แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่170 จุดอ่อนของรพีพงษ์



บทที่170 จุดอ่อนของรพีพงษ์

ทันใดนั้นพนักงานหลายคนก็ตะลึง แล้วมองไปที่รพี พงษีกับอารียาด้วยใบหน้าที่คาดไม่ถึง

ภูรีก็มึนงง เธอยังคิดอยู่เลยว่าโยษิตาเป็นเจ้าของ ร้านนี้ วันนี้เธอก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว โยษิตาจะ ต้องจัดการรพีพงษ์กับอารียาแทนเธอแน่ๆ

แต่ทว่าเมื่อสักครู่นี้โยษิตากลับบอกว่าทั้งสองคือ หลานชายและหลานสะใภ้ของเธอ นี่ทำเอาเธอชะงัก งั้นทันใด

แม้เธอจะรู้จักกับโยษิตา ความสัมพันธ์ของเค้าต้อง ใกล้ชิดกับหลานชายกว่าอยู่แล้ว

แล้วโยษิตาคือผู้ใหญ่ที่มาจากเมืองเกียวโต มา ตระกูลสุขสวัสดิ์ ก็แค่เพื่อจะได้สะดวกขึ้นเท่านั้น ภูรี เธอสามารถพูดกับโยษิตาได้ ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว

ตอนนี้เธอยั่วโมโหหลานชายของโยษิตา เพียงแค่ คิดก็รู้แล้วว่า โยษิตาจะต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่
อารยาก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์ แบบนี้ขึ้น เมื่อสักครู่เธอวางแผนที่จะให้รฟ์พงษ์ไป ขอโทษฎรีแล้ว ไม่คิดว่าเจ้าของร้านเครื่องประดับจะ พูดว่ารพีพงษ์คือหลานชายของเธอ

“รพีพงษ์ เธอ…..เป็นป้าของคุณหรอ?” อารียาถาม

“ก็ถือว่าใช่” รพีพงษ์ตอบ เขาไม่ได้ยอมรับว่า ตนเองมีความสัมพันธ์กับตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ตอน นี้ก็ไม่สามารถอธิบายให้อารียาเข้าใจอย่างชัดเจน ได้ ดังนั้นจะตอบได้แค่นั้น

อารียาตกใจ ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะมีป้าที่มีพลัง อำานาจได้ขนาดนี้ แล้วราคาของร้านเครื่องประดับนี้ ไม่ถูกแน่ๆ แต่เมื่อเขาเอ่ยว่าซื้อก็ซื้อเลย รู้เลยว่าป้า ของรพีพงษ์คนนี้มีเงินมากขนาดไหน

ตอนนี้อารียาเริ่มรู้สึกแล้วว่ารพีพงษ์ไม่ธรรมดา และก็เข้าใจแล้วว่าทำไมรพีพงษ์ถึงได้มีเงินซื้อวิลล่า กับรถขนาดนั้น

เพียงแค่วันนั้นบุษบากรบอกกับเธอว่ารพีพงษ์สละ ชีวิตที่ร่ำรวยสุขสบาย เพื่อเลือกที่จะอยู่กับเธอที่เมืองริเวอร์ เธอก็ยังคงมีความสงสัยอยู่บ้าง

หากร พงษ์สละชีวิตที่ร่ำรวยสุขสบายเหล่านี้ งั้น ทำไมเขาถึงได้มีเงินมากขนาดนี้หละ?

ในหัวของอารียาเต็มไปด้วยคำถามและคําถาม เธอ รู้สึกว่าเธอยังรู้จักตัวตนของรพีพงษ์น้อยไป

“ต่อไปนี้พวกแกไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ ที่นี่ไม่ ต้องการคนอย่างพวกแก” โยษิตาพูดอย่างไม่ เกรงใจ

ใบหน้าของพนักงานในร้านพวกนั้นเต็มไปด้วย ความเสียใจ แล้วขอความเห็นใจกับโยษิตา “เจ้านาย พวกเรารู้สึกผิดแล้ว พวกเราไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาทั้ง สองมีความสัมพันธ์กับคุณ ได้โปรดยกโทษให้พวก เราสักครั้งนะ”

ราคาเรื่องประดับร้านนี้สูงมาก กำไรก็มากตาม ไปด้วย เงินเดือนของพนักงานเหล่านี้ยังมากกว่าผู้ บริหารระดับสูงของบางบริษัทเสียอีก

พวกเธอไม่อยากเสียงานที่สบายและค่าตอบแทน สูงแบบนี้อยู่แล้ว
โยษิตามองคนพวกนั้นอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าว “ถึงแม้พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์กับฉัน ก็ดูจาก อารมณ์ที่แกมีต่อลูกค้า ยังไงฉันก็ไม่มีทางเอา พวกแกไว้หรอก รีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นอย่าว่าฉันไม่ เกรงใจนะ”

การ์ดที่อยู่หลังโยษิตารีบเดินมาข้างหน้า แล้วเพ่ง ไปที่เหล่าพนักงาน ลักษณะเตรียมพร้อมลงมือในทุก เมื่อ

เหล่าพนักงานพวกนั้นรู้ดีถึงความเก่งกาจของการ์ด โยษิตา ตกใจกลัวขึ้นมาทันทีและไม่กล้าดื้อดึงอีกต่อ ไป รีบวิ่งออกจากร้าน กับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความ เสียใจ

หลังจากพนักงานที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ในใจ ล้วนแล้วแต่ยินดี ดีตรงที่พวกเธอไม่ได้เข้าไปมีส่วน ร่วมตรงนั้น ไม่งั้นก็ต้องโดนไล่ออกไปด้วย

หลังจากที่พนักงานบางส่วนถูกไล่ออก โยษิตาก็หัน ไปมองภูรี

ตอนนี้ร่างภูรีเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอรู้ว่าโยษิตาเป็นผู้หญิงที่ฝีมือแข็งแกร่งคนหนึ่ง คนที่ยั่วโมโหเธอ ไม่มีจบด้วยดี

“คุณโยษิตา ฉัน…ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าสอง คนนี้คือหลานชายและหลานสะใภ้ของคุณ ได้โปรก เมตตากรุณาฉันด้วยเถิด ไว้ชีวิตฉันสักครั้งเถิด” ภูรี กล่าว

ในใจเธอกำลังคิด ยังไงตัวเองก็คือสะใภ้ของหลัก ตระกูลสุขสวัสดิ์ ไม่ว่ายังไงโยษิตาก็ต้องไว้หน้า เธอบ้างแหละ ไม่มีทางกระทำกับเธอแบบที่ทํากับ พนักงานพวกนั้นหรอก

ฉันเป็นพวกที่รําคาญคนที่รังแกพวกที่อ่อนแอกว่า เมื่อกี้ต่างหูคู่นั้นพวกเขาเป็นคนเลือกก่อนใช่ไหม? โยษิตากล่าว

“ใช่….ใช่” กูรีตอบอย่างรู้สึกผิด

โยษิตายกมือขึ้นมา แล้วตบไปที่หน้าของภูรีหนึ่ง ฉาด แล้วกล่าว “ตบฉาดนี้เพื่อสั่งสอนเรื่องที่เธอไม่ ถือมาก่อนได้ก่อน”

ภูรีตาโตขึ้นมาทันที ไม่คาดคิดว่าโยษิตาจะลงมือกบเธอจริงๆ

แต่ทว่าเธอก็ไม่กล้าพูดอะไร ตระกูลลัดดาวัลย์แห่ง เกียวโต ไม่ใช่ที่ตระกูลสุขสวัสดิ์สามารถยั่วโมโหได้

“เมื่อกี้แกจะให้บอดี้การ์ดของแกลงมือกับพวกเขา ทั้งคู่ใช่ไหม?” โยษิตาถามต่อ

“ใช่…..ใช่” กรีก้มหน้าตอบ

โยษิตาตมไปอีกหนึ่งฉาด โดนไม่ไว้หน้าแต่อย่าง

ใด

“ฉาดนี้เพื่อสั่งสอนแกที่บังอาจมาขมขู่เรื่องความ ปลอดภัยของหลายชายและหลานสะใภ้ของฉัน” โย ษิตากล่าว

ภูริแทบจะพังเป็นเสี่ยงๆ เขาอยู่ชนชั้นระดับสูงของ เมืองริเวอร์มานาน ไม่เคยเลยที่จะต้องมาเผชิญกับ เรื่องเจ็บปวดขนาดนี้ แม้กระทั่งโดนคนตบหน้าไป สองฉาด สําหรับเธอแล้วเหมือนได้เอาชีวิตของเธอ ไปโดยสิ้นเชิง
“รถข้างนอกแกเป็นคนทำใช่ไหม?” โยษิตาถามอีก

ครั้ง

ภูรีเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เธอรู้ว่าถ้าเธอบอก ว่าใช่ล่ะก็ โยษิตาจะต้องตบเธอเป็นแน่

“คุณโยษิตา ไม่งั้นก็พอดีกว่า คุณตบฉันไปสอง ฉาดแล้ว ระบายอารมณ์ก็ระบายออกมาแล้ว ยังไง ฉันก็มีเกียรติ คุณทําแบบนี้ สำหรับฉันนั้นมันชั่งงาม หน้าเหลือเกิน ภูรีกล่าว

โยษิตา นปาก แล้วกล่าว “แกยังรู้จักขายหน้าด้วย หรอ? ตอนที่แกยั่วโมโหคนอื่นทำไมไม่คิดว่าคนอื่น จะอับอายล่ะ? เกียรติทั้งหมดของแก ในสายตาฉัน มันไม่มีค่าใดๆเลย”

“ตอบฉันมา รถที่อยู่ข้างนอกแกเป็นคนพังมันใช่ ไหม?”

ภูรีตัวสั่นไปทั้งตัว สุดท้ายก็พยักหน้า

โยษิตาตบเข้าให้อีกฉาด หน้าของภูรีเริ่มบวมขึ้นมา ไม่มีความยโสโอหังของเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาอีกต่อไป
อารียากำลังมองไปที่กรีที่ไร้เหตุผลทันใดนั้นก็ เปลี่ยนเป็นล้มอย่างไม่เป็นท่า ในใจก็ได้คลายความ โกรธออกมาบ้างแล้ว มีความรู้สึกที่ดีไม่น้อยต่อโฆษ ตาขึ้นมาทันที

“รพีพงษ์ ป้าคนนี้ของคุณดีจัง ฉันได้ยินบุษพูดว่า เธออยากพาคุณกลับไป แต่โดนคุณปฏิเสธ ทำไม คุณถึงปฏิเสธเธอล่ะ?” อารียาหันไปถาม

รพีพงษ์มองไปที่อารียา แล้วกล่าว “นี่เป็นเพียงสิ่ง ที่เธอตั้งใจทำให้คุณเห็นเท่านั้นแหละ ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เธอคิดไว้ รอให้เธอเข้าใจเธอ จริงๆเสียก่อน เธอร้ายยิ่งกว่างูพิษที่มีพิษอีก

รพีพงษ์ไม่ได้พูดเรื่องที่โยษิตาใช้บุษบากรเป็น เครื่องมือ ถ้าอารียารู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ ไม่มีทางมองโย ษิตาแบบนี้เป็นแน่

พียงแค่รพีพงษ์ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้รบกวนจิตใจ ของอารียา ดังนั้นจึงไม่บอกเธอ สำหรับเธอแล้วก็ถือ เป็นการปกป้องอย่างหนึ่ง

ใบหน้าของโยษิตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ ไม่ เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์จึงได้พูดแบบนี้
สรุป เธอก็ยังรู้สึกดีๆต่อป้าคนนี้ของรพีพงษ์

หลังจากที่โยษิตาตบภูรีเข้าไปสามฉาดแล้ว ภูรีศิล ว่าตัวเองไม่น่าจะถูกทำโทษใดๆแล้ว เลยโล่งใจขึ้น มา

ตอนนี้โยษิตาก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง แล้วตบไปที่หน้า ของเธอ

ทันใดนั้นกูรีก็รู้สึกพังยับเยิน หน้าอันเศร้าโศกของ เขามองไปที่โยษิตา แล้วถาม “นี่…….ฉาดนี้ ลงโทษ อะไรอีก?”

“ลงโทษที่เมื่อกี้แกกล้าต่อปากต่อคำกับฉัน แกไม่ดู สถานะตัวเองบ้างหรอ ต่อไปถ้ากล้าจะต่อปากต่อคำ อีก ก็สำนึกถึงสถานะของแกเอาไว้ให้ดี” โยษิตากล่า วอย่างเยือกเย็น

ภูรีรีบพยักหน้า ตอนนี้เธอไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย ไม่งั้นโยษิตาจะต้องหาเหตุผลมาลงโทษสั่งสอนเธอ อีกเป็นแน่

หลังจากที่จัดการโยษิตาแล้ว โยษิตาเดินไปที่รพี พงษ์และอารียา ถามอย่างเป็นห่วงว่า “เธอทั้งคู่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

รพีพงษ์หัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วมองไปที่เธอ แล้วกล่าว ไม่ต้องมารู้สึกผิดตรงนี้เลย นี่ไม่ใช่คุณ

โยษิตาก็ไม่โกรธ เพียงแค่ยิ้ม แล้วมองไปที่อารียา แล้วกล่าว “เธอคืออารีสึนะ หน้าตาสวยงามมากจริงๆ เหมาะสมกับรพีพงษ์

อารียาหน้าแดงขึ้นมา มีความรู้สึกเหมือนได้เจอผู้ ปกครองของรพีพงษ์

คุณป้าก็ล้อเล่นไป” อารียาตอบกลับ

“เจอกันครั้งแรก ฉันก็ไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ ร้าน นี้ฉันได้ซื้อไว้แล้ว เธอดูละกันว่าอยากได้อะไร เลือก ได้ตามใจ ไม่ต้องเกรงใจ” โยษิตากล่าว

พนักงานที่อยู่ในมุมของร้านใบหน้าต่างเต็มไปด้วย ความอิจฉา สามารถหยิบอะไรไปก็ได้ที่ร้านนี้ ถือว่า เป็นของขวัญที่พระเจ้าบันดาลให้จริงๆ

เครื่องประดับใดๆสักอย่าง ล้วนก็เริ่มต้นที่หลาย หมื่นหยวนทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงของที่ราคาแสนกว่าขึ้นไป

“คุณป้าเกรงใจเกินไปแล้ว อีกอย่างของที่นี่แพง ขนาดนี้ ฉันจะเอาไปแบบตามใจได้อย่างไรกัน” อารี ยากล่าว

ยษิตาหัวเราะ แล้วกล่าว “ของพวกนี้ไม่เท่าไหร่ หรอก ฉันเลือกให้เธอละกัน บอกก่อนนะ นี่คือของ ขวัญที่ฉันให้เธอครั้งแรก เธอห้ามปฏิเสธนะ

พีพงษ์เห็นดังนั้น ก็ไม่ได้ห้าม เขารู้ว่าโยษิตาไม่ได้ เอาสิ่งของพวกนี้ไว้ในสายตาเลย

ยังไงพวกเขาก็มาซื้อเครื่องประดับ ในเมื่อโยษิตา อยากให้ งั้นเขาก็ไม่เกรงใจละกัน

ในมือของอารียามีของอยู่ประมาณสิบกว่าอย่าง ข้างในล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องประดับที่แพงที่สุดของ ทางร้าน ยังไงก็หลายล้านอยู่แล้ว

อารียาเห็นโยษิตายังให้พนักงานเก็บใส่กล่อง ก็ รีบห้ามอย่างเร็ว “คุณไม่ต้องใส่กล่องแล้ว นี่ก็มาก พอแล้ว แล้วยังมีค่ามากด้วย ถ้ายังใส่อีก ฉันจะไม่ เอาสักอย่างแล้ว”โยษิตาได้ยินอารียาพูดแบบนี้ ก็หัวเราะ แล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นอย่างนี้ละกัน เธอก็อย่ารังเกียจ ของเล็กๆน้อยๆทั้งนั้น ไม่ได้มีค่าขนาดนั้น

อารียารีบพยักหน้า แล้วกล่าว “พวกนี้ก็มีค่ามาก แล้ว คุณป้าอย่างพูดแบบนั้น

โยษิตาหัวเราะพลางกล่าว “รออีกแปป อีกสองสาม วัน ฉันยังมีของขวัญชิ้นใหญ่มอบให้เธอ

อารียารีบปฏิเสธ แล้วกล่าว ไม่ต้องให้แล้ว แค่นี้ก็ พอแล้ว”

ในใจอารียาเต็มไปด้วยความแปลกใจ เริ่มคิดไม่ ออกแล้วว่าป้าคนนี้ของรพีพงษ์แท้จริงแล้วเป็นคนยัง ไงกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะพูดว่าของราคาหลักล้านก ว่าๆไม่ถือเป็นของมีค่า แล้วยังไงถึงจะถือว่ามีค่า

รพีพงษ์เห็นว่าหยิบมาพอสมควรแล้ว ก็ได้พูดกับ อารียาว่า “พวกเรากลับกันเถอะ”

อารียาพยักหน้า แล้วก็กล่าวขอบคุณต่อโยษิตา สองสามครั้ง
หลายๆคนเดินออกจากร้านพร้อมกัน ภูริเดินตาม หลังด้วยใบหน้าเศร้าโศก เธอรู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เธอทุบรถของรพีพงษ์แล้ว โยษิตาไม่ให้เธอไปง่ายๆ แบบนี้แน่ๆ

อารียาเห็นรถโดนทุบเสียหายแล้ว ใบหน้าเจ็บปวด ใจ แล้วกล่าว “นี่จะทำยังไงดี พวกเราทำได้เพียง เรียกแท็กซี่กลับแล้วล่ะ”

โยษิตามองไปที่ภูรี แล้วกล่าว แกทำรถคนอื่นฟัง แกพูดสิว่าจะทำยังไง?

คุณโยษิตา คุณสบายใจได้ ฉันจะชดใช้เงิน แน่นอน ถึงแม้ต้องซื้อรถคันใหม่ให้พวกเขาก็ไม่มี ปัญหา” ภูรีกล่าว

โยษิตามองไปยังที่ปอร์เช่911คันนั้นของภูรี แล้ว กล่าว “รถปอร์เช่คันนั้นของแกเพิ่งจะซื้อมาใหม่ใช่ ไหม?”

ภูรีพยักหน้า

“ราคาเท่าไหร่?”
“……ลํานกว่า” ภูรีพอจะเดาออกว่าโยษิตา จะ ทำอะไร ในใจตกใจขึ้นมาทันที

แกทุบรถของพวกเขาพัง แกทําผิดก่อน แกเสีย ” เปรียบสักหน่อย สมควรแล้ว รถคันนี้ของแกให้รฟั พงษ์ละกัน เดี่ยวให้คนทำเรื่องเอกสารซะ ตอนนี้ให้ รพีพงษ์พวกเขาขับรถคันนี้ของแกกลับไปก่อน” โยษิ ตากล่าว

“คุณโยษิตา…” ใบหน้าภูรีเต็มไปด้วยความไม่ เต็มใจ รถคันนี้เธอเพิ่งซื้อมาได้สองวัน ยังไม่ได้ทัน ขับเลย จะมอบให้คนอื่นได้อย่างไร

“ทําไม แกไม่ยอม?” เสียงของโยษิตาเริ่มเปลี่ยน เป็นเยือกเย็นแล้ว

ภูรีเห็นดังนี้ จึงรีบพยักหน้า แล้วกล่าว “ฉันยอม ฉัน ยอม

งั้นก็เอากุญแจมา” โยษิตากล่าว “

ภูรีเอากุญแจของปอร์เช่ออกมา แล้วส่งให้โยษิตา

โยษิตาเอากุญแจยื่นให้รพีพงษ์ รพีพงษ์คิดๆดูแล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะความจริงเขาก็อยากจะสั่งสอน ภูริอยู่แล้ว ตอนนี้โยษิตาสั่งสอนแทนเขาแล้ว ก็มีค่า เท่ากัน

อารียาแปลกใจจนเกินจะอธิบาย เธอไม่คิดมาก่อน เลยว่า เลนจ์โลเวอร์ราคาหนึ่งล้านของพวกเขา หัน กลับมาจะกลายเป็นปอร์เ ราคา ล้านกว่าแล้ว นี่มัน ความฝันชัดๆ

รพีพงษ์ให้อารียาถือของขึ้นรถ จากนั้นก็ขับรถ ปอร์เช่ออกไป

โยษิตาหลับตาสักครู่ แล้วยิ้ม “ดูแล้วจุดอ่อนของ แกก็คืออารียาสินะ ต่อไปถ้าจำเป็น ก็ต้องหลอกใช้ดู บ้างล่ะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ