แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 391 ยืมมาด้วยความสามารถ ทําไมต้องคืน



บทที่ 391 ยืมมาด้วยความสามารถ ทําไมต้องคืน

บทที่ 391 ยืมมาด้วยความสามารถ ทำไมต้องคืน

เมืองบาสแตร์ เมืองเก่า หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ดูค่อนข้างทรุด โทรม

รพีพงษ์ยืนอยู่หน้าประตู ดูบ้านเลขที่ที่ขึ้นสนิมแล้วที่อยู่ข้างๆ ดวงตาหรี่ลง

ที่นี่ก็คือสถานที่ที่จันทร์ไชยและรพีพงษ์บอกว่าคนที่รู้เรื่อง เทือกเขากิสนาอาศัยอยู่ หลังจากสังเกตการณ์อยู่สองวันรพี พงษ์มั่นใจแล้ว ว่าที่นี่มีคนอาศัยอยู่

นอกจาก รพีพงษ์ยังใช้อำนาจของอธิชนม์ที่อาศัยอยู่ใน เมืองบาสแตร์ ตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่อาศัยอยู่ที่นี่อย่าง ชัดเจนแล้ว

เจ้าของบ้านหลังนี้ชื่อเทพยางศ์ เป็นคนต่างถิ่นที่ย้ายมาที่เมือ งบาสแต เมื่อยี่สิบปีก่อน ก่อนมาเมืองบาสแตร์ เทพยางค์เคย เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเขตเมืองหนึ่งทางตอนใต้ กล่าวได้ ว่าครอบครัวที่ร่ำรวยมาก

และในเวลานั้นเทพยางค์กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ยัง แต่งงานกับนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงมากในวงการบันเทิงเรียกได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาไม่มีใครเทียบได้

แต่ช่วงเวลาดีๆ ไม่ยาวนาน ทั้งสองแต่งานไม่นาน มีวันหนึ่ง นักแสดงสาวคนนั้นถ่ายละครเสร็จ ระหว่างทางกลับบ้านก็ เกิดอุบัติเหตุทางรถเสียชีวิต และเป็นเพราะตัวรถไหม้ แม้แต่ ซากศพก็ไม่หลงเหลือ

ต่อมามีคนคาดเดาตามสถานการณ์ในเวลานั้น นักแสดงสาว คนนี้อาจไม่ได้เสียชีวิตในรถ แต่ถูกคนพาไปแล้ว เนื่องจากไม่ พบสิ่งที่คล้ายกับเถ้ากระดูกใดๆ บนรถ ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่า รถในเวลานั้นเป็นเพียงรถเปล่า อุบัติเหตุดังกล่าวจงใจทำให้ เกิดขึ้น

ตอนนั้นเรื่องนี้ยังกลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคม ทางตำรวจ ได้ส่งผู้คนจำนวนมากเพื่อค้นหาเบาะแสของนักแสดงหญิง แต่ หาเป็นเวลานานครึ่งปีเต็ม ก็ไม่พบเบาะแสใดๆ เลย หลายคน ค่อนข้างจะเชื่อว่านักแสดงหญิงคนนั้นถูกไฟคลอกในรถ ไม่ พบเถ้ากระดูกในเวลานั้นเพียงเพราะเทคโนโลยีในเวลานั้นยัง พัฒนาไม่เต็มที่

แน่นอนว่ามีบางคนสงสัยว่านักแสดงหญิงคนนี้ถูกผู้ค้ามนุษย์ ลักพาตัวเข้าไปที่ป่าลึกสักแห่ง เนื่องจากเทคโนโลยีความ ปลอดภัยและเทคโนโลยีการตรวจจับเมื่อยี่สิบปีก่อนยังไม่ ก้าวหน้า โอกาสในการค้นหานักแสดงหญิงคนนี้เจอมีน้อยมาก
เทพยางค์ในฐานะที่เป็นสามีของนักแสดงสาวคนนี้ ก็ต้อง กระวนกระวายใจอยู่แล้ว เขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อภรรยาของ เขามาก เขาเชื่อมาตลอดว่าภรรยาของเขายังไม่ตาย แต่ถูก คนจับตัวไป เขาพึ่งพาทรัพยากรทางการเงินของตัวเอง ให้ ผู้คนค้นหาเบาะแสของนักแสดงหญิงไปทั่วทุกที่

เป็นเพราะการค้นหาโดยไม่มีการจดบันทึกค่าใช้จ่าย เทพ ยางศ์ที่มีหน้ามีตาแต่เดิมจู่ๆ ก็ต้องเผชิญกับการล้มละลาย ทางการเงิน ธุรกิจของบริษัทไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ เขาจึง ต้องขายบริษัทและทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเอง มาที่เมืองบาส แตร่ ซื้อบ้านหลังที่ไม่เลวในย่านนี้ ใช้เงินที่เหลือหาภรรยา ของตัวเองต่อไป

เสียดายยี่สิบปีผ่านไป เทพยางค์ยังคงไม่พบเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับภรรยาของตัวเอง เขาเองก็อารมณ์ฉุนเฉียวง่ายเพราะ เรื่องนี้ มีนิสัยชอบสันโดษและเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างแตก ต่างจากเถ้าแก่ที่ร่าเริงในตอนแรก

นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับเทพยางศ์ รพีพงษ์ให้อธิชนส่งคนไป ตรวจสอบ ข้อมูลเหล่านี้ไม่แตกต่างจากสิ่งจันทร์ไชยบอกเขา ในเวลานั้น เพียงแค่ละเอียดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ตอนนั้นจันทรไชยเคยบอกว่า เทือกเขากิสนาเป็นสวรรค์ของ คนรวย ข้างในในมีวิธีความสนุกความบันเทิงหลากหลายรูป แบบเพื่อเติมเต็มคนรวยเหล่านี้ คิดว่ามีคนมากมายสนใจในตัวนักแสดงหญิงที่โด่งดังเหล่านั้นมาก คนข้างในจับ นักแสดงหญิงหลายคนเข้าไป เป็นเรื่องที่ปกติมาก

และการค้นหาเป็นเวลานานหลายปีของเทพยางศ์ ไม่น่าจะ ไม่ได้รับอะไรเลย อย่างน้อยเรื่องต่างๆ ที่จันทร์ไชยรู้เกี่ยวกับ เทือกเขากิสนาเหล่านั้น ก็คือได้ฟังมาจากเทพยางศ์

ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกแต่งขึ้นโดยตัวของเทพยางค์เอง งั้น ก็แสดงว่าเขาเคยไปที่เทือกเขากิสนา หรือพบปะกับผู้คนใน ละแวกเทือกเขาสนา

เมื่อพิจารณาโดยรวม รพีพงษ์มีแนวโน้มไปทางที่สอง มากกว่า เพราะจันทร์ไชยก็บอกแล้วว่า ไม่มีผู้คนที่เข้าสู่เทือก เขากิสนาและมีชีวิตรอดออกมา ตอนนี้เทพยางค์ยังมีชีวิตอยู่ดี แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่เคยไปในเทือกเขากิสนา

ไม่ว่ายังไง รพีพงษ์ก็ต้องได้เจอกับเทพยางค์คนนี้ก่อน หลัง จากสื่อสารกับเขาได้ความแล้ว ถึงจะสามารถรู้ได้ว่าเขารู้หรือ ไม่รู้ที่อยู่ของเทือกเขากิสนาเทือกเขาเgmvndกันแน่

เขาเดินไปที่หน้าประตู เคาะประตู ผ่านไปสักพัก มีเสียงทุ้ม และแหบแห้งดังมาจากข้างใน
“ใคร?”

“ผมมาหาเทพยางค์มีเรื่องบางอย่างจะถามเขา” รพีพงษ์พูด

“ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าใช้ทักษะการแสดงที่ไม่ดีของนายมา หลอกฉัน ฉันจะไม่เปิดประตู พวกนายเป็นเจ้าหนี้นอกระบบ ไม่ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ฉันยืมมาด้วยความสามารถ ทําไมต้องคืน” เสียงของคนในนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่เกรงกลัว

หลังจากที่รพีพงษ์ฟังแล้ว ทันใดนั้นก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกมองเป็นคนทวงหนี้นอกระบบ แล้วคนนี้ทำไมฟังแล้วรู้สึกไร้ยางอายจริงๆ

“ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้มาเอาหนี้นอกระบบกับคุณ ผมได้ยินเรื่องคุณจากเพื่อน มีเรื่องบางเรื่องต้องถามคุณ” รพี พงษ์พูด

ที่ประตูมีรู รพีพงษ์สังเกตเห็นว่ามีตาข้างหนึ่งมองออกไปข้าง นอกผ่านรู ตามด้วย ประตูนั้นก็ถูกเปิดออก

ข้างในมีคนมอมแมมไปทั้งตัวยืนอยู่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวด เคราดูเหมือนคนที่ไม่ได้โกนมาหลายเดือน คนคนนี้ดูห่อเหี่ยว แต่มีแสงแวววาวในดวงตา

“คุณคือเทพยางศ์?” รพีพงษ์เอ่ยถามขึ้น

“ผมเอง มีเรื่องอะไรรีบพูด” เทพยางค์เหลือบมองรพีพงษ์ พูดอย่างเหลือทน

“คืออย่างงี้……” รพีพงษ์กำลังจะพูด

ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนพุ่งออกจากซอยข้างๆ รีบพุ่งตรงมา ที่หน้าประตูบ้านของเทพยางค์

เทพยางค์เห็นสถานการณ์ ตกจนรีบปิดประตู และในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่วิ่งเร็วมากผลักประตูโดยตรง ตะโกนใส่คนข้าง หลัง: “พวกนายรีบมา ฉันดันประตูไว้แล้ว แม่งเอ๊ย ดูสิครั้งนี้ไอ้ นี่ยังจะหนีไปซ่อนที่ไหนได้อีก!”

คนข้างหลังตามมาอย่างรวดเร็ว รีบพุ่งเข้าไปในบ้านของเทพ ยางศ์

เทพยางศ์รีบหันหลังวิ่งไปทางด้านหลัง แต่คนพวกนั้นกดเขา ลงกับพื้นทันที หลายคนยังเอาเชือก มัดตัวเขาโดยตรง
“แม่งเอ๊ย พวกแกปล่อยฉัน พวกนายบุกบ้านของฉันโดย ภาระการ ฉันจะแจ้งตำรวจ! ” เทพยางศ์ตะโกนอย่างอารมณ์ เสีย

“แกแม่งยังจะแจ้งตำรวจ? แกคิดหนี้พวกเราสามแสนไม่ยอม คืน คนที่ควรแจ้งตำตรวจน่าจะเป็นพวกเรามากกว่ามั้ง? ” คน คนหนึ่งตบเข้าที่หน้าของเทพยางค์

“พวกแกเป็นหนี้นอกระบบ ฉันแค่รวบรวมหลักฐานเพื่อให้ คํารวจเปิดโปงพวกแก ฉันจะบอกพวกแกให้ ฉันเป็นสายลับ ของตำรวจแล้ว ถ้าพวกนายไม่ปล่อยฉัน พวกนายก็รอถูก กําจัดทิ้งเถอะ!” เทพยางศ์ตะโกนเป็นจริงเป็นจัง

“คุยโว คุยโวเข้าไป ด้วยความประพฤติแย่ๆ แบบแกเนี่ย นะ กลายเป็นสายลับของตำรวจ เขาคงจะรู้สึกว่านายเป็นแค่ โรคประสาท! ”

รพีพงษ์มองดูสถานการณ์ข้างใน เดาได้ว่าคนพวกนี้น่าจะ มาทวงหนี้นอกระบบ

คําพูดของเทพยางศ์ทำให้รพีพงษ์อดหัวเราะไม่ได้ เพื่อไม่ คืนหนี้นอกระบบนี้ เขากล้าพูดไปซะทุกอย่างจริงๆ

และในขณะนี้ ไอ้หัวล้านคนหนึ่งที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเดินมาทางนี้ ในมือถือมีดเล่มหนึ่ง

ตอนที่ไอ้หัวล้านเดินไปที่หน้าประตู ยังเหลือบจ้องไปที่ร พงษ์ แต่ไม่ได้พูดอะไร และเดินตรงเข้าไปข้างใน

“ลูกพี่ ไอ้โง่นี่ไม่ยอมคืนเงิน ผมว่า เราคงต้องตัดแขนเขาแล้ว ล่ะ ประสาทอย่างเขา คิดว่าชาตินี้คงไม่มีปัญญาคืนเงินให้เรา

คนข้างในเห็นไอ้หัวล้านเข้ามา ก็เริ่มพูดขึ้นมาทันที

“พวกแกมีสิทธิ์อะไรให้ฉันคืนเงิน ฉันเอาเงินให้โรงพยาบาล หมดแล้ว พวกเขารับเงินของฉัน ถ้าพวกแกอยากเอา ฉันเอา ใบเสร็จให้พวกแก พวกแกไปตามเอาที่โรงพยาบาลไป” เทพ ยางศ์ตะโกนอีกครั้ง

ไอ้หัวล้านได้ยินคำพูดของเทพยางศ์ ก็หัวเราะอย่างเย็นชา เอามีดในมือของตัวเองจ่อตรงที่คอของเทพยางศ์

“เทพยางศ์ คนอื่นคิดว่าแกเป็นประสาท แต่ฉันรู้ว่าในใจ แกมีสติดี แกก็แค่ไม่อยากคืนเงิน ไม่จําเป็นต้องอ้างเหตุผล มากมายขนาดนี้ออกมา แกเอาเงินให้กับโรงพยาบาลทั้งหมด ใช้เป็นค่ารักษาลูกสาวแกสินะ แกคิดว่าด้วยอำนาจของฉัน อยากตรวจสอบโรงพยาบาลที่ลูกสาวแกอยู่ ยากเหรอ? ” ไอ้หัวเราะพูดด้วยรอยยิ้ม

สีหน้าของเทพยางศ์ เปลี่ยนไปอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น การแสดงออกบนใบหน้าก็จริงจังมากขึ้นเช่นกัน

“ถ้าแกกล้าทําอย่างนั้น ฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆ อย่างน้อยฉัน ก็แค่เข้าคุก พวกแกก็ต้องเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนฉัน! ” เทพยางศ์ กัดฟันพูด

ไอ้หัวล้านหัวเราะเย้ยหยัน พูดขึ้น: “แกคิดว่าสายงานที่ฉันทำ อยู่นี่ต้องพึ่งอะไรไหม? ขี้ขลาดตาขาวงั้นเหรอ?”

“จะบอกแกให้ ถ้าวันนี้ไม่เห็นเงิน ไม่เพียงแค่ลูกสาวแกเดือด ร้อน แขนสองข้างของแกนี้ ก็อย่าคิดว่าจะรักษาไว้ได้! ”

ไอ้หัวล้านถือมีดขู่เทพยวงศ์ รอเทพยางค่พูด

ในเวลานี้ มีคนตบไหล่ของเขา เขาหันหน้ามองไป พบว่าเป็น คนที่ยืนอยู่ข้างนอก

“ปล่อยเขาชะ” รพีพงษ์พูดเบาๆ

ไอ้หัวล้านหันไป ชี้มีดไปที่รพีพงษ์ พูดขึ้น: “แม่งแกเป็นใคร อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องเหรอ?”

“เงินที่เขาเป็นหนี้พวกแกฉันคืนแทนให้ได้” รพีพงษ์พูดต่อ

เทพยางศ์คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดออกมาแบบนี้ ตกใจเล็ก น้อยเช่นกัน แต่มีคนคืนเงินแทนเขา เขาก็ต้องยินดีอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงรีบตะโกนขึ้น “พวกแกได้ยินไหม คนคนนี้จะช่วยฉัน คืนหนี้ พวกแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”

ไอ้หัวล้านมองไปรพีพงษ์ ดูคนคนนี้เหมือนไม่ใช่คนฐานะดี อะไร จึงถาม: “แกมั่นใจนะว่าจะช่วยเขาคืนหนี้? เขาเป็นหนี้ พวกเราสามแสนเลยนะ

แค่สามแสน ฉันให้เบอร์หนึ่งกับแก กลับไปแกโทรเบอร์นี้ ก็ จะได้เงิน

รพีพงษ์พูด พร้อมกับยื่นกระดาษโน้ตใบหนึ่งให้ไอ้หัวล้าน

ในกระดาษโน้ตแผ่นนี้ระบุเบอร์โทรศัพท์ของลูกน้องของอธิ ชนม์ ฉายาหมีดำ เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพของอธิชนม์ใน การจัดการปัญหาพื้นที่สีเทาในเมืองบาสแตร์ อธิชนม์เอาเบอร์ โทรศัพท์นี้ให้รพีพงษ์ เพื่อเวลาที่รพีพงษ์มีปัญญาก็ให้โทรหา เบอร์นี้
ไอ้หัวล้านรับกระดาษโน้ตแผ่นนั้น มองดู แล้วพูดขึ้น: “ฉันจะรู้ ได้ยังไงว่าโทรเบอร์นี้แล้วจะได้เงิน?”

“ฉันไม่โกหกแกอยู่แล้ว ตอนนี้พวกแกไปได้แล้ว ฉันยังมี เรื่องต้องถามเขา” รพีพงษ์พูด

ไอ้หัวล้านคิดว่ารพีพงษ์หลอกเขา จึงโบกมืดตรงหน้ารพีพงษ์ ด่า: “แม่งเอ๊ย แกคิดว่าเบอร์โทรศัพท์เบอร์เดียวหลอกฉันได้ เหรอ? จะบอกแกให้ วันนี้ฉันต้องเห็นเงิน ไม่อย่างงั้นพวกแก สองคนอย่าคิดจะออกไปจากที่นี่!”

ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็สุดจะทน เห็นลูกน้องพวกนั้นของไอ้หัว ล้านเหมือนอยากลงไม้ลงมือกับเขา เขาไม่เกรงใจ ลงมือทันที โยนพวกเขาทั้งหมดออกไปนอกประตู

ถูกโยนออกไปเรียงรายกัน ด้านนอกกองเป็นเนินเขาเล็กๆ อย่างรวดเร็ว

ไอ้หัวล้านถูกกดอยู่ที่พื้น แทบจะหายใจไม่ออก

“เบอร์ที่ฉันให้พวกแกมีผลจริงๆ พวกนายแค่บอกว่ารพีพงษ์ เป็นหนี้พวกนาย ให้เขาช่วยคืนก็พอ” รพีพงษ์พูดกับคนข้าง นอก หลังจากนั้นก็ปิดประตู
คนทั้งกลุ่มลุกขึ้นจากพื้น ทุกคนจ้องไปที่ประตูบ้านของเทพ ยางศ์ด้วยใบหน้าที่โกรธ อยากจะพุ่งกลับไปอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ทุกคนรู้ถึงความร้ายกาจของรพีพงษ์แล้ว จึงไม่มีใคร กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า

“ลูกพี่ เราจะทำยังไง? คงไม่สามารถปล่อยให้ผ่านไปแบบนี้ หรอก?” ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้น

ไอ้หัวล้านก็กัดฟันกรอด จากนั้นพูดขึ้น: “คนข้างในร้ายกาจ เกินไป เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เรื่องนี้เกรงว่าต้องให้พี่หมีดำ มาจัดการแล้ว พวกนายกลับไปก่อน ฉันจะไปบอกเรื่องนี้กับพี่ หมีดำ”

พวกลูกน้องฟังไอ้หัวล้านพูดแล้ว ต่างผงกหัว หันหลังกลับ

ไป

และไอ้หัวล้านก็รีบเรียกรถ รีบเข้าไปในเมือง

ในร้านKTVแห่งหนึ่ง หมีดำและไอ้หัวล้านนั่งอยู่ด้วยกัน หมี ดำกำลังร้องเพลง ไอ้หัวล้านนั่งอยู่อีกฝั่ง ใบหน้าเต็มไปด้วย ความเคารพ และไม่กล้าขัดจังหวะ

รอเป็นเวลานาน หมีดำร้องเพลงจบหนึ่งเพลง ไอ้หัวล้านจึงหาโอกาสได้ พูดเรื่องของตัวเองให้หมีดำฟัง

“คนคนนั้นให้เบอร์โทรศัพท์กับผม บอกว่าโทรเบอร์นี้จะขอ เงินได้ ผมคิดว่าเขาน่าจะหลอกผมแน่ๆ ฉะนั้นจึงมาหาพี่หมีดำ ขอความช่วยเหลือ” ไอ้หัวล้านพูด ยื่นกระดาษโน้ตแผ่นนั้นให้ หมีดำ

หมีดำจ้องที่กระดาษโน้ตอย่างไม่สนใจจากนั้นดวงตาทั้งสอง ข้างก็เบิกกว้าง นี่มันเบอร์ส่วนตัวของฉันไม่ใช่เหรอ?

“คนที่ให้กระดาษโน้ตพูดอะไรอีก? ” หมีดำรีบถามขึ้น

“คนนั้นบอกว่าแต่พูดว่ารพีพงษ์เป็นหนี้พวกผม โทรเบอร์นี้ก็

จะได้เงิน” ไอ้หัวล้านพูดขึ้นอีก

หมีดำจ้องมองไอ้หัวล้าน จากนั้นก็พูดลอยๆ : “เบอร์นี้ไม่ต้อง โทรแล้ว เงินนี้นายก็ไม่ต้องเอาแล้ว”

“ต๊ะ? ” ไอ้หัวล้านเบิกตากว้างทันที สีหน้างงงวย พูดขึ้น “เพราะอะไรกัน?

หมีดำเหลือบมอง พูดอย่างเย็นชา: “เพราะเบอร์นี้เป็นเบอร์ ของกู หรือมึงยังจะอยากเอาเงินจากก?”
ไอ้หัวล้านตะลึงอยู่ตรงนั้นทันที ไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ