แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 72 คุกเข่าลงเสียงดังตับ



บทที่ 72 คุกเข่าลงเสียงดังตับ

บทที่ 72 คุกเข่าลงเสียงดังตับ

ชายร่างใหญ่กระแทกโต๊ะอย่างจัง เขามองลูกเต๋ำ 12 ลูก ที่อยู่ฝั่งรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ

เขาคิดว่าทักษะการทอยลูกเต๋ของเขามันน่าทึ่งมาก แต่เขาไม่สามารถทำให้ลูกเต๋ 12 ลูกเรียงเป็นแถวตั้ง เรียงขึ้น แถมแต้มบนลูกเต๋าก็เป็นจำนวนแต้มน้อยที่สุด

เรื่องแบบนี้มีแต่ในทีวีเท่านั้นแหละ เขาไม่เชื่อ อีกอย่าง การทอยลูกเต่าไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น แต่ตอนนี้ภาพ นั้นมันกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ

หลังจากที่คนรอบๆ เห็นลูกเต๋ที่อยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ ต่างก็พากันอ้าปากค้างแล้วมองไปยังรพีพงษ์อย่างไม่ อยากจะเชื่อ

ไตรทศกับธฤตญาณก็ตกตะลึง พวกเขานึกว่ารพีพงษ์ จะไม่สามารถชนะชายร่างใหญ่ได้ ไม่คิดว่าฝีมือการทอย ลูกเต๋ของรพีพงษ์จะเจ๋งกว่าชายร่างใหญ่เสียอีก

“ไอ้หมอนี่ ยังมีความสามารถอีกกี่อย่างที่ยังซ่อนไว้อยู่ อีกนะ” ธฤตญาณพูดพึมพำ

“ฉันไม่นับ เราแข่งกันเรื่องจำนวนตัวเลข ถึงนายจะเอา มันซ้อนกันก็ไม่ได้

ชายร่างใหญ่เดินเข้าไปหารพีพงษ์ แล้วเอาลูกเต๋าของ เขามาทีละลูก จากนั้นเขาก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น ด้าน ล่างของลูกเต๋ำเป็นแต้มเดียวทั้งหมด

ถ้านับแบบไม่คิดอะไร เขากับรพีพงษ์มีคะแนนเท่ากัน แต่ด้านฝีมือเขาแพ้รพีพงษ์แล้ว

ชายร่างใหญ่โลดแล่นในวงการกาสิโนมาหลายปี นี่เป็น ครั้งแรกที่เขารู้สึกฟ่ายแพ้

“ถ้าคุณไม่พอใจ ครั้งนี้ก็ถือว่าเสมอกัน เราจะแข่งอย่าง อื่นกันก็ได้” รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น

เห็นได้ชัดว่าชายร่างใหญ่ไม่พอใจ เขาพูดออกมาทันทีว่า “ได้ งั้นฉันจะแข่งอย่างอื่นกับนาย!”

พูดจบ เขาก็เดินไปทางโต๊ะพนันที่อยู่ภายในกาสิโน

รพีพงษ์เดินตามไปเช่นกัน ทั้งสองคนเริ่มเล่นพนันใน รูปแบบต่างๆ

คนโดยรอบต่างพากันส่งเสียงเชียร์ไม่หยุด ชื่นชมฝีมือ การพนันของรพีพงษ์

สีหน้าของชายร่างใหญ่ยิ่งดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ แพ้ รพีพงษ์ก็จะให้เขาถอดเสื้อออกหนึ่งชิ้น สุดท้ายบน ตัวของชายร่างใหญ่ก็เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว

การพนันรอบสุดท้ายสิ้นสุดลง รพีพงษ์ยิ้มมุมปากอย่าง ร้ายกาจแล้วหันไปมองชายร่างใหญ่

เขามีสีหน้าสิ้นหวังจากนั้นก็เดินมาหารพีพงษ์ กัมหน้า ไม่พูดอะไรสักคำ

“เซียนพนันเป็นอะไรไปแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าแพ้แบบน่าสังเวชแล้วจะทำร้ายหรอกนะ”

“ดูจากรูปร่างเขาแล้ว ถ้าเขาจะมีเรื่อง ไอ้หมอนั่นสู้เขา ไม่ได้แน่ๆ”

“ซวยแล้ว ซวยแล้ว เซียนพนันโมโหแล้ว พวกเรารีบหนี เร็ว!”

รพีพงษ์จ้องชายร่างใหญ่ จากนั้นเขาก็หรี่ตาลง ไม่รู้ว่า เซียนพนันคนนี้จะทำอะไร

ไตรทศเอาตัวมาบังรพีพงษ์ไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ยะเยือก “ไอ้อ้วน ยอมพนันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ถ้าแพ้แล้วจะทำร้ายคนอื่น ฉันก็จะให้นายได้ลิ้มรสหมัด เหล็กแห่งความยุติธรรมว่ามันเป็นยังไง!”

ชายร่างใหญ่ไม่พูดอะไรสักคำ เขาเดินเข้ามาหารพี พงษ์จากนั้นก็กำมือทั้งสองข้าง

ไตรทศเข้าใจว่าเขากะจะทำร้ายรพีพงษ์ จึงยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อเตรียมจะต่อสู้

ทันใดนั้นเอง จู่ชายร่างใหญ่ก็คุกเข่าลงเสียงดังตับต่อ หน้าของรพีพงษ์ จากนั้นก็กอดขาของเขาแน่นแล้วพูด ด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “อาจารย์ รับผมเป็นลูกศิษย์เถอะ ผมรับรองว่าต่อจากนี้จะเชื่อฟังคุณ ขอแค่คุณสอนทักษะ การพนันให้กับผมและไม่ให้ผมถอดกางเกงในออก”

ผู้คนโดยรอบต่างพากันอึ้ง ทั้งกาสิโนเต็มไปด้วยความ เงียบ

หลังจากนั้นผู้คนต่างก็พากันหัวเราะ พวกเขาคิดไม่ถึง จริงๆ ว่าเซียนพนันที่ดูน่าเกรงขามจะยอมทำเช่นนี้

หนำซ้ำตอนนี้บนตัวของชายร่างใหญ่ก็เหลือเพียง กางเกงในแค่ตัวเดียว การพนันรอบสุดท้ายเขาก็แพ้ ถ้า พูดตามหลักเหตุผลแล้วกางเกงในตัวนี้เขาก็ควรจะถอด มันออกเช่นกัน

ใครๆ ก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะยอมคุกเข่าอ้อนวอนรพีพงษ์ เพื่อรักษากางเกงในที่เหลืออยู่บนตัวเขาเอาไว้
รพีพงษ์ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าระบบความคิดของชายร่าง ใหญ่จะแปลกประหลาดเช่นนี้ เขาทำตัวไม่ถูกไปพักหนึ่ง

“เอ่อ…คุณลุกขึ้นมาก่อนแล้วค่อยคุยกันดีไหม” รพีพงษ์ พูด

“ถ้าอาจารย์ไม่ตอบตกลง ผมก็จะไม่ลุก” ชายร่างใหญ่ พูดด้วยความเยอหยิ่ง

รพีพงษ์ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เห็นคนรูปร่างใหญ่ ขนาดนี้มาทำท่าทีอย่างนี้ต่อหน้าเขา มันทำให้เขารับไม่ ได้จริงๆ

“เอ่อ..งั้นคุณลุกขึ้นมาก่อนเถอะ กางเกงในก็ไม่ต้อง ถอดแล้ว” รพีพงษ์พูด

ชายร่างใหญ่รีบลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วยิ้มให้กับรพีพงษ์ จากนั้นก็รีบไปสวมเสื้อผ้า

“อาจารย์ หลังจากนี้เป็นต้นไป ผมจะเชื่อฟังคุณ คุณให้ ผมทำอะไร ผมก็จะทำทุกอย่าง” หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ชายร่างใหญ่ก็พูดกับรพีพงษ์ด้วย ความนอบน้อม

รพีพงษ์หยักหน้าแล้วพูดว่า “ต่อจากนี้อย่าเปิดกาสิโน อีกเลย ไปทำงานกับธฤตญาณเถอะ เขาจะทำให้คุณได้ ใช้ความสามารถของตัวเองได้อย่างเต็มที่”

“ครับ อาจารย์!” ชายร่างใหญ่ตอบกลับ

ไตรทศมองชายร่างใหญ่ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็มอง ไปยังธฤตญาณแล้วเขาก็หลุดหัวเราะออกมา

“นายหัวเราะอะไร” รพีพงษ์เอ่ยถาม

“ผมกำลังคิดว่า เรายังขาดม้ามังกรขาวอีกสักตัว ก็ สามารถไปเอาพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีปได้แล้ว” ไตรทศ พูด

“นายพูดไร้สาระอะไร” ธฤตญาณเอ่ยขึ้น

“นายดูสิ พี่รพีเป็นพระอาจารย์ นายเป็นซุนหงอคงชายร่างใหญ่เป็นคือโป๊ยก่าย ส่วนฉันคือชัวเจ๋ง ขาดแค่ ม้ามังกรขาว” ใครทศพูดแล้วหัวเราะ

ชายร่างใหญ่ได้ยินสิ่งที่ไตรทศพูดก็จ้องเขาเขม็ง จาก นั้นก็ค่าออกมาว่า “นายสิดีอโป๊ยก่าย ฉันคือแม่ทัพเทียน ฝง!”

“เกือบได้ๆ” ไตรทศพูดแล้วหัวเราะ

หลังจากปราบคือโป๊ยก่ายเรียบร้อย รพีพงษ์ให้ชายร่าง ใหญ่ไปสถานบันเทิงสตาร์กายกับไตรทศและธฤตญาณ ส่วนตัวเขาเองรีบกลับไปที่บ้าน

ก่อนหน้านี้เขากลับบ้านดึกน้อยมาก ถึงแม้จะรู้ว่าอารียา อาจจะไม่สนใจว่าเขาจะกลับบ้านดึกหรือไม่ แต่เขากลับ รู้สึกว่าตัวเองต้องกลับบ้านให้เร็ว

หลังจากที่เข้ามาในบ้าน ศศินัดดากับศักดาเข้านอน เรียบร้อยแล้วรีบไปอาบน้ำอย่างเร็วที่สุด จากนั้นก็กลับ เข้าไปในห้องนอน

อารียากำลังนอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนว่าจะหลับไปแล้ว รพีพงษ์ปิดประตูอย่างเบามือ จากนั้นเขาก็กะว่าจะ นอนลงข้างๆ อารียา

ครั้งก่อนตั้งแต่อารียาอนุญาตให้เขาขึ้นมานอนบนเตียง รพีพงษ์ก็ไม่ได้ลงไปนอนบนพื้นอีก

ขณะที่รพีพงษ์กำลังจะเอนตัวนอนลง จู่ๆ อารียาก็พูด ขึ้นมาว่า “นายไปนอนบนพื้น”

รพีพงษ์อั้งไป คิดไม่ถึงว่าดึกขนาดนี้แล้วอารียายังไม่

นอน

“ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนอีกเหรอ” รพีพงษ์เอ่ยปาก

ถาม

“เหอะ ไม่ใช่เพราะนายหรอก” อารียาพูดด้วยน้ำเสียง

โกรธเคือง

ตั้งแต่ที่รพีพงษ์ออกไปเธอก็คิดวุ่นวายไปหมด การ ที่นอนไม่หลับก็เพราะเขา ที่พูดไปเมื่อกี้ก็แค่โกรธ

รพีพงษ์รู้สึกประหลาดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้เธอโกรธถึงขนาดนี้

หรือว่าจะมีประจำเดือน

น่าจะใช่ ได้ยินมาว่าคนที่มีประจำเดือนจะอารมณ์ แปรปรวน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะไม่ทำให้เธอ หงุดหงิด

รพีพงษ์ปูที่นอนเงียบๆ กะจะนอนที่ฟื้นสักคืน

อารียาเห็นว่ารพีพงษ์ไปนอนบนพื้นจริงๆ ในใจเธอฟัน ธงว่าเขาไปทำอะไรผิดมาแล้วกลัวว่าเธอจะรู้ ไม่งั้นทำไม เธอพูดแค่ประโยคเดียว เขาก็ลงไปนอนบนพื้นแล้ว

เธอยิ่งรู้สึกน้อยใจเข้าไปใหญ่ น้ำตาคลออยู่ที่เข้าตา

โอ๊ย เกลียดจริงๆ ไอ้หมอนี่จะออกไปทำอะไรแล้วมัน เกี่ยวอะไรกับฉัน ทำไมฉันต้องเสียน้ำตาให้หมอนั่นด้วย ประหลาดจริงๆ

อารียากลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอพลิกตัวกลับไปเพราะไม่อยากให้รพีพงษ์เห็น

เดี๋ยวถ้าไอ้หมอนี่อธิบายกับเธอว่าไปทำอะไรมา ไม่แน่ เธออาจจะให้อภัยเขาก็ได้

รพีพงษ์เห็นท่าทีของอารียา ก็คิดว่าเธออาจจะไม่สบาย เขาจึงไม่ไปรบกวนเธอแล้วนอนบนพื้นอย่างเงียบๆ

เวลาผ่านไป อารียาเห็นว่ารพีพงษ์หลับไปแล้ว น้ำตา ของเธอไหลออกมาเพราะความน้อยใจ

คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะหมดรักขนาดนี้ เธอน้อยใจมาก เขากลับไม่ถามไถ่อะไร แถมยังให้เธอแบกรับความเศร้า ดูเหมือนว่าเธอมองเขาผิดไปแล้ว

เดิมที่เธอเข้าใจว่าความรู้สึกระหว่างเธอกับเขา ค่อยๆ เริ่มดีขึ้นแล้ว ดูท่าว่าเธอจะคิดไปเองคนเดียว

อารียาเจ็บปวดใจตลอดทั้งคืน ในที่สุดเธอก็หลับไปด้วย ความเหนื่อยล้า
เช้าวันต่อมา อารียาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดที่ เดวงตา เมื่อคืนเธอร้องไห้อยู่พักใหญ่ แต่น่าเสียดายที่รพี พงษ์ไม่รู้

เธอกำลังจะลงจากเตียงด้วยความรู้สึกผิดหวัง ขณะนั้น เองเธอก็เห็นว่ามีน้ำหวานสีแดงวางอยู่ที่หัวเตียง

อารียารู้สึกแปลกใจ เธอไม่ได้มีประจำเดือน ใครเป็นคน เอาน้ำหวานมาวางไว้กันนะ

จากนั้นประตูห้องนอนก็เปิดออก รพีพงษ์ยกโจ๊กเข้ามา ในห้อง

“คุณตื่นแล้วเหรอ มากินโจ๊กให้ร่างกายอุ่นขึ้นก่อน” รพี พงษ์เห็นว่าอารียาตื่นแล้วก็รีบพูดขึ้นมา

อารียาคิดในใจว่ารพีพงษ์ไปทำความผิดมาแล้วกลัวว่า เธอจะรู้จึงทำดีกับเธอ เธอไม่ยอมโดนเขาหลอกหรอก

“เหอะ อย่าคิดว่าเอาใจฉันแล้วฉันจะไม่สนใจความไม่ ละอายใจของนายนะ รพีพงษ์ ต่อจากนี้ไปนายก็ใช้ชีวิตของนาย ฉันก็ใช้ชีวิตของฉัน เราจะไม่ก้าวก่ายชีวิต ของกันและกัน จะได้ไม่หงุดหงิดใจ” อารียาพูดขึ้น

รพีพงษ์มีสีหน้ามึนงง ไม่รู้ว่าอารียาเป็นอะไร เขาเอ่ย ปากถามขึ้น “คุณมีประจำเดือนเลยทำให้อารมณ์ไม่ดีใช่ ไหม”

“นายสิมีประจำเดือน อย่ามาหาข้ออ้างอะไรต่อหน้าฉัน” สีหน้าของอารียาทั้งโกรธทั้งอายจนแทบอยากจะกัดเขา

“ไม่ใช่ประจำเดือน แล้วทำไมคุณถึงโกรธขนาดนี้ล่ะ” รพีพงษ์ถามอย่างไม่เข้าใจ

“เหอะ นายถามตัวเองเถอะ รพีพงษ์ การที่นายออกไป หาผู้หญิงฉันไม่สนหรอกนะ เรื่องนี้ฉันต้องขอโทษนาย ด้วยซ้ำ แต่ว่าต่อจากนี้นายก็อย่าถามเรื่องของฉันให้มาก เกินไป” อารียาพูดพลางน้ำตาก็คลออยู่ที่เบ้าตา

รพีพงษ์ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ “หาผู้หญิงงั้นเหรอ คุณกำลังพูดอะไร”

“นายยังจะแกล้งโง่อีก เมื่อคืนนายออกไปหาผู้หญิง ไม่ใช่เหรอ” อารียาพูดอย่างหงุดหงิด

รพีพงษ์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาพูดขึ้นมาว่า “ผมบอกกับคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไปช่วยเพื่อนทำธุระ ผมจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง”

“ถ้าคุณไม่เชื่อ ให้ผมสาบานได้เลย ถ้าผมทำเรื่องที่น่า ละอายจริง หลังจากนี้ขอให้ผมไร้ผู้สืบสกุล!”

อารียาเห็นว่าเขาสาบานร้ายแรงขนาดนี้ จู่ๆ เธอก็ ตระหนักได้ว่าเธออาจจะเข้าใจผิดเขา

“จะจริงเหรอ” อารียาเอ่ยถาม

“จริงแน่นอน ในสายตาของผมมีเพียงคุณเท่านั้น ผมจะ ไปหาผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง” รพีพงษ์พูดขึ้น

อารียาเหมือนยกภูเขาออกจากอก เธอรู้สึกโล่งจนบอก ไม่ถูก
รพีพงษ์เห็นท่าทีของเธอ จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นว่า “เพราะ แบบนี้คุณเลยหึงเหรอ”

“หึงอะไร เหอะ ฉันก็แค่ถามเท่านั้น” หน้าของอารี ยาแดง ก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย

รพีพงษ์เห็นท่าทางน่ารักของเธอ ใจของเขาก็เต้นแรง ขึ้นมาทันที สายตาของเขามองไปที่ริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปหาเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ