แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 37 ขายทีวีทั้งไปแล้ว



บทที่ 37 ขายทีวีทั้งไปแล้ว

“มีความเป็นไปได้อยู่ ในเมื่อซื้อเครื่องสำอางราคาแพง ขนาดนี้ได้ คงมีไม่กี่คนหรอก” อารียาพยักหน้าขึ้นลงอย่าง ใช้ความคิด

รพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆตอนนี้ ก็ยิ้มขึ้นมา พอดีกับจังหวะที่ บุษบากรหันมาเห็น

เธอจ้องรพีพงษ์ตาเขม็ง พลางพูด “นายหัวเราะอะไรม ทราบ ยังไง คนที่ซื้อเครื่องสำอางให้พวกเรา ก็ไม่ใช่นาย แน่นอน”

“แคลร์ ฉันว่าเธอเองก็อย่าหวังอะไรให้มันมากกับพวกคน ไร้น้ำยาเลย คนแบบเขาเนี่ย ทั้งชาตินี้เกรงว่ายังไงก็คงจะ ซื้อเครื่องสำอางแพงขนาดนี้ให้เธอไม่ไหวหรอก”

อารียาหันไปมองรพีพงษ์แวบหนึ่งเธอยังแอบคิดว่า เครื่องสำอางพวกนี้ รพีพงษ์เป็นคนซื้อให้

แต่คิดๆดูอีกที รพีพงษ์เองก็อยู่กับพวกเธอตลอด ดังนั้นก็ เลยคิดว่าเครื่องสำอางพวกนี้ คงจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของบุษบากร ซื้อให้มากกว่า

แต่ยังไง เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้เธอคิดว่ารพีพงษ์จะซื้อ เครื่องสำอางแพงขนาดนี้ให้เธอไม่ไหว ในเมื่อใจก็ให้มา แล้ว นับประสาอะไรกับเครื่องสำอางชุดเดียว

ผู้จัดการร้านช่วยบุษบากรกับอารียาหยิบเครื่องสำอางใส่ ถุง รพีพงษ์มีหน้าที่ถือ หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เดินออก จากร้านแชนแนลไป

เห็นทั้งสามคนเดินออกไปแล้ว ผู้จัดการร้านก็อดไม่ได้ที่ จะถอนหายใจออกมา “เห้อ ของพวกนี้แค่ดูก็รู้ว่าคุณผู้ชาย คนนั้นเป็นคนซื้อ ผู้หญิงคนนั้นกลับดูถูกเขาแบบนั้น ไม่รู้ จริงๆว่าคนรวยสมัยนี้เขาคิดอะไรกันอยู่”

ทั้งสามคนเดินเล่นต่อในห้างสักพัก สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงทั้ง สองคนไม่คาดคิดคาดฝันก็คือ ร้านค้าชั้นนำทุกร้านในห้าง เหมือนกับถูกเตี้ยมเอาไว้ พอเห็นพวกเขาสามคนเดินมา ก็ รีบเข้ามาต้อนรับอย่างดิบดี

หลังจากนั้น ผู้จัดการของแต่ละร้านก็จะเดินออกมาคุย ด้วยตัวเอง ตามมาด้วยการส่งมอบของที่แพงที่สุดในร้าน ให้ผู้หญิงทั้งสองคน
บุษบากรกับอารียาสองคนงงไปหมด พวกเธอทั้งคู่เพิ่ง เคยเดินห้างที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเดินในบ้านตัวเองเป็น ครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นของอะไร ก็มีคนพร้อมที่จะประเคนให้ ฟรีๆ

บุษบากรถามร้านค้าเหล่านั้นด้วยความสงสัยอย่างเปี่ยม ลัน ใครกันแน่ที่เป็นคนซื้อของพวกนี้ให้พวกเธอ

ร้านค้าพวกนั้นก็ทำได้แต่ยิ้ม ไม่พูดอะไรสักคำ บางส่วน มีแต่จะแอบมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง แต่คำตอบที่ให้ ก็คือไม่ สามารถเปิดเผยได้เหมือนๆกันหมด

ตัวตนของบุคคลลึกลับคนนี้ทำให้บุษบากรสงสัยแล้ว สงสัยอีก แต่เธอก็เชื่อว่า คนที่ซื้อของให้พวกเธอ จะต้อง เป็นนายดวงใจตะวันอย่างแน่นอน

วันนี้นายดวงใจตะวันเอง ก็ส่งของขวัญให้เธอ แล้วก็หาย ไป ไม่พูดอะไรสักครึ่งคำ เทียบกับผู้ชายที่ซื้อของขวัญให้ พวกเธอแล้ว ล้วนลึกลับพอๆกัน

อารียาเองก็คิดว่าคนที่ซื้อของให้พวกเธอ ต้องเป็นนาย ดวงใจตะวันอะไรนั่นแน่ๆ ในเมื่อพวกเธอเองก็คิดไม่ออก แล้วว่าเป็นใคร
แต่มีเพียงแค่รพีพงษ์เท่านั้นที่รู้ ของพวกนี้ คือของที่ตาสี ทองซื้อเพื่อเจรจาต่อรองกับเขา

และก็เป็นเพราะมีนายดวงใจตะวันโผล่ขึ้นมาเปรียบเทียบ ทำให้ตอนนี้บุษบากรยิ่งดูถูกดรพีพงษ์ไปกันใหญ่ ตอนนี้ คงจะเปรียบเทียบเขาเป็นซะยิ่งกว่าเศษขยะ

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอรู้ดีถึงการประพฤติตัวของรพีพงษ์ ในช่วงนี้ ก็คงจะไขว้เขวตามคำพูดูถูกดูแคลนนับครั้งไม่ ถ้วนของบุษบากรไปแล้ว

หลังจากเดินเสร็จ ในมือของรพีพงษ์ล้วนมีถุงเล็กถุงน้อย พะรุ่งพะรังเต็มมือไปหมด ล้วนเป็นของจากร้านชั้นนำทั้ง นั้น ถ้าคำนวณรวมกันเกรงว่าจะปาเข้าไปเป็นแสนๆหยวน

ตาสีทองเพื่อที่จะต่อรองกับรพีพงษ์ ถึงจะเป็นจำนวนนับ ไม่ถ้วน แต่แน่นอนว่า เงินจำนวนแค่นี้ สำหรับตระกูลลัดดา วัลย์แล้ว ก็แค่เศษขนหน้าแข้งเท่านั้นแหละ

น่าเสียดายที่ตอนนี้รพีพงษ์ไม่ใช่เด็กหนุ่มสำมะเลเทเมา อีกต่อไปแล้ว ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่สนใจ
เงินเพียงน้อยนิดพวกนี้ รพีพงษ์เองก็ไม่สนใจเหมือนกัน

“นายเดินระวังๆไว้เลยนะ ของพวกนี้นะมาจากเจ้าชายขี่ม้า ขาวของฉัน ถ้าเสียหายขึ้นมาล่ะก็ นายรับผิดชอบไม่ไหว แน่ๆ” บุษบากรมองรพีพงษ์อย่างไม่พอใจ

ในใจของเธอ เอารพีพงษ์ไปเปรียบกับเจ้าชายขี่ม้าขาว ของเธอแล้ว ยังไงก็เปรียบไม่ขึ้น

ทั้งสามคนเดินออกมาจากห้างอย่างคืนกำไรเต็มๆ บุษบา กรอารมณ์ดีไม่น้อย หยิบของส่วนของเธอไป ก่อนจะบอก ลาอารียา เพื่อเดินออกไปเรียกรถ

“แคลร์ อย่าลืมมางานเลี้ยงรุ่นอาทิตย์หน้านะ ถ้าเธอไม่ไป ล่ะก็ หัวหน้าสาขาของเราคงจะอกหักดังเปราะ” บุษบากร พูดประโยคหนึ่งก่อนที่จะไป

รพีพงษ์ถือของกลับบ้านกับอารียา ตอนที่ถึงทางเข้า เขา ก็ค้นพบว่าพี่ชายที่ขายเครปไม่มาอีกแล้ว

ไม่ได้คิดอะไรมาก รพีพงษ์กับอารียาก็กลับเข้าบ้าน เอา

ของวางไว้บนโต๊ะ
ศศินัดดาเดินออกมาจากห้อง เห็นพวกเขาซื้อของกลับมา เยอะขนาดนี้ ก็อดที่จะกวาดตามองไม่ได้

“แคลร์ แม่ได้ยินมาว่าของพวกนี้ราคาแพงมาก ครั้งที่แล้ว ที่ลูกไปจัดแสดง ได้เงินมาเท่าไหร่กัน ถึงได้ซื้อของมา เยอะขนาดนี้” ศศินัดดาพูดด้วยความประหลาดใจเป็นอย่าง

มาก

“นี่เป็นของที่หวานใจของบุษให้นะ หนูไม่ได้ใช้เงินตัวเอง เลยด้วยซ้ำ” อารียาอธิบาย

ศศินัดดาแค่ได้ยินดังนั้น ก็เบิกตาโต รีบถามออกไป “หวานใจของเธอ รวยขนาดนี้เลยหรอ”

“น่าจะอย่างนั้น”

ศศินัดดารีบมองไปทางรพีพงษ์ ความเกลียดชังในตาเพิ่ม ขั้นไม่น้อย “แกดูเขาสิ แล้วลองดูตัวเองบ้าง วันๆเอาแต่กิน ไม่ทำการทำงานอะไร ของพวกนี้ยังจะต้องให้คนอื่นซื้อให้ ลูกสาวฉันแทนอีก ทำไมบ้านเรามันถึงมีคนที่ไร้ประโยชน์ อย่างแกได้กัน”

“ของพวกนี้ ผมก็ซื้อให้อารียาได้เหมือนกัน” รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

“แกจะเอาอะไรไปซื้อ ทุกวี่ทุกวันแกก็กินข้าวบ้านเรา ดื่ม น้ำบ้านเรา หรือว่ายังอยากจะมาเกาะเงินลูกสาวฉันกินอีก ถ้าแกคิดแบบนี้ล่ะก็ รีบไสหัวไปให้พ้นจากบ้านฉันเลยนะ !” ศศินัดดาพูดอย่างเจ้ากี้เจ้าการ

อารียาเห็นศศินัดดาเริ่มหาเรื่อง ก็พูดออกไปอย่างหมด ความอดทน “แม่ ถ้าแม่พูดอย่างนี้อีก หนูจะโกรธจริงๆแล้ว

นะ”

ศศินัดดาเบ้ปาก หยุดด่ารพีพงษ์ ขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ก่อนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา

“ใช่แล้วลูก วันนี้อาวี มาบ้านเรา เห็นทีวีบ้านเราแล้วถูกใจ เขาบอกกับแม่ว่าทีวีรุ่นนี้เป็นรุ่นหายากโดยเฉพาะ อยาก ซื้อแต่หาซื้อยังไงก็ไม่มี อยากได้สักเครื่องมาตั้งนานแล้ว”

“อาวี ของลูกยอมซื้อทีวีบ้านเราต่อในราคาสี่หมื่นหยวน แม่คิดๆดูแล้ว พวกลูกซื้อมาสามหมื่นแปดพันหยวน ขาย ให้อาวีของลูกสี่หมื่นหยวน ได้กำไรตั้งสองพันหยวนแหนะ แม่ก็เลยให้ลุงแกเอาทีวีไปแล้วล่ะ”
อารียากับรพีพงษ์เพิ่งสังเกตเห็นว่าตอนนี้ ทีวีที่เคยตั้งอยู่ ในห้องนั่งเล่น กลับกลายเป็นทีวีเครื่องเก่าเหมือนเดิม

อารียาร้อนใจขึ้นมา รีบพูดอย่างร้อนรน “แม่ ทำไมถึงไม่ ถามหนูก่อนแม่จะขาย นี่มันเป็นทีวีที่อา…”

“โอ้ย ลูกแม่ แต่ทีวีเครื่องนี้ก็เป็นทีวีที่ลูกซื้อมาให้เรานะ แม่รับน้ำใจลูกไว้คนเดียวก็พอแล้ว ทีวีใหญ่ขนาดนั้น แม่ดู ยังไงก็ไม่ชินอยู่ดี สู้เอาไปเปลี่ยนเป็นเงินดีกว่า” ศศินัดดา พูดพลางยิ้ม

อารียาพูดอะไรไม่ออก ทีวีเครื่องนี้เป็นทีวีที่รพีพงษ์ซื้อมา ถึงจะต้องขายจริงๆ ก็ควรถามความเห็นรพีพงษ์ก่อน

“แม่ นี่แม่ไปเชื่อเขาได้ยังไง อาวี เป็นคนประเภทไหนแม่ ก็รู้ดีไม่ใช่หรอ เขาปากหวานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม่เอา ทีวีให้เขา แล้วไหนล่ะเงิน” อารียารีบซักใหญ่

“อาวี ของลูกบอกว่าช่วงนี้ชักหน้าไม่ถึงหลังน่ะ ผ่านช่วงนี้ ไปเมื่อไหร่เดี๋ยวจะเอาเงินมาให้” ศศินัดดาตอบ
อารียากุมขมับ ถ้าอาวี พูดแบบนี้ล่ะก็ สามปีห้าปี ก็ไม่รู้จะ ได้เงินคืนมามั้ยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือต้องถามความเห็นของ รพีพงษ์ก่อน ถึงจะขายโทรทัศน์ไปได้

“แม่ลืมแล้วใช่ไหม ว่าครั้งก่อนที่อาวี มายืมเงินบ้านเรา ห้าปีแล้วก็ยังไม่คืนเลย พ่อทำทุกวิถีทางยังได้คืนมาก็แค่ เจ็ดส่วนอาวี เป็นคนไว้ใจไม่ได้ ทำไมแม่ถึงเอาทีวีให้เขา ไป ดีไม่ดีก็ไม่ปรึกษาหนูสักคำอีก” อารียาโกรธจนกัดฟัน แน่

“หม ลูกแม่ ลูกพูดขึ้นมา แม่ก็เพิ่งนึกได้ว่าเขายืมเงิน เราไป ทีวีเขาก็เอาไปแล้ว แล้วเราจะทำยังไงล่ะทีนี้” ศศิ นัดดาทั้งที่ทำผิดแต่ก็ยังทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่

อารียาโกรธจนไม่อยากพูดกับเธออีก ทำได้เพียงแต่ส่ง สายตาขอโทษไปทางรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มอ่อนๆให้อารียา พลางพูด “ไม่เป็นไรนะ”

หลังจากเข้าห้องตอนดึก อารียามองไปทางรพีพงษ์ด้วย ความรู้สึกผิดอย่างมาก พร้อมพูด “ฉันขอโทษจริงๆนะ แม่ฉันก็เป็นคนแบบนี้ ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับ เธอ เรื่องเงินค่าทีวี ฉันจะหาทางเอามาคืนนายเอง”

“อย่าพูดห่างเกินกับฉันแบบนี้จะได้ไหม จริงๆแล้วทีวี เครื่องนั้นฉันก็ซื้อให้พ่อแม่เธอนั่นแหละ จะจัดการยังไง ก็ แล้วแต่พวกเรา ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” รพีพงษ์เอ่ยปาก

“แต่ว่า อาวีนั่นไว้ใจไม่ได้ เขาเอาทีวีไปแล้ว ก็เหมือนกับ ให้ฟรี เงินก็เอาคืนมาไม่ได้แล้วด้วย แม่ฉันนี่ถูกตัมซะเปื่อย ทำไมถึงโง่ขนาดไปเชื่อคำพูดอาวี ได้” อารียาพูดไปพลาง ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“อาวี หรอ คนที่เคยมาบ้านเราครั้งหนึ่งน่ะหรอ” รพีพงษ์

ถาม

อารียาพยักหน้า

รพีพงษ์พอจะจำอาวีอะไรนั่นได้อยู่คลับคล้ายคลับคลา ผู้ชายคนนั้นยังไงก็ไว้ใจไม่ได้ แถมถ้าบังคับเขาให้คืนเงิน ล่ะก็ เขาก็จะแกล้งทำแก้วตกแตก หาว่าเราทำให้โรคหัวใจ เขากำเริบอีก

ร้ายกาจขนาดที่ว่า สามารถรวมหัวกับศศินัดดาได้
“เรื่องนี้เธอไม่ต้องคิดมากแล้วล่ะ เงินยังไงฉันก็จะถวงคืน มาให้ได้” รพีพงษ์เอ่ยปาก

อารียาตกใจไม่น้อย แต่คิดดูแล้ว ช่วงนี้รพีพงษ์เองก็ทำ เรื่องให้เธอประหลาดใจตั้งมากมาย ในใจก็เลยเชื่อรพีพงษ์ อย่างไม่มีข้อกังขา

เธอไม่ได้คิดมากเรื่องนี้อีก เดินช้อปปิ้งมาทั้งวัน เมื่อยเนื้อ

เมื่อยตัวไปหมด

เธอแทบอยากที่จะใช้มือตัวเองนวดให้ตัวเอง แต่อยู่ๆใน สมองก็นึกถึงความรู้สึกเมื่อวานตอนกลางคืน ตอนที่รพี พงษ์นวดให้เธอ

เธอหันหน้าไปมองรพีพงษ์ ก่อนจะพูดเสียงเบาๆขึ้นมา “คือว่า….นายช่วยนวดให้ฉันอีกสักครั้งจะได้ไหม เมื่อวาน มันสบายมากเลย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ