหัวเราะเยาะล้วนแข็ง ค้างกันหมด ตกใจกับธนบัตรในกระสอบใบใหญ่นี้แล้ว กระสอบ ใหญ่ขนาดนี้ อย่างน้อยต้องมีหลายล้าน

เงินสดพวกนี้รพีพงษ์เป็นคนค้นออกมาจากในห้องทำงานของ ปิยังกูร ทรัพย์สินที่เป็นของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สกลายมาเป็นบริษัทของรพีพงษ์แล้ว ดังนั้น เงินพวกนี้ย่อมกลายเป็นของรพีพงษ์โดยธรรมชาติ
และทรพีพงษ์รับปากว่าจะเพิ่มเงินเดือนเป็นสามเท่าให้กับคน เหล่านี้ ก็เป็นเพราะเงินของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส ซึ่ง ยังถือว่ามีจํานวนค่อนข้างมาก ถึงแม้รพีพงษ์จะให้เธียรวิชญ์ ประกาศว่าบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สล้มละลาย แต่ว่าบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สไม่มีหนี้สิน เงินทุนบนหน้าบัญชียังไม่น้อย อีกด้วย

เงินพวกนี้ล้วนสามารถใช้ในการพัฒนาบริษัทของตระกูล ฉัตรมงคลได้ เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเหล่านี้เป็นสามเท่าเป็น เพียงเรื่องเล็กเท่านั้นเอง

รพีพงษ์เดินมาที่ตรงหน้ากระสอบถุงนั้น หัวเราะแล้วมองคนที่ ไม่ได้ลาออกเหล่านั้นทีหนึ่ง เอ่ยปากบอก “ตอนนี้คนที่ไม่ได้ลา ออกสามารถมารับเงินรางวัลหนึ่งแสนนี้ที่ผมได้ เงินเดือนสาม เท่าที่ผมรับปากพวกคุณก็จะต้องเป็นจริงแน่

บนหน้าของชายที่ช่วยอารียาพูดในตอนนั้นเผยท่าทางที่ตื่นเต้น ออกมา รพีพงษ์หยิบเงินในกระสอบใหญ่ขนาดนี้ออกมา เป็นไป ได้อย่างไรที่จะกำลังหลอกลวงพวกเขา ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นมา เป็นคนแรก เดินไปด้านหน้าของรพีพงษ์

รพีพงษ์หยิบเงินมัดหนึ่งขึ้น เงินมัดนี้หนึ่งแสนพอดี ยื่นให้ผู้ชาย คนนั้นไป ยิ้มบอก “ตั้งใจทำดีๆ ล่ะ”

ผู้ชายคนนั้นรีบพยักหน้าแล้วถือเงินกลับไปนั่งอย่างดีใจเต็มเยี่ยม

ทุกคนเห็นรพีพงษ์ให้เงินจริง ชั่วขณะนั้นต่างเปลี่ยนไปเป็นดีใจ ลุกขึ้นกันหมด แต่ละคนลุกขึ้นเดินเข้าไปที่รพีพงษ์ทางนั้น ทุกคน รับเงินหนึ่งแสนมาจากรพีพงษ์ตรงนั้น

เจษฎินฺทธิ์และคนกลุ่มนั้นที่ลาออกไปแล้วต่างอิจฉาตาร้อนกัน พวกเขาอยากเข้าไปรับเงินรางวัลหนึ่งแสนเช่นกัน แต่ทว่าตอน นี้พวกเขาไม่ใช่คนของบริษัทแล้ว พวกเขาในตอนนี้ เดิมที่ไม่มี สิทธิ์รับเงินก้อนนี้

“เจษฎิทธิ์ โทษนายนั่นแหละ ยุยงให้พวกเราลาออกกันนัก ตอนนี้คนหนึ่งได้เงินรางวัลหนึ่งแสน บริษัทจะล้มได้ยังไงกัน ฉัน เชื่อปีศาจอย่างนายไปแล้ว รู้แต่แรกไม่ควรฟังนายเลย” มีคนหนึ่ง พูดอย่างโมโหเดือดดาล

เจษฎิพุทธิ์ได้ยินคำพูดของคนนั้น รีบตอบโต้กลับ “เขาไม่ใช่ แค่ทำให้พวกคุณสับสนเท่านั้นเหรอ นี่จะต้องเป็นเงินก้อน สุดท้ายของบริษัทแล้ว ตอนนี้พูดให้ดูน่าฟังเท่านั้นแหละ พวก คุณไม่คิดดูหน่อย ตอนนี้สิ่งที่พุ่งเป้ามาที่บริษัทเป็นถึงบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส ถึงแม้ว่าเขาจะให้เงินรางวัลสองแสน บริษัทก็ไม่สามารถอยู่รอดต่อไปได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ไม่ แน่พวกคุณอยู่ที่นี่ต่อไป อาจถูกคนของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สจ้องเอาไว้ ต่อไปเกรงว่าจะหางานยากขึ้นกว่าเดิม
พอทุกคนฟังคำพูดของเจษฎิพุทธิ์ รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่หน่อย ความอิจฉาในใจเมื่อสักครู่ถึงถูกกดลงมา

ชายที่พูดแทนอารียาคนนั้นหัวเราะเยาะมองเจษฎิพุทธิ์ทีหนึ่ง เอ่ยปากบอก “ฉันว่านายนี่ไม่ได้ผลประโยชน์ก็เลยหาข้ออ้างมา ปลอบตัวเองล่ะมั้ง

ใบหน้าของเจษฎิพุทธิ์เต็มไปด้วยความโมโห พูดเสียงเย็นชา “ฉันมีอะไรให้ปลอบใจ ที่ฉันพูดหรือว่าไม่ถูกเหรอ สภาพของ บริษัทตอนนี้ แม้แต่โครงการพอเข้าท่ายังไม่มี นายว่ามาสิจะจ่าย เงินเดือนสามเท่าให้พวกนายยังไง นี่ไม่ใช่การพูดที่ไม่มีมูลความ จริงหรอกเหรอ?”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วเอ่ยปากบอก “เมื่อกี้ผมพูดไปแล้วว่าวันนี้เป็น วันดีของบริษัท ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล”

ขณะพูดรพีพงษ์ก็หยิบสัญญาปึกหนึ่งจากในมือคนที่ตามเข้า มาด้วยกัน วางไว้บนโต๊ะพลางบอกว่า “นี่คือโครงการส่วนหนึ่งที่ บริษัทรับมาใหม่ ประมาณสิบกว่าชิ้นมั้ง ในนั้นมีสองสามอันเป็น ระดับโครงการนั้นของบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป มีโครงการพวกนี้อยู่ น่าจะไม่ต้องกังวลเรื่องให้เงินเดือนพวกเขามั้ง”

รพีพงษ์พูดจบ อารียากับคนในบริษัทที่ไม่ได้ลาออกเหล่านั้นก็ รีบเข้ามาดูสัญญาพวกนี้ หลังแน่ใจว่าสัญญาพวกนี้เป็นของจริง ต่างเผยอาการตกใจ นทันที ยากจะเชื่อกันอยู่บ้าง

“โอ้มายก็อด คาดไม่ถึงว่าสัญญาพวกนี้เป็นของจริงทั้งนั้น เวลา นี้บริษัทมีความหวังแล้ว” ชายคนนั้นที่ช่วยอารียาพูดเอ่ยปากขึ้น

เจษฎิพุทธิ์และคนกลุ่มหนึ่งต่างตกใจกันใหญ่ นึกไม่ถึงว่ารพี พงษ์ไม่เพียงนำเงินสดกระสอบหนึ่งมา ตอนนี้ยังนำสัญญามาก ขนาดนี้กลับมาด้วย นี่เทียบกับที่พวกเขาคิด ไม่เหมือนกันโดยสิ้น เชิง

“นี่เป็นไปไม่ได้ บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลถูกบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สพุ่งเป้าแล้ว เดิมทีไม่อาจมีบริษัทไหนกล้า ร่วมงานกับบริษัทของตระกูลฉัตรมงคล นายจะมีสัญญามาก ขนาดนี้ได้ยังไง” เจษฎิพุทธิ์ถามอย่างสงสัย

รพีพงษ์หัวเราะแล้วบอกว่า “ใครบอกนายว่าถูกบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สพุ่งเป้า บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลจะรับ โครงการไม่ได้แล้ว ตอนนี้บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สแค่ตัว เองยังยากจะรักษาไว้ ยังมีกะจิตกะใจมายุ่งกับบริษัทของตระกูล ฉัตรมงคลที่ไหนกัน

“นายกำลังพูดจาเหลวไหลอะไร เป็นไปได้ยังไงที่บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สยากจะรักษาตนเองเอาไว้ นี่ต้องเป็นนาย แต่งเรื่องออกมา เชอะ นายอยากให้พวกฉันติดกับล่ะสิไม่มีทาง” เจษฎิพุทธิ์ยังคงไม่เชื่อในคำพูดของรพีพงษ์

รพีพงษ์ยักไหล่ให้เขา หันหน้ามองทางคนของบริษัท พูดเสียง ดังกังวาน “ทุกท่าน สัญญาพวกนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข่าวดี ที่ผมจะประกาศวันนี้เท่านั้น อีกไม่นานจะมีเงินทุนก้อนใหญ่เข้า มาสู่บริษัท ถึงตอนนั้นบริษัทจะมีการก้าวกระโดดเชิงคุณภาพ การเติบโตของพวกคุณทั้งหมดล้วนจะเปลี่ยนไปมีอนาคตยิ่งขึ้น เงินเดือนสามเท่าเป็นเพียงนิมิตหมายอันดีเท่านั้น ผลประโยชน์ แท้จริงยังอยู่ด้านหลังล่ะ”

ใบหน้าของคนพวกนั้นที่ไม่ได้ลาออกเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ปรบมือขึ้นมาทันที

เดิมทีเจษฎิพุทธิ์อยากพูดโต้กลับบางอย่าง ในเวลานี้คนหนึ่งที่ อยู่ด้านหลังของเขามองมือถือของตนเองแวบหนึ่ง ได้รับข่าวสาร ใหม่ที่ส่งเข้ามา จากนั้นคนนั้นก็ร้องตกใจขึ้น

“เมื่อ……เมื่อกี้บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สประกาศล้มละลาย แล้ว โอ้มายก็อด นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย ทำไมถึงเชื่อคำพูด ของคนโง่เง่าอย่างแกได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ