แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 49 คิดถึงคุณคิดถึงมาก



บทที่ 49 คิดถึงคุณคิดถึงมาก

บทที่ 49 คิดถึงคุณคิดถึงมาก

เมื่อ ธฤตญาณได้ยินคำพูดของ รพีพงษ์ดวงตา ก็เบิกกว้างทันที เปิดปากถามว่า “นายยังมีทักษะ ทางการแพทย์ด้วยเหรอ? ฉันแขนข้างนี้หาผู้ เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชั้นนำดูแล้ว พวกเขาต่าง ก็บอกว่าไม่มีหวังแล้ว ครั้งนี้ฉันฝืนใช้มากเกินไปอีก เกรงว่าต่อให้ฮว่าถัว(ปฐมาจารย์ศัลยแพทย์จีน)ยังมี ชีวิตอยู่ ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้”

รพีพงษ์พูดกลั้วหัวเราะ: “ฉันไม่ได้เชี่ยวชาญด้าน การแพทย์ แต่ฉันรู้จักหมอเทวดาคนหนึ่ง เขาจะต้อง มีวิธีรักษาแขนของพี่ให้หายได้แน่ๆ”

“หมอเทวดา?” ธฤตญาณผงะ เมื่อกี้เขาคิดว่ารพี พงษ์รู้ทักษะทางการแพทย์ กลับกลายเป็นว่าต้องให้ คนอื่นรักษาให้เขา

“ใช่ ทักษะทางการแพทย์ของคนคนนี้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะใช้คำว่าหมอ เทวดามาอธิบาย หลายปีก่อนฉันเคยช่วยชีวิตเขาเอา ไว้ ให้เขารักษาแขนให้พี่ข้างหนึ่ง ก็ไม่น่าจะยาก” รพี พงษ์เปิดปาก

ธฤตญาณลังเลขึ้นมาทันที เขาแน่นอนว่าไม่ ปรารถนาที่จะตัดแขนของตัวเองทั้ง ตราบเท่าที่มี แสงแห่งความหวังริบหรี่ เขาก็ยังอยากจะลอง

แต่เขาและ รพีพงษ์ได้พบกันโดยบังเอิญ การที่รพี พงษ์ช่วยเหลือเขาเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกละอายใจที่จะ ยอมรับ

เมื่อรพีพงษ์เห็นความลังเลของธฤตญาณ จึง ครุ่นคิด แล้วเปิดปากพูดว่า “ฉันไม่ได้หาคนมาช่วย รักษาพี่ฟรีๆ เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วว่า ฉันอยากให้พี่ ร่วมติดตามฉัน ถ้าฉันหาคนมารักษาแขนของพี่จน หายได้จริงๆ จากนั้นพี่ก็แค่ติดตามฉัน ถือว่าเป็นการ ตอบแทนให้ฉัน เป็นไง?”

ธฤตญาณครุ่นคิด ชีวิตของเขาตอนนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นคนพลัดถิ่น ทุกๆวันยังต้องระวังปัญหาจากเมืองกรีนโคล

ตอนนั้นเขาก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ แล้ว ถ้าหากว่าติดตามรพีพงษ์ บางทีรพีพงษ์อาจจะ ปกป้องคุ้มครองเขาได้จริงๆ

ตอนนี้เขาก็ยังไม่ถึงวัยกลางคน ถ้าจะให้เขาขาย เครปจีนไบร์ทลอดชีวิตจริงๆ ในใจเขาอันที่จริงก็ไม่ เต็มใจ

กลับไม่ดีเท่าติดตามรพีพงษ์วิ่งไปวิ่งมาสักพัก อาจ จะยังมีโอกาสได้สัมผัสถึงความรุ่งโรจน์ของเขาในปี นั้น

แน่นอนว่า หลักฐานเหล่านี้ก็คือแขนของเขา สามารถรักษาให้หายได้

เขามองรพีพงษ์อย่างจริงจังแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยัก หน้า เปิดปากพูดว่า “ตกลง ฉันรับปากนาย ถ้าหากว่า แขนข้างนี้ของฉันสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อให้ต้อง เป็นวัวเป็นม้าให้นาย ฉันก็จะไม่บ่นสักคำ”
“พี่มีพรสวรรค์แบบนี้ ให้พี่เป็นวัวเป็นม้า ก็ผิดต่อพี่ เกินไปแล้ว” รพีพงษ์พูดยิ้มๆ

“โอ้? งั้นนายอยากให้ฉันทำอะไร?” ธฤตญาณเปิด ปากถาม

“คุมโลกใต้ดินเมืองริเวอร์” รพีพงษ์พูดยิ้มๆ

ธฤตญาณตกตะลึงอยู่ในใจ เขาจากบนใบหน้าที่ไม่ เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ของ รพีพงษ์ มองไม่ ออกเลยสักนิดว่า ไอ้หนุ่มที่ทุกคนเรียกว่าสวะคนนี้ จะมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้

แต่นี่ก็ทำให้เขาแน่ใจเช่นกันว่า การเลือกติดตาม รพีพงษ์ ไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งหนึ่งอย่าง แน่นอน

“พี่รพี จัดการเรียบร้อยแล้ว” เวลานี้ไตรทศเข้ามา

แล้ว

รพีพงษ์พยักหน้า เปิดปากพูดว่า: “พยุงพี่ธฤตจากนี้ไปเขากับพวกเรา เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”

ไตรทศพยุงธฤตญาณทันที พูดกลั้วหัวเราะว่า: “พีธ ฤดได้โปรดให้คำแนะนำมากๆนะ หลังจากนี้ตราบเท่า ที่ชีวิตคือการต่อสู้ เรียกฉันได้ตลอดเวลา แน่นอนว่า ถ้าพี่รพือยู่ในสนามด้วย ก็แล้วไป”

เขาในใจขดเจนว่าทำไม รพีพงษ์จึงต้องช่วยธฤต ญาณ และเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้เกิดมาเป็นผู้นำ

การมาของธฤตญาณ ยังทำให้เขาถอนหายใจด้วย ความโล่งอก หลังจากนี้ก็แค่ดีๆฆ่าๆก็เท่านั้น

ดังนั้นสำหรับการที่รพีพงษ์รับธฤตญาณเข้าร่วม ไตรทศจึงไม่บ่นเลยสักคำ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นในตรอก เล็กๆที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง
รพีพงษ์พาทั้งสองคนมาถึงด้านหน้าประตูที่ดูค่อน ข้างแปลกตาบานหนึ่ง ด้านบนแขวนป้ายแผ่นหนึ่ง เขียนด้วยตัวอักษรสื่ตัวว่า “เขตปลอดวิวาท

ไตรทศจ้องมองแผ่นป้ายนี้อยู่ครู่หนึ่ง ก็สังเกตเห็น ลายเซ็นที่อยู่ด้านบน จากนั้นดวงตาก็เบิกกว้างแล้ว

“พิรพิชางเนนี้ คงจะไม่ใช่ชุดีเทพผู้ถือลั่นทั่วคุ้งน้ำ เหนือจรดใต้ หมอเทวดาหรอกนะ?”

รพีพงษ์พยักหน้ายิ้มๆ พูดว่า ไม่ผิด เขานั่นแหละ

“ฉันไป พี่รพีฉันได้ยินมาว่านิสัยของหมอเทวดา ชุดนนี้พิลึกพิลั่น หนึ่งปีตรวจโรคให้คนแค่สามครั้ง หลังจากสามครั้ง ต่อให้ทุ่มเงินอีกมากแค่ไหน ก็จะ ไม่ยื่นมืออีกเลย

“แล้วตอนที่หมอเทวดาชุดตรวจโรคให้คน ยังต้องดู อารมณ์อีกที ตราบใดที่ตัวเขาเองอารมณ์ไม่ดี ต่อให้เป็นโรคร้ายแรง เขาก็จะไม่ตรวจให้

“พวกเราไปหาหมอเทวดาชุดรวจโรค จะไหวเหรอ?”

ไตรทศรู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง ถ้าหากว่าเป็นชุติเทพ จริงๆ ต้องช่วยรักษาแขนของธฤตญาณให้หายดีได้ แน่นอน แต่ถ้าคนเขาไม่อยากรักษาให้จะขอร้องยัง ไงก็ไร้ประเยชน์ทั้งสิ้น

เขาเคยได้ยินมาว่า มีคนจากตระกูลใหญ่ในเมือง หลวงให้คนมาเชิญชุติเทพไปตรวจโรค โดยรับปาก ว่าเขาจะมีความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งไป ตลอดชีวิต แต่ชุติเทพกะพริบตายังไม่กะพริบตาก็ขับ ไล่คนพวกนั้นออกไปหมดแล้ว

คิดจะให้ชุติเทพยื่นมือรักษาให้ผู้คน ปืนท้องฟ้าที่ ว่ายากยังจะง่ายซะกว่า

“วางใจเถอะ อยู่ต่อหน้าฉัน เขาไม่กล้าทำแบบนี้ หรอก” รพีพงษ์พูดกลั้วหัวเราะจากนั้นจึงเดินเข้าไปในประตูบานนั้น

ไตรทศกลืนน้ำลาย คิดในใจว่าตัวเองนี่นะสุดท้าย แล้วพี่รพีมีวิธีแค่ไหนก็ยังไม่รู้ ถึงได้มั่นใจจริงๆว่าจะ ทำให้หมอเทวดาชุติเทพไม่กล้าหยิ่งผยองต่อหน้า เขา

ตอนนิธฤตญาณเจ็บปวดเสียจนพูดไม่ออก ไตรทศ โดยไม่ลังเล รีบช่วยพยุงธฤตญาณเข้าไปในประตู

เมื่อเข้าประตูไปเป็นร้านขายยาโบราณร้านหนึ่ง ล้อมรอบไปด้วยตู้ที่เต็มไปด้วยยาสมุนไพร เวลานี้ เด็กสาวอายุประมาณ 18 ปีคนหนึ่งกำลังยืนตรวจ สอบยาอยู่หน้าตู้

และที่ยืนอยู่ข้างๆเด็กสาว ปรากฏว่าเป็นหัวหน้า ห้องของอารียา, เจตนิพัทธ์

“คนสวย รบกวนคุณหย่อนผันสักหน่อย ผมอยากได้ ใบสั่งยาของหมอเทวดาชุมากจริงๆ ขอร้องคุณช่วย ไปแจ้งให้หน่อยเถอะนะ” เจตนิพัทธ์มองเด็กสาวด้วยความวิงวอนเต็มหน้า

“อาจารย์ฉันปีนี้ตรวจโรคให้ผู้อื่นสามครั้งแล้ว ไม่ยื่น มืออีกแล้ว คุณขอร้องยังไงล้วนไร้ประโยชน์ เพราะ งั้นอย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย” เด็กสาวพูดอย่างเยือก เย็น

เจตนิพัทธเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่าง ช่วยไม่ได้ หันหลังกำลังจะเดินออกไปข้างนอก

ในเวลานี้เอง เขาก็เห็น รพีพงษ์กำลังเดินเข้ามาใน ห้อง ทันใดนั้นก็ตกตะลึง

“รพีพงษ์? ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?” เจตนิพัทธ์เปิดปาก

ถาม

“มาหาชุติเทพตรวจโรค” รพีพงษ์เอ่ยปากเบาๆ

เจตนิพัทธ์หัวเราะเยาะเย้ยทันที เปิดปากพูดว่า “นายเนี่ยนะ? ยังอยากหาหมอเทวดาชุดตรวจโรค?ฉันจะแนะนำให้นายประหยัดเวลานะ โควตาตรวจโรค ของหมอเทวดา ขุปีนี้ใช้หมดแล้ว นายวิ่งมาเสียเที่ยว แล้ว”

เพราะเด็กสาวไม่ช่วยเขาขอร้องชุติเทพ, เจตนิ พัทธ์ จึงค่อนข้างหงุดหงิด ตอนนี้ เห็นว่ารพีพงษ์ก็มา เหมือนกัน จึงยินดีในความโชคร้ายขึ้นมาทันที

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แต่เดินตรงไปที่เด็กสาว

ครั้งสุดท้ายที่เขามาที่นี่ยังไม่เห็นผู้หญิงคนนี้

“สวัสดี ผมมาหาชุติเทพช่วยแจ้งให้หน่อย ” รพีพงษ์ เปิดปาก

เด็กสาวคนนั้นหันกลับมามองรพีพงษ์แวบหนึ่ง ด้วยความเย่อหยิ่งเต็มหน้า เปิดปากพูดว่า “คุณหู หนวกหรือไง? เมื่อคุณไม่ได้ยินที่ผู้ชายคนนั้นพูด เหรอ? อาจารย์ฉันปีนี้ไม่ตรวจโรคให้คนแล้ว แถม คุณยังกล้าเรียกชื่ออาจารย์ฉันตรงๆอีก จากทัศนคติ ฉาบฉวยนี้ของคุณ อาจารย์ฉันตรวจโรคให้คุณก็แปลกแล้ว”

เจตนิพัทธ์เมื่อเห็นว่าเด็กสาวก็ตะคอกรพีพงษ์อย่าง รุนแรงอีกครั้ง ภายในใจจึงนับว่าสมดุลขึ้นบ้าง เปิด ปากพูดว่า “รพีพงษ์ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานแล้ว ฉันคิดจะหาหมอเทวดาชุดตรวจโรค ขอร้องหมดแล้วก็ ไม่ขยับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนายเลย”

รพีพงษ์หันไปมองเจตนิพัทธ์แวบหนึ่ง พูดเสียงเย็น ชาว่า: “โรคของคุณไม่จำเป็นต้องให้ชุติเทพตรวจ แค่ ไตพร่อง กลับไปกินตำรับยาลิ่วเว่ยตี้หวาง(เสริมยิน บำรุงไต)ให้มากก็ได้แล้ว”

เจตนิพัทธ์ได้ยินว่ารพีพงษ์กล้าพูดว่าเขาไตพร่อง พองขนทันใด ตะโกนลั่นว่า: “แม่นายสิพูดเหลวไหล อะไรที่นี่ นายคิดว่านายเป็นหมอเทวดาที่ดูแวบเดียว ก็รู้แล้วว่าฉันเป็นอะไรหรือไง?”

เด็กสาวคนนั้นมองรพีพงษ์แวบหนึ่งอย่างค่อนข้าง ประหลาดใจ และพูดกับเจตนิพัทธ์ว่า: “เขาพูดไม่ผิด คุณไตพร่องจริงๆ มองหน้าก็ดูออกแล้ว”

ตอนนี้เจตนิพัทธ์สำลักคำพูดประโยคหนึ่งล้วนพูด ไม่ออก เด็กสาวเป็นเด็กฝึกงานของ ชุติเทพ คำพูด ยังมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง

เขาจ้องรพีพงษ์แวบหนึ่งด้วยความแค้นเคืองเต็ม หน้า อยากจะถลกหนังของ รพีพงษ์ออกมา

ไตรทศกับธฤตญาณสองคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะ หัวเราะออกมา ธฤตญาณที่เดิมเจ็บปวดเป็นอย่าง มาก เมื่อทำแบบนี้ ความเจ็บปวดจึงทุเลาลงไปไม่

น้อย

“นายอยู่ที่นี่อย่าได้ใจนักเลย ไม่ว่ายังไง นายก็พบ หมอเทวดาชู้ไม่ได้เหมือนกัน” เจตนิพัทธ์กัดฟันพูด

ตอนแรกเขาคิดจะจากไป แต่เมื่อเห็น รพีพงษ์มา จึง คิดจะอยู่ที่นี่เพื่อดูรพีพงษ์ขายหน้า
รพีพงษ์ไม่สนใจเจตนิพัทธ์ แต่เดินไปตรงหน้าเด็ก

สาว

“บอกอาจารย์คุณว่า รพีพงษ์มาหาเขาแล้ว” รพีพงษ์ เปิดปากพูด

“รพีพงษ์?” เด็กสาวเม้มปาก “ฉันรู้แค่ว่ามีสวะอันลือ เลืองแหงเมองริเวอร์ชื่อรพีพงษ์ อาจารย์ฉันสถานะ สูงส่งขนาดนี้ จะยอมพบสวะชนิดนั้นได้ยังไง พวก คุณรีมไปซะเถอะ”

เจตนิพัทธ์หัวเราะฮ่าๆเสียงดัง เปิดปากพูดว่า “เขาก็ เป็นไอ้สวะคนนั้นที่คุณว่า ผมขำจะตายอยู่แล้วจริงๆ”

ครั้งสุดท้ายที่กินข้าวด้วยกัน รพีพงษ์บอกว่าเจตนิ พัทธ์อีคิวต่ำ ไร้สมอง เจตนิพัทธ์จึงถือว่ารพีพงษ์เป็น ศัตรูแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเจตนาจะไว้เยื่อใยอะไร

“อะไรนะ!” เด็กสาวอุทานเสียงหนึ่ง “คุณก็คือสวะรพี พรรคนนั้น? เจอผีแล้วจริงๆ ทำไมพวกเราอยู่ที่นี่ทุกเว้นล้วนเจอคนอย่างคุณ

“บอกคุณให้นะ อาจารย์ฉันไม่ว่าจะพบใคร ล้วน ไม่พบคุณ คุณรีบไปซะเลอะ พวกเราที่นี่ไม่ต้อนรับ คุณ” เด็กสาวเชิดหน้า ไม่กลัวรพีพงษ์เลยสักนิด โดย เฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รู้ว่าเขาคือสวะผู้ลือเลื่อง คนนั้นแห่งเมืองริเวอร์

ใครทศกับธฤตญาณทั้งสองคนต่างก็รู้สึกอับอาย เต็มหน้า ตอนนั้นรพีพงษ์ยังบอกว่าชุติเทพจะรักษา อาการป่วยให้ชฤตญาณอย่างแน่นอน ผลก็คือตอนนี้ แม้แต่เด็กฝึกงานคนหนึ่งล้วนผ่านไปไม่ได้

พี่รพี. ไม่งั้น หรือพวกเราลองไปดูที่โรง พยาบาลใกล้ๆกันไหม?ไตรทศเอ่ยถามอย่าง ระมัดระวัง

รพีพงษ์มองเขาแวบหนึ่งทันที จากนั้นหันไปมอง เด็กสาว และพูดว่า : “ในเมื่อคุณไม่ไปแจ้งชุติเทพงั้น ผมจะไปเอง”
พูดจม รพีพงษ์ก็เดินมุ่งหน้าไปที่ห้องค้านใน

เด็กสาวเห็นแบบนี้ ก็เอื้อมมือคว้ารพีพงษ์ทันที พูด อย่างกั้งวลว่า: “คนอย่างคุณทำไมถึงได้ไร้ยางอาย ขนาดนี้ ฉันบอกแล้วว่าอาจารย์ฉันไม่พบคุณ และ ด้วยทัศนคติฉาบฉวยของคุณ อาจารย์ฉันไม่รักษา โรคให้คุณแน่นอน”

ตอนนี้เธอค่อนข้างโกรธ ในใจคิดว่าสวะตัวหนึ่งถึง กับกล้าพังประตูช่างไม่เห็นชื่อของหมอเทวดาชุติ เทพอยู่ในสายตาเลยจริงๆ

เจตนิพัทธ์ก็ยิ้มหยันเต็มหน้าเช่นกัน เขารู้สึกว่า รพี พงษ์ทำให้เด็กหญิงคนนี้ขุ่นเคืองโดยสิ้นเชิงแล้ว ไม่ ว่ายังไง ชุดเทพล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาโรคให้ เขา

ไร้สมองจริงๆ สาวน้อยคนนี้เป็นถึงฝึกงานของชุติ เทพ ทำให้เธอขุ่นเคือง ยังจะให้ชุติเทพช่วยรักษา โรค ผื่นเพื่องจริงๆ” เจตนิพัทธ์พูดเสียงเย็น
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังยื้อยุดกันอยู่ เสียงกระแอม เบาๆเสียงหนึ่งก็ดังมาจากห้องข้างใน: “เจสสิก้าเกิด อะไรขึ้น เสียงดังขนาดนี้”

ดวงตาของเด็กสาวสว่างขึ้นทันใด แต่เธอรู้ว่าชุติ เทพอารมณ์ไม่ดี ถ้าชุติเทพพบว่ามีคนต้องการจะบุก เข้ามา เธอจะต้องหัวแบะแน่ๆ จึงสบถใส่รพีพงษ์ที่ หนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ยังเป็นสวะอันลือลั่นแห่ง เมืองริเวอร์คนนั้นอีก ชุติเทพจะไม่ไว้หน้าเขาอย่าง แน่นอน

“อาจารย์ คุณออกมาเร็ว มีคนหน้าไม่อายที่นี่ดึงดัน จะบุกเข้าไปพบคุณ ฉันห้ามหมดแล้วก็ห้ามไม่ได้ เด็กสาวเปิดปากตะโกน

จากนั้นเธอก็หันไปมองรพีพงษ์ และพูดอย่างอวดดี ว่า”ซี เดี๋ยวอาจารย์ฉันออกมา เห็นทัศนคติชนิดนี้ ของคุณแล้วจะต้องโมโหแน่ๆ คุณชั่วชีวิตนี้ไม่ต้อง คิดจะมาหาอาจารย์ฉันให้ตรวจโรคแล้ว”
เร็วอย่างยิ่ง ชายชราผมสีเทาคนหนึ่งก็เดินออกมา จากห้องด้านใน

เด็กสาวรีบวิ่งไปอยู่ด้านหลังชายชรา ชี้นิ้วไปที่รพี พงษ์ พูดอย่างโกรธๆว่า: “อาจารย์ ผู้ชายคนนี้นี่แหละ ไม่เพียงแค่เรียกชื่อของคุณตรงๆ แถมยังคิดจะบุก เข้าไปหาคุณด้วย คุณรีบด่าเขาสักที ให้เขารู้ว่าคุณ หมอเทวดาคนนี้ไม่ได้เรียกกันพร่ำเพรื่อ”

ใช่ ผมเป็นพยานได้ว่า เด็กคนนี้ตอนนั้นยังเรียกชื่อ คุณตรงๆ ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่จริงๆ ไม่เห็นท่าน หมอเทวดาคนนี้อยู่ในสายตาเลย” เจตนิพัทธ์พูดใส่สี

ดีไข่

ไตรทศกับธฤตญาณต่างก็ค่อนข้างสิ้นหวัง คิดใน ใจว่าตอนแรกน่าจะยุติความสัมพันธ์กับรพีพงษ์ ตอน นี้ถ้าคิดจะขอให้คนเขาตรวจโรค เกรงว่าจะเป็นไปไม่

ได้แล้ว

ชุติเทพมองไปที่รพีพงษ์ทางนี้แวบหนึ่ง ท่าทางไม่

โกรธเปี่ยมบารมี
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าชุติเทพจะด่ารพัพงษ์ จําชุติเทพก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว จับแขนของรฟี พงษ์ด้วยสองมือที่สั่นเทา พูดอย่างตื่นเต้นว่า: “รพ์ พงษ์ เด็กอย่างคุณยังรู้จักที่จะมาหาฉัน ฉันคิดถึงคุณ คิดถึงมาก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ