แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่311 เงินเดือนเปลี่ยนเป็นสามเท่าจากเดิม



บทที่311 เงินเดือนเปลี่ยนเป็นสามเท่าจากเดิม

บทที่311 เงินเดือนเปลี่ยนเป็นสามเท่าจากเดิม

บทที่311 เงินเดือนเปลี่ยนเป็นสามเท่าจากเดิม

บริษัทของตระกูลฉัตรมงคล

ภายในห้องประชุม ผู้บริหารระดับสูงกลุ่มหนึ่งของบริษัทตระกูล ฉัตรมงคลนั่งอยู่ที่นี่ แต่ละคนความคิดต่างๆ นานา ไม่รู้ว่ากำลังคิด อะไรบ้าง

อารียายืนอยู่ตรงหน้าของคนเหล่านี้ ขมวดคิ้วแน่น บนหน้าเต็ม ไปด้วยความกังวล

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลตอนนี้ เป็น ตอนหลังจากที่ไล่ญาติพี่น้องเหล่านั้นของตระกูลฉัตรมงคลไป อารียาและรพีพงษ์หาเข้ามาด้วยกัน ความสามารถของคนเหล่า นี้ล้วนดีเยี่ยมมาก เป็นเพราะการมีอยู่ของพวกเขา สถานการณ์ การเติบโตของบริษัทตระกูลฉัตรมงคลก่อนหน้านี้จึงดีมากมาโดย ตลอด

แต่ทว่าช่วงระยะเวลานี้บริษัทตระกูลฉัตรมงคลถูกบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สพุ่งเป้ามา โครงการบางอย่างที่ร่วมงานกัน ก่อนหน้านี้ต่างหยุดชะงักลงหมด คนเหล่านี้รู้สึกถึงวิกฤตกันแล้ว ภายในบริษัทมีข่าวลือว่าบริษัทใกล้จะไม่ไหวแล้ว

คนเหล่านี้มาทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ ถ้าบริษัทตระกูลฉัตรมงคล ไม่ไหวเข้าจริง งั้นพวกเขาย่อมคิดที่จะหาทางออกแผนอื่น

ตอนเริ่มต้นอารียายังสามารถเกลี้ยกล่อมผู้บริหารระดับสูงเหล่า นี้ได้สักหน่อย บอกกับพวกเขาว่าจะต้องผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ แต่ ทว่าเมื่อวานนี้บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สทางนั้นปล่อยข่าวมา กะทันหัน บอกว่ายินยอมรับสมัครคนของบริษัทตระกูลฉัตรมงคล ด้วยเงินเดือนสูง ขอเพียงพวกเขาผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ลาออก จากบริษัทของตระกูลฉัตรมงคล บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส ยินยอมจ้างพวกเขาด้วยเงินเดือนถึงสองเท่าของก่อนหน้านี้

ข่าวนี้สำหรับบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลนั้น ถือว่าเป็นลูกระเบิด ใหญ่ ชั่วขณะนั้นก็ระเบิดออกท่ามกลางผู้บริหารระดับสูงกลุ่มหนึ่ง ของบริษัทตระกูลฉัตรมงคลแล้ว

วันนี้ตอนเช้า อารียามาที่ห้องทำงาน มองเห็นบนโต๊ะของตนเอง คาดไม่ถึงมีหนังสือลาออกวางอยู่สิบกว่าฉบับ ผู้บริหารเกือบครึ่ง หนึ่งของบริษัทอยากลาออกกัน สำหรับบริษัทตระกูลฉัตรมงคล แล้ว นี่เป็นการบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัย
บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สกำลังบีบให้บริษัทตระกูล ฉัตรมงคลไปตาย ถ้าผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ล้วนไปกันหมด งั้น บริษัทคงจะจบเห่เข้าจริงๆ ดังนั้นอารียาจึงเรียกผู้บริหารระดับสูง ทั้งหมดมาในห้องประชุมกันแต่เช้า ทุกคนจึงหยุดชะงักอยู่ที่นี่ทั้ง ช่วงเช้า

แน่นอนแล้วว่าถึงแม้จะมีคนเกือบครึ่งหนึ่งล้วนอยากลาออก แต่ ก็มีไม่น้อยที่รู้สึกว่าเวลาแบบนี้ควรจะตกยากไปด้วยกันกับบริษัท โดยเฉพาะตอนแรกเป็นบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลที่ให้โอกาส อันนี้กับพวกเขา ตอนที่บริษัทมีวิกฤต ก็ไม่ควรอยากสะบัดตูดหนี ไป

“ฉันรู้ว่าพวกคุณในนี้มีคนไม่น้อยที่หวั่นไหวเพราะเงินเดือนสอง เท่าของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส แต่ฉันหวังว่าพวกคุณจะ สามารถใจเย็นลงมาได้ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ที่บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเลือกมาเพื่อพุ่งเป้ามาที่บริษัทพวกเราเท่านั้นเหรอ ถ้าพวก คุณไปที่บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สจริง พวกเขาก็คงจะไม่ ปฏิบัติกับพวกคุณดีหรอก” อารียาเอ่ยปาก

ทันใดนั้นหลายคนก็เงยหน้ามองทางอารียา เห็นได้ชัดว่าเห็น ด้วยกับคำพูดของอารียา

“ประธาน ไม่ว่าบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สจะดีกับพวกเรารี เปล่า ตอนนี้บริษัทของพวกเราสถานการณ์แย่ลงทุกวันแล้ว ตอนนี้บริษัทก็ไม่มีสักโครงการเลย เป็นแบบนี้ต่อไปอีก ไม่ ช้าหรือเร็วบริษัทก็จะต้องล้มละลาย พวกเราอยากจะลาออก เพียงแค่เพื่อหาทางออกให้ตัวเองก่อนล่วงหน้าเท่านั้นเอง” ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยปาก

ผู้ชายคนนี้ชื่อเจษฎิพุทธิ์ เป็นพนักงานในบริษัทที่ค่อนข้างดีคน หนึ่ง เขาถูกคนของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สซื้อตัวไปแล้ว ภารกิจของเขาคือยุยงให้ภายในบริษัทของตระกูลฉัตรมงคล แตกแยก ทำให้คนมากมายออกจากบริษัทของตระกูลฉัตรมงคล

พอคำพูดของเจษฎิพุทธิ์ออกมา มีคนไม่น้อยเออออตามคำพูด ของเขาทันที คนกว่าครึ่งนั้นจึงเขียนจดหมายลาออกกัน และถูก เจษฎิ ท ยยงกัน

“ใช่แล้วประธาน พวกเราไม่ใช่ว่าหาทางรอดให้ตัวเองไว้เหรอ เสียเวลาขนาดนี้ต่อไปอีก ถ้าบริษัทจบเห่ พวกเราก็ต้องจบเห่ตาม ไปด้วยสิ

“บริษัทพวกเราไม่อาจสู้กับบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สได้ เป็นแบบนี้ต่อไป จุดจบของพวกเราก็มีแต่ตายทางเดียว จากที่ผม ดู ประธานก็ยอมอ่อนข้อให้บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเร็วๆ หน่อยเถอะ”

บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองริเวอร์แล้ว ขัดแย้งกับพวกเขาล้วนไม่มีจุดจบ ที่ดี พวกเราลาออกเพียงแค่ถูกบังคับอย่างเลี่ยงไม่ได้เท่านั้นเอง”

อารียาได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้ ภายในร้อนใจครู่หนึ่ง จากนั้น เอ่ยปากบอก “ครั้งนี้บริษัทจะต้องผ่านความยากลำบากไปได้แน่ พวกคุณเชื่อฉัน ถึงแม้จะเป็นบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส ก็ไม่ อาจทำให้บริษัทพวกเราล้มลงได้

“ประธาน คำพูดนี้ของคุณดูหลอกลวงคนไปหน่อยมั้ง บริษัท พวกเราจะเอาอะไรไปเทียบกับบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส คำ พูดนี้ของคุณกำลังทำลายคน” เจษฎิพุทธิ์พูดถากถางไปประโยค หนึ่ง

“ไม่ว่าบริษัทจะเทียบกับบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สได้หรือ ไม่ อย่างน้อยที่สุดตอนแรกประธานให้โอกาสกับพวกเรา พวก เราก็ควรเดินไปจนถึงท้ายสุดด้วยกันกับบริษัทสิ ตอนนี้พวกคุณ มาลาออกหมายความว่าอะไร? เจษฎิพุทธิ์ ผมว่าคุณจะต้องโดน บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สซื้อตัวแล้วล่ะสิ” เวลานี้มีชายที่นิสัย เดือดดาลลุกขึ้นยืนตวาดไปทางเจษฎิพุทธิ์แล้ว คนคนนี้คือคนที่ ค่อนข้างให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ถึงแม้บริษัทใกล้จะไม่ไหว แล้ว เขาก็ไม่เคยพูดว่าจะลาออก ตอนนี้ได้ยินเจษฎิพุทธิ์มาเยาะ เย้ยถากถางทีนี่ ชั่วขณะนั้นก็ทนไม่ไหวแล้ว

เจษฎิพุทธิ์ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาสักนิด ลุกขึ้นมาทันที ตะโกนกลับไปทางผู้ชายคนนั้น “หรือว่าที่ผมพูดไม่ถูกเหรอ ทุก คนออกมาทำงาน ไม่ใช่เพื่อหาเงินกันเหรอ หรือว่าพวกเราอยู่ ที่นี่หาเงินไม่ได้ แล้วยังต้องตายไปด้วยเหรอ คุณจะมาเลี้ยงดู ครอบครัวของพวกเราเหรอ?”

ทันใดนั้นมีหลายคนวิจารณ์ผู้ชายคนนั้นด้วยกันกับเจษฎีพุทธิ์ พวกเขาโดนเงื่อนไขของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สดึงดูดเอา ไว้ ตอนนี้ต้องหาเหตุผลที่สนับสนุนให้พวกเขาออกไปให้ได้สัก อย่าง

หลังจากที่คนคนนั้นได้ยินคำพูดที่ตบตาของคนเหล่านี้ ชั่วขณะ นั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขาไม่ใช่แค่ให้ทุกคน เดินไปถึงสุดทางเป็นเพื่อนบริษัทเท่านั้นเหรอ ตอนนี้เจษฎิพุทธิ์ คนเหล่านี้กลับอยากลาออก เห็นได้ชัดว่าถูกเงื่อนไขที่บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สเสนอมาดึงดูดเข้าแล้ว

“พวกคุณอย่าพึ่งทะเลาะกัน ที่ฉันบอกว่าบริษัทจะผ่านช่วง ลำบากไปได้ ไม่ใช่กำลังหลอกลวงพวกคุณ สามีฉันจะคิดหาทาง ช่วยพวกเราก้าวผ่านความลำบากครั้งนี้ไปได้” อารียารีบเอ่ยปาก บอก
“ประธาน คุณอย่าหาว่าผมพูดตรงเกินไปเลยนะ พวกเราคนหนึ่ง อยู่ในที่นี้ มีคนไหนไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของสามีคุณบ้าง พวก สวะอันดับหนึ่งของเมืองริเวอร์ พวกเรารู้จักวีรกรรมของเขากันดี ทั้งนั้น คุณบอกว่าเขาจะช่วยบริษัทก้าวผ่านความยากลำบากไป ได้ นี่เกรงว่ายิ่งหลอกลวงพวกเราล่ะมั้ง” เจษฎิพุทธิ์เอ่ยปาก

“ใช่ รพีพงษ์สวะคนนั้น จะคิดวิธีอะไรมาช่วยบริษัทผ่านความ นําบากไปได้ ผมได้ยินว่าวิกฤตครั้งนี้ของบริษัท ก็คือรพีพงษ์ก่อ ให้เกิดนั่นแหละ”

“ประธาน ถ้าจะพูดมาขนาดนี้ งั้นผมว่าพวกเรายิ่งไม่สามารถอยู่ ที่นี่ได้ ให้พวกเราฝากความหวังไว้บนตัวสวะคนหนึ่ง นี่พวกเราทำ ไม่ได้”

คนนั้นที่ช่วยอารียาพูดตอนนั้นก็กระอักกระอ่วนอยู่บ้าง เขานึก ไม่ถึงว่าอารียาจะเอาความหวังไปฝากไว้บนตัวของรพีพงษ์ เวลา นี้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีแล้ว

ตอนแรกรพีพงษ์ใช้เงินหยวนเดียวซื้อบริษัทมา ให้อารียาเป็น ประธานโดยตรง คนเหล่านี้เดิมทีไม่รู้ว่าเจ้านายที่แท้จริงของ บริษัทความจริงเป็นรพีพงษ์ รพีพงษ์ที่พวกเขารู้จักนั้น ยังคงหยุด อยู่ที่สวะแบบก่อนหน้านี้
ตอนทีในห้องประชุมกำลังเดือดดาลประหัตประหารกันอยู่ ประตู ห้องประชุมก็ถูกคนผลักเปิดกะทันหัน จากนั้นรพีพงษ์ก็เดินเข้า มา

คำพูดของคนเหล่านี้เมื่อสักครู่ รพีพงษ์ฟังเข้าในหูทั้งหมด บริษัทวิกฤต มีคนอยากออกไปก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่วิกฤตมัก จะตามมาด้วยโอกาส คนพวกนี้เลือกจะจากไป ขณะเดียวกันก็ ปล่อยโอกาสที่จะตามมาไปด้วย

รพีพงษ์จัดการความวุ่นวายของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ สแล้ว ยังนำสัญญาโครงการชุดใหม่กลับมาด้วย เขามาบริษัท เดิมทีอยากประกาศฉลองกับทุกคนสักหน่อย แต่ว่าตอนนี้มอง เห็นลักษณะของคนพวกนี้ เขาคิดว่ากำจัดคนที่เกิดนอกใจเหล่า นั้นไป แล้วถึงค่อยประกาศเรื่องนี้

ตอนที่บริษัทวิกฤตที่สุด มักจะสามารถมองระดับความน่าไว้ใจ ของคนคนหนึ่งออก คนพวกนั้นที่เกิดความคิดอยากจะออกไป ถึง แม้บริษัทไม่มีวิกฤต ก็ไม่สามารถเอาไว้ต่อไปได้

เจษฎิพุทธิ์และคนอื่นมองเห็นรพีพงษ์เข้ามาล้วนตะลึงกัน แต่ว่า พวกเขาก็ไม่ได้เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตา โดยเฉพาะรพีพงษ์เป็น แค่สวะคนหนึ่ง ถึงแม้รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของพวกเขาเมื่อสักครู่ก็ ไม่มีอะไร

“วิกฤตของบริษัทในครั้งนี้ ผมสามารถจัดการได้จริง ตอนนี้ผมให้สัญญากับพวกคุณ ถ้าพวกคุณยังมีใครอยากไป ตอนนี้ผมก ไม่ห้ามเด็ดขาด ตอนนี้ผมจะให้คนไปทำเรื่องออกให้พวกคุณ เซ็น ชื่อเสร็จพวกคุณก็ไปได้” รพีพงษ์เอ่ยปาก

เจษฎิพุทธิ์จ้องมองรพีพงษ์ทีหนึ่ง หัวเราะขึ้น บอกว่า “อย่ามาเส แสร้งที่นี่เลย นายมีฝีมืออะไร หรือว่าพวกเรายังไม่ชัดเจนอีกเห รอ เพียงแต่ว่าอยู่ต่อหน้าคนมากขนาดนี้ ฉันไม่อยากพูดเท่านั้น เอง ถ้านายมาช่วยบริษัทผ่านพ้นวิกฤตไปได้จริง งั้นฉันเลือกลา ออกเป็นคนแรก

รพีพงษ์จ้องมองเจษฎิพุทธิ์ไปทีหนึ่ง ยิ้มบอก “ดูนายรีบร้อนไป ขนาดนี้ น่าจะได้รับเงินจากบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สทางนั้น ไม่น้อยเลยมั้ง แต่ว่าฉันต้องเตือนสตินายสักหน่อย เวลานี้เลือก ไปบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส ไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกต้อง”

เจษฎิสุทธิ์ยื่นๆ ปากออก พูดว่า “หรือว่าไปบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สแกร่งไม่เท่ากับอยู่ที่นี่เหรอ? อย่าล้อเล่น เลย บริษัท ไม่มีทางรอดแล้ว ถ้านายอยากจะให้บริษัทของ ตระกูลฉัตรมงคลอยู่ต่อไป คงต้องให้บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ สลัมละลายก่อนล่ะ แต่นายคิดว่านี่เป็นไปได้เหรอ?”

ได้ยินเจษฎ์พุทธิ์พูดขนาดนี้ บนหน้ารพีพงษ์เผยรอยยิ้มที่หยอก เข้าออกมา ไม่ได้บอกเรื่องที่บริษัท อสังหาริมทรัพย์เมค์สล้มละลายแล้วกับเขา

รพีพงษ์หันหน้ามองอารียาทีหนึ่ง เอ่ยปากบอก “ไปเรียกคนของ แผนกเอชอาร์เข้ามาเถอะ วันนี้ใครอยากออกไป ก็ให้ไปได้หมด ไม่มีพวกเขา บริษัทก็ยังคงเคลื่อนต่อไปได้

อารียามองรพีพงษ์อย่างลังเลอยู่บ้างแวบหนึ่ง เวลานี้เห็น ด้วยที่จะให้คนเหล่านี้ออกไป ไม่ได้สงสัยเลยว่าการนำ ความหวังทั้งหมดฝากไว้ที่รพีพงษ์เพียงพอที่จะปราบบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สให้ราบคาบเรื่องนี้ได้ แต่อารียาเชื่อว่ารพี พงษ์จะไม่ทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจ ดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วไป เรียกคนของแผนกเอชอาร์

“น่าตลกจริง พูดเหมือนกับว่าเขาสามารถกอบกู้บริษัทกลับมา ได้”

“เจ้าหมอนี้ นอกจากเกาะผู้หญิงกิน ก็แค่ชอบเสแสร้ง อย่างอื่น ทำไม่เป็นสักอย่าง อารียาแต่งงานกับคนแบบเขานี้ ซวยแปดชาติ จริงๆ เลย

“ดูท่าทางที่มั่นใจในตัวเองมากนั้นของเขาสิ ไม่รู้ว่าไปเอาความ มั่นใจมาจากที่ไหน เขาสวะคนหนึ่งกล้าพูดว่าจะสู้กับบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์ส”
คนกลุ่มหนึ่งถกเถียงกันเสียงเบาๆ ขึ้นมา ถึงแม้กดเสียงให้ แต่เพีพงษ์ก็ยังพอสามารถได้ยิน เพียงแต่พวกเขาไม่ได้สนใจ โดยเฉพาะสำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องจริง พูด ออกมา รพีพงษ์ก็ได้แต่ฟังไว้

ไม่นานอารียาก็พาคนของแผนกเอชอาร์เข้ามา

รพีพงษ์จ้องมองเจษฎิพุทธิ์คนกลุ่มนั้นแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยปาก บอก “มีใครอยากลาออก ตอนนี้สามารถเข้าไปเซ็นชื่อได้เลย

เจษฎิสุทธิ์ลุกขึ้นมาเป็นคนแรก เดินเข้าไปเซ็นชื่อแล้ว บนหน้า ยังแขวนด้วยความได้ใจนิดๆ ก่อนจะบอกว่า “เหล่าเพื่อนร่วม งาน เชื่อผม ลาออกตอนนี้เป็นทางเลือกที่ฉลาดสุดแล้ว บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สทางนั้นจ้างพวกเราด้วยเงินเดือนสองเท่า อยู่ที่นี่ต่อไปมีแต่ตายทางเดียว

เจษฎินฺทธิ์พูดคำนี้จบ คนพวกนั้นที่ยื่นจดหมายลาออกก่อนหน้า นี้ก็รีบเข้ามาเซ็นชื่อกันหมด

เดิมทีมีหลายคนยังคิดจะรอดูก่อนก็ในเวลานี้ตัดสินใจเรียบร้อย เซ็นชื่อของตนเองบนข้อตกลงลาออก

“ยังมีใครอยากออกไปอีกมั้ย?” รพีพงษ์ถามอีกประโยคหนึ่ง
คนที่นั่งอยู่เหลือเพียงไม่ถึงครึ่งส่วนน้อย ถึงแม้คนเหล่านี้ไม่ไป แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ก็ต่างย่ำแย่อยู่บ้าง

รพีพงษ์เห็นไม่มีคนพูดจา จึงยิ้มบอกว่า “พวกคุณสามารถอยู่ต่อ ได้ ผมดีใจมาก เพื่อตอบแทนความซื่อสัตย์ของพวกคุณ ตั้งแต่วัน นี้เป็นต้นไป พวกคุณทั้งหมดที่นั่งอยู่ เงินเดือนจะเปลี่ยนไปเป็น สามเท่าจากเดิม หวังว่าทุกท่านจะตั้งใจทำงานกัน สู้เพื่อให้บริษัท แข็งแกร่งยิ่งใหญ่”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ