แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 27 หุบปากเน่า ๆ ของคุณซะ



บทที่ 27 หุบปากเน่า ๆ ของคุณซะ

หลังจากวางสายของ เธียรวิชญ์ แล้ว รพีพงษ์ก็กดโทร ออกหาเมฆา ผู้จัดการร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าทันที

” ติดต่อใครครับ ? ” เสียงจากปลายสายที่พูดฟังดูสบาย ๆ

ฉันคือ รพีพงษ์ รพีพงษ์ พูดขึ้น

หลังจากนั้นก็มีเสียงเก้าอี้เลื่อน ตามมาด้วยเสียงอัน กระตือรือร้นของ เมฆา “คุณรพีเป็นท่านนี่เอง ไม่ทราบว่า ท่านต้องการอะไรหรือครับ ?”

เมื่อสักครู่นี้มีสายจาก เธียรวิชญ์ โทรมาหาเขาพร้อมกับ กำชับว่า หากมีคนชื่อ รพีพงษ์ ติดต่อมา ไม่ว่าเรื่องอะไรจะ ต้องตอบตกลงทั้งหมด

ต่อให้จะต้องย้ายของทั้งหมดออกจากร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า เมฆา ก็จะต้องยอม
เมฆา เองก็ไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่า รพีพงษ์ จะต้องเป็นคนใหญ่ คนโตแน่ ๆ ไม่เช่นนั้น เธียรวิชญ์ คงไม่ต้องโทรศัพท์มาหา เขาด้วยตัวเองหรอก

” ฉันอยู่ที่โซนสามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า คุณลงมานี่หน่อย” รพีพงษ์ พูดจบเขาก็กดวางสาย

หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่โซนขายโทรทัศน์ พนักงานขายและ อารียายังคงยืนอยู่ตรงนั้น

สีหน้าของพนักงานขายเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม และสีหน้าของอารียา ก็มีแต่ความอึดอัดและลำบากใจ

“ยังไง โทรไปยืมเงินใครแล้วเขาไม่ให้ยืมเหรอ ฉันจะ บอกอะไรคุณให้นะถ้าคุณไม่มีปัญญาจะจ่ายก็ไม่ต้องมา เสแสร้งแกล้งทำ คนแบบคุณนี่มีแต่จะทำให้คนอื่นรังเกียจ จริง ๆ พนักงานขายพูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจ

” ผมเรียกผู้จัดการของพวกคุณมาแล้ว อีกเดี๋ยวพอเขามา ถึงค่อยว่ากัน ” รพีพงษ์ พูดขึ้นเบา ๆ

พนักงานขายไม่เชื่อคำพูดของ รพีพงษ์ เลยแม้แต่น้อย เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่ดังยิ่งกว่าเดิม “อย่างคุณเนี่ยนะ ? กล้าจะเรียกผู้จัดการของพวกเรามา ฝันอยู่รี ไงนอกจากลูกค้ารายใหญ่แล้ว ผู้จัดการของเราคงไม่ลงมา เสียเวลากับคนจน ๆ อย่างคุณหรอก”

รพีพงษ์ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ อยู่ที่เดิม

หลังจากนั้นไม่ถึงสองนาทีก็มีชายร่างสูงผอมใส่ชุดสูทคน หนึ่งวิ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเขาวิ่งมาที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุด เลยทีเดียว

พนักงานขายเมื่อเห็นผู้จัดการร้านมาที่นี่จริง ๆ ก็แอบรู้สึก ประหลาดใจไม่น้อย

แต่ในใจเธอกลับรู้สึกว่านี่สิถือเป็นโอกาสดีของเธอ เพียง แค่เธออธิบายกับผู้จัดการให้ชัดเจนไปเลยว่า รพีพงษ์ ไม่มี เงินจ่ายค่าโทรทัศน์แถมยังทำให้ที่นี่วุ่นวาย ไม่แน่ว่าผู้ จัดการอาจจะชื่นชมเธออีกด้วยก็เป็นได้

” ผู้จัดการคะ ตรงนี้มีคนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าสินค้าอยู่ค่ะ แถม ยังจะมาพูดอีกว่าตัวเองซื้อไหวให้ฉันจัดการเอาโทรทัศน์ เครื่องละสามหมื่นแปดเครื่องนั้นออกมาค่ะ เขาไม่มีเงินจะ จ่ายเลยอีกทั้งยังทำให้เรื่องวุ่นวายกว่าเดิมอีก แล้วยังบอกว่าจะเรียกคุณมาที่นี่ด้วยค่ะ ” พอผู้ จัดการมาถึงตรงหน้าเธอก็รีบพูดขึ้นทันที

“คนไหน ? ” เมฆา ถามขึ้น

พนักงานขายชี้นิ้วไปทาง รพีพงษ์ ก่อนจะตอบว่า ” เขา คนนี้ค่ะ แค่ยาจกคนหนึ่งยังจะมาเสแสรังอีก ฉันแทบจะทน มองต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ”

เมฆา เหลือบไปมอง รพีพงษ์ก่อนจะถามว่า ” คุณ

คือ…คุณรพี ?”

รพีพงษ์ พยักหน้ารับ

” ผู้จัดการคะ อย่างเขาเนี่ยคุณจะเรียก คุณ ไปทำไมกันคะ ฉันไม่เรียกเขาให้เข้าไปเอาข้าวของเรามากิน ก็ถือว่าเห็น แก่หน้าเขาขนาดไหนแล้ว ” พนักงานขายพอเห็นผู้จัดการ มาเธอก็มีความมั่นใจมากขึ้น คำพูดของเธอยิ่งไม่น่าฟัง มากกว่าเดิมอีก

เมฆา หน้าถอดสี นี่เป็นถึงบุคคลสำคัญของ เธียรวิชญ์ แต่ พนักงานขายคนนี้กล้าบอกให้เขามาขอข้าวกิน ช่างพูดไม่ คิดจริง ๆ
” เธอหุบปากเน่า ๆของเธอไปเลยนะ คุณรพี เป็นคนที่เธอ จะมานินทาว่าร้ายได้รึไง ? ” เมฆา จ้องไปที่พนักงานขาย

เมื่อพนักงานขายเห็นผู้จัดการจู่ ๆ ก็โกรธขึ้นมา ในใจเธอ ก็กระตุกไปเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยู่ดี เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า เมฆา จะปฏิบัติต่อ รพีพงษ์ แบบนี้

“ผู้จัดการคะฉัน…..”

“คุณจะอะไร คุณไม่มีอะไรที่ต้องพูดแล้ว ” เมฆา ตะคอก ขึ้นมา

พอถึงตรงนี้พนักงานขายก็พึ่งจะรู้ตัวว่าเธอคงได้ไปยั่วย คนใหญ่คนโตเข้าแล้ว

อารียา ที่อยู่ข้าง ๆ มองไปที่ เมฆา อย่างรู้สึกผิด ในตอน แรกเธอนึกว่าผู้จัดการร้านจะรำคาญพวกเธอมากกว่า พนักงานขาย แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าผู้จัดการร้านมาอยู่

ข้างพวกเธอแทน

เมื่อ เมฆา อบรมสั่งสอนพนักงานของเขาเรียบร้อยแล้ว ก็รีบหันกลับมาทาง รพีพงษ์ ทันที ก่อนจะพูดขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพว่า ” ขอโทษจริง ๆ นะครับ พนักงานคนนี้พึ่งมาใหม่กฎเกณฑ์หลาย ๆ ข้อ เธอก็ยังไม่เข้าใจ ได้โปรดให้อภัยเธอด้วยนะครับ”

” คุณอยากได้โทรทัศน์เครื่องไหน บอกผมได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมให้คนห่อให้พร้อมส่งถึงบ้านเลยครับ ”

รพีพงษ์ ชี้นิ้วไปยังโทรทัศน์เครื่องละสามหมื่นแปดเครื่อง นั้นก่อนจะพูดว่า “ เครื่องนั้นล่ะ”

เมฆา รีบพยักหน้ารับทันทีพร้อมกับพูดว่า ” ทิ้งที่อยู่ของ คุณไว้ได้เลยครับ ผมจะให้คนจัดส่งให้เร็วที่สุด”

รพีพงษ์ จึงส่งที่อยู่ของเขาให้กับ เมฆา

หลังจากที่ เมฆา จดที่อยู่เรียบร้อย เขาก็เงยหน้าขึ้นและ มองไปทาง อารียา ก่อนจะเอ่ยปากชมว่า ” นี่คือภรรยาของ คุณสินะครับ สวยมากจริงๆ เกรงว่าขนาด ไซซี(หนึ่งในสี่ สาวงามในประวัติศาสตร์จีน) คงเทียบไม่ติดเลยล่ะครับ”

อารียา รู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่พอฟังแล้วก็รู้สึกดีกว่ามาก เมื่อเทียบกับความอับอายก่อนหน้านี้ที่เธอได้รับ มัน ช่างให้ความรู้สึกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

รพีพงษ์ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่ว่ายังไง เมฆา ก็เป็นแค่ เครื่องมือที่เขาจะต้องใช้ก็เท่านั้น ไม่มีความจำเป็นที่ต้อง ทำตัวสุภาพกับเขา

“อ๋อใช่ คุณภาพของพนักงานคุณจะต้องได้รับการ ปรับปรุงขึ้นมาใหม่ด้วยนะ ต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็น อันดับหนึ่งเสมอ ถ้าหากพวกเขาดูถูกเหยียดหยามลูกค้าละ ก็อย่าเก็บเอาไว้”

รพีพงษ์ หันกลับมาพูดกับ เมฆา อีกหนึ่งประโยคก่อนที่จะ เดินจากไป

“คุณรพี พูดถูกครับ กลับไปผมจะยกระดับพนักงานใหม่ ทั้งหมด พนักงานคนไหนที่ไม่มีคุณภาพ ผมจะคัดออกให้ หมดเลยครับ”

รพีพงษ์ พยักหน้ารับ ก่อนจะพาอารียา เดินออกจากร้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ไป ซึ่งแม้แต่เงินสักสตางค์เดียวเขาก็ไม่ได้

จ่าย
พนักงานขายรู้สึกอับอายและเสียใจกับความคิดของเธอที่ มีต่อ รพีพงษ์ มาก ถ้าหากเธอไม่ทำแบบนั้นไปเรื่องแบบนี้ ก็คงไม่เกิดขึ้น

” ไปที่ฝ่ายการเงินรับเงินเดือนเดือนนี้ของคุณแล้วไปซะ พวกเราที่นี่เก็บคุณไว้ไม่ได้หรอก ”

เมฆา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากพูดจบเขาก็หันหลัง กลับทันที

ขณะที่ รพีพงษ์ กำลังเดินไปบนถนนพร้อมกับ อารียา นั้น เธอหันมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อน จะถามขึ้นว่า ” ทำไมผู้จัดการคนนั้นเขาไม่เอาเงินจากคุณ ล่ะ ? นั่นมันโทรทัศน์เครื่องละสามหมื่นแปดเชียวนะ”

” ผมโทรให้เพื่อนผมจ่ายไปก่อนแล้ว เดี๋ยวกลับไปผม ค่อยเอาคืนเขา ” รพีพงษ์ ตอบพร้อมรอยยิ้ม

ในตอนนี้ อารียา ถึงจะพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ ก่อน หน้านี้จากท่าทีที่ผู้จัดการร้านปฏิบัติต่อ รพีพงษ์ ทำให้เธอ นึกว่าเขาเป็นเจ้าของของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ซะอีก ที่แท้ เขาก็แค่ให้เพื่อนจ่ายเงินให้ก่อน
ทั้งสองคนมาถึงบ้านยังไม่ทันไร โทรทัศน์ที่ซื้อก็ส่งมาถึง แล้ว พร้อมกับมีคนเข้ามาติดตั้งให้อย่างกระตือรือรัน

ศศินัดดาและ ศักดา กลับมาจากทำงานในตอนเย็นพอ เห็นว่าโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นถูกแทนที่ด้วยเครื่องใหม่ พวกเขาสองคนล้วนประหลาดใจ

นี่มันไม่ใช่โทรทัศน์สุดหรูเครื่องละสามหมื่นแปดนั่นไง ทำไมถึงมาตั้งอยู่ที่บ้านเราได้ ? ”

” คงต้องเป็น แคลร์ซื้อเข้ามาอยู่แล้วสิ ดูเหมือนว่าเธอจะ ได้รับผลประโยชน์มากมายจากการจัดนิทรรศการครั้งก่อน นะ ” ศักดา พูดขึ้น

ทั้งคู่พยายามชะโงกดูหน้าโทรทัศน์อย่างระแวดระวังอยู่

นาน

“แคลร์ ของเราอนาคตก้าวไกลมากเลยนะ เธอซื้อ โทรทัศน์ดี ๆ มาให้พวกเราด้วย ต่อไปถ้าอยู่นอกบ้านฉัน จะชื่นชมลูกสาวของเราให้มากกว่านี้แน่ ๆ ” ใบหน้าของศศิ นัดดา เต็มไปด้วยความยินดี
หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ ก็เดินเข้ามาดูผลลัพธ์ของ โทรทัศน์เครื่องนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาเดินไปที่หน้า โทรทัศน์ก่อนจะเปิดมันขึ้นมา

ในขณะที่เขากำลังหยิบรีโมตขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนช่อง ศศิ นัดดา ก็พุ่งเข้ามาพร้อมแย่งรีโมตออกไปจากมือเขาทันที

ศศินัดดา จ้องมอง รพีพงษ์ ด้วยหางตาก่อนจะพูดเสียง ดังว่า ” นี่เป็นโทรทัศน์ที่ลูกสาวของเราซื้อมา อีกอย่างมัน ก็แพงมากด้วยนี่ไม่ใช่ของที่แกจะสามารถเอามาดูได้ หลัง จากนี้ถ้าแกอยากจะดูโทรทัศน์ละก็ไปใช้เครื่องเก่านู่น เครื่องนี้ห้ามแตะต้องเด็ดขาด !”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ