แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่134 การเชื้อเชิญงานเลี้ยงอาหารค่ำ ของตระกูลกู่



บทที่134 การเชื้อเชิญงานเลี้ยงอาหารค่ำของ ตระกูลกุลสวัสดิ์

รพีพงษ์เห็นศศินัดดาไม่เชื่อในคำพูดของตน จึงไม่ โต้เถียงอีกต่อไป เขารู้ว่าแค่คำพูด คงไม่มีทางที่จะ โน้มน้าวคนแบบหล่อนได้

อารียารู้สึกอึดอัดแทนรพีพงษ์ แต่ว่าประสบการณ์ บอกอารียาว่า เมื่อความจริงยังไม่เปิด

เผย คนพวกนี้คงไม่มีวันที่จะเชื่อรพีพงษ์หรอก

อคติของคนมักจะดื้อดึงอย่างนี้แหละ บางที อคติ เหล่านี้สามารถฆ่าคนบริสุทธิ์ทั้งเป็นได้

ดีที่รพีพงษ์มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่เก็บอคติของคน เหล่านั้นมาใส่ใจ

คนทั้งบ้านเดินออกมาจากคฤหาสน์ รพีพงษ์ตัดสิน ใจขับรถ พาพวกเขาไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล

ศักดาพูดขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง”เอากุญแจมา พ่อขับ

เอง”
รพีพงษ์ไม่ได้ปฏิเสธ ส่งกุญแจให้ศักดา

ตัวซวยจริงๆ ต่อไปของในบ้าน ห้ามแกแตะต้องทั้ง สิ้น”ศักดาบ่นพึมพำ

ตลอดทางที่มาบ้านฉัตรมงคล ทั้งสี่คนเดินเข้าไป ในคฤหาสน์ เห็นในห้องโถงมีคนอยู่ เต็มไป

หมด

ผู้คนเห็นศศินัดดาเดินเข้ามา ต่างก็ลุกขึ้นยืน แล้ว มองมาที่พวกเขาด้วยสายตาอริ

ศศินัดดารู้สึกเสียหน้ามา จึงก้มหน้าก้มตาโดย สัญชาตญาณ ราวกับว่าไปทำความผิด

ใหญ่โต

มา

ผู้คนเดินเข้าไปล้อมคนบ้านศศินัดดา แล้วเริ่ม

รุกรานรพีพงษ์

“รพีพงษ์ ไอ้สวะ เป็นตัวซวยบ้านฉัตรมงคลจริงๆ แกจะไปกวนใครไม่กวน ต้องไปกวนคุณชายกุมุท แกกลัวว่าบ้านฉัตรมงคลจะไม่ฉิบหายสมใจหรือไง”

“ไอ้บ้าสมควรตาย ตัวเองจะตายก็ช่างเถอะ ตอน นี้ทำซวยทั้งตระกูล ถ้าตระกูลบันดาลโทสะขึ้นมา ตระกูลกุลสวัสดิ์ พวกเราไม่มีใครหนีรอดหรอก!”ศักดา คุณดูลูกเขยคุณนะ เหมือนคุณไม่มีผิด ใช้ ไม่ได้สุดๆ คอยก่อแต่เรื่อง!”

สีหน้าศักดาเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน หาก แต่ไม่กล้าคัดค้าน ในใจเกลียดรพีพงษ์เข้าไส้

เรื่องที่รพีพงษ์ไปกวนตระกูลกุลสวัสดิ์ อาจจะนำ ภัยพิบัติที่คาดไม่ถึงมาให้ตระกูลฉัตรมงคลได้ ไม่ ต้องสงสัยว่ากระทบถึงผลประโยชน์ของคนเหล่านี้ พวกเขาจึงไม่ต้องเกรงใจรพีพงษ์

อารียาฟังถ้อยคำที่ไม่น่าฟังเหล่านี้ กำหมัดแน่น ต่อให้เทียบกับคนแปลกหน้า เกรงว่าก็น่าจะมีน้ำใจ มากกว่าคนในบ้านเธอเอง

คนพวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ

“พอแล้ว ทุกคนสงบก่อน จะจัดการรพีพงษ์ยังไง ให้คุณปู่เป็นคนตัดสิน”ธายุกรพูดเสียงก้อง

เขายิ้มเย็นชาพร้อมมองไปทางรพีพงษ์ แววตาเต็ม ไปด้วยความสะใจ

ผู้คนเปิดทางให้รพีพงษ์เดิน ให้เขาเดินไปหยุดตรง หน้านาทีป์
นาที นั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าเคลียดคล้ำ มือข้าง หนึ่งสั่นไม่หยุด

ป่วยคราวที่แล้วยังไม่หายดี คราวนี้ก็โกธรจน อาการเกือบจะกำเริบ

“รีบไปขอรับโทษจากคุณท่านซะสิ ยังจะมัวลีลา อะไรล่ะ! “คนๆหนึ่งตะโกนขึ้น

บ้านรพีพงษ์ทั้งสี่คนเดินไปหยุดหน้านภทีป์ รพีพงษ์ กับอารียายืดตัวขึ้น ส่วนศศินัดดากับศักดาต่างค้อม ตัวและก้มหัว

“คุณท่านคะ เรื่องนี้รพีพงษ์เป็นคนก่อนะคะ ไม่ เกี่ยวกับพวกเรา ถ้าท่านจะลงโทษ ก็ลงโทษรพีพงษ์ เถอะค่ะ”ศศินัดดาเอ่ยปากพูด

อารียาเห็นศศินัดดาพูดแบบนี้ จึงรีบแก้ตัวให้รพี พงษ์”คุณปู่คะ เรื่องราวครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดรพีพงษ์ นะคะ แต่กุมุทเขาคิดจะลวนลามหนูก่อน รพีพงษ์เขา ปกป้องหนูนะคะ”

ธายุกรที่อยู่ข้างๆแค่นเสียงเย็นชาพูดขึ้น“อารียา มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องแก้ตัวแทน รพีพงษ์แล้ว ไม่ว่ายังไง ก็เพราะมันนั่นล่ะ คุณชายถึงโดนคุณพ่อ เขาตีเอา เธอคิดว่าคุณชายจะปล่อยไปง่ายๆเหรอ”“พอแล้ว! “นภทีป์บันดาลโทสะ พวกฉิบหายทั้ง

นั้น! มีแต่หาเรื่องเดือดร้อนมา ไม่มีใครทําให้วางใจ

ได้เลย! ”

ห้องโถงเงียบขึ้นมาทันควัน

“แคลร์ ปู่เชื่อใจแกขนาดนี้ ให้แกเป็นถึงผู้จัดการ บริษัท แกตอบแทนแบบนี้เหรอ งานเลี้ยงเมื่อวาน แกก็อยู่ ทำไมแกไม่ห้ามรพีพงษ์ หรือแกอยากเห็น ตระกูลฉัตรมงคลล่มจมนักหรือไง”นภทีป์จ้องอารียา

แล้วถาม

อารียารีบเปิดปากถาม คุณปู่คะ ไม่ใช่อย่างที่คุณ ปู่คิดนะคะ กุมุทคิดไม่ซื่อกับหนูจริงๆ รพีพงษ์แค่ ขวางเขาเอาไว้

นาที ตบโต๊ะดังเปรี้ยง พูดขึ้น เรื่องมาถึงขนาด

นี้แล้ว แกยังจะมาแก้ต่างแทนไอ้สวะรพีพงษ์อีกเห รอ ช่างน่าผิดหวังเสียจริง ฉันถามคนที่เข้างานเมื่อ วานแล้ว พวกเขาต่างบอกว่ารพีพงษ์หาเรื่องคุณชาย แท้ๆ แถมยังบังคับให้ประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์อบรม คุณชายอีก หรือว่าพวกเขาทั้งหมดโกหกหรือไง”

อารียาเข้าใจได้ถึงคําว่าปั้นน้ำเป็นตัวในคราวนี้ หากผู้คนมีอคติต่อคนๆหนึ่ง คนๆนี้ไม่มีแม้แต่สิทธิที่จะอธิบายโดยสิ้นเชิง

“อีกประเดี๋ยว ก็จะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำตระกูล กุลสวัสดิ์ ฉันหาทางแทบตายที่จะไปงานเลี้ยง ถ้าหากว่าได้ผูกสัมพันธ์กับตระกูลกุลสวัสดิ์ บ้าน ฉัตรมงคลของเราก็อาจจะได้กลายเป็นตระกูลแนว หน้าอันดับหนึ่งของเมืองริเวอร์กับเขาบ้าง

“เดิมทีฉันได้หาเพื่อนเอาไว้แล้ว ว่าให้ไปช่วยพูดให้ หน่อย ว่าให้บัตรเชิญตระกูลฉัตรมงคลสักใบ แต่พอ หลังจากเรื่องเมื่อวานเกิดขึ้น เพื่อนคนนั้นบอกว่าไม่ กล้ายุ่งเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”

“อนาคตของตระกูลฉัตรมงคล ต้องมาพังลงเพราะ น้ำมือสวะอย่างแก! อีกอย่างแกให้ประมุขตระกูล กุลสวัสดิ์อบรมคุณชายต่อหน้าคนมากขนาดนี้ แก คิดว่าเขาจะปล่อยแกไปเหรอ ทุกคนในตระกูล ฉัตรมงคล ต้องมาซวยตามแก!

นกที ยิ่งพูดยิ่งเดือดดาล จนเกือบจะตบรพีพงษ์ เข้า

“คุณปู่ครับ ไอ้สวะนี่ก่อเรื่อง ขัดขวางการเติบโต ของตระกูลฉัตรมงคล ผมว่านะครับ เราไล่เขาออก ไปตอนนี้เลยดีกว่าครับ ตัดความสัมพันธ์ให้ขาด ตระกูลกุลสวัสดิ์จะได้ไม่มาหาเรื่องเรา”ธายุกรถือโอกาสยุยง

“นั่นน่ะสิ ไล่มันออกไป ไล่ตัวซวยออกไป อย่า ปล่อยมันไว้! ”

“ไล่ออกไปจากตระกูลฉัตรมงคล ให้มันอยู่บ้าน ฉัตรมงคลต่อไม่ได้ ไม่งั้นอาจเกิดอะไรขึ้นก็ได้! ”

“ให้มันไสหัวไปตั้งแต่ตอนนี้ มันก่อเรื่อง ไม่เกี่ยว อะไรกับฉัน!

ศศินัดดามองไปที่รพีพงษ์ กระทุ้งศอกไปที่เขา เปิด ปากพูด”รพีพงษ์ แกต้องหัดมีสมองบ้าง ตอนนี้รีบ ตัดขาดจากตระกูลฉัตรมงคลของเราซะ เห็นที่แก ช่วยจ่ายค่าส่วนกลาง ฉันยังพอให้ห้องเก็บของแก อยู่ได้”

อารียาเห็นทุกคนต่างขับไล่รพีพงษ์ออกจากตระกูล ฉัตรมงคล จึงร้อนรนขึ้น แต่ในเมื่อทุกคนพูดเป็น เสียงเดียวกัน เธอเพียงคนเดียวไม่อาจโน้มน้าวใจ คนเหล่านั้นได้

รพีพงษ์ฟังเสียงจ้อกแจ้กจอแจเหล่านั้น โดยที่ไม่ ได้ร้อนตัวแม้แต่น้อย จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ผมรับประกันได้ ตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่มีวัน หาเรื่องหรอก และผมให้ตระกูลกุลสวัสดิ์เชิญท่าน ไปร่วมงานได้

พอเขาพูดคํานี้ออกไป ทุกคนต่างเงียบกริบ แต่ไม่ นานก็ระเบิดเสียงออกมาอีก

“ไอ้สวะแกกำลังฝันเหรอ มันคิดว่าตัวเองเป็นใคร กัน กล้าพูดว่าจะให้คุณท่านตระกูลกุลสวัสดิ์เชิญ เราร่วมงาน”

“สงสัยสมองโดนกดทับ ทำอย่างกับคนตระกูลกุล สวัสดิ์จะฟังมัน

“ขำจะตาย รพีพงษ์ไม่ใช่เป็นแค่สวะ แต่ยังสมอง พิการอีกด้วย ยังกับคนบ้า

พอธายุกรได้ยินรพีพงษ์พูด ก็แค่นหัวเราะเย็นชา ออกมา แต่เขาไม่ได้เถียงอะไร หากเพียงแค่กลอก ลูกตา ยิ้มแล้วพูดว่า รพีพงษ์ แกคิดดูก่อนว่าแกได้ รับเชิญจากตระกูลกุลสวัสดิ์หรือเปล่า”

“ได้รับเชิญแล้ว”รพีพงษ์ตอบ
“งั้นเหรอ แล้วบัตรเชิญล่ะ อย่าเอาแต่พูดสิ เอาบัตร

เชิญมาดูด้วย”ธายุกรพูด

กุนลโรจน์พูดกับผมเองโดยตรง ไม่ได้ให้บัตรเชิญ มา”รพีพงษ์เปิดปากพูด

คนกลุ่มนั้นหัวเราะเสียงดัง ในเสียงหัวเราะมีเสียง เยาะหยัน

“แม่งจะโกหกก็หน้าแดงหน่อยสิวะ อ้าปากพูดมา แบบนี้ กูก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก เมื่อวานก็เพิ่งทำให้ ประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์เสียหน้า เขาคงจะเชิญถึง หรอกนะ มึงฝันกลางวันเหรอ” ธายุกรยิ้มเย้ยหยัน

“ไม่เชื่อตามใจ”รพีพงษ์ตอบ

ไม่มีใครเชื่อรพีพงษ์เลย ต่อให้อารียา ก็รู้สึกว่าคำ พูดนี้ของรพีพงษ์ไม่น่าเชื่อถือ

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เมื่อวานกุนลโรจน์ก็ได้เสียหน้า ไปแล้ว ท่านคงไม่มาเชิญรพีพงษ์แน่นอน

นอกจากสถานภาพของรพีพงษ์จะกดกุนลโรจน์ไว้ ได้ แต่ว่ารพีพงษ์อยู่เมืองริเวอร์มาหลายปี ใครๆก็รู้ ว่าเขาเป็นสวะ เขาจะไปกดตระกูลอันดับหนึ่งของ เมืองริเวอร์ได้ไง
จะมาตาย จนบานนแล้ว แกยงคดวาฉันเบน เอมม อีกเหรอ แกคิดว่าฉันไม่กล้าไล่แกหรือไง”นกที พูด อย่างหัวเสีย

ธายุกรยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ พูดขึ้น คุณปู่ครับ บางทีที่เขาพูดอาจจะเป็นจริงก็ได้นะครับ เพราะรพี พงษ์น่ะขนาดซันบับเบิลเขายังเอาอยู่เลย ให้เขาไป ลองเถอะนะครับ บางทีอาจจะเป็นความจริงก็ได้”

คนไม่น้อยหัวเราะขึ้น ราวกับว่าธายุกรกำลังล้อเล่น อย่างไรอย่างนั้น

ธายุกรกำลังคิด อย่างไรเสียวันนี้รพีพงษ์ก็คงหลีก หนีไม่พ้นที่จะโดนไล่ออกจากบ้านฉัตรมงคล ก็ให้มัน ขายหน้าสักตั้งเป็นไง

เขาพูดได้ไม่ผิดหรอกครับ ให้ผมลองดู ถ้าผมไม่ สามารถทําให้ตระกูลกุลสวัสดิ์เชิญท่านไปงานได้ ค่อยไล่ผมออกจากบ้านก็ยังไม่สายรพีพงษ์เอ่ยปาก

ธายุกรคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเล่นไปตามน้ำด้วย จึง รู้สึกหมั่นไส้

แม่งเอ๊ย ไอ้สวะนี่คิดว่าจะโน้มน้าวใจตระกูลกุล สวัสดิ์ ให้เชิญคุณปู่ไปงานเลี้ยงอาหารค่ำได้อย่าง นั้นเหรอ สงสัยสมองจะเป็นขี้เลื่อยไปแล้ว
นกทีป์แค่นเสียงเย็นชา พูดขึ้น”ได้ งั้นฉันให้โอกาส แกครั้งเดียว วันนี้ก่อนสี่ทุ่ม ถ้าฉันไม่ได้รับบัตร เชิญจากตระกูลกุลสวัสดิ์ ฉันจะไล่แกออกจากบ้าน ฉัตรมงคลด้วยตัวเองเอง!

รอยยิ้มบนสีหน้าของผู้คนเข้มข้นขึ้นไปอีก เห็นได้ ชัดว่านกทีป์ต้องการจะทำให้รพีพงษ์เสียหน้า ตอนนี้ ถึงสี่ทุ่มเหลืออีกแค่สองชั่วโมงเท่านั้น ต่อให้รพีพงษ์ จะไปคุกเข่าขอร้องบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ ก็เป็นไปไม่ ได้ที่จะเอาบัตรเชิญมาได้

นกทีป์พูดจบ จึงลุกขึ้นเดินขึ้นบ้านไป รอเวลาสี่ทุ่ม

คนบ้านฉัตรมงคลยังไม่มีใครออกจากบ้านสักคน ต่างอยากรอเวลาให้มาถึง แล้วดูน้ำหน้ารพีพงษ์ตอน ที่โดนไล่ออกไป

รพีพงษ์เดินออกไปจากคฤหาสน์ หยิบโทรศัพท์มือ ถือขึ้น โทรศัพท์หากุนลโรจน์

“คุณชาย มีอะไรจะสั่งไหมครับ”กุนลโรจน์พูดอย่าง นอบน้อม

“ ผมอยากให้ตระกูลฉัตรมงคลร่วมงานเลี้ยง อาหารค่ำบ้านคุณ ติดขัดปัญหาไหมครับ”รพีพงษ์

เอ่ยปากถาม
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะให้คนส่งบัตรเชิญไปบ้าน ฉัตรมงคลเดี๋ยวนี้! “กุนลโรจน์กล่าว

รพีพงษ์ขานรับ แล้ววางหูไป

ในตอนนี้เองอารียาเดินออกมา เธอหยุดยืนอยู่ข้าง รพีพงษ์ พูดขึ้นว่า “ฉันไปบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์เป็น เพื่อนคุณนะคะ พวกเราไปขอโทษด้วยกัน ไม่แน่ว่า บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์อาจจะส่งบัตรเชิญมาให้เราสัก

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูดขึ้น ไม่ต้องหรอกจ๊ะ เดี๋ยวคน บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์จะให้คนส่งบัตรเชิญมานั่งคุย ตรงนี้เป็นเพื่อนผมดีกว่า”

อารียาตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะมั่นใจขนาด นี้ ขนาดที่บอกว่าคนบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ส่งบัตร

เชิญมา

ทั้งคู่ยืนคุยเล่นกันอยู่นอกคฤหาสน์ ในใจอารียา รู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เห็นรพีพงษ์ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น เลยแม้แต่น้อย จึงได้แต่ยืนคุยเป็นเพื่อนเขา

ไม่นาน สามทุ่มกว่าแล้ว รพีพงษ์กับอารียากลับ เข้าไปในคฤหาสน์กลุ่มคนต่างยิ้มเยาะมาทางรพีพงษ์ ถามรพีพงษ์ว่า บัตรเชิญอยู่ที่ไหน

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจพวกเขา คะเนจากระยะเวลา แล้ว คนของตระกูลกุลสวัสดิ์น่าจะใกล้ส่งบัตรเชิญ มาถึงแล้วล่ะ

เวลานี้นภทีป์เดินลงมาจากบันได นั่งลงบนโซฟา

ธายุกรยิ้มให้รพีพงษ์แล้วพูดขึ้น“รพีพงษ์ บัตรเชิญ ล่ะ อีกครึ่งชั่วโมง แกก็จะโดนไล่ออกจากบ้านแล้ว นะ”

รพีพงษ์มองไปที่เขา พูดขึ้นไม่นานบัตรเชิญก็ส่ง มาถึงครับ”

ธายุกรหัวเราะเสียงดัง พูดขึ้น แกหลอกล่อใคร น่ะ เมื่อกี้ตอนที่แกออกไป แกไม่ได้ออกจากบ้านไป

แม้แต่ก้าวเดียว แกไม่ได้ไปขอร้องเขาเลย แล้วเขา จะให้บัตรเชิญมายังไง”

“ฉันว่านายน่าจะอยากไล่ฉันออกจากบ้าน

ฉัตรมงคลมากกว่า”

นกทีป์มองรพีพงษ์หน้าบึ้งตึง แววตาเต็มไปด้วย

ความเกลียดชัง
ในตอนที่ธายุกรเพิ่งพูดจบ ชายสวมสูทก็เดินเข้า มาในคฤหาสน์ เขากวาดตามองคนโดยรอบ พูด ขึ้น”คุณท่านนกทีป์คือท่านไหนขอรับ”

“ผมเอง นกที เอ่ยปาก

ชายสวมสูทรีบเดินไปตรงหน้านภทีป์ ส่งบัตร เชิญวิจิตรให้ พร้อมพูดขึ้น“นี่คือบัตรเชิญงานเลี้ยง อาหารค่ำจากตระกูลกุลสวัสดิ์ขอรับ ขอให้คุณท่าน รับไว้ และขอให้คุณท่านนำพาคนในครอบครัวไป ด้วยขอรับ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ