แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 103 รีบไปขอโทษเขาเดี๋ยวนี้



บทที่ 103 รีบไปขอโทษเขาเดี๋ยวนี้

รฟีพงษ์ได้ยินคำพูดของธฤตญาณ ถึงกับต้องหรี่ตามอง พร้อมทั้งพูดด้วยเสียง แป้ง “ถ้าเขาคิดแบบนี้ แค่กลัวว่าคิดแบบเฟ้อฝันลมๆ แล้งๆ ไปเองแล้วแหละ

“คนทางนั้นเก่งกาจจริงๆ หลายปีผ่านมาที่เคยพบเจอคน คนที่สามารถต่อสู้เสมอ กับเขาได้ มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น อีกอย่างฉันรู้สึกว่า กำลังของมันยังสูงส่งกว่า แก่อีก 5ฤตญาณเปิดปากพูด

ธฤตญาณเคยเห็นรพีพงษ์แสดงฝีมือ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่ารพงษ์เก่งกาจมาก แต่ อาศัยความรู้สึกของเขาแล้ว ลูกน้องคนที่พิชญุตม์ไปหามานั้นเก่งกว่าเสียอีก

รพีพงษ์ยิ้มให้ทันทีแล้วเอ่ยปากพูด “ครั้งที่แล้วที่ไปช่วยแก ฉันก็ไม่ได้ใช้แรง

ทั้งหมดนี้ แกจะรู้ได้ยังไงว่ามันเก่งกว่าฉัน” ธฤตญาณตะลึงอยู่สักพัก ไม่คิดเลยว่าครั้งที่แล้วที่รพีพงษ์ก็บุกเดี่ยวไปสู้กับคน

เก่งๆ ตั้งหลายคน แถมยังออมแรงไว้อีก

ถ้าเขาใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีล่ะ มันจะรุนแรงขนาดไหน?

“ยังไงพรุ่งนี้พวกมันมาหาเรื่อง งั้นเราก็อย่ามานั่งรอคอยความตายสิ พรุ่งนี้ฉันจะ ก่อนเวลา เราก็ไปหาพิชญุตม์เลยสิ ทำแบบนี้จะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของ ไตรทศ” “รพีพงษ์เสนอความคิด

ธฤตญาณเห็นว่ารพีพงษ์มั่นใจขนาดนี้ พลันพยักหน้าตกลงทันที ในตอนแรกที่ เขาคลุกคลีปีโมงอยู่ใน เมืองกรีนโคลในช่วงนั้น ก็เลยเข้าใจหลักการนี้ดี ถ้ามัวแต่ รอคอยให้คนอื่นให้มาฆ่าเราถึงที่ นั่นก็หมายความว่าเราก็หลงเหลือไว้แค่ ความตายเท่านั้น

คนอ้วนท้วมอีกคนเมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดออกมาแล้ว เลยรีบสวนกลับทันควัน “เราจะไปตายกันเหรอ? คนนั้นเก่งมากจริงๆ แค่หมัดเดียวก็ต่อยไตรทศจนล้มคว่ำ ฉันคิดว่า เราหลบไปก่อน รอให้สถานการณ์ดีขึ้น แล้วค่อยกลับมาไหม?”

รพีพงษ์และธฤตญาณหันไปทางไอ้อ้วนนั่นพร้อมกัน ธฤตญาณมองเขาตาเขียว ปัด เลยสวนกลับไปว่า “อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้แกได้ฉายาว่าเจ้าพอแห่งวงการ พนัน ทำไมตอนนี้ขี้ขลาดเหมือนกับหนูไปได้ซะล่ะ แกสงสารกับสภาพร่างกายที่ อ้วนกลมเผละของแกบ้างเหรอเนี่ย?”

ไอ้อ้วนตาเขม็งทันที จากนั้นก็ทำท่าทาไม่เหมือนก่อนหน้านี้ เลยสวนกลับทันที “แม่งเอ๊ย พูดแล้วนี่ว่าข้าขี้ขลาด ไปก็ไป อย่างมากก็แค่เลียชีวิต กูกล้วซะที่ไหน!”

รพีพงษ์เห็นทำทางไอ้อ้วนจนต้องยิ้มให้แทน เขาเองก็รู้สึกว่าคนที่เขาไปหามา

เพื่อให้มาดูแลเรื่องบัญชีนั้นขี้ขลาดอยู่สักหน่อย

แต่ว่าเรื่องนี้รพีพงษ์เองก็ไม่ได้หวังที่จะใช้เขา ที่รพีพงษ์ไปเรียกเขามานั้น ก็ไม่ ได้เอามาเพื่อจะใช้ไปต่อสู้กับคน

รพีพงษ์ยิ้มให้พร้อมทั้งมองเขาอยู่แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องของวันพรุ่งนี้ ฉันไป กับรฤตญาณก็พอแล้ว แกไม่ต้องไป ฉันมีงานอื่นให้แกทำ”

ไอ้อ้วนได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ พร้อมทั้งรีบถามกลับอย่างตกใจ “งานอะไร? ถ้า อันตรายฉันไม่ไป ฉันยังไม่ได้ซื้อประกัน ถึงเวลานั้นไม่มีคนมาจ่ายค่ารักษาให้ ฉัน”

รพีพงษ์เขยิบเข้าข้างหูของเขา จากนั้นก็กระซิบพูดออกมาไม่กี่คำ ดวงตาไอ้อ้วนเปล่งประกายทันที หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส “เรื่องนี้ฉันถนัด ให้ฉัน ทำไม่มีปัญหาเลย พวกคุณไปสั่งสอนพิชญุตม์ได้อย่างวางใจเลย ฉันรับปากว่าจะ ทำงานที่คุณมอบหมายไว้ให้สำเร็จไปด้วยดี”

โบหน้าของธฤตญาณดูแปลกใจอยู่ เพราะไม่รู้ว่ารพีพงษ์สั่งงานอะไรให้ไอ้อ้วน ไปทำ

หลังจากที่นัดหมายเรื่องพรุ่งนี้กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว รพีพงษ์ก็หันไปมองอาการ ของไตรทศอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็โอนเงินเป็นแสนให้ธฤตญาน เพื่อให้ธฤตญาณ ไปซื้อผลไม้และของบำรุงมาให้ไตรทศไว้กิน

ธฤตญาณเห็นยอดเงินเป็นแสนที่รฟัพงษ์โอนมาให้ตนเอง ในใจคิดว่าเงินที่ให้มา ให้เอาไปซื้อผลไม้มากิน มันดูเกินควรไปหรือเปล่า ที่ให้มาเนี่ยไปซื้อร้านผลไม้ทั้ง ร้านแถมเงินยังเหลืออีก

แต่ว่าก็เคยเห็นรพีพงษ์โอนให้เขาถึงหนึ่งพันล้านมาแล้ว เขาก็เลยไม่รู้สึกว่ามันดู แปลกประหลาดอะไรกับเรื่องนี้

สำหรับคนรวยอู้ฟูอย่างรพีพงษ์ เงินแค่แสนเดียวก็เหมือนว่าเอาไปซื้อผลไม้มา กินเท่านั้นแหละ

เวลาใกล้เที่ยง รพีพงษ์ก็ขับรถไปรับอารียาที่บริษัท ทั้งสองคนกลับมาที่ดงเป็น ด้วยกัน ส่วนอารียาอยากไปหาซื้อกับข้าวจากด้านนอกเข้าบ้าน รพีพงษ์เลยจอด รถอยู่ด้านนอกของหมู่บ้าน ทั้งสองคนเดินไปตลาดในละแวกใกล้เคียง

หลังจากซื้ออาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็เดินแล่นอยู่บริเวณชั้นหนึ่งของห้าง เพื่อ เตรียมตัวจะกลับบ้าน พอเดินผ่านร้านที่ขายกำไลหยกในตอนนั้น ก็ได้ยินเสียงสิ่งของบางอย่างหล่น

จนแตกดังขึ้นมา

รพีพงษ์กับอารียาหันไปมอง ก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างพวกเขา ทำ กำไลหยกของทางร้านหล่นจนแตกละเอียด

อารียาคุ้นหน้าคนนั้น พร้อมทั้งพูดเรียกชื่อออกมาอย่างตกใจ “กันตา?

กันตาสีหน้าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อครู่ตอนที่เธอกำลังดูกำไลข้อมือหยกอยู่ นั้นไม่ทันระวังจนมันลื่น กำไลหยกวงนั้นหลุดมือหล่นลงพื้น

เป็นช่วงเวลาที่พอดีกับรพีพงษ์กับอารีกำลังเดินผ่านเธอพอดี จนทำให้เธอเป็น หนักกว่าเดิมขึ้นไป

“คุณผู้หญิง กำไลข้อมือหยกของทางร้านเราตีราคาไว้ที่สามหมื่นแปด คุณทำมัน หล่นจนแตกละเอียด ยังไงก็ต้องจ่ายค่าเสียหายมานะคะ” เด็กสาวที่อยู่หน้า เคาน์เตอร์พูดด้วยสีหน้าร้อนรน

กันตาหัวใจเต้นโครมคราม ไม่คิดเลยว่าเธอจะสะบัดกำไลหยกที่แพงขนาดนี้ แถมยังให้เธอมาจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายอีกเธอไม่มีปัญญาจ่าย

เวลานั้นเองรพีพงษ์กับอารียากำลังจ้องมองเธอตาเขมัง เธอรีบกะพริบตาปริบๆ พร้อมทั้งขึ้มาที่รพิพงษ์ แล้วเอ่ยปากพูดออกมา “เมื่อครู่เขาชนฉัน กำไลหยกถึง หล่นลงพื้น พวกแกต้องให้เขาจ่ายค่าเสียหายสิ”

สีหน้าของรพีพงษ์กับอารียาต่างตกใจไปพร้อมๆ กัน ความสามารถในการโยน ความผิดให้ของกันตา ไม่มีใครเก่งกว่าเธออีกแล้ว “นี่แกพูดอะไรออกมา เมื่อครูเราไม่ได้เดินซนแกด้วยซ้ำ กำไลหยกวงนั้นแกเป็น คนทำหล่นเอง” อารียาพูดแก้ตัวให้รพีพงษ์

กันตารีบตีหน้าซื่อแกล้งทำเป็นผู้เสียหาย พร้อมเอ่ยปากพูดว่า “อารียา แกหยุด พูดใส่ร้ายป้ายสีให้คนอื่นที่นี่สักที ฉันก็แค่ไปหาแฟนที่ดีกว่าสามีกระจอกอย่างแก แค่นี้เองแกถึงกลับต้องมาทำร้ายฉันเลยเหรอ?”

“ทุกคนเสนอความคิดกันมาสิ ไอ้คนนั้นที่อยู่ด้านข้างของผู้หญิงคนนี้ มันก็แค่ไอ้ กระจอกรพิพงษ์ที่ดังระเบิดอยู่ไง ฉันเป็นเพื่อนห้องเดียวกับผู้หญิงคนนั้น เธอ อิจฉาฉันที่ฉันไปหาแฟนหล่อรวยมีตังค์ได้ เลยจงใจที่จะทำร้ายฉัน พวกคุณคิดว่า เธอหน้าด้านเกินไปไหม”

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่กันตาพูดออกมา เลยรีบต่อว่าอารียากับรพีพงษ์ทันที

อารียารู้สึกน้อยใจ ไม่คิดเลยว่ากันตาจะโยนชี้ใส่เธอ

รพีพงษ์จ้องมอง กันตาตาเขม็งอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกมา “คำพูดที่ไม่มีหลักฐาน ตอนนี้เราจะไปขอดูกล้องวงจรปิด ดูซิว่าตกลงใคร กันที่ชนคุณ หรือว่าคุณเป็นคนทำมันหล่นเอง”

ดีที่ว่าด้านข้างของพวกเขามีกล้องวงจรปิดอยู่พอดี กันดาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มา ก่อนเลย พอได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้ว ตกใจทันที ถ้าไปดูกล้องวงจรปิดจริงๆ ไม่ว่าเธอจะพูดปลิ้นปล้อนอะไรอีกก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

“ไปดูกล้องวงจรปิดทำไมกัน แกนี่แหละที่มาชนฉัน แกอย่าคิดหาข้ออ้างมาเพื่อสู้ เลย พวกแกรีบไปเอาเงินค่าเสียจากเขาดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวเขาวิ่งหนีเตลิดไป” กัน ตาพูดออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก รพีพงษ์เริ่มไม่ใส่ใจ กันตาอีกเลย เขาเดินไปหาเด็กสาวหน้าคนนั้นที่อยู่ด้านหน้า เคาน์เตอร์ พร้อมกับพูดว่า “ไปดูกล้องวงจรปิดเถอะ เราไม่หนีไปไหนหรอก

เด็กสาวพยักหน้าให้ พร้อมทั้งไปดูกล้องวงจรปิดทันที

“แกกล้าดี!” กันตาตะโกนโหวกเหวกโวยวายทันที

เธอหันไปหารพิพงษ์ พร้อมทั้งกัดฟันพูดด้วยความโกรธ “มันก็แค่กำไลหยกแค่ สามหมื่นนิดๆ ถ้ากำไลหยกนี้ฉันเป็นคนทำมันแตกจริง ฉันจะชดใช้ค่าเสียหาย แฟนฉันเป็นไฮโซ เงินแค่นี้เอง”

“แต่ว่าแกมาเดินชนฉัน แล้วมาทำท่าตีโพยตีพายแบบนี้ ฉันว่าแกคงไม่อยาก จ่ายค่าเสียหายมากกว่า”

“ถ้าเป็นแบบนี้ อาศัยที่เมียแกเคยเป็นเพื่อนห้องเดียวกับฉันมาก่อน ฉันจะออก เงินแทนแกแล้วกัน ถือว่าเงินที่ฉันจ่ายไปก็แค่จ่ายให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของพวก

แก”

เธอคิดว่าถ้าไปดูกล้องวงจรปิดมาจริงๆ เธอไม่แค่จ้องจ่ายค่าเสียหาย แต่ต้องมา ขายหน้าต่อหน้าสาธารณชนอีก ถ้าทำตัวเป็นนางพญาที่ดูสูงส่งเอาสักหน่อย เพื่อ ที่จะให้รพีพงษ์กับอารียาถูกด่าก็คุ้ม

“ย่าๆ ไม่จำเป็น เดี๋ยวดูกล้องวงจรปิด ทุกคนก็ต้องรู้อยู่ดีว่าใครกันที่ต้องจ่ายเงิน ซดใช้ค่าเสียหาย รพีพงษ์ยังคงยืนหยัดในการให้ดูกล้องวงจรปิด พร้อมเดินมุ่ง หน้าไป

กันตาในใจเอาแต่สบถด่า แถมคิดว่ารพีพงษ์นี่ข่างดื้อรั้นหัวแข็งจริงๆ เธอกลอกตาไปมา หลังจากนั้นก็ไปศักหน้ารฟิพงษ์ พร้อมทำเหมือนว่ารพีพงษ์ ชนเธอ จากนั้นก็ทาท่ากันกระแทกพื้นอย่างแรง

“แกนี่ทำไมเป็นคนแบบนี้ ชนฉันจนฉันทำกำไลหยกหล่นแตก ตอนนี้ก็ยังมาชน ฉันจนต้องล้มลง แกคิดว่าฉันมันน่ารังแกมากเลยเหรอ ฉันจะบอกแกให้ แฟนฉันมี หุ้นส่วนในห้างนี้ ตอนนี้เขาก็อยู่ในห้างนี้ด้วย ฉันจะโทรศัพท์หาเขา ให้เขามา จัดการกับคนอย่างแก”

กันตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วจัดการโทรศัพท์หาแฟนเธอทันที

คนอื่นที่ได้ยินคำพูดของ กันตา ต่างรู้สึกว่ารพิพงษ์กำลังหาเรื่องใส่ตัว แฟนของ เธอมีหุ้นอยู่ในห้างนี้ด้วย คงไม่ได้หาเรื่องแค่กำไลหยกอันเดียวหรอก

รพีพงษ์กำลังมอง กันตาที่นั่งประสาทแดกกองอยู่ที่พื้น ในใจได้แค่ยิ้มอย่างไร้ ความรู้สึก เลยอยากจะรอตอนที่แฟนของเธอมาหา เพื่อดูซิว่าพวกเขาจะใช้วิธี ไหน

อารียาโกรธกระฟัดกระเฟียด พร้อมทั้งรู้สึกว่าการที่ตนเองมีเพื่อนร่วมห้องแบบนี้ ช่างน่าอายมากจริงๆ

ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลาก็มีถึง เขาเปียดกับกลุ่มคนเข้ามา หา พอเห็นว่ากันตากำลังนั่งกองอยู่ที่พื้น รีบพยุงเธอขึ้นมาทันที

รพีพงษ์หันไปทางชายหนุ่มวัยรุ่นคนนั้น ใบหน้าตกใจเล็กน้อย เพราะคนคนนี้คือ คุณชาย คุณวรดรที่เจอกันที่ธนาคารในวันนั้น

“วรดร คุณมาได้สักที ฉันถูกพวกเขารังแก ไอ้คนกระจอกนี้มันไม่ได้แค่เดินชน ฉันจนฉันทำกำไลตกแตก แถมยังใส่ร้ายฉันอีก แล้วยังชนฉันจนขนล้มมากอง อยู่ที่พื้น คุณต้องสู้แทนฉันนะ!” กันตาทำหน้าน้อยใจตอนที่พูดกับวรตร

กันตาหลุดปากพูดออกมาทันที “ไอ้หน้าไหนที่ไม่มีตาที่มันกล้าดีมาเดินชนคุณ เนี่ย?”

เขาค่อนข้างรักและหลงในแฟนของเขามาก ถึงแม้ว่าจะรู้ด้ว่าปอยครั้งนักที่กัน ตาไปหาเรื่องคนอื่น แต่เขาก็ยังคงที่จะออกหน้าสู้แทนกันตาเหมือนเติม

กันตาชี้นิ้วมาที่รพีพงษ์ พร้อมทั้งกัดฟันพูดด้วยความโมโห “มันนั่นแหละ มันไม่ ยอมจ่ายค่าเสียหายกำไลหยกสามแสนแปด ก็เลยใส่ร้ายป้ายสีฉันว่าฉันเป็นคน ทำหล่นเอง คุณต้องช่วยออกหน้าแทนฉันนะ

วรดรหันไปมองตามนิ้วของกันตาสายตาก็ไปอยู่ที่ใบหน้าของรพีพงษ์ จากนั้น หัวใจก็เต้นโครมครามทันที

นี่มันไม่ใช่พี่ใหญ่อภิมหาเศรษฐีที่มีบัตรBlackของธนาคารโลกเหรอ? จะเป็นเขา ไปได้ไง?

ผู้ทรงอิทธิพลอภิมหาเศรษฐีแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องกำไลข้อมือหยกแค่ราคาสาม หมื่นแปดจนต้องใส่ร้ายป้ายสีคนหรอกมั้ง? เพราะเงินสามหมื่นแปดสำหรับเขา แล้ว ขนาดเศษเงินที่ไว้ใช้ทั่วไปยังไม่สามารถเทียบได้เลย

งั้นก็หมายความว่า กันตากำลังคิดเองหาเรื่องใส่ตัวอยู่ที่นี่ วรดรเข้าใจนิสัยใจคอ แฟนของตนเองเป็นอย่างดี

อีกอย่างประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่สามารถแตะต้องคนที่Black Card ของ ทุกธนาคารบนโลกใบนี้ได้ จนมันทำให้ร้อนรน เขาสามารถซื้อห้างนี้ได้โดยไม่มี ปัญหาใดๆ ด้วยซ้ำ เขาโมโหจนข้องกันตาตาถลน

กันตากำลังจ้องมองรพีพงษ์อย่างได้ใจ เพื่อรอคอยให้วรดร คอยโมโหแล้วออก

หน้าแทนเรอ

เวลานั้นเองวรดรกัดฟันด้วยความโมโห จากนั้นก็ยกมือขึ้น แล้วตบหน้ากันตา ฉาดใหญ่ พร้อมทั้งต่อว่าเสียงดัง “นี่คุณกำลังพูดมั่วอะไรอยู่ เขาจะป้ามาใส่ร้าย กับเงินแค่สามหมื่นแปดกับคุณรฟีเนี่ยนะ ฉันว่าคุณอย่ามาหาเรื่องวุ่นวายไร้สาระ กับที่นี่เลย”

รีบขอโทษเขาเดี๋ยวนี้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ