แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่406 ตบหน้า



บทที่406 ตบหน้า

บทที่406 ตบหน้า

รปภ.ที่ล้มลงกับพื้นมองไปยังผู้จัดการอิษฏ์ที่ให้ความ นอบน้อมต่อธฤตญาณ ก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา รับรู้ได้ว่า ครั้งนี้เกรงว่าตนเองจะหาเรื่องคนที่ไม่ควรแตะต้องเสียแล้ว

ธฤตญาณมองไปที่ผู้จัดการอิษฏ์อย่างเยือกเย็น นึกขึ้นได้ ว่าเคยเจอกับผู้จัดการอิษฏ์นี้มาแล้ว แต่ไม่ถึงกับสนิท

ผู้จัดการอิษฏ์มองไปที่ธฤตญาณอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว เห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไร ก็หันไปมองที่รปภ.นั้น แล้วกล่าว “แกยังยืนขึ้นที่ออยู่ตรงนี้ทำไม รีบขอโทษเค้าสิ

รปภ.คนนั้นไม่กล้าเชื่องช้า รีบมองไปที่รพีพงษ์และธฤต ญาณ แล้วกล่าว “ขอ…..ขอโทษครับ

เขารู้สึกน้อยใจ คนที่ถูกตีคือเขา แต่เขายังต้องขอโทษ เค้าอีก
“พอล่ะ ทำแบบนี้ไม่ได้อะไร พวกเรามาที่นี่เพื่อหาคน คน ที่สวยมากคนหนึ่ง ชอบใส่กระโปรงยาวสีดำ ใส่ผ้าคลุม หน้า คุณเคยเห็นไหม?” ธฤตญาณจ้องไปที่ผู้จัดการอิษฏ์ แล้วถาม

ผู้จัดการอิษฏ์รีบตอบทันใด แล้วกล่าว “เหมือนผมจะเคย เห็นผู้หญิงลักษณะนี้หนึ่งครั้ง แต่คนนั้นไม่ได้ใส่ผ้าคลุม หน้า สวยนี่คือสวยจริงๆ ทิ้งความทรงจำให้ผมอย่างลึก สุดใจ”

“น่าจะเป็นคนที่ผมพูดคนนั้นแหละ หาห้องของของเธอให้ ผมหน่อย” ธฤตญาณกล่าว

“พี่ธฤต กรุณารอสักครู่ ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้” ผู้จัดการอิษฏ์ รีบเดินไปด้านใน เพื่อหาว่าเธอพักอยู่ห้องไหน

รพีพงษ์และธฤตญาณเดินเข้าไปด้วย ไม่นาน ผู้จัดการ อิษฏ์ก็หาห้องพักของผู้หญิงที่เขาพูดนั้นเจอ

“คนนั้นอยู่ห้อง1803 ขึ้นลิฟต์ตัวนั้นไปได้เลย พี่ธฤต ให้ ผมตามไปด้วยไหม?” ผู้จัดการอิษฎ์ถาม

“ไม่ต้องแล้ว พวกเราไปเองล่ะกัน
ธฤตญาณตอบกลับ จากนั้นก็เดินเข้าไปที่ลิฟต์ตัวนั้น

ผู้จัดการถอนหายใจ เขาคิดว่าการที่จะสร้างสัมพันธไมตรี กับธฤตญาณได้นั้น ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขาไม่ อยากเข้าไปมั่ว ธฤตญาณไม่ให้เขาตามไป เขาคิดว่าเป็น โชคดีของเขาแล้ว

ทั้งคู่เข้าไปในลิฟต์ รปภ.คนนั้นเดินมา ถามผู้จัดการอย่าง น้อยใจว่า “ผู้จัดการอิษฏ์ สองคนนั้นเป็นใครมาจากไหน ทำไมแม้แต่คุณยังกลัวพวกเขาเลย?”

ผู้จัดการอิษฏ์มองไปที่รปภ. แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เมื่อกี้คือบอสใหญ่แห่งเมืองริเวอร์ของเรา ธฤตญาณ แก ควรจะดีใจที่เมื่อกี้เขาไม่หาเรื่องแก มิเช่นนั้นเกรงว่าแกจะ อยู่เมืองริเวอร์ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ”

เมื่อรปภ. ได้ยินแล้ว แผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลมา อย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันใด อยากที่จะรีบ ขอหยุดงานอย่างเร่งด่วน

ชั้นที่สิบแปด
รพีพงษ์และธฤตญาณออกมาจากลิฟต์พร้อมกัน เดินไป ที่ห้อง1803ด้วยกัน ไม่นานพวกเขาก็เดินไปถึงหน้าห้อง แล้วหยุดลง

รพีพงษ์มองหน้าธฤตญาณ สบตากัน จากนั้นธฤตญาณ ก้าวไปข้างหน้า แล้วเคาะประตูเบาๆ

รพีพงษ์เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นที่ ทำร้ายอารียากล้าทำแบบนี้ แสดงว่าเธอต้องมีผู้อยู่เบื้อง หลัง

แล้วพวกเขาหาเจอง่ายขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องคาด การณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว รพีพงษ์กำลังคิดว่าผู้หญิงคนนั้นรู้ อยากตั้งนานแล้วว่าคนของธฤตญาณต้องมาที่นี่ ดังนั้นจึง ได้หนีไปก่อนหน้านี้แล้ว

ถ้าเธอยังไม่หนีไป งั้นก็แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่กลัวร พงษ์ ไม่งั้นเธอก็ไม่มีทางกล้าได้มากขนาดนี้

ไม่นาน ข้างในมีเสียงเดินดึงขึ้น รพีพงษ์และธฤตญาณทั้ง คู่สูดหายใจเข้าลึกๆ คิดว่าผู้หญิงคนนี้ชั่งกล้ามากจริงๆ ทำ เรื่องแบบนี้ได้ แล้วยังกล้าอยู่ที่เมืองริเวอร์อีก หรือคนนี้ยัง มีคนอยู่เบื้องหลังที่น่าเกรงขามกว่ารพงษ์อีกงั้นหรอ? ประตูห้องเปิด รพีพงษ์เริ่มคิดฟุ้งซ่าน เมื่อ ประตูเปิดออกจนสุด หลังจากที่เห็นคนนั้นแล้ว รพีพงษ์ก็ ชะงัก

จารุณีที่สวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีดำ ยืนอยู่ที่ประตู จ้องดู ทั้งสองอย่างสงสัย หลังจากที่เห็นรพีพงษ์แล้ว ก็ตกใจ

เมื่อกี้เธอกำลังลองใส่กระโปรงที่ซื้อจากห้างมา ไม่คิดว่า จะมีคนมาหาเธอในตอนนี้

ช่วงนี้เธอหลงใหลในเครื่องแต่งกายสีดำคนในพระราชวัง และได้ซื้อหลายแบบมาลอง พร้อมจินตนาการถึงตอนที่ ตนเองสวมชุดนี้แล้วเจอกับรพีพงษ์

แต่เธอก็คิดไม่ถึง รพีพงษ์จะมาหาเธอเอง

รพีพงษ์จ้องไปที่จารุณี ด้วยความโกรธสุดขีด ก่อนหน้าที่ จะมาที่นี่ รพีพงษ์ได้สงสัยคนที่ทำเรื่องนี้คือจารุณี เพราะ นอกจากเธอ รพีพงษ์ก็คิดไม่ออกแล้วว่าใครปลอมเป็นรัก แรกของเขาแล้วมาลงมือกับอารียา
แต่ด้วยความเข้าใจและเชื่อมั่นในตัวจารุณี รพีพงษ์จึงคิด ว่าเขาคิดมากไปเอง เขาคิดว่าแม้จารุณีจะชอบเขา อยาก แย่งเขาจากอารียา ก็ไม่มีทางใช้วิธีโกงๆแบบนี้ ให้ผู้ชาย ตามท้องถนนวางยาอารียา

ดังนั้นในระหว่างเดินทางมา รพีพงษ์จึงได้ตัดจารุณีออก จากความคิดแล้ว

แต่หลังจากที่เปิดประตูออกแล้ว รพีพงษ์เห็นจารุณีที่ยืน อยู่ข้างใน จารุณียืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ชั่งไร้ยางอายและน่ารังเกียจจริงๆ นึกถึงความไร้เดียงสาเมื่อก่อนของจารุณี กับเรื่องที่ทำใน ตอนนี้ ทำให้รพีพงษ์รู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันใด

แน่นอนว่านี่อาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น คนของธฤต ญาณเพียงแค่เจอว่าเป็นที่นี่ แต่หมายเลขห้องของจารุณี นั้นผู้จัดการอิษฏ์เป็นคนบอกมา บางทีผู้จัดการอิษฏ์ไม่รู้ เสียด้วยซ้ำว่าคนที่ธฤตญาณพูดถึงนั้นเป็นใครกันแน่

แต่ทว่ากระโปรงยาวสีดำบนร่างกายของจารุณีนั้นทำให้ รพีพงษ์ไม่เชื่อว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ผู้หญิงที่ธฤต ญาณอธิบายรูปพรรณสัณฐานให้รพีพงษ์ฟังนั้น ได้ใส่กระโปรงยาวสีดำแบบนี้เช่นกัน ตอนนี้จารุณี เพียงแค่ไม่ได้ใส่ผ้าคลุมหน้าก็เท่านั้น

ถ้านี่เป็นเรื่องบังเอิญล่ะก็ นั่นมันก็คล้ายๆกับละครเลยก็ว่า ได้ รพีพง ไม่สามารถทำให้ตัวเองเชื่อได้เลยว่านี่เป็นแค่ เรื่องบังเอิญเท่านั้น

“รพีพงษ์ คุณมาที่นี่ได้ไงกัน?” หลังจากที่จารุณีสงสัย แล้ว ก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้น คิดว่าการที่รพีพงษ์มาหาเธอถึงที่นั้น เพราะเขาเริ่มสนใจในตัวเธอแล้วใช่หรือไม่

เพราะการที่จารุณีอยู่ที่เมืองริเวอร์ ไม่ได้บอกรพีพงษ์แต่ อย่างใด หรือลูกน้องของรพีพงษ์เห็นตน ดังนั้นเขาจึงตั้งใจ มาทักทายคน?

ไม่ว่าจะยังไง จารุณีก็รู้สึกดีใจมาก ช่วงเวลาที่เธออยู่ เมืองริเวอร์นี้ แทบจะคิดถึงรพีพงษ์ทุกวัน เธอได้เดินไป บนถนนของเมืองริเวอร์หลายครั้ง หวังว่าจะใช้วิธีเข้าใจวิถี ชีวิตของเมืองนี้ เพื่อจินตนาการถึงตอนที่ตัวเองอยู่กับรพี พงษ์ได้

เธอเพิ่งพูดจบ รพีพงษ์ก็เงื้อมือขึ้น ตบลงไปบนหน้าของ

จารุณี
เสียงดังเพี้ยะขึ้นมาหนึ่งครั้ง

เสียงดังสนั่น ชัดเจน

ทางเดินเงียบสงัดลง ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศรอบๆทั้ง สามเปลี่ยนไป

รพีพงษ์อดกลั้นกับความโกรธที่อยู่ในใจเอาไว้ไม่ไหว จึง ได้ตบมาหนึ่งฉาด เขาค่อนข้างรับไม่ได้ จารุณีที่ไร้เดียงสา และกวน แต่ในใจจะมีความร้ายกาจได้ขนาดนี้

จารุณีไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ได้แต่เอามือลูบลงบนใบ หน้าเบาๆ เธอคิดไม่ถึง ว่าที่รพีพงษ์มาหาเธอนั้น สิ่งที่ทำ เป็นสิ่งแรก คือตบหน้าเธอ

ธฤตญาณชะงัก รู้สึกบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป และไม่รู้จะ พูดอะไรต่อดี ความจริงเขาอยู่พูดว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจ ผิดกัน ถามจารุณีดีๆว่าทำไมถึงได้อยู่ตรงนี้ จะได้เอาคำ ตอบของฝั่งตรงข้ามมาวิเคราะห์ว่ามีเบาะแสอะไรบ้างไหม

แต่รพีพงษ์ตบเข้าไปโดยตรง นี่เหมือนกับถือจารุณีเป็นผู้ หญิงคนนั้นไปแล้ว แม้มีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็มีจุดที่น่าสงสัยอยู่ ธฤตญาณคิดว่าควรจะถามให้ละเอียด ก่อนจะดีกว่า

แต่ทว่าการกระทำของรพีพงษ์ ทำให้เรื่องนี้ยากที่จะคุย กันแบบดีๆแล้ว

ไม่นาน นัยน์ตาของจารุณีก็เต็มไปด้วยน้ำตา เธอกัดปาก

ด้วยความน้อยใจ

ความจริงเห็นพีพงษ์มาหาตัวเอง ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก แต่ใครจะคิดว่าเขาคนนี้จะตบตัวเองหนึ่งฉาดเสียอย่างนั้น ไม่ว่านะเปลี่ยนเป็นใคร เกรงว่าจะรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้เช่น กัน

“ทำไม?” จารุณีถามไปร้องไป

“ความน่าสงสารที่คุณเสแสร้งแสดงออกมา มันไม่ซาบซึ้ง ใดๆหรอกนะ” รพีพงษ?พูดอย่างเยือกเย็น ตอนนี้เขารู้สึก วุ่นวายเป็นอย่างมาก ถ้าคนนี้เป็นผู้หญิงที่เขาไม่รู้จัก เขาคง ให้ธฤตญาณจับอีกฝ่ายเอาไว้แล้วลงมือตบตีไปแล้ว

แต่ทว่านี่คือจารุณี แม้รพีพงษ์ไม่ให้ใครทำร้ายอารียาได้ แต่หลังจากที่เห็นคนที่ดวงตาเล็กๆไร้เดียงสาอยู่กับตน คนนั้น เขาไม่สามารถลงมือได้เลย

ที่ตบไปเมื่อกี้ เป็นสิ่งที่เจ็บที่สุด ที่รพีพงษ์ทำต่อจารุณีได้

เขาไม่รู้ว่าควรจัดการกับจารุณีอย่างไร และก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมอีกฝ่ายต้องอยู่ที่นี่ให้ตนหาเจอด้วย หรืออยาก ท้าทายตนหรอ?

ถ้าเป็นแบบนี้จริง สีหน้าที่เต็มไปด้วยการรอคอยของจา รุณี ทำให้คนเกรี้ยวกราดได้จริงๆ

ตอนนี้เขาไม่อยากถามอะไรจารุณี ดังนั้นจึงทำได้เพียง

จากไป

ธฤตญาณยืนลังเลอยู่ที่เดิม แล้วรีบก้าวไปยืนข้างๆร พงษ์

ในลิฟต์ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด ธฤตญาณอยากพูดกับ รพีพงษ์ แต่มองเห็นรพีพงษ์มีใบหน้าที่เคร่งเครียด เขาก็ ต้องยกเลิกความคิดนั้นไป
ด้านนอกของคอนโด ธฤตญาณรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แล้วถาม “เมื่อกี้เหมือนแกจะรู้สึกอกหักเลยนะ”

“ฉันไม่คาดคิดว่าจะเป็นเธอ” รพีพงษ์กล่าว

“บางทีนี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด เมื่อกี้แกไม่ควรลงมือก่อน ถ้าเป็นเธอจริงๆ เธอไม่น่าจะอยู่ที่นี่นะ เป็นไปได้ไหมว่ามี คนหลอกใช้เธอแกว่าไง” ธฤตญาณพูดถึงความคิดของเขา

รพีพงษ์ก้มหน้า ไม่นาน ก็กล่าวขึ้นมา อาจเป็นไปได้ แก กลับไปก่อนล่ะกัน ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก

ธฤตญาณหยุดเดิน เห็นรพีพงษ์เดินไปทางนั้น ก็ถอน หายใจอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้ ให้เขาอยู่คนเดียว ถึงจะเป็น ทางออกที่ดีที่สุด

ในโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปจากคอนโดประมาณสาม กิโลเมตร ในห้องห้องหนึ่ง สองคนกำลังนอนอยู่บนเตียง เปลื้องผ้า เหมือนกับเพิ่งทำเรื่องอย่างนั้นเสร็จ

หากตอนนี้รพีพงษ์อยู่ที่นี่ ก็จะพบว่า ผู้ชายคนนั้นที่อยู่บน เตียง คือการ์ดที่อยู่ติดตัวของโยษิตา ธนาตย์
และผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดเขาคือโยษิตา คือโยษิตาที่ รพีพงษ์คิดว่าตายไปแล้ว

ตอนแรกโยษิตาได้กินยาพิษนั้นต่อหน้ารพีพงษ์ จากนั้น ให้คนนำร่างของเธอไปไว้ในห้องดับจิต ธนาตย์มาทัน ให้ โยษิตากินยาถอนพิษ ช่วยให้เธอกลับจากปรโลกมายัง โลกมนุษย์ได้อีกครั้ง

โยษิตาดีใจที่ตัวเองได้พกยาที่แสร้งว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว ไว้กับตัว และธนาตย์ไม่อยู่ในเหตุการณ์ เผื่อเกิดเหตุการณ์ แบบนี้ขึ้น เขารู้ดีถึงวิธีการจัดการศพของตระกูลลัดดาวัลย์ ดังนั้นจึงสามารถช่วยโยษิตาได้ในวินาทีแรก

“ถึงแม้ไอ้ระยำรพีพงษ์นั่นเอาทุกอย่างของฉันไป แต่เขา คาดไม่ถึงแน่ๆ ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ แม้จะไม่มีคอนแทร็ค เหล่านั้นของตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันก็จะไม่ให้มันมีความสุข โยษิตา มหากับตัวเอง

“ครั้งนี้คุณได้ทำสำเร็จไปแล้วก้าวนึงหนิ ผมเฝ้าดูจารุณี นั่นแทนคุณมาสักพักใหญ่แล้ว คุณสวมชุดแนวเดียวกับ เธอ ไปหาเรื่องอารียา สุดท้ายรพีพงษ์ ต้องคิดว่าจารุณีนั่น เป็นคนทําแน่ๆ” ธนาตย์หัวเราะออกมา
“ชิ แม้แต่ฉันเองก็คาดไม่ถึง คุณหนูใหญ่ของหอการค้า สมน. อยู่เมืองริเวอร์เพื่อรพีพงษ์ โอกาสดีแบบนี้ ถ้าไม่ใช้ก็ เสียดายแย่” โยษิตากล่าว

เพียงแค่ความสามรถของรพีพงษ์ ไม่นานน่าจะรู้ว่าเรื่องนี้ ใครอยู่เบื้องหลัง”

“แล้วไง เพียงแค่สร้างปัญหาให้เขาได้ ก็พอแล้ว แล้วเป้า หมายฉันไม่ใช่รพีพงษ์ แต่เป็นอารียา เชื่อว่าครั้งนี้กระทบ อารียาไม่น้อยเลยล่ะ แม้จะอธิบายได้ แต่อารียาและร พงษ์จะต้องผิดใจกันแน่นอน ตอนนี้ฉันไม่อยากให้รพีพงษ์ ตาย ฉันจะให้เขาอยู่ก็เหมือนตาย และการที่จะทำเรื่องนี้ นั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่แยกรพีพงษ์และอารียาออกจาก กัน เห็นเขาได้เห็นอารียากําลังจะตาย ได้ยิ่งดี” นัยน์ตาของ โยษิตาดูมีเลศนัยขึ้นมาทันใด

“คุณไม่กลัวว่าเขารู้ว่าเป็นฝีมือพวกเราหรอ” ธนาตย์ถาม

โยษิตายิ้มอย่างร้ายกาจ มือหนึ่งลูบไปที่อกของธนาตย์ แล้วกล่าว “คุณคิดว่า เขาก็ตรวจสอบคนตายได้หรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ