แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่314 แย่งช่อดอกไม้



บทที่314 แย่งช่อดอกไม้

บทที่314 แย่งช่อดอกไม้

พลบค่ำ รพีพงษ์กับอารียารีบกลับเข้าบ้านไปด้วยกัน

ระหว่างทางอารียาเหมือนมีเรื่องอะไรในใจอยู่ ก้มหน้ามาโดย ตลอด แก้มแดงระเรื่อ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่บ้าง

รพีพงษ์เห็นอารียาเป็นแบบนี้ แปลกใจอยู่บ้าง จึงเอ่ยปาก ถาม “ที่บริษัทยังมีปัญหาอะไรไม่ได้จัดการเหรอ? ทำไมรู้สึกว่า ลักษณะของคุณเหมือนมีเรื่องในใจ?”

อารียาถูกถามขนาดนี้ แก้มยิ่งเขินอายแดงขึ้นมา รีบส่ายหน้า บอก “ไม่มีแล้ว ฉันเพียงแต่…..

“เพียงแต่อะไร?” รพีพงษ์ถาม

“เพียงแต่……..ไม่บอกนายหรอก” อารียาเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่ง

ยโส

รพีพงษ์ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี นึกไม่ถึงว่าอารียาจะมาลีลา มากเรื่องกับเขาแล้ว

“รพีพงษ์ ครั้งที่แล้วนายบอกว่าเพราะสาเหตุของการอาบน้ำ
ที่ผสมยา นายเลยไม่สามารถทำ………เรื่องแบบนั้น ต้องใช้เวลา ประมาณหนึ่งเดือน ตอนนี้หนึ่งเดือนแล้วรึยัง?” อารียาเอ่ยปาก ถามกะทันหัน

รพีพงษ์ตะลึง ถึงแม้ภายในจะเข้าใจว่าอารียากำลังคิดอะไรอยู่ บนใบหน้าก็เผยท่าทางที่ดีใจอย่างหนักออกมาแล้ว

อารียาถามคำถามนี้ เห็นได้ชัดว่าอยากทำเรื่องแบบนั้นกับเขา แต่ว่าสิ่งที่ทำให้รพีพงษ์จำใจอยู่บ้างคือ เวลาเดือนหนึ่งที่ห่างจาก ช่วงอาบน้ำผสมยายังขาดอีกไม่กี่วัน ดังนั้นถึงแม้อารียาจะถามใน ตอนนี้ เขาก็ไม่มีทางทำได้

แต่ว่าช่วงเวลาไม่กี่วันเท่านั้นเอง สำหรับรพีพงษ์ไม่ถือว่าเป็น อะไร หลายปีขนาดนี้ยังทนผ่านมาได้ ต้องอดทนอีกไม่กี่วันก็ไม่ เป็นอะไร

“ยังเหลืออีกไม่กี่วัน คุณทนไม่ไหวอยู่หน่อยแล้วใช่รึเปล่า?” รพี พงษ์ยิ้มถาม

อารียารีบยื่นมือไปหยิกรพีพงษ์สักหน่อย พูดแบบอายปนโมโห “นายสิถึงทนไม่ไหว ฉันก็แค่ถามไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง หน้าไม่ อายจริงๆ”

“หน้าของคุณฟ้องออกมาหมดแล้ว” รพีพงษ์พูดแบบอิ่มอกอิ่มใจ

มาก
อารียารีบยื่นมือปิดหน้าของตนเองเอาไว้ทันที ทําเสียงดฮัด อย่างโมโหอยู่บ้าง คิดว่ารพีพงษ์เก่งก็ช่างเก่งเกินไปแล้ว แต่ว่า ธรรมชาติของผู้ชายแท้นี้ก็ชัดเจนมาก เวลาแบบนี้เจ้าหมอนี้ไม่ ควรพูดคําพลอดรักอะไรที่ยั่วเย้าตนเองหน่อยเหรอ

ทำไมเขาถึงชอบเปิดโปงตนเองมากขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังบนหน้าที่ได้ใจพวกนั้นมีความหมายหลายอย่าง สมน้ำหน้า จริงที่หลายปี นายอัดอั้นมาตลอด

ระหว่างทางตอนที่สองคนผ่านโรงแรมแห่งหนึ่ง มองเห็นที่หน้า ประตูโรงแรมประดับโคมไฟและป้ายสีสัน หน้าประตูยังติดอักษร มงคลไว้ ด้านในน่าจะมีบ่าวสาวคู่หนึ่งกำลังจัดพิธีแต่งงาน

ตอนที่อารียาเดินมาถึงตรงนี้ ค่อยๆหยุดลงมา ดวงตาทั้งสอง ข้างมองเข้าไปทางด้านในโรงแรม บนหน้าเผยอารมณ์ที่ซับซ้อน นิดๆ ออกมา

รพีพงษ์ก็หยุดลงมาตามอารียา หลังมองเห็นอารมณ์ในสายตา ของอารียาที่เผยออกมา ในใจรพีพงษ์สั่นเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นก็ เข้าใจว่าอารียากำลังคิดอะไรอยู่

ตอนนั้นพิธีแต่งงานของเขากับอารียาไม่ได้งดงามแบบพิธี แต่งงานของคนอื่นเขา ขั้นตอนทั้งพิธีแต่งงาน สําหรับอารียานั้น ล้วนเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง

เพราะเวลานั้นรพีพงษ์เป็นเจ้าสวะที่โด่งดังของเมืองริเวอร์ อารี ยาเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองริเวอร์ เดิมเธอน่าจะแต่งงาน กับผู้ชายที่ความสามารถโดดเด่น เก่งกาจเหนือใคร ผลปรากฏ ว่าโดนบีบให้แต่งกับสวะคนหนึ่ง คนที่มาดูพิธีแต่งงานเธอต่างมา ดูเธอแบบเป็นเรื่องตลก ไม่มีสักคนที่มาอวยพรกับเธอด้วยความ จริงใจ

ถึงแม้ว่าตอนนี้อารียาจะรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่เจ้าสวะคนหนึ่ง กลับ กันเขาดีเยี่ยมกว่าผู้คนมากมาย แต่ว่าพิธีแต่งงานในตอนแรก สําหรับเธอแล้ว นับเป็นความเสียใจอย่างหนึ่ง

ในใจขอหญิงสาวแต่ละคนต่างปรารถนาจะมีพิธีแต่งงานที่โร แมนติกฉากหนึ่ง อารียาย่อมไม่เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน ดังนั้นตอน นี้มองเห็นด้านในโรงแรมกำลังจัดพิธีแต่งงาน ในใจอารียาจึงเกิด ความสะเทือนใจนิดๆ ออกมา

รพีพงษ์มองความคิดของอารียาออก ก้าวขึ้นมาก่อนแล้วยิ้มบอก “อยากเข้าไปดูหน่อยมั้ย?”

อารียาถอนหายใจทีหนึ่ง เอ่ยปากบอก “ช่างเถอะ คนอื่นเขาก็ไม่ ได้เชิญพวกเรา พวกเราเข้าไปกันแบบนี้คงไม่เหมาะสมเท่าไร
“ไปดูหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก วันมงคลใหญ่ เจ้าบ่าวเจ้าสาวน่าจะ ไม่ปฏิเสธคนอื่นไปแสดงความยินดีกับเขา

ขณะพูดอยู่ รพีพงษ์ก็ดึงมือของอารียาขึ้น พาเธอเดินเข้าไปด้าน ในโรงแรม

แขกที่มาแสดงความยินดีนั่งอยู่ในโถงใหญ่ของโรงแรม ถก เถียงกันอย่างครึกครื้นถึงบ่าวสาวคู่หนึ่งในวันนี้

เวลานี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังยืนอยู่บนเวที พิธีกรอยู่ด้านข้างกำลัง กล่าวคำอวยพร แสดงความยินดีกับบุพเพสันนิวาสของบ่าวสาว สองคนนี้

หลังจากรพีพงษ์กับอารียาทั้งสองคนเข้ามาในโรงแรม ยืนอยู่ ตรงที่ไม่เป็นจุดเด่น จ้องเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ดำเนินพิธีแต่งงาน เสร็จเรียบร้อย

ต่อมาก็ถึงช่วงที่เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ รพีพงษ์เห็นเหตุการณ์ จึงรีบดึงอารียาเดินเข้าไปแล้ว

“รพีพงษ์นายจะทำอะไร?” อารียามองรพีพงษ์อย่างตกใจอยู่บ้าง

“ไม่ใช่บอกว่าใครแย่งช่อดอกไม้ได้ ต่อไปคนที่แต่งงานจะเป็นคนนั้นเหรอ ผมอยากเตรียมพิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้คุณอีก สักครั้ง” รพีพงษ์ยิ้มเอ่ยปาก

แวบเดียวหน้าของอารียาก็แดงแล้ว เธอนึกไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะ พาเธอมาที่นี่ เพื่อมาแย่งช่อดอกไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรพีพงษ์ บอกจะเตรียมพิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่งให้เธออีกด้วย นี่ ทำให้สมองอารียาเบลอๆ อยู่บ้าง

เจ้าหมอนี่ก็มีช่วงที่โรแมนติกด้วยเหรอ?

เจ้าสาวหันหลังให้ผู้คน โยนช่อดอกไม้อันหนึ่งในมือออกไป ด้านล่างเวทีมีคนไม่น้อยปรารถนาจะได้รับการอวยพรของเจ้าสาว ต่างกรูกันเข้ามา อยากจะแย่งช่อดอกไม้อันนี้มาไว้ในมือตนเอง

ตอนที่ทุกคนยื่นมือไปแย่งช่อดอกไม้ที่อยู่กลางอากาศนั้น ภาพ คนคนหนึ่งทะยานขึ้นสู้ท้องฟ้า ข้ามผ่านทุกคนไปทันที รับช่อ ดอกไม้นั้นมาไว้ในมือของตนเอง

ภาพคนนั้นลงสู่พื้น คนทั้งหมดต่างร้องตกใจ เพราะเมื่อสักครู่ ความเร็วของคนคนนั้นช่างไวเสียจริงๆ เลย คนที่อยากจะแย่งช่อ ดอกไม้เหล่านั้นเดิมที่ยังไม่มีปฏิกิริยาเข้ามา ช่อดอกไม้นั้นก็ถูก แย่งไปแล้ว

หลังจากรพีพงษ์แย่งช่อดอกไม้มาได้ เดินไปด้านหน้าของอารียาโดยตรง จากนั้นคุกเข่าลงที่พื้นข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งยื่น ดอกไม้เข้าไป ดวงตาทั้งสองมองอารียาด้วยความลึกซึ้ง เอ่ยปาก บอก “คุณยินยอมมาแต่งงานกับผมอีกสักครั้งรึเปล่า?”

ใบหน้าอารียาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แวบหนึ่งอารมณ์ในใจ ทะลักออกมา เธอใช้มือปิดปากของตัวเองไว้ตลอด ในเบ้าตามี น้ำตาไหลออกมาทันที

สักพักหนึ่ง อารียาถึงผ่อนคลายลงมา ต่อมายื่นมือรับช่อดอกไม้ ในมือของรพีพงษ์ไว้ ตอบว่า “ฉันยินยอม

สายตาของทุกคนโดยรอบเวลานี้ต่างตกอยู่บนตัวของรพีพงษ์ และอารียา เห็นอารียารับช่อดอกไม้เข้ามา ผู้คนโดยรอบก็ระเบิด เสียงปรบมือที่คึกคักออกมาทันที

เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็โอบกอดกันอย่างใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข วินาทีนี้ บรรยากาศอันชื่นมื่นของพวกเขาได้รับการถ่ายทอด สําหรับพวกเขาแล้ว นี่ยิ่งเป็นของขวัญอวยพรที่ดีที่สุด

พิธีกรเห็นเหตุการณ์ก็รีบพูดขึ้นมา ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นมา

“มอบกุหลาบให้ผู้อื่น ย่อมทำให้เราได้รับความสุขไปด้วยงานมงคลใหญ่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแพร่ไปโดยรอบ ถ่ายทอดไป ถึงบรรดาเพื่อนที่อยู่ข้างกาย เชื่อว่าเพื่อนที่แย่งช่อดอกไม้ไปได้ ท่านนี้ จะต้องแต่งหญิงสาวสุดสวยท่านนี้เข้าบ้าน……..

ในเวลานี้ ที่โต๊ะกินเลี้ยงคนหนึ่งที่ดื่มจนเมาอยู่บ้างมองไปทาง รพีพงษ์ทีหนึ่ง หลังจากมองเห็นว่าเป็นรพีพงษ์กับอารียา ดวงตา ทั้งสองจ้องเขม็งทันที จากนั้นลุกยืนขึ้นมา

“รพีพงษ์ แกไอ้สวะคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? วันนี้เป็นวันมงคล ของคนอื่นเขา สวะอย่างแกเข้ามาเรียกโชคร้ายให้คนอื่นเหรอ?” คนนั้นตะโกนขึ้นทันที

คนคนนี้ก็คือบิดาของธาตุกร โศรวิทย์ ตั้งแต่หลังจากธายุกรถูก อารียาไล่ออกจากบริษัท ชีวิตของพวกเขาทั้งครอบครัวก็เริ่มทุกข์ ยากทันใด โครวิทย์ย่อมเห็นว่ารพีพงษ์อารียาทั้งครอบครัวเป็น ขวากหนามขวางทาง

เพียงแต่ว่าโสรวิทย์กับศักดานั้นเหมือนกัน ไม่มีความสามารถ อะไร ธายุกรจึงสู้อารียากับรพีพงษ์ไม่ได้ เขาจะมีวิธีอะไรไปหา เรื่องเดือดร้อนให้อารียาและรพีพงษ์ได้

เพราะธาตุกรยึดครองทรัพย์สินของคนอื่นโดยมิชอบ เงินใน บัญชีจึงล้วนโดนหักไปแล้ว ต่อมาธายุกรก็ไม่ได้หางาน ทั้งวันรู้ เพียงหาวิธีประจบสอพลอดุณชายบ้านรวยเหล่านั้น ชีวิตทั้งบ้าน ของพวกเขาจึงเปลี่ยนมาเป็นอัตคัดขัดสนมาก
วันนี้เป็นพิธีแต่งงานของลูกชายเพื่อนโครวิทย์ เพราะบ้านของ พวกเขาตกต่ำ โศรวิทย์จึงไม่ได้รับบัตรเชิญ แต่ว่าโศรวิทย์คิดว่า ตนเองไม่ได้กินข้าวดีๆ สักมื้อมานานมากแล้ว ดังนั้นจึงแข็งใจมา ที่นี่ ใส่ งเปาไปสิบหยวนซองหนึ่งแล้วทำเนียนเข้ามากินข้าว

ตอนนี้เขากินอิ่มดื่มเต็มที่ ถึงมีความคิดมองไปรอบด้านหน่อย ผลลัพธ์คือพอมองก็เห็นรพีพงษ์กำลังคุกเข่านช่อดอกไม้ให้ อารียา

เวลานี้เขาดื่มเหล้าแล้ว ไฟแค้นที่สุมอยู่ในใจแวบหนึ่งก็ระเบิด ออกมา ตะโกนเสียงดังไปทางรพีพงษ์

“ทุกคนอย่าตบมือให้ไอ้สวะคนนี้เลย คนคนนี้ก็แค่สวะที่โด่งดัง คนนั้นที่เมืองริเวอร์ของพวกเรา ชื่อรพีพงษ์ เขาเป็นใครคิดว่า พวกคุณคงเคยได้ยินกันหมด คนแบบนี้ ไม่ว่าไปถึงที่ไหน ล้วน จะนําความซวยมาให้คนอื่น พวกเขามางานแต่งนี้ ไม่ใช่เจตนามา เพิ่มความยุ่งยากใจให้คนอื่นเหรอ” โศรวิทย์ลุกขึ้นมา บนหน้าเต็ม ไปด้วยยิ้มเยาะที่มองรพีพงษ์อยู่

ผู้คนหลังได้ยินคำพูดของโศรวิทย์ รีบหยุดปรบมือลงทันที ค่อยๆ ถกเถียงกันขึ้นมา

“ที่แท้คนคนนี้ก็เป็นสวะชื่อดังคนนั้นเหรอ เขามาปรากฏตัวที่นี่ ได้ยังไง?”
“ใช่ๆ สวะแบบนี้มาที่งานแต่งได้ยังไง คนอื่นเขาน่าจะไม่ได้ เชิญเขามั้ง เขายังแย่งช่อดอกไม้ไปด้วย นี่ไม่ใช่มีเจตนาทำลาย บรรยากาศชนบนของคนอื่นเขาเหรอ”

“น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ เลย เขาไม่ได้แต่งงานแล้วเหรอ ทำไม ยังวิ่งเข้ามาแย่งช่อดอกไม้อีก นี่ไม่ใช่จงใจหาเรื่องคนอื่นเขาเห รอ?”

รพีพงษ์ลุกขึ้นมาจากพื้น หันหน้ามองโศรวิทย์ทีหนึ่ง พูดเสียง เย็นชา “ผมมาที่นี่เพียงเพื่อสัมผัสบรรยากาศชื่นมื่นของเจ้าบ่าว เจ้าสาวหน่อยเท่านั้น คุณพูดแบบนี้ เกรงว่าช่างเลวร้ายเกินไป หน่อยนะ”

โศรวิทย์ส่งเสียงหัวเราะ เอ่ยปากบอก “แกมาที่นี่เพื่อสัมผัส บรรยากาศบนมื่น? ใครอนุญาตให้แกมา เจ้าบ่าวเจ้าสาวคนอื่นเขา เกี่ยวข้องอะไรกับแกเหรอ แกนี่ไม่อายเสียจริง

เจ้าบ่าวเห็นผู้คนต่างเริ่มถกเถียงถึงรพีพงษ์ขึ้นมา เขาไม่อยาก ทําลายบรรยากาศของวันนี้เลย จึงบอกว่า “ไม่เป็นไรๆ ผู้ที่มา เป็นแขก ถึงไม่ได้ถูกเชิญมาพวกเราก็ต้อนรับเหมือนกัน พวกคุณ สองคนเข้ามานั่งกันเถอะ ดื่มเหล้ามงคลสักแก้ว ช่วยพวกเรารวม บรรยากาศชื่นมื่นหน่อย
โครวิทย์เห็นเจ้าบ่าวไม่ถือสารพีพงษ์นางานแต่งของเขาอย่าง คาดไม่ถึง รีบถลึงตาใส่ บอกว่า “แบบนั้นไม่ได้นะ เจ้าหมอนี้แม้แต่ เงินใส่ซองยังไม่ให้มีสิทธิ์อะไรมานั่งดื่มเหล้ามงคลที่นี่ พวกเรา ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนใส่ซองกันทั้งนั้น

“ใช่สิ ไม่ใส่ซองแล้วมีสิทธิ์อะไรมากินเหล้ามงคลที่นี่ ผู้คนไม่ น้อยต่างรังเกียจชื่อเสียงของรพีพงษ์ ดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูด ของโศรวิทย์ จึงรีบตะโกนขึ้นมาแล้ว

“คาดหวังให้เขาใส่ซอง พวกคุณอย่าคิดเลย เขาเอาเงินห้าหยวน ออกมาได้ก็ไม่เลวแล้ว ผมว่าไล่เขาออกไปจะดีกว่ามั้ง” โศรวิทย์ หัวเราะ ราวกับลืมไปเลยว่าเขาก็ยัดเพียงเงินสิบหยวนใส่ซอง เนียนเข้ามา

รพีพงษ์เห็นเจ้าบ่าวไม่มีความหมายอยากไล่พวกเขาไป ในใจ เกิดความรู้สึกดีนิดๆ ต่อเจ้าบ่าวคนนี้ขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดคนผู้นี้ก็ ไม่เหมือนโศรวิทย์ที่เริ่มต้นก็ไล่กัดคนมั่วชั่ว

ตอนนี้ได้ยินทุกคนล้วนบอกให้เขาใส่ซอง เขาคิดว่าตนเองแย่ง ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวคนอื่นเขามา และมาสัมผัสบรรยากาศอัน ชื่นมื่นของคนอื่นด้วย เอาเงินใส่ซองก็เป็นเรื่องสมควร

ดังนั้นเขามองเจ้าบ่าวทีหนึ่ง ยิ้มบอก “ขอโทษจริงๆ ที่มา กะทันหัน แต่ว่าในเมื่อเจ้าบ่าวเชิญให้พวกเราดื่มเหล้ามงคลงั้นเงินใส่ซองนี้ก็ขาดไม่ได้ ผมจะโทรให้คนเอาเงินใส่ซองมาส่ง

พูดจบ เขาก็หยิบมือถือออกมา โทรศัพท์ไปสายหนึ่ง

“เงินสดที่เหลือจากให้รางวัลในวันนี้ยังมีเท่าไร? ช่วยฉันเก็บมา หน่อย ส่งมาที่โรงแรมมวคนิก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ