แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่359วิธีการของปรมาจารย์



บทที่359วิธีการของปรมาจารย์

บทที่359วิธีการของปรมาจารย์

“ประมุขครับ คุณหนูญาดาให้คนมาต้มน้ำแกงเอาไว้อีกแล้ว สอง สามวันมานี้คุณหนูญาดาเข้าครัวเองทุกวันเลยครับ คุณจะไม่ลอง ชิมดูหน่อยหรือครับ ท่านคทายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือของพี พงษ์

รพีพงษ์ส่ายหน้าพูดขึ้น”บอกให้เธอไม่ต้องทำแล้ว เธอไม่รู้ว่า ผมกินรสแบบไหน บอกให้คนส่งน้ำแกงนั่นกลับไปเถอะ”

“ที่จริงคุณหนูญาดา…..ท่านคทาเหมือนจะพูดอะไร

รพีพงษ์เงยหน้ามองเขา นิ้วมือหนึ่งวางลงบนริมฝีปาก ทำท่า แสดงให้ท่านคทารู้ว่า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว

เรื่องของจารุณีกับรวินทร์ทำให้รพีพงษ์สัมผัสได้ว่ามันเป็นเรื่อง ของความรัก พอมีการเริ่มต้น ก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความยุ่งยาก รพี พงษ์ก็ไม่อยากให้ญาดามีความรู้สึกกับเขามาก กว่านี้ แบบนั้นจะ ยิ่งทำให้เขาปวดหัว สู้ดับไฟเสียแต่ต้นลมดีกว่า

“ช่วยเตรียมตั๋วเครื่องบินกลับเมืองริเวอร์ในวันพรุ่งนี้ให้ผมหน่อย วันนี้พอจัดการเรื่องทางนี้เรียบร้อย ผมก็ควรจะกลับได้แล้ว”รพีพงษ์พูดต่อ

“จะไปเร็วขนาดนั้นเลยหรือครับ”ท่านคทาตกใจ

“ผมมีเรื่องที่สําคัญกว่าต้องไปจัดการ และผมก็รับปากกับอา ยาว่าจะจัดงานแต่งงานให้งานใหญ่ ผมต้องกลับไปเตรียมงาน แต่งงานแล้วล่ะ”รพีพงษ์พูดพลางยิ้ม

“ต้องการให้ทางตระกูลลัดดาวัลย์เตรียมอะไรไหมครับ คุณพา เขามาที่เกียวโตได้นะครับ จัดงานแต่งงานที่นี่ พร้อมกับประกาศ ตำแหน่งประมุขตระกูลลัดดาวัลย์ คงจะเป็นข่าวเอิกเกริกไม่ น้อย”ท่านคทาพูด

“ไม่ต้องหรอก ไม่กี่ปีมานี้ผมคุ้นเคยกับเมืองริเวอร์เสียแล้วล่ะ เทียบกับเกียวโตแล้ว ที่นั่นให้ความรู้สึกที่ดีมากกว่า ถึงเวลาถ้ามี อะไรต้องการ ผมจะบอกแล้วกัน รพีพงษ์เปิดปากพูด

เห็นรพีพงษ์ยืนหยัดแบบนั้น ท่านคทาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จึง หันกลับไปเตรียมเครื่องบินให้รพีพงษ์

“หลายปีมานี้ คนที่เมืองริเวอร์เห็นผมเป็นเพียงสวะ อารียาได้รับ ความลำบากมากมาย งานแต่งครั้งนี้ ผมจัดให้อารียา พูดง่ายๆว่า จัดให้คนเมืองริเวอร์ดูนั่นแหละ”
“ครั้งนี้ ผมจะให้พวกเขารู้ว่า อารียาแต่งกับผม ไม่ใช่เป็นเรื่อง ตลก งานแต่งงานครั้งนี้ จะต้องทำให้คนทั้งเมืองริเวอร์อิจฉาให้ ได้ !

เมืองริเวอร์ ชุมชนคำแหง

ทางไปหมู่บ้านไฮโซแห่งหนึ่ง ศศินัดดากำลังก้มหน้า เดินไป ข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

ในจังหวะนี้เอง สตรีที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับศศินัดดา ก็โผล่ออกมา ยิ้มมองศศินัดดาอย่างเจ้าเล่ห์ ยิ้มให้อย่าง แปลกๆ แหม นิมนศศินัดดาไม่ใช่เหรอ ทําไมมีถนนกว้างๆ ไม่ เดิม ต้องมาเดินบนถนนที่ไม่มีคนเดินด้วยเล่า เธอคงไม่ใช่กลัวว่า ฉันจะเห็นหรอกนะ

ศศินัดดามองไปที่หญิงวัยกลางคนนั้น ด้วยสีหน้าที่แข็งตึง แวว คาเต็มไปด้วยไฟโทสะ

“ชลิดา สมองเธอคงมีปัญหาสินะ ฉันจะเดินทางไหนมันไปเดือด ร้อนอะไรเธอ เธอว่างนักเหรอในแต่ละวันน่ะ ฉันออกไปกลับมา ทีไรเธอก็ต้องโผล่มาให้ฉันรู้สึกทุเรศทุกที”ศศินัดดาค่าออกไป อย่างไม่เกรงใจ
ชลิดาคนนี้เป็นมารดาของธาตุกร เป็นภรรยาของโศรวิทย์ หลัง จากที่บ้านของธาตุกรรู้ว่าบ้านของศศินัดดาย้ายมาที่ชุมชน คำแหง ชลิดาก็มักสะกดรอยตามศศินัดดากับศักดาอยู่ เป็นประจำ ขอแค่ให้เจ้าหล่อนได้เจอเข้า ก็จะต้องเดินเข้ามาดูถูกสักตั้ง

แม้ว่าบ้านของศศินัดดาจะใหญ่กว่าบ้านของพวกเขามาก แต่ช ดาไม่สนใจ เพราะหล่อนรู้ว่าก่อนหน้าพวกศศินัดดาอาศัยอยู่ที่ คฤหาสน์ในใจกลางดงเย็น ตอนนี้ย้ายมาที่ชุมชน

คำแหง ก็แปลว่าครอบครัวศศินัดดาเริ่มหมดเงินแล้ว

พวกเขาพักอยู่หมู่บ้านเดียวกับตนเอง ต่อให้บ้านใหญ่กว่า แต่ก็ ถือว่าตกลงมาอยู่ในระดับเดียวกันแล้ว

ตอนนี้เรียกได้ว่าบ้านของชลิดาตกอับสุดๆ ความสนุกของพวก เขา ก็คือวิ่งมาสมน้ำหน้าพวกศศินัดดา ราวกับจะย้ำเตือนพวกศศิ นัดดาว่าบัดนี้ได้ตกลงมาอยู่ระดับเดียวกับพวกตนแล้ว ทำให้พวก เขารู้สึกสะใจสุดๆ

“ดูพูดเข้าสิ ฉันไปหาทุเรศอะไรใส่เธอจ๊ะ ฉันก็เป็นลูกบ้านใน หมู่บ้านเหมือนกัน ฉันจะไปไหน จะต้องฟังเธอด้วยหรือไง อย่า คิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในดงเย็นนะ อยู่ในชุมชนคำแหงกูจะไปไหน ใครก็มาเลือกไม่ได้ ผลิดาพูดด้วยท่าทีโอหัง
ศศินัดดารู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาเถียงกับคนพรรคนี้ จึง เดินหน้างอจากไปโดยไม่สนใจชลิดา

“แหมๆ ทำไมไปแล้วล่ะจ๊ะ หรือว่าโดนฉันพูดทิ่มแทงใจดำเสีย แล้วล่ะ พวกเธอย้ายบ้าน มาอยู่ที่นี่ คงเพราะหมดเงินแล้วสินะ จะบอกอะไรให้นะ แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าทีใครทีมัน เธอคิดว่า บ้านเธอจะรุ่งโรจน์ไปตลอดหรือไงกัน เป็นไปไม่ได้หรอกนะ ขอ เพียงแค่บ้านเธอล้มลง ชาตินี้ทั้งชาติก็อย่าหวังว่าจะได้ลุกขึ้นยืน เลย”ชลิดาเดินตามศศินัดดาไป ปากก็พร่ำไม่หยุด

ในหลายปีมานี้ศศินัดดารู้สึกว่าตัวเองเถียงแพ้ก็คราวนี้แหละ ก่อนหน้าเธอได้อธิบายกับชลิดาไปแล้วไปรู้กี่หน บอกไปแล้วว่า ไม่ใช่เพราะที่บ้านตัวเองหมดเงิน แต่แค่อยากจะเปลี่ยนสถานที่

แต่ว่าชลิดาไม่ยอมเชื่อเลยแม้แต่น้อย สำหรับหล่อนแล้ว ไม่มี ใครหรอกนะที่จะทิ้งคฤหาสน์หลังเบ้อเร่อ มาอยู่หมู่บ้านทาวน์ โฮมระดับสูงแบบนี้หรอก ศศินัดดาแค่พูดแก้ตัวเฉยๆ

ศศินัดดาก็ไม่จําเป็นที่จะต้องบอกชลิดาว่าเพราะเหตุใดจึงไม่อยู่ คฤหาสน์หลังใหญ่ แล้วแค่มาเปลี่ยนที่ที่ชุมชนคำแหงก็เท่านั้น แม้ว่าศศินัดดาจะรักหน้ารักตา แต่เมื่อเทียบกับความ ปลอดภัย แล้ว เธอเลือกความปลอดภัยไว้จะดีกว่า
อธิบายกับชลิดาไม่เข้าใจ ศศินัดดาจึงไม่อยากจะเสวนาด้วย ทุก ครั้งที่ออกมาก็มักจะเลี่ยงหน้า

ชลิดาเห็นศศินัดดาหลบเธอ จึงยิ่งคิดว่าศศินัดดาแพ้ใจตัวเอง ก็ เลยยิ่งรุกหน้ารังควาน ทุกวันนี้หล่อนเองก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกวันก็จะเดินไปเดินมาในหมู่บ้าน หาโอกาสที่จะไป กระแหนะกระแหนศศินัดดา

“ทีใครทีมันเหรอ ก็ไม่เห็นจะถึงคราวบ้านเธอสักทีนี่นา ฉันว่า บ้านเธอต่างห่างที่คงไม่มีวันลุกขึ้นได้ทั้งชาติ”ศศินัดดาบ่นพึมพำ

สีหน้าของชลิดาดูบูดบึ้งขึ้นมาทันที พูดเสียงเย็นชา ไม่ต้องมา แช่งชักหักกระดูกกัน บ้านเธอจะรวยใหญ่แล้วหรือไง บ้านเราจะ รวยกันแล้วเร็วๆนี้แหละ ธาตุไปดีลธุรกิจใหญ่มาธุรกิจหนึ่ง ไม่ นานหรอก บ้านเราก็จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเดิมที่เธอเคยอยู่ จะดูสิว่าถึงเวลานั้นน้ำหน้าพวกเธอจะเป็นยังไง ! ”

ศศินัดดาเบ้ปาก ในใจบ่นพึมพำ”เข้าไปอยู่เถอะจ๊ะ ดึกดื่นระวัง

ผีหลอกนะจ๊ะ ! ”

กว่าจะเดินกลับถึงบ้าน ศศินัดดาถือได้ว่าหลุดพ้นจากชลิดา เสียที จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ยัยผีบ้าเอ๊ย รพีพงษ์ก็ช่างไร้สมองจริงๆ ทำไมถึงมาซื้อบ้านใน หมู่บ้านเดียวกับพวกมันได้เนี่ย วันๆต้องมาโดนผีบ้าเกาะแกะ จะบ้า ตายอยู่แล้ว”ศศินัดดาบ่นพึมพำ

อารียากลับมาจากบริษัท ตอนนี้กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา พอได้ยินเสียงศศินัดดาบ่นพึมพำเข้าประตูมา จึงหันไปถามแม่ เป็นอะไรไปคะ ทำไมกลับมาหน้าบูดหน้าบึงแบบนี้ล่ะ

ศศินัดดาเดินเข้าไป นั่งลงข้างๆอารียา เปิดปากพูดขึ้น “ก็ยัยบ้า ชลิดาน่ะสิ สองสามวันนี้แค่แม่ออกไปมันก็เดินมาเยาะเย้ยแล้ว พูดซะอย่างกับว่าบ้านเราซวยหนักหนาอะไรอย่างนี้แหละ

“คนแบบนั้นแม่อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ เราอยู่ดีมีสุขก็พอ ไปสนใจ พวกเขาทำไมกัน อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์แม่อย่า แพร่งพรายออกไปนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะเดือดร้อนจริงๆ”อารี ยาเปิดปากพูด

“รู้แล้วน่า แม่ไม่ได้โง่สักหน่อย รู้ว่าอะไรควรไม่ควรพูด”ศศินัดดา เปิดปาก

ในเวลานี้เธอควักเอาสิ่งที่ซื้อมาออกมาจากอกเสื้อ วา ลงบน

โต๊ะ
อารียามองไปที่โต๊ะ เห็นว่าเป็นกระดาษตารางสีเหลืองกับธูปกำ หนึ่ง

“แม่คะ แม่ซื้อของพวกนี้กลับมาทำไมคะ”อารียามองศศินัดดา อย่างสงสัยพลางถาม

“ก็ต้องมีความสำคัญอยู่แล้วแหละ เดี๋ยวก็รู้เอง”ศศินัดดาพูด อย่างลึกลับ

อารียาจ้องมองศศินัดดาอย่างฉงนสนเท่ห์ รู้สึกว่าคำพูดนั้นเชื่อ ถือไม่ค่อยได้ ทุกครั้งที่มารดาบอกว่ามีความสำคัญ ส่วนมากมักจะ นำเรื่องเดือดร้อนมาให้เธอเสมอ

ผ่านไปอีกสิบนาที มีเสียงเคาะประตูดังมา ศศินัดดารีบลุกขึ้น เดินไปเปิดประตู

อารียาสีหน้าฉงนสนเท่ห์ ไม่รู้ว่าป่านนี้แล้วใครกันจะมาบ้าน หล่อนอีก ชนิสราเพิ่งออกไปซื้อกับข้าวมา คงไม่กลับเร็วขนาดนั้น หรอก

ศศินัดดาเปิดประตู อารียามองไปด้านนอกประตู เห็นว่าด้านนอก เป็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบยืนอยู่ ดูสกปรกโสโครก สวม เสื้อโค้ทตัวใหญ่ ในมือถือลังเก่าๆอยู่ใบหนึ่ง
“อาจารย์คะ ในที่สุดอาจารย์ก็มา เชิญทางนี้เลยค่ะ”ศศินัดดา แสดงความเคารพนบนอบต่อชายด้านนอกประตู

ชายผู้นั้นมีสีหน้าลำพอง ดูทีท่าไม่มีความเกรงใจต่อศศินัดดา แม้แต่น้อย เขาเดินเข้ามา ในบ้าน

เขาทอดสายตามาหยุดที่อารียา ตะลึงเล็กน้อย ความงามของ อารียาดูเหมือนจะดึงดูดเขาเข้าเสียแล้ว แต่ไม่นานนักเขาก็หลบ เบนสายตาออกไป ทำเหมือนกับว่าไม่เห็นอารียาอย่างนั้น

อารียาสังเกตเห็นแววตาของคนๆนี้ ดูก็รู้ว่าคนๆนี้เสแสร้ง ไม่รู้ว่า ศศินัดดาหาคนอะไรมาที่บ้านอีก

“แม่คะ เขาทำอะไรหรือคะ ต่อไปอย่าให้คนแปลกหน้าเข้าบ้าน ได้ไหมคะ โลกสมัยนี้น่ะ อันตรายจะตาย อารียาพูดมาคำหนึ่ง

ศศินัดดาสีหน้าเปลี่ยน รีบพูดขึ้น”ลูกจำ อย่าพูดบ้าๆสิจ๊ะ นี่คือ อาจารย์ที่แม่เชิญมาทำพิธีล้างซวยเชียวนะลูก ทำให้อาจารย์ โกรธไม่ดีนะลูก”

พออาจารย์ได้ยินที่อารียาพูด จึงแค่นเสียงเย็นชาพูด ว่า หมายความว่าอย่างไร จะให้ล้างซวยให้แล้วท่าทีแบบนี้เหรอ คิดว่าฉันทําพิธีครั้งหนึ่งเนี่ยง่ายนักหรือไง”
“อาจารย์คะ อย่าโกรธเลยนะคะ ลูกสาวฉันไม่ประสีประสา ปาก ก็เสียไปอย่างนั้นเอง อย่าถือสาเลยนะคะ”ศศินัดดารีบขอโทษขอ โพยเป็นการใหญ่

“ช่างเถอะ เห็นว่าหล่อนยังมีรากบุญอยู่ ก็จะไม่ถือสาแล้วกัน แต่ ถ้ามีคราวหน้า บ้านเธอนอกจากจะล้างซวยไม่ได้ อาจจะเพิ่มความ ชวยขึ้นด้วย อาจารย์พูดเสียงเข้ม

“แน่นอนค่ะ แน่นอนค่ะ อาจารย์มีเมตตา คงจะไม่ถือสาลูกสาวผู้ ไม่รู้ความของดิฉันแน่ๆ”ศศินัดดาสีหน้าเต็มไปด้วยความขอบคุณ

อารียาฟังคําพูดของคนทั้งสองขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้จะเอายัง ไงกับศศินัดดาดี

“ของที่ให้ชี้อน่ะซื้อแล้วยัง”อาจารย์จ้องมองศศินัดดาแล้วพูด

ศศินัดดารีบพยักหน้าพูดขึ้น“ซื้อแล้วค่ะ ซื้อแล้ว อยู่นี่ค่ะ”

พูดพลางศศินัดดาจึงนำกระดาษตารางสีเหลืองออกมาพร้อมกับ ธูปก้าหนึ่ง

หลังจากที่อาจารย์รับไปแล้ว จึงวางลังในมือตนเองลง พอเปิดออก ก็มีกระถางธูปกระถางหนึ่ง ดาบไม้และเหรียญเงิน

เขาให้ศศินัดดาซื้อธูปมา ปักอยู่บนธูป จากนั้นจึงทำไม้ทำมืออยู่ ในห้อง หลังจากที่ปักธูปแล้ว จึงวางธูปตรงตำแหน่งที่อารียาอยู่ สองตาจ้องเขม็งไปที่อารียา

จากนั้นอาจารย์จึงถอดเสื้อโค้ทตัวเองลง กลับด้าน เสื้อโค้ทจึง กลายเป็นเสื้อคลุมกายสิทธิ์ไป แล้วเขาจึงสวมลงบนตัวอีกครั้ง

พอเห็นฉากนี้อารียาถึงกับพูดไม่ออก ในใจคิดว่านักต้มตุ๋น ชัดเจนขนาดนี้ศศินัดดายังจะ เชื่อลงคออีก ทำให้เธอหมดคำพูด จริงๆ

ศศินัดดากลับรู้สึกว่านี่เป็นการแสดงอันล้ำเลิศของอาจารย์ แม้ว่าเสื้อผ้าอาจจะดูแย่ไป สักหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร กับพิธีกรรม

อาจารย์ใช้ลังของเขาทำเป็นเวทีเตี้ยๆ จากนั้นจึงใช้ของที่ดู เหมือนหมึกแดง ขีดเขียนลงบนกระดาษตารางเหลืองที่ศศินัดดา ซื้อมา

ศศินัดดารู้สึกล้ำลึกเหลือเกิน แต่อารียารู้สึกผิดสังเกตหลายจุด สิ่งที่อาจารย์เขียนไม่มีอะไรเชื่อถือได้เลย เหมือนกับของเล่นที่ เด็กเขียน
หลังจากที่เขียนเสร็จ อาจารย์จึงหยิบดาบไม้ขึ้นมา แล้วร่ายรำ อยู่ภายในตัวบ้าน พิธีกรรมนี้เรียนรู้มาจากผีกัดอย่ากัดตอบยัง ไม่ทันได้ซาบซึ้งถึงแก่นแท้ เรียนไปแค่ผิว เผินเพียงเท่านั้นเอง

“โอมมะลึกกึกกี้ย ด้วยอำนาจแห่งเทพยดา จงขจัดปัดเป่าภัย ร้าย ! เพี้ยง ! ”

อาจารย์แหกปากตะโกน จากนั้นจึงรีบเก็บข้าวของ เขายืนอยู่ที่ เดิมราวห้านาที จึงถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วผ่อนคลายเนื้อ ตัว

ศศินัดดานิ่งงันเป็นนานสองนานไม่กล้าพูดอะไร หล่อนมอง อาจารย์อย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะไปรบกวนท่านได้”เอาล่ะ ข้า ร่ายมนตร์เรียบร้อยแล้ว ความซวยในบ้านได้รับการปัดเป่าแล้ว ต่อ ไปก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วล่ะ อาจารย์เปิดปากพูด

ศศินัดดาสีหน้าเต็มไปด้วยความตื้นตัน พูดขึ้นว่า “ต้องขอบคุณ ท่านอาจารย์มากๆเลยค่าหมู่บ้านเรามีเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน มีท่านอาจารย์คอยช่วยเหลือ ต่อไปพวกเราจะได้หลับสนิท

“พิธีกรรมของข้าน่ะใช้พลังงานไม่น้อย หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมค่า ตอบแทนหรอกนะ อาจารย์เปิดปากพูด
“ค่ะๆๆ ฉันจะไปหยิบให้เดี๋ยวนี้เลย พูดจบ ศศินัดดาจึงรีบไปที่ ห้องนอน แล้วหยิบเงินสองหมื่นออกมา ยื่นส่งให้

อาจารย์รับเงินสองหมื่นไป สีหน้าแสดงความพึงพอใจออกมา อย่างยิ่ง

หลังจากที่เขารับเงินแล้วยัดกลับลงไปในเสื้อผ้า ศศินัดดาจึง มองขึ้นทีหนึ่งแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าตอนนี้ข้าจะล้างซวยให้บ้านพวก เจ้าแล้ว แต่ก็แค่ประเดี๋ยวประด๋ว เมื่อกี้ข้าได้ลองตรวจฮวงจุ้ยใน บ้านดู เห็นว่ามีสิ่งแปลกปลอม ที่เป็นเหตุให้บ้านเจ้าพบความวิบัติ

หลังจากที่ศศินัดดาฟังอาจารย์พูด สีหน้าก็เปลี่ยนทันที แล้วรีบ ถามขึ้น”อาจารย์คะ สาเหตุจากอะไรหรือคะ ช่วยบอกที ! ”

อาจารย์ดูลังเล แต่ก็ถามขึ้นมาคำหนึ่ง บ้านแกมีคนตระกูลลัดดา วัลย์ด้วยใช่ไหม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ