แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่136 คนที่นั่งในรถคือใครกัน



บทที่136 คนที่นั่งในรถคือใครกัน

“ขึ้นรถเถอะ รพีพงษ์เดินไปเปิดประตูรถ แล้วพูด กับอารียา

อารียายังคงยืนตะลึงอยู่ที่เดิม ยังคงตกอกตกใจ

รพีพงษ์เห็นท่าทีของเธอ จึงหัวเราะขึ้น แล้วพูด ว่า”ถ้ายังไม่ขึ้นรถอีกจะไปสายเอานะ”

อารียาถึงได้สติกลับคืน แล้วรีบพยักหน้า ก้าวขึ้น

ไปนั่งบนรถหรู

นี่เป็นครั้งแรกที่อารียาได้นั่งรถหรูขนาดนี้ เธอมอง รอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ

“รพีพงษ์ คุณทำได้ไงคะ”จู่ๆอารียาถามขึ้น

“ทำอะไรได้ครับ”รพีพงษ์ถามกลับ

“ให้บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ส่งรถมารับไปงานเลี้ยงอา

หารค่ำน่ะค่ะ”อารียามองรพีพงษ์ เธอมักรู้สึกว่า รพีพงษ์มีเรื่องลึกลับเสมอ เยอะจนนับไม่ถ้วน

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น อาจจะเพราะว่าไม่กี่วันก่อนลูกชายเขาทำผิด เขาเลยรู้สึกผิดมั้ง”

อารียารู้อยู่แก่ใจว่าเป็นข้ออ้างของรพีพงษ์ แค่รพี พงษ์ไม่อยากบอก เธอเองก็ไม่กล้าถามมาก

สถานที่ๆบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์จัดงานเลี้ยง อยู่ ในสวนของคฤหาสน์ตระกูลกุลสวัสดิ์ พื้นที่บ้าน ตระกูลกุลสวัสดิ์ใหญ่โต เป็นคฤหาสน์ที่ค่อนข้าง มีอายุ ด้านในยาวและลึก มีสวนหย่อมมากมาย บรรยากาศรื่นรมย์ เพียงพอให้คนพักอาศัยทั้ง ตระกูล

งานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้จัดอยู่ในสวนหลัก ส่วน หลักมีพื้นที่กว้างขวาง ทะลุปรุโปร่ง รอบๆเป็น ระเบียงทางเดิน ในเวลานี้ทั้งสวนมีแต่อาหารและ เครื่องดื่ม มีไฟประดับมากมาย ทำให้สวนดูมี บรรยากาศงานเลี้ยงขึ้นมาทันที

คนรถขับรถหรูมาถึงหน้าคฤหาสน์ เวลานี้มีคน มารอจำนวนไม่น้อยรออยู่ งานเลี้ยงต้องรออีกสัก ประเดี๋ยวถึงจะเริ่ม พองานเลี้ยงเริ่มแล้ว พวกเขาจึง ได้เข้ามาในงาน

นกที พาคนบ้านฉัตรมงคลมาถึงนานแล้ว ตอนนี้ กำลังคุยอยู่กับคนโดยรอบ
หลังจากที่ทุกคนเห็นรถหรูคันนั้น สายตาต่างก็จับ จ้องเข้าไปในรถ

“ รถคันนั้นเป็นรถของประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์นี่นา ดูท่า ออกไปรับอาคันตุกะนะ”คนข้างๆ

นกทีป์คนหนึ่งพูดขึ้น

พวกนาที มองไปบนรถอย่างชื่นชมปนอิจฉา ไม่รู้ ว่าต้องเป็นอาคันตุกะระดับไหนกันนะถึงมีสิทธิได้นั่ง

รถประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์

เนื่องจากกระจกรถไม่ใส ดังนั้นผู้คนจึงมองไม่เห็น ว่าข้างในเป็นใคร

“ คุณปู่ครับ คุณปู่ว่าข้างในจะเป็นใคร”ธายุกรถาม

“แน่นอนว่าเป็นคนสำคัญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ของตระกูลกุลสวัสดิ์”นาทีป์เอ่ยปาก

เขาเองก็รู้สึกชื่นชมปนอิจฉาคนที่นั่งบนรถ ในใจ คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะมีวาสนาได้นั่งรถ

แบบนี้ไหม

“ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสามีฉันในอนาคตก็ได้ ทั้งเมืองริเวอร์ จะมีใครที่ประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์ให้ความ สำคัญ”ชรินทร์ทิพย์ที่อยู่ข้างๆพูด

นกทีป์จ้องชรินทร์ทิพย์ ตอนนั้นหลังจากที่เขา บันดาลโทสะใส่ชรินทร์ทิพย์ ก็สงสัยว่าที่คนอื่นให้ ของกำนัลมา ไม่ได้เป็นเพราะชรินทร์ทิพย์

ชรินทร์ทิพย์เห็นแววตานภทีป์ ในใจก็เดือดดาล ปน พึมพำ”หึ ทุกคนอิจฉาฉัน สักวันสามีฉันต้องปรากฏ ตัว ถึงเวลาจะตบหน้าทุกคนแรงๆเลย! ”

จนกระทั่งรถหรูเลี้ยวเข้าคฤหาสน์ตระกูลกุลสวัสดิ์ อารียาเห็นสายตาคนนอกรถเต็มไปด้วยความชื่นชม และอิจฉา ในใจรู้สึกใจหาย

โดยเฉพาะตอนที่เห็นในบรรดาคนที่ส่งสายตา ชื่นชมมา เป็นนกทีป์ จู่ๆในใจอารียาก็ รู้สึก

ผ่อนคลาย

เธอมองรพีพงษ์ ค้นพบว่ารพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจ สายตานอกรถแม้แต่น้อย ราวกับว่าการที่เขานั่งรถ คันนั้นเป็นเรื่องสมควรนักหนา

ตกลงต้องมีเบื้องหลังขนาดไหน รพีพงษ์ถึงได้เป็น ขนาดนี้
รถจอดอยู่กลางสวน กุนลโรจน์ได้รอต้อนรับอยู่ ตรงนั้นแล้ว พอเห็นรพีพงษ์ลงรถมา ก็

รีบรุดหน้าไปต้อนรับ โค้งคำนับให้

“คุณ.

รพีพงษ์ส่งสายตาให้ กุนลโรจน์สังเกตเห็น จึงรีบ เปลี่ยนคำขาน

“คุณรพีพงษ์ มาแล้วหรือครับ

รพีพงษ์พยักหน้า

อารียาก้าวตามลงจากรถ กุนลโรจน์ยิ้มให้เธอพอ อย่างเป็นมารยาท พร้อมพูดขึ้นว่า

คุณนายรพีพงษ์ครับ คราวที่แล้วลูกชายกระผม เป็นผู้ผิด ผมได้อบรมสั่งสอนเขาแล้วนะครับ หวัง ว่าคุณนายผู้มีน้ำจิตน้ำใจอันกว้างขวาง จะไม่ถือสา หาความ

อารียามองกุนลโรจน์ด้วยความตกตะลึง คิดไม่ ถึงว่าเขาจะมีท่าทีที่ดีต่อตนขนาดนี้ ไม่มีมาดของ ประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์เลยแม้แต่น้อย
หรือเป็นเพราะลูกชายของเขาลวนลามเธอ

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เป็นครั้งแรกที่อารียา จะได้ยินคนเรียกขานเธอว่าคุณนาย

รพีพงษ์ ก็รู้สึกแปลกๆ

“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะครับ ประเดี๋ยวงาน เลี้ยงอาหารค่ำก็จะเริ่ม พวกเราเข้าไปพักผ่อนกัน ก่อนเถอะ ด้านในมีคนรออยู่สองสามคนแล้ว”กุนล โรจน์เปิดปากพูด

รพีพงษ์พยักหน้า เขากับอารียา ภายใต้การนำทาง ของกุนลโรจน์ จึงเข้าไปในห้องโถง ใหญ่อัน กว้างขวางแห่งหนึ่ง ด้านในมีตู้โชว์วางเรียงรายอยู่ สองสามตู้ ในตู้มีโบราณวัตถุวางโชว์อยู่หลายชิ้น

กุนลโรจน์ก็เป็นนักสะสมของเก่าคนหนึ่งเช่นกัน

ด้านในห้องโถงมีคนนั่งคอยอยู่สองสามคน อายุรุ่น ราวคราวเดียวกับกุนลโรจน์ คนเหล่านี้ต่างก็พาลูก หลานมาเปิดหูเปิดตาเช่นกัน

“ทุกท่านครับ ผมขอแนะนำ นี่คือคุณรพีพงษ์ที่ผม ได้บอกทุกท่านเอาไว้ และท่านนี้ก็คือภรรยาของ เขา”กุนลโรจน์เปิดปากพูดกลุ่มคนหันหน้าไปมองรพีพงษ์กับอารียา เห็นว่ารพี พงษ์กับอารียายังอายุน้อย จึงเกิดความรู้สึกดูแคลน ขึ้นมา

คนที่กุนลโรจน์เชิญมาล่วงหน้า มีใครบ้างที่ไม่ใช่ บุคคลสำคัญระดับประเทศ คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่มี ประสบการณ์ในวงการต่างๆ อายุของรพีพงษ์ก็น่าจะ เพียงรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเขา พวกเขาต้อง เกิดความดูแคลนแน่นอน

“พี่กุนลโรจน์ พ่อหนุ่มคนนี้อายุน่าจะราวๆยี่สิบกว่า มั้ง ดูจากอายุของเขา น่าจะเป็นได้แค่ลูกศิษย์ลูก หาพวกเรา แต่พี่กลับบอกว่าเขาเป็นแขกคนสำคัญ ของงานนี้ คงไม่ได้เล่นตลกอะไรกับพวกเราหรอก นะ”ชายผู้มีเครากล่าวขึ้น

กุนลโรจน์รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา ในใจคิดว่าร พงษ์เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเมืองเกียวโต เชียวนะ จะอายุน้อยแค่ไหน ก็เอาไปเปรียบเป็นลูก ศิษย์ไม่ได้หรอก

แต่ก่อนหน้าที่โยษิตาได้เคยบอกไว้ ว่าห้ามเปิดเผย สถานภาพของรพีพงษ์ ดังนั้นเขาเองก็เลยไม่รู้ว่า ควรจะทำอย่างไร

“ท่านอาจารย์จาง ท่านนี้เป็นแขกคนสำคัญของงานเลี้ยงคืนนี้ครับ”กุนลโรจน์เอ่ยขึ้น

“ท่านปู่กู่ ทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ มีทั้งประมุขของ ตระกูลสำคัญ ทั้งผู้นำในวงการธุรกิจ ผู้นำทางการ แพทย์ ส่วนอาจารย์ของผมเป็นปรมาจารย์อันดับ หนึ่งของเมืองริเวอร์ ในเมื่อคุณรพีพงษ์มายืนอยู่ ตรงนี้ได้ คิดว่าจะต้องแน่ระดับหนึ่งสินะครับ”ชาย หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆท่านอาจารย์จางคนหนึ่งเอ่ยปาก

พูด

ท่านอาจารย์ มีชื่อว่าจารุพิชญ์ เป็นนักพิสูจน์ โบราณวัตถุอันดับหนึ่งของเมืองริเวอร์ ขึ้นชื่อว่า ปรมาจารย์อันดับหนึ่งแห่งเมืองริเวอร์ ส่วนชายหนุ่ม คนนี้เป็นลูกศิษย์ของเขา ชื่อว่าจารุกิตติ์

จารุพิชญ์ได้ฟื้นตัวขึ้นจากเมืองริเวอร์ในไม่กี่ปีมานี้ เพราะเขาเป็นพี่ใหญ่ในวงการโบราณวัตถุ ไม่เพียง แต่หาเงินไม่น้อย แถมยังมีตำแหน่งที่สูงอีกด้วย

กุนลโรจน์ชอบโบราณวัตถุ ความสัมพันธ์กับจารุ พิชญ์เลยดีมาก ครั้งนี้จารุพิชญ์ก็ถือว่าเป็น คนสำคัญของงานเลี้ยงเช่นกัน

แขก

เป็นเพราะแบบนี้ ในฐานะศิษย์ของจารุพิชญ์ จึงมี ความหยิ่งยโสในใจ เมื่อเห็นกุนลโรจน์ เทียบ ชั้นรพีพงษ์กับคนระดับอย่างจารุพิชญ์ ในใจย่อมไม่สบอารมณ์

กุนลโรจน์ได้ฟังปัญหาของจารุกิตติ์ ฉับพลันรู้สึก พูดไม่ออก เขาจะไปรู้ได้ไงว่ารพีพงษ์แน่ที่ตรง ไหน ความแน่ของเขาคือเป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์ เมืองเกียวโต แต่ว่าเรื่องนี้จะบอก เขาก็ไม่ได้

นายเป็นแค่คนรุ่นลูก แต่กลับมาก้าวล้ำเรื่องของฉัน

กุนลโรจน์รู้สึกไม่พอใจ แต่ว่าจารุกิตติ์เป็นลูกศิษย์ ของจารุพิชญ์ เขาเองจะพูดอะไรมากก็ไม่ได้

“มาที่งานเลี้ยงของฉันก็ไม่ต้องแน่อะไรมากมาย หรอก แต่ฉันว่าคุณรพีพงษ์มีคุณสมบัติมากพอที่จะ มา จึงเชิญเขามา”กุนลโรจน์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

จารุกิตติ์ยิ้ม แล้วพูดขึ้น”ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ดูท่า คุณรพีพงษ์เนี่ยไม่น่าจะมีความสามารถพิเศษอะไร สินะ แค่เป็นที่ชื่นชอบของตระกูลกุลสวัสดิ์ ก็มาที่นี่ ได้แล้ว”

“จารุกิตติ์ จะให้ใครมาร่วมงานเป็นสิทธิของประมุข ตระกูลกุลสวัสดิ์ แกอย่าปากมาก”จารุพิชญ์พูดขึ้น

จารุกิตติ์ถึงได้หุบปากลง

กุนลโรจน์จัดแจงให้รพีพงษ์กับอารียานั่งลง แล้วยิ้มให้อย่างนอบน้อม

“คุณรพีพงษ์ครับ ลูกศิษย์ของท่านอาจารย์จาง นิสัยค่อนข้างโอหัง อย่าถือสาเลยนะครับ”กุนลโรจน์ เอ่ยปากพูด

“ไม่เป็นไรครับ รพีพงษ์ตอบ

อารียาเห็นนอกจากกุนลโรจน์ ท่าทีของคนในนี้ที่มี ต่อรพีพงษ์ไม่ค่อยดีนัก ในใจจึงเริ่มเชื่อสนิทว่ากุนล โรจน์เชิญรพีพงษ์มาจริงๆ อาจจะเป็นเพราะชดเชย ความผิดที่กุมุทก่อเอาไว้ วันนั้น

จารุกิตติ์จ้องมองรพีพงษ์กับอารียาครู่หนึ่ง รู้สึกว่า อารียาสวยจับใจ สาวสวยขนาดนี้ ต้องคู่ กับเขาสิถึง จะถูกต้อง

ในใจจึงคิดอิจฉารพีพงษ์

นอกจากนี้เขาเองก็พอจะเดาสถานภาพของรพี พงษ์ออก ตอนที่กุนลโรจน์กับจารุพิชญ์คุยกัน ได้มี การเอ่ยถึงรพีพงษ์ เขาจึงพอรู้เรื่องของรพีพงษ์อยู่

บ้าง

จารุกิตติ์กลอกลูกตา ยิ้มแล้วมองรพีพงษ์พูด ขึ้น“คุณรพีพงษ์ ไม่ทราบว่าชื่อสกุลเต็มอะไรครับ”
“รพีพงษ์ ลัดดาวัลย์”รพีพงษ์ตอบ

“ ผมได้ยินมาว่าในเมืองริเวอร์มีสวะอยู่คนหนึ่งที่ ชอบเกาะผู้หญิงกิน ชื่อรพีพงษ์เหมือนกัน น่าอึดอัด นะครับ คิดไม่ถึงว่าสวะนี่จะชื่อเดียวกับคุณรพีพงษ์ เลย อัปมงคลจริงๆ”จารุกิตติ์พูดแดกดัน

“ ผมคือรพีพงษ์คนนั้นที่คุณพูดถึงครับ คุณต้องการ จะแสดงอะไรหรือครับ”รพีพงษ์เห็น จารุกิตติ์พูด แดกดัน จึงถามไปตรงๆ

จารุกิตติ์ยิ้มให้แล้วพูด“แหม ขอโทษจริงๆนะครับ คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนที่ผมพูดถึงคนนั้นขออภัย นะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ

เห็นรพีพงษ์ยอมรับเอง จารุกิตติ์ยิ่งไม่เห็นหัวรพี พงษ์เข้าไปใหญ่ ที่แท้ก็ไอ้สวะนั่น ไม่รู้ว่าดวงขี้หมา อะไรของมัน ถึงได้รับเชิญงานเลี้ยงอาหารค่ำจาก ตระกูลกุลสวัสดิ์

ทุกคนที่อยู่ในงานต่างเป็นคนเมืองริเวอร์ เรื่องของ รพีพงษ์จะมากน้อยทุกคนรู้อยู่ พอได้ ฟังเรื่องรพี พงษ์ เขาก็แสดงสีหน้าดูแคลนออกมา

กุนลโรจน์เห็นทุกคนมีท่าทีแบบนี้ใส่รพีพงษ์ ในใจ ก็รู้สึกร้อนรน กลัวว่าเกิดไปสร้างความ ขุ่นเคืองให้รพีพงษ์อีก ทั้งหมดคงไม่มีจุดจบที่ดีแน่นอน

ดีที่รพีพงษ์ไม่ใส่ใจพวกเขา กุนลโรจน์เลยรู้สึกโล่ง ใจไปเปลาะหนึ่ง

“ใครๆต่างก็เขม่นใส่คุณรพีพงษ์ ท่านอาจารย์จาง ลูกศิษย์คุณคนนี้เป็นลูกศิษย์ที่คุณภาคภูมิใจมาก ที่สุดไม่ใช่เหรอ น่าจะเรียนรู้อะไรจากคุณเยอะนะ ผมมีของสะสมจำนวนไม่น้อย เอาออกมาสักชิ้น ให้ เขาช่วยดูหน่อยได้ไหม”กุนลโรจน์พูดแทรก

จารุพิชญ์หัวเราะขึ้น จารุกิตติ์เป็นลูกศิษย์ที่เขา ภาคภูมิใจที่สุดจริงๆแหละ

“ในเมื่อตระกูลกุลสวัสดิ์เอ่ยปากพูด จารุกิตติ์ แสดงฝีมือสักตั้งซิ”จารุพิชญ์กล่าว

จารุกิตติ์ก็คึกคักอย่างแสดงฝีมือ แถมยังมองไปที่

รพีพงษ์กับอารียา เขากำลังอยู่ในวัยคึกคะนอง ก็ อยากจะโชว์พาวต่อหน้าคนรุ่นเดียวกัน

“ครับ อาจารย์”

จารุพิชญ์หยิบแจกันชิ้นหนึ่งในตู้โชว์ออกมา แล้ว ยื่นให้จารุกิตติ์อย่างระมัดระวัง
มาดูประวัติความเป็นมาของเครื่องปั้นดินเผาใบนี้ เถอะ”จารุพิชญ์ยิ้มแล้วพูด

จารุกิตติ์จ้องไปที่แจกันใบนั้นแล้วตั้งใจวิเคราะห์

ทันที

จารุพิชญ์ก็จ้องเขม็งที่แจกันใบนั้นเช่นกัน แค่มอง ปราดเดียวก็รู้ประวัติความเป็นมาของแจกันใบนี้แล้ว แต่เพื่อให้โอกาสลูกศิษย์แสดงฝีมือ เขาจึงไม่พูด

อะไร

จารุกิตติ์ดูอยู่เป็นนานสองนาน จึงถามขึ้นด้วย ความตกตะลึง“นี่เป็นเครื่องปั้นดินเผาของชาวบ้าน ครับ ถ้าทายไม่ผิดน่าจะเป็นเครื่องปั้นดินเผาสมัย

หนานซ่ง เป็นแจกันทรงเว้า”

กุนลโรจน์ยิ้มขึ้นมาอย่างลำพองใจ พูดขึ้น ว่า “สายตานายไม่เลวเลยนี่ นี่เป็นแจกัน

เครื่องปั้นดินเผาชาวบ้านสมัยราชวงศ์ซ่งจริงๆ ดู แป๊บเดียวก็รู้ถึงประวัติความเป็นมา ดูท่านายได้ เรียนจากอาจารย์มาไม่น้อยเลยนะ”

จารุพิชญ์ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรมากมาย แม้ว่าจารุ กิตติ์จะตอบได้ถูกต้อง แต่มีบางจุดที่ยังพูดไม่ถูก

“เขาเพิ่งเรียนกับผมมาได้ไม่ถึงสองปี ฝีมือยังไม่เท่าไหร่ พี่กุนลโรจน์อย่าล้อเขาเล่นหน่อยเลย”จารุ พิชญ์เปิดปากพูด

จารุกิตติ์สีหน้าประหลาดใจ ทั้งที่ตนเองตอบถูก แท้ๆ ทำไมอาจารย์ยังดูไม่พอใจอีก

“ฮ่าๆ จะไปกล้าล้อเล่นได้ไงเล่า อายุแค่นี้ดูได้ ขนาดนี้ ก็ไม่ธรรมดาแล้ว วัตถุโบราณผมชิ้นนี้น่ะ ใครๆดูก็ตอบผิด”กุนลโรจน์กล่าว

จารุกิตติ์รีบพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์”ท่านตระกูล กุลสวัสดิ์ ไม่ทราบว่าผมพูดไม่ถูกตรงไหนหรือครับ”

“เป็นเครื่องปั้นดินเผาชาวบ้านสมัยซ่งไม่ผิดหรอก แต่ว่า…”กุนลโรจน์จะรีบอธิบายทันที

เวลานี้รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ข้างๆจึงรีบเอ่ยปากขึ้น“เป็น เครื่องปั้นดินเผาราชสำนักสมัยเป่ยซ่ง ใช้ในวังโดย เฉพาะ ไม่ปรากฏในหมู่ชาวบ้านหรอก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ