แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่543 บริจาคให้มหาลัยพันล้าน



บทที่543 บริจาคให้มหาลัยพันล้าน

บทที่543 บริจาคให้มหาลัยพันล้าน

สถานการณ์ด้านหน้าตึกเริ่มตึงเครียดขึ้นมา ทุกคนไม่คาด คิด ว่าผดุงสิทธิ์จะพูดแบบนี้ออกมาได้

เพื่อออกหน้าแทนรพีพงษ์ ผดุงสิทธิ์ไม่เสียดายที่จะให้ อธิการบดีไล่เขาออกไปด้วย นี่มันทําให้ทุกคนตะลึงได้อย่าง จริงๆ

นิษฐาหนึ่งในคนหมู่นั้นเห็นดังนี้ ก็ไม่เข้าใจ พึมพำว่า “ผู้ อ่านวยการผดุงสิทธิ์บ้าไปแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะทําผิดต่อ ตระกูลพงศ์ธนธดาเพื่อไอ้นั่น นี่มันหาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ”

“แล้วครั้งนี้ฉันก็ได้รับทุนของตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าเป็น เพราะรพีพงษ์ แล้วตระกูลพงศ์ธนธดายกเลิกทุนล่ะก็ ฉันจะ เกลียดเขาอย่างมาก”

ขนมปังคิดว่าจะตัดการเรื่องนี้ได้ง่ายๆ กลับไม่คาดคิดว่าจะ มีคนรับหน้าแทนไอ้โรคจิตนั่นด้วย แล้วยังยืนหยัดอีก นี่ค่อน ข้างอยู่เหนือความคาดหมายของเธอ

เธอรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนดูถูก ผู้อำนวยการบ้าบอไม่ใส่ใจ คำพูดเธอเลย ทำให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ในเมื่อไอ้แก่พูด แบบนี้ งั้นตอนนี้ถึงแม้คนเหล่านี้จะคุกเข่าขอร้องเธอ เธอก็ไม่มี ทางให้เรื่องนี้จบง่ายๆเป็นแน่
“เหอะ พวกคุณหาเรื่องเองนะ จากวันนี้เป็นต้นไป ทุนการ ศึกษาที่ตระกูลพงศ์ธนธดาให้มหาวิทยาลัยฟูต้นไว้นั้น ยกเลิก ทั้งหมด โดยไม่มีข้อแม้ แม้พวกคุณจะรู้สึกผิด ก็อย่ามาหา พวกเราอีก!”

พูดจบ ขนมปังก็หันหลังอย่างโมโห พาการ์ดเหล่านั้นออกไป จากมหาลัย

พรรธน์ยศตะโกนตามหลังขนมปัง ขนมปังไม่สนใจเขา ออก ไปจากมหาลัยโดยตรง

ทุกคนเริ่มถกเถียงกันเพราะเรื่องนี้ หนึ่งในนั้นส่วนใหญ่โทษ รพีพงษ์ เพราะเรื่องนี้เป็นเพราะรพีพงษ์ ทุนการศึกษาส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้รับเพราะเหตุผลนี้แล้ว

“รพีพงษ์นี่ชั่งน่าเกลียดจริงๆ เพราะเขา ทุนการศึกษาของเรา จึงไม่มีแล้ว”

“แม่ง ฉันยังคิดอยู่ว่ารอให้เงินทุนการศึกษาออกแล้วจะซื้อชุด ให้แม่สักหน่อย ต้องโทษไอ้น่ารังเกลียดรพีพงษ์นี่ ชั่งน่าโมโห จริงๆ”

“ไอ้คนขี้ขลาด ให้ผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์ออกหน้าแทน ไม่รู้ ว่าหมุนหัวไปไหน ฉันว่าเราต้องไปหามันให้เจอ ให้เขาไปยอม รับผิดกับตระกูลพงศ์ธนธดา อย่างน้อย ต้องให้เขาเอาทันการ ศึกษาของเรากลับคืนมา!”
พรรธน์ยศหันไปมองผดุงสิทธิ์ กัดฟัน แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “คุณมึนไปแล้วจริงๆ!

พูดจบ เขาก็หันหลังไป แล้วจากไปด้วยความโกรธ

มโนชาเดินไปข้างๆผดุงสิทธิ์ ถามอย่างเป็นห่วงว่า “ผู้อำนวย การ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”

ผดุงสิทธิ์หันไปหาเธอ สายหัวแล้วกล่าว “ผมไม่เป็นไร เพียง แค่คนพวกนี้ร้งแกคนเกินไป คาดไม่ถึงว่าจะเหยียดหยามคุณ รพีได้ขนาดนี้ พวกเขาริดว่าตัวเองมีอำานาจมากทุกคนต้องฟัง พวกเขา เรื่องนี้ผมไม่มีทางเปลี่ยนฝั่ง และผมก็เชื่อว่าคุณรพี ไม่ใช่คนแบบนั้น” มโนชาพยักหน้าให้ผดุงสิทธิ์ เห็นด้วยกับคำ พูดของผดุงสิทธิ์อย่างมาก

ณ ห้องประชุมมหาลัย

ตอนที่รพีพงษ์เดินมาถึงประตูของห้องประชุม ได้ยินด้านใน

ทะเลาะกันเสียงดัง

วันนี้ที่ขนมปังพาคนมา เพราะตอนนั้นรพีพงษ์อยู่ที่บริษัทลาน คอนกรุ๊ป ดังนั้นจึงไม่เห็น เมื่อเขากลับมา ขนมปังก็ได้พาคน กลับไปนานแล้ว

จากนั้นเขาได้รับโทรศัพท์จากมโนชา ให้เขามาที่ห้องประชุมของมหาลัย จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และความ คิดเห็นของอาจารย์และนักศึกษาในวันนี้ให้รพีพงษ์ฟัง

รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่าสาวใช้ที่ติดตามอารียานั้นจะร้ายกาจได้ ขนาดนี้ ไม่เพียงจะให้เขาอับอายขายหน้าต่อหน้าคนทั้งมหา ลัย แต่ยังเอาเรื่องทุนการศึกษามาขู่อธิการบดีมหาลัยอีกด้วย ทำให้ภาพพจน์ของตระกูลพงศ์ธนธดาในสายตาเขา ลดลงไป

เพิ่งมาถึงประตูห้องประชุม รพีพงษ์ได้ยินคนด้านในถกเถียง กันอยู่ เกี่ยวกับทุนการศึกษา

การที่ตระกูลพงศ์ธนธดายกเลิกทุนการศึกษา มีผลกระทบ อย่างมากกับมหาลัย มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยร้องเรียนกับทาง มหาลัยแล้ว ถ้าพวกเขาจะปิดการต่อต้านของเหล่านักศึกษา ได้นั้น ต้องใช้เงินจากบัญชีมหาลัยใช้เป็นทุนการศึกษา แต่ ทว่ากองทุนของตระกูลพงศ์ธนธดาทั้งหมดคือสามร้อยล้าน แม้บัญชีมหาลัยจะมีเงิน ก็ไม่มีทางให้ทุนการศึกษาได้มาก ขนาดนั้น

รพีพงษ์ยืนฟังอยู่ที่ประตูสักครู่ จากนั้นก็เปิดประตูเดินเข้าไป

ห้องประชุมที่ดังโวกเวกโวยวายทันใดนั้นก็เงียบสงบลง และ รพีพงษ์ได้เห็นผดุงสิทธิ์กำลังถกเถียงกับคนอื่นอยู่ เห็นชัดเจน ว่าเขากำลังโดนรุม
พรรธน์ยศเห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา ใบหน้าที่บึงอยู่แล้วกลับบึ้ง ขึ้นไปอีก เขาไม่คาดคิดว่าอาจารย์อคันตุกะที่ผดุงสิทธิ์เชิญมา นั้น จะวัยรุ่นขนาดนี้ นี่มันไร้สาระชัดๆ

“คุณคือรพีพงษ์? คุณรู้หรือเปล่าว่าเพราะคุณ ทําให้ทางมหา ลัยเสียหายอย่างมาก? ตอนนี้พวกเรากำลังระดมความคิด คุณ ในฐานะตัวการหลัก ลองว่ามา ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง” พรรธน์ยศกล่าวอย่างอารมณ์เสีย

ผดุงสิทธิ์กล่าวทันใดว่า “รพีพงษ์ เรื่องนี้คุณไม่ได้ทําผิดอะไร แต่ตระกูลพงศ์ธนธดารังแกคนเกินไป เพราะตระกูลพงศ์ธนธ ดายกเลิกทุนการศึกษา จึงปัดความรับผิดชอบมาให้คุณ แต่ คุณไม่ต้องกังวล คุณคือคนที่ผมเชิญมา ความรับผิดชอบ ทั้งหมด ผมจะรับมันไว้เอง” รพีพงษ์ได้ยินผดุงสิทธิ์พูดแบบนี้ ก็ รู้สึกซาบซึ้งใจ คนดีๆแบบนี้ มีไม่มากแล้ว

แต่รพีพงษ์มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก ดังนั้นผดุงสิทธิ์จึงไม่ จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆ

พรรธน์ยศได้ยินคำพูดของผดุงสิทธิ์ สองมือก็สั่นอย่างบังคับ ไม่อยู่

“เรื่องนี้เขาไม่ผิดได้อย่างไรกัน! ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ตระกูล พงศ์ธนธดาจะยกเลิกทุนการศึกษาได้ไงกัน ไม่งั้นนักศึกษา ด้านล่างจะร้องเรียนมากขนาดนี้ได้ไง ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาที่ ต้องให้ทุนการศึกษาแล้ว จะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ ตั้งแต่แรกได้ ไงกัน ถ้าไม่ให้ทุนการศึกษาเหล่านี้ พวกนักศึกษาจะคิดยังไง มันจะกระทบมหาลัย คุณพูดว่าไม่ได้ทำผิด งั้นทุนการศึกษาที่ต้องให้กับนักศึกษา คุณจ่ายไหม” พรรธน์ยศตะคอก ไปที่ผดุงสิทธิ์

ผดุงสิทธิ์พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดี ได้แต่เงียบ

ถึงแม้เขาคิดว่ารพีพงษ์ไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ให้เขาจ่ายทุน การศึกษาที่ขาดไป เกรงว่าเงินเดือนที่เขาเก็บมาหลายปีนี้ ก็ ยังไม่พอ

เห็นผดุงสิทธิ์ไม่พูดอะไรต่อ พรรธน์ยศหันไปมองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “พวกเราตกลงกันได้แล้ว เรื่องนี้ เป็นเพราะคุณ ทำไมคุณถึงได้ไปพูดคำนั้นต่อหน้าคุณหนูของตระกูลพงศ์ ธนธดา พวกเรามิอาจทราบได้ แต่เช่นเดียวกัน มหาลัยของเรา ไม่ควรต้องรับกรรมของการกระทำที่คุณทำไว้”

“ดังนั้นคุณต้องไปรับผิดกับคุณหนูของตระกูลพงศ์ธนธดา แล้วทำตามข้อเรียกร้องของเค้า ยอมรับการลงโทษ ร้องขอ ให้พวกเขาจ่ายทุนการศึกษาอีกครั้ง มีเพียงวิธีนี้ ที่จะชดเชย ความผิดของคุณได้

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของพรรธน์ยศ ก็ยิ้มออกมา แล้ว กล่าว “ผมไม่ผิด ทำไมต้องชดใช้?”

ในที่ประชุม นอกจากผดุงสิทธิ์ คนที่เหลือตกใจ มองไปที่รพี พงษ์อย่างคิดไม่ถึง

“คุณ…คุณไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า! คุณวิ่งไปด้านหน้าของคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาแล้วบอกว่าเธอคือภรรยา คุณ ตอนนี้ยังพูดว่าตัวเองไม่ผิดอย่างไม่อายปากอีก นี่มัน เข้าขั้นหน้าด้านแล้วนะ เห็นได้น้อยมากในชีวิตนี้!” พรรธน์ยศ โมโหเกรี้ยวกราด

คนที่เหลือก็ว่ารพีพงษ์ตามๆกัน ล้วนรู้สึกว่ารพีพงษ์หน้าด้าน

“คนนั้นเป็นภรรยาของผมจริงๆ ท่าไมถึงกลายเป็นพูดได้ไม่ อายปากได้ล่ะ” รพีพงษ์ถามกลับ

ครั้งนี้พรรธน์ยศไม่รู้จะตอบรพีพงษ์อย่างไรดี เขารู้สึกว่าคนนี้ ชั่งไม่มีเหตุผลเสียจริงๆ

ผดุงสิทธิ์ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมรพีพงษ์ต้องพูดว่าคุณหนู ตระกูลพงศ์ธนธดาเป็นภรรยาของเขา หรือเรื่องนี้ มีสิ่งใด แอบแฝงที่พวกเขาไม่รู้อีกอย่างนั้นหรอ?

“เรื่องนี้ ตระกูลพงศ์ธนธดาหาเรื่องก็เท่านั้น พวกเขาให้สาว ใช้มา ทําลายชื่อเสียงของผม ผมไม่คิดบัญชีกับพวกเขา ก็ ถือว่าไม่เลวแล้ว ตอนนี้ยังให้ผมไปยอมรับผิดกับคนของ ตระกูลพงศ์ธนธดา ตลกไปเปล่า” รพีพงษ์พูดต่อ

พรรธน์ยศมองรพีพงษ์ด้วยความโกรธ แล้วถาม “ได้ยินผู้ อำนวยการผดุงสิทธิ์บอกว่า คุณเป็นคนต่างถิ่น? เกรงว่าคุณ ยังไม่รู้ว่าสถานะทางสังคมของตระกูลพงศ์ธนธดาในเมือง เซี่ยงไฮ้นั้นเป็นอย่างไร?”
“ทราบครับ” รพีพงษ์ตอบ

ในเมื่อรู้ คุณก็ไม่ควรเป็นศัตรูกับตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าเป็น แบบนี้ต่อไป คุณก็มีแต่ตายกับตาย ตอนนี้พวกเรากำลังช่วย คุณอยู่ คุณเข้าใจไหม?” พรรธน์ยศกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

รพีพงษ์ถอนหายใจ เขารู้ดี ผู้บริหารมหาลัยเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ ในระดับเดียวกับเขา ดังนั้นไม่ว่าจะพูดยังไง คนพวกนี้ก็ไม่มี ทางเข้าใจเขาได้

แบบนี้ สู้หาทางออกที่ง่ายดายดีกว่า

เรื่องของตระกูลพงศ์ธนธดา ท่านผู้บริหารทั้งหลายไม่ต้อง เป็นห่วง และผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ด้วย เรื่องนี้ ผมจะไปหาตระกูลพงศ์ธนธดาเอง สิ่งที่อธิการบดี เป็นกังวลคือ เรื่องของทุนการศึกษา ผมพูดถูกไหม? รพีพงษ์ กล่าว

เมื่ออธิการบดีได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็พยักหน้าอย่างไม่ พอใจ แล้วกล่าว “ใช่ หลายปีมานี้ตระกูลพงศ์ธนธดาช่วยมหา ลัยของเราไม่น้อย ถ้าไม่มีกองทุนนี้ สำหรับมหาลัยแล้วจะเป็น เรื่องที่เสียหายอย่างมาก”

“หรอ? ทุนการศึกษาที่ตระกูลพงศ์ธนธดาให้ไว้ ทั้งหมดเท่า

ไหร่? รพีพงษ์ถาม
“สามร้อยล้าน ทำไม หรือคุณจะออกเงินสามร้อยล้านนี่เอง

หรอ?” พรรธน์ยศกล่าวอย่างสงบ

เหล่าผู้บริหารที่นั่งรอบๆก็หัวเราะตามขึ้นมา จํานวนสามร้อย ล้านน เพียงพอที่จะทำให้รพีพงษ์ตกใจได้แน่นอน

รพีพงษ์คิดว่าแค่สามร้อยล้านเอง เป็นเรื่องเล็กๆเท่านั้น ผู้ บริหารเหล่านี้กำลังปวดหัวเกี่ยวกับเงินสามร้อยล้าน ชั่งทำ เรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ

“เอาแบบนี้ล่ะกัน ผมบริจาคให้มหาลัยพันล้าน เป็นทุนการ ศึกษาเช่นกัน ทุนทีพวกคุณสัญญาไว้กับนักศึกษาก็ยังคงให้ ตามเดิม แล้วเพิ่มอีกเท่าตัว เอาจากพันล้านที่ผมบริจาคให้ว่า ไง?” รพีพงษ์กล่าว

เมื่อผู้บริหารเหล่านั้นที่กำลังหัวเราะอยู่ได้ยินคำพูดของรพี พงษ์ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคออยู่อย่างไรอย่างนั้น รอยยิ้ม ดูแคลนบนใบหน้าหายไปในทันใด แทนที่ด้วยความนิ่ง

“เด็กนี่สติมันดีอยู่ใช่ไหม? ยังอยากบริจาคเงินให้มหาลัยอีก พันล้าน คิดว่าเงินปลิวมาตามลมหรือไง”

“เอิ่ม ผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์มีนแล้วจริงๆ ที่เชิญเซียนมาที่ มหาลัย นี่มันสร้างปัญหาให้มหาลัยชัดๆ”

“ชั่งคุยโวโอ้อวดจริงๆ ตระกูลพงศ์ธนธดาเค้าใหญ่ขนาดนี้ ให้ มหาลัยแค่สามร้อยล้าน เขาอ้าปากก็พันล้าน เห็นเราเป็น
เด็กสามขวบหรือไง”

ผดุงสิทธิ์จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างตะลึง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะ บริจาคให้มหาลัยพันล้าน

ตัวเลขนี้ สำหรับคนกินเงินเดือนนั้น เป็นยอดเงินที่มหาศาล เหลือเกิน

“ถึงขนาดนี้แล้ว คุณอย่ามาล้อเล่นกับผมอีกเลย วิธีที่โอเค ที่สุดในตอนนี้ ก็คือคุณไปขอโทษคนของตระกูลพงศ์ธนธดา แบบนี้ถึงจะสามารถให้ตระกูลพงศ์ธนธดาให้เงินทุนต่อ” พรร ธน์ยศกล่าว

“ผมไม่ได้ล้อเล่น พวกคุณรอสักครู่”

รพีพงษ์พูดไปหนึ่งประโยค จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมา กด เบอร์เบอร์หนึ่ง

หลังจากที่สั่งการไปแล้ว รพีพงษ์วางสาย ยิ้มให้พรรธน์ยศ แล้วกล่าว “พันล้าน พูดจริงทำจริง”

พรรธน์ยศไม่เชื่อคำพูดของรพีพงษ์ รู้สึกเพียงแค่วัยรุ่นที่อยู่ หน้าเขาตอนนี้สมองน่าจะมีปัญหาจริงๆ
แต่ไม่นาน อาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งของฝ่ายบัญชีบวิ่งมา อย่างร้อนรน ตะโกนไปที่พรรธนิยศ “ท่านอธิการบดี เมื่อก็มี บัญชีนิรนามโอนเข้าในบัญชีจำนวนพันล้าน บอกว่าในนามรพี พงษ์ บริจาคให้มหาลัย พวกเราคงไม่โดนแฮ็คหรอกใช่ไหม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ