แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 73 ฉันเชื่อเขา



บทที่ 73 ฉันเชื่อเขา

บทที่ 73 ฉันเชื่อเขา

เมื่ออารียาเห็นว่ารพีพงษ์กำลังโน้มเข้ามาหาตัวเอง แถมสายตายังจ้องมาที่ริมฝีปากของเธอ ทันใดนั้นเธอก็ เดาได้ว่ารพีพงษ์คิดจะทำอะไร

ไม่รู้ว่าทำไม ราวกับเธอได้รับสัญญาณอะไรบางอย่าง ร่างกายของเธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด

ถ้าพูดตามหลักแล้วเธอควรจะสงวนตัวไว้ แต่ทว่าเธอ กลับไม่มีท่าทีขัดขึน แถมยังรอเขาโน้มหน้าเข้ามาอย่าง

ว่าง่าย

เมื่อเห็นว่าอารียาไม่ได้มีท่าทีขัดขืน ใจของรพีพงษ์ก็ยิ่ง ตื่นเต้น ดูท่าแล้ว ในที่สุดวันนี้เขาจะได้ใกล้ชิดกับอารียา เป็นครั้งแรก

อารียามีความประหม่าเล็กน้อย เธอรีบปิดตาลงทันที แล้วให้รพีพงษ์เป็นฝ่ายเริ่มทั้งหมด

ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะได้ใกล้ชิดกัน ก็ได้ยินเสียงศศินัดดาดังออกมาจากข้างนอก

“แคลร์ ทำอะไรอยู่จะไปทำงานสายแล้วนะ”

ยังไม่ทันได้ทำอะไร ทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน อารียามี สีหน้าเขินอาย กลับกันรพีพงษ์มีสีหน้าหน่ายๆ

ช่วงเวลาแห่งความสุขได้หลุดลอยไปแล้ว

“รู้แล้วค่ะแม่ หนูกำลังจะออกไป” อารียาตั้งสติแล้วมอง ไปที่รพีพงษ์อย่างขำๆ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไป ด้วยท่าทางพออกพอใจ

รพีพงษ์ถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่าโอกาสที่หาได้ยาก ขนาดนี้จะหลุดลอยไปแล้ว

แต่ทว่าเห็นท่าทางของอารียาแล้ว เหมือนว่าเธอไม่ได้ ต่อต้านเขา รอโอกาสครั้งหน้าก็คงยังไม่สาย

สองสามวันหลังจากนั้นนภที่ปีเรียกให้ตระกูลฉัตรมงคล มารวมตัวกัน เพื่อการประชุมสำคัญ
การประชุมสำคัญที่ว่าก็คือการเจรจาความร่วมมือกับ บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป

ตอนนี้สำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปได้ โครงการสำคัญของเมืองริเวอร์ บริษัทในเครือตระกูล ฉัตรมงคลเกี่ยวข้องกับโครงการนี้พอดี ถ้าเจรจาสำเร็จ ตระกูลฉัตรมงคลจะได้รับการพัฒนาอย่างที่ไม่เคยเกิด ขึ้นมาก่อน

อีกทั้งโครงการที่บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปได้ทำเป็น โครงการที่ผู้คนสนใจ มีบริษัทที่ต้องการร่วมมือกับเขานับ ไม่ถ้วน ภายในนั้นตระกูลฉัตรมงคลนับได้ว่าเป็นบริษัท ระดับกลาง แน่นอนว่าบริษัทซันบับเบิลไม่เห็นพวกเขา อยู่ในสายตาแน่นอน

ภายในระยะเวลานี้คนในตระกูลฉัตรมงคลได้ไปเจรจา กับคนในบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปเป็นการส่วนตัวแล้ว เพราะว่าถ้าเจรจาโครงการนี้สำเร็จ ฐานะในตระกูลของ พวกเขาก็จะสูงขึ้นมาในทันที

แต่ทว่าพวกเขาไม่ได้เจอกับคนที่มีตำแหน่งสูงในบริษัท ซันบับเบิล กรุ๊ป ขนาดผู้จัดการสาขาย่อยก็ยังไม่ได้เจอ ดังนั้นพวกเขาจึงยอมทิ้งโอกาสนี้ อีกทั้งไม่ว่า
จะทำอย่างไร คนในบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปก็ไม่ได้มีผลดี อะไรที่จะมาร่วมมือกับตระกูลฉัตรมงคล

แต่ทว่านภทีปักลับให้ความสนใจกับโครงการนี้อย่าง น่าแปลกใจ เขายังคงเพ้อฝันกับการที่ตระกูลลัดดา วัลย์ส่งของขวัญมาให้ เขาเข้าใจว่าตระกูลของตัวเอง เป็นตระกูลที่สามารถสู้กับตระกูลชั้นนำพวกนั้นได้ ไม่มี เหตุผลอะไรที่บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปจะไม่ร่วมมือกับเขา

“สำหรับพวกเราแล้วโครงการครั้งนี้ของบริษัทซัน บับเบิ้ล กรุ๊ปถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ฉันไม่สนว่าพวกแก จะใช้วิธีอะไรแต่ต้องเอาโครงการนี้มาให้ได้ ขอแค่มี โครงการนี้ ตระกูลของเราก็จะยกระดับสูงขึ้นโดยไม่ต้อง เปลืองแรงอะไรเลย” นภทีปีเอ่ยขึ้น

“แต่ว่า ท่านปู่นภทีป์ ดูเหมือนว่าผู้นำของบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ปจะเป็นคนลึกลับ พวกเราอยากเจอแต่ก็ไม่ สามารถเจอได้” มีคนพูดขึ้นมา

“พูดอะไรไร้สาระ ตระกูลของเรานับได้ว่าเป็นตระกูล มีระดับ ไม่ว่ายังไงคนของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปก็น่าจะ เห็นแก่หน้าของเราบ้าง การที่พวกแกไม่สามารถเจอเขาได้ มันก็แสดงให้เห็นว่าพวกแกยังทำมันไม่ดีพอ” นภทีปรีบพูดโต้แย้ง

คนในตระกูลต่างพากันเงียบลงทันที พวกเขารู้ดีว่าถ้า จะเถียงกับนภทีป้อีก ก็ถือเป็นเรื่องซวย

“การเจรจากับบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปถือเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ พวกแกก็จะได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ พวกแกไปปรึกษากันว่าใครเหมาะที่จะจัดการเรื่องนี้” นภ ที่ปีพูดต่อ

สำหรับเขาแล้ว ผลประโยชน์ที่ได้จากเรื่องนี้มีมากมาย คนพวกนี้น่าจะแก่งแย่งกันทำ

แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่เขาบอก ให้ปรึกษากัน พวกเขาต่างพากันโยนหน้าที่ให้คนอื่น

“เรื่องสำคัญขนาดนี้ ให้พี่ใหญ่ไปทำเถอะ”

“ช่างเถอะ โอกาสแบบนี้ให้น้องสามทำเถอะ ให้เขาลอง ทำดู”
ไม่เอาหรอก ให้พี่รองทำดีกว่า”

แน่นอนว่าผลประโยชน์จากการร่วมมือกับบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ปจะมีมากมาย แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องเจรจา ให้สำเร็จก่อน ตอนนี้ก็รู้กันดีว่าการที่จะเจอกับผู้นำของ บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปเป็นเรื่องที่ยากมาก โอกาสที่ ตระกูลฉัตรมงคลจะเจรจาสำเร็จแทบจะเป็นศูนย์ แน่นอน ว่าไม่มีใครยอมทำ

อีกทั้งเจรจาไม่สำเร็จก็ต้องโดนนภทีปีเกรี้ยวกราดใส่ แน่นอน ไม่มีใครยอมโดนเขาด่าหรอก

“พวกไร้ประโยชน์!” เมื่อนภทีป์เห็นว่าไม่มีใครยอมทำก็ โมโหขึ้นมาทันที “พวกแกสู้ธายไม่ได้สักคน ถ้าธายุอยู่ เรื่องนี้ก็เจรจาสำเร็จไปนานแล้ว”

เขายังไม่รู้ว่าตอนนี้ธายุกรกำลังอยู่ในหมู่ขอทานตาม คนเก็บขยะอยู่

ทุกคนต่างพากันเงียบแล้วก้มหน้าลง ไม่มีใครกล้าสบตากับนภทีป์

“คุณปู่ เรื่องนี้ให้อารียาทำเถอะค่ะ ช่วงนี้สถานการณ์ ของเธอที่บริษัทกำลังไปได้ดี แถมยังเพิ่งได้เลื่อน ตำแหน่ง นี่เป็นโอกาสที่เธอจะได้แสดงความสามารถ” จู่ๆ ชรินทร์ทิพย์ก็พูดด้วยเจตนามุ่งร้าย

คนในตระกูลหันหน้าไปหาอารียา เมื่อเห็นว่ามีคนรับ กรรมแล้วก็รีบพูดเสริมขึ้นมาทันที

“ใช่แล้ว ช่วงนี้การทำงานของแคลร์ที่บริษัทเป็นไปได้ดี ให้เธอไปจัดการเถอะ”

“พูดถูก แคลร์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”

“ฉันไม่มีความคิดเห็นอื่น ให้แคลร์ไปเป็นทางเลือกที่ดี มาก”

อารียาหันไปจ้องชรินทร์ทิพย์ คิดไม่ถึงว่าเธอจะร้ายกาจ ถึงขนาดโยนเรื่องนี้มาให้เธอ
อารียารู้ดีว่าโครงการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปเป็น เรื่องที่รับมือยาก ถ้าหากรับมาก็มีแต่จะทำลายตัวเอง

สีหน้าของชรินทร์ทิพย์เต็มไปด้วยความพออกพอใจ ท่าทีของเธอราวกับเป็นเจ้าหญิงผู้สูงส่งที่สามารถ เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนอื่นได้ทุกเมื่อ

“เรื่องนี้อย่าให้แคลร์ไปทำเลย ประสบการณ์ของเธอยัง ไม่พอ กลัวว่าจะเจรจาไม่สำเร็จ” ศศินัดดาพูดด้วยสีหน้า กระอักกระอ่วน

ชรินทร์ทิพย์เบะปากแล้วพูดว่า “ประสบการณ์ของเธอ น้อยที่ไหนกันล่ะ เธอเป็นรุ่นน้องในตระกูล แต่เธอได้รับ เงินเดือนเหมือนกับคนที่แก่กว่า นี่แสดงว่าเธอมีความ สามารถมาก ถ้าเรื่องแค่นี้เธอเจรจาไม่สำเร็จงั้นบริษัทมี สิทธิ์อะไรถึงให้เงินเดือนเธอเยอะขนาดนั้น”

คำพูดของชรินทร์ทิพย์ทำให้ศศินัดดาถึงกับเป็นใบ้พูด อะไรไม่ออก ก่นด่าชรินทร์ทิพย์อยู่ในใจว่าไม่รู้จักเคารพ ผู้ใหญ่ถึงได้พูดขนาดนี้
“ชิชรินทร์ทิพย์ไม่ได้สนใจศศินัดดาอยู่แล้ว ในอนาคต เธอจะแต่งงานกับคนรวย ตอนนี้เธอไม่สนคนแก่ใน ตระกูลอีกแล้ว

นภทีปีหันไปหาอารียาแล้วพูดว่า “อารี สิ่งที่เจนพูดก็มี เหตุผล เธอมีความสามารถ ฉันเชื่อว่าเธอจะทำเรื่องนี้ได้ ข้อมูลของเรื่องนี้ก็เป็นเธอที่เป็นคนจัดการ เธอคุ้นเคยกับ โครงการนี้ดี งั้นเรื่องนี้ให้เธอทำก็แล้วกัน”

อารียารู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที เธออยากจะอธิบายให้นภ ที่ปีฟัง

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ก็ยื่นมือมากุมไหล่ของเธอแล้วพูด ว่า “อารีจะต้องเจรจาเรื่องนี้สำเร็จอย่างแน่นอน”

อารียาตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะตอบตกลง แทนเธอ แถมยังบอกว่าเธอจะเจรจาสำเร็จอีกด้วย

ศศินัดดาเห็นว่ารพีพงษ์ทำอย่างนั้น ก็พูดโพล่งออกมา ว่า “แกบ้าไปแล้วหรือไง ลูกสาวฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย แกตอบตกลงแทนเธอทำไม”ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยเจตนาร้าย

ทุกคนรีบพูดเสริม

นกที่ป์มองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้น โครงการนี้ก็ให้อารีทำแล้วกัน อารี อย่าทำให้ฉันผิดหวัง ล่ะ”

อารียาทำอะไรไม่ได้แล้ว เธอทำได้เพียงพยักหน้าให้ นภทีป

เธอนึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนรพีพงษ์บอกว่ามีเพื่อนอยู่ใน บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป หรือว่าเพราะเรื่องนี้รพีพงษ์ถึง ตอบตกลงแทนเธองั้นเหรอ

ศศินัดดามองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเกลียดชัง เธอรู้สึก จริงๆ ว่ารพีพงษ์ตั้งใจไม่ให้ครอบครัวของเธออยู่อย่าง เป็นสุข

หลังจากกำหนดเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว นภทีปีก็บอกให้ ทุกคนแยกย้าย
ชรินทร์ทิพย์เดินเข้ามาหาอารียาแล้วแสยะยิ้ม “อารียา เธอนี่แต่งงานกับสามีที่ดีจริงๆ เลย ดึงเธอลงไปในเรื่องที่ ไม่สามารถเป็นไปได้ พูดว่าเธอเป็นคนที่มีความสามารถ”

“ฉันได้ยินมาว่าบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปหาคนร่วมมือด้วย ได้แล้ว การที่เธอจะเจรจาโครงการนี้สำเร็จ ก็ไม่ต่างจาก การเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อน เมื่อถึงตอนนั้นคุณปู่คงจะ ไล่เธอออกจากตระกูลแน่นอน ฉันจะรอดูว่าเธอจะมา อาละวาดยังไงอีก”

อารียาหน้านิ่ง แล้วพูดว่า “ชรินทร์ทิพย์ มันเกินไปแล้ว

นะ!”

“เกินไปเหรอ ฉันจะบอกให้นะ ฉันจะแต่งงานกับคนใน ตระกูลลัดดาวัลย์ เธอรู้ไหมว่าแนวคิดของตระกูลลัดดา วัลย์คืออะไร เป็นศัตรูกับฉัน เธอมีจุดจบไม่สวยแน่!” ชริน ทร์ทิพย์พูดอย่างพออกพอใจ

“หะ ตระกูลลัดดาวัลย์เคยคุยเรื่องการแต่งงานกับเธอ เหรอ จนถึงตอนนี้เคยมีคนของตระกูลลัดดาวัลย์มาหา เธอสักคนไหม” รพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดด้วยน้ำเสียง เย็นยะเยือก
สีหน้าของชรินทร์ทิพย์เปลี่ยนไปทันที เรื่องนี้เป็นเรื่อง ที่อยู่ในใจเธอ คิดไม่ถึงว่าไอ้สวะนี้จะพูดออกมา

“เหอะ ตระกูลลัดดาวัลย์แค่รอโอกาสที่เหมาะสม รอให้ ฉันแต่งเข้าไปในตระกูลนั้นก่อนเถอะ พวกแกเจอดีแน่!”

พูดจบเธอก็เดินฟิดฟัดออกไป

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ศศินัดดายกมือชี้หน้ารพีพงษ์แล้ว ด่าเขาทันที “แกบ้าไปแล้วหรือไง ตอบตกลงแทนแคลร์ ทำไม แกรู้ไหมว่าเรื่องนี้มันไม่มีทางสำเร็จ”

“ผมจะช่วยเธอให้เจรจาสำเร็จ” รพีพงษ์พูดตอบ

“สวะอย่างแกน่ะเหรอ เจรจาอะไรล่ะ ฉันว่าแกไม่อยาก ให้ครอบครัวของเราอยู่อย่างสงบ แคลร์เพิ่งจะเลื่อน ตำแหน่งได้ไม่นาน แกก็หาเรื่องวุ่นวายมาให้เธออีก” ศศิ นัดดาพูดอย่างไม่อ้อมค้อม

อารียาทนดูต่อไปไม่ได้อีก เธอพูดออกมาว่า “แม่ ถึงรพี พงษ์ไม่ตอบตกลง ยังไงก็ต้องเป็นหนูที่ต้องทำเรื่องนี้ หนีไม่พ้นหรอก ไม่แน่รพีพงษ์อาจจะช่วยให้หนู เจรจาสำเร็จก็ได้

“มันน่ะเหรอ แคลร์ แกโง่ไปแล้วเหรอไง มันแค่สวะ มัน ช่วยแกได้ก็แปลกแล้ว มันมีเจตนาไม่ดี ฉันว่าแกรีบหย่า กับมันเถอะ ผู้ชายแบบนี้พึ่งพาไม่ได้” ศศินัดดาพูดด้วย น้ำเสียงขุ่นมัว

อารียาขมวดคิ้ว จากนั้นสีหน้าของเธอก็เริ่มสงบลง

เธอมองศศินัดดาด้วยท่าที่จริงจัง แล้วพูดอย่างแน่วแน่ ว่า “แม่ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หนูจะไม่หย่ากับรพีพงษ์”

“อีกอย่าง หนูเชื่อใจเขา”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ