แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 376 แผนการฝึกฝน



บทที่ 376 แผนการฝึกฝน

บทที่ 376 แผนการฝึกฝน

“ที่นายให้เราอยู่ต่อก็เพื่อให้มารับงานอันหนักนี้นะหรือ นึกว่านายอยากดื่มกินของอร่อยๆ กับเราสักระยะหนึ่งเสีย อีก” จันทรไชยมองค้อนรพีพงษ์บ่งบอกถึงความไม่พอใจ แผนการของรพีพงษ์

“ในเมืองริเวอร์ธฤตญาณนับว่าเป็นผู้ที่มีหน้ามีตา นาย ช่วยเขาให้มีพลังแข็งแกร่งขึ้นแน่นอนว่าเขาไม่เอาเปรียบ นายหรอก” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

เขาอาจขอความช่วยเหลือจากจันทร์ไชยเพราะว่าพลัง ของธฤตญาณในตอนนี้เมื่อเทียบกับที่เกียวโตนับว่ายัง อ่อนนัก

เมืองริเวอร์เป็นเมืองที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างใสสะอาด แท้จริง แล้วรพีพงษ์หาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยที่สุดให้แก่เขา หลังจากเรื่องกับจักรพันธ์ เขาคิดหาวิธีที่จะเพิ่มพลังของธ ฤตญาณให้แข็งแกร่งเพียงแต่ว่าที่แล้วมาไม่มีโอกาส ครั้ง นี้จันทร์ไชยมาร่วมงานแต่งของเขาพอดี เขาใช้โอกาสนี้ให้ จันทร์ไชยอยู่ต่อ อีกอย่างด้วยความสามารถของจันทร์ไชย เพียงแค่ชี้แนะแนวทางให้ธฤตญาณกำหนดแผนการพัฒนาที่เหมาะสม เชื่อว่าไม่นาน สามารถทำให้ธฤตญาณไม่ด้อยกว่าลูกสมุนของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

เพียงไม่นานรพีพงษ์เรียกธฤตญาณและไตรทศมาพบ และพูดคุยถึงสิ่งที่เขาคิด

“พีรพี ท่านดูถูกพวกเราเกินไป ถึงแม้ว่าพลังของพวกเรา จะไม่เท่าท่านแต่ก็ไม่ใช่ให้ใครก็ได้มาสั่งสอน ผมว่าอันที่ จริงแล้วไม่ต้องให้ใครมาสอน ไม่แน่ว่าคนท่าสอนพลังคง ไม่เท่าผม

ไตรทศจ้องมองจันทร์ไชยและคิดว่าพลังของตน แข็งแกร่งพอ อีกอย่างเขารู้สึกว่าคนที่เข้ามองอยู่ดูท่าทาง ไม่มีพลังและจะสอนอะไรเขาได้

ธฤตญาณได้ยินเกี่ยวกับสำนักบูโดวงแสงแห่งเกียวโต นอกจากนี้ในวันงานแต่งงานรพีพงษ์ผู้ที่แนะนำแขกเรียก เขาว่าจันทร์ไชย ดังนั้นร้อยละ99 เขาต้องเป็นเจ้าสำนักบู โดวงแสง

ตอนนี้ไตรทศมีท่าทางดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นทำให้ธฤต ญาณคิดว่าเด็กคนนี้หัวแข็งนัก
เขายื่นมือไปดึงไตรทศเพื่อส่งสัญญาณไม่ให้เขาพูดจา เหลวไหล

ไตรทศผู้ดื้อรั้นหันไปมองธฤตญาณด้วยความสงสัยพร้อม เอ่ยปากขึ้น “นายดึงเสื้อผ้าทําไม

ธฤตญาณมองไตรทศโดยไม่ผู้อะไร จากนั้นจงพูดขึ้น “ไม่มีอะไร เสื้อของนายมาโดนเรา

รพีพง ไม่มีอารมณ์มาสนใจไตรทศ ไตรทศอยู่กับธฤต ญาณในเมืองริเวอร์จิตใจฮึกเหิมลำพอง ถ้าไม่มีใครทำให้ เด็กผู้นี้รู้สึกถึงควาพ่ายแพ้เสียบ้างเด็กนั้นคงตัวลอยขึ้น สวรรค์แล้ว

“ทําไม คุณไม่ยอมรับผู้ฝึกสอนที่เราหาให้หรือ” รพีพงษ์ จ้องไตรทศพร้อมพูดขึ้น

ไตรทศหัวเราะเยาะพีพงษ์และพูดขึ้น “พูดอย่างนั้นไม่ได้ ผู้นั้นเป็นเพื่อนของท่านจะดีชั่วอย่างไรท่านควรไว้หน้าเขา บ้าง”

ทันใดนั้นรพีพงษ์โกรธจนตบโต๊ะเสียงดัง ขัดการเรื่องนี้ อยู่นานสุดท้ายกลายเป็นตนเองที่ไม่ไว้หน้าจันทร์ไชย
จันทรไชยรู้สึกขบขันลูกน้องของรพีพงษ์ผู้นี้ ในเกียวโต ตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงทั้งหลายล้วนอยากส่งคุณชายน้อย ของพวกเขามาฝึกฝนที่สำนักอวิ๋นซี แม้จะต้องเบียดเสียด กันจนหนังศีรษะถูกทำลายก็ยังต้องการเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ ของสํานักบูโดวงแสง ไตรทศมีท่าทงรังเกียจเขาทำให้เขา ซึ่งเป็นเจ้าสํานักบูโดวงแสง เสียหน้า

เขาลุกขึ้นเดินไปยังหน้าไตรทศพร้อมพูดขึ้น “คุณคิดว่า พลังของเราสู้นายไม่ได้หรือ

ไตรทศรีบแสดงกล้ามเนื้อแขนของตน แหงนหน้าพูด ขึ้น “ได้ยินว่าท่านเปิดสำนัก พลังของผู้สอนไม่จำเป็นต้อง แข็งแกร่ง ท่านก็อย่าถือสา ผมเป็นคนพูดจาตรงๆ

ธฤตญาณที่อยู่ด้านข้างส่ายหน้าอย่างจนใจ ในใจคิดว่า ไตรทศเด็กน้อยผู้นี้ต้องแย่แน่แล้ว

“คุณใช้พลังทั้งหมดจู่โจมมา ผมจะดูว่าพลังของคุณ แข็งแกร่งแค่ไหน” จันทร์ไชยยิ้มพูดขึ้น

ไตรทศชะงักและพูดขึ้น “ท่านอย่าหาเรื่อง พลังทั้งหมด ของผม ร่างกายของท่านถ้าใช้พลังทั้งหมดของผมคงไม่มีใครสามารถพาท่านไปโรงพยาบาลได้

เขารู้สึกว่าจันทร์ไชยสอนเขาไม่ได้เพราะร่างกายของ จันทร์ไชยแลดูบอบบาง แม้ว่ารพีพงษ์จะแลดูบอบบางแต่ พลังของเขากลับน่ากลัวยิ่ง ไตรทศคิดว่าบนโลกนี้มีเพียง รพีพงษ์เท่านั้นที่เป็นแบบนี้ จะมีผู้ที่เป็นเหมือนกับรพีพงษ์ ได้อย่างไร

“แม้แต่ลงมือยังไม่กล้า ท่าทางคงไร้ประโยชน์ ผมเองก็ เกียจสอน” จันทรไชยพูด

ไตรทศถูกคําพูดของจันทร์ไชยกระตุ้นจึงรีบส่งเสียงต่อ หมัดออกไป “ ท่านหาเรื่องเองนะ…

เขายังพูดไม่ทันจบมือของจันทร์ไชยก็เคลื่อนไหวด้วย ความเร็วสูงไปถูกร่างของไตรทศ แต่หมัดของไตรทศไม่ โดนจันทรไชย จากนั้นร่างของไตรทศก็ปลิวไปไกลเจ็ด แปดเมตร

ธฤตญาณที่อยู่ด้านข้างเห็นเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ก็อ้าปากค้างมองจันทร์ไชยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความ คาดไม่ถึงเหมือนกับพบเห็นสิ่งประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากเรื่องครั้งก่อนกับจักรพันธ์ ธฤตญาณตระหนักใน ทันทีว่าพลังของเขาทั้งหมดเมื่อเทียบกับทางเกียวโตนั้น ห่างไกลกันมาก

จากนั้นเขาจึงฝึกฝนตนเองจนตอนนี้พลังของเขา แข็งแกร่งขึ้นมาก ไตรทศเต็มไปด้วยความคึกคะนองตาม วัยเมื่อได้ฝึกฝนในช่วงเวลาหนึ่งหลังของเขาก็แข็งแกร่ง ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยที่สุดแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อน หนึ่งเท่า เมื่อเทียบกับจักรพันธ์ลูกสมุนของตระกูลลัดดา วัลย์นับว่าไม่ห่างไกลกันนัก

ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นไตรทศเมื่ออยู่ในกำมือของจันทร์ ไทยกลับไม่สามารถขัดขวางได้ พลังของเจ้าสำนักโครง แสงไม่สามารถดูถูกได้

รพีพงษ์ไม่ได้เสียใจกับไตรทศแม้แต่น้อย ไตรทศมีนิสัย คึกคะนองอวดดีตามวัย ที่จริงต้องการคนมาจัดการเขา

เมื่อเห็นไตรทศมีใบหน้างุนงง เขารู้ว่าจันทรไชยละมือ แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าฝ่ามือนั้นวางลงไป เขาคงบาดเจ็บสาหัส
คนผู้นี้ทําไมถึงแข็งแกร่งยิ่งนัก!

จันทร์ไชยจ้องไตรทศพร้อมพูดขึ้น “ในเมื่อถูกดูถูก ไม่ แสดงฝีมือออกไปก็คงไม่ได้

เขาหันไปมองรพีพงษ์เอ่ยปากขึ้น “เด็กผู้นี้สมรรถภาพ ไม่เลวถ้าได้รับการชี้แนะนิดหน่อย ภายหลังระดับความ สามารถไม่มีทางต่ำ ภารกิจของนายข้ารับ นํากระดาษมา เราจะเขียนแผนการฝึกฝน” รพีพงษ์ยิ้มพร้อมหยิบกระดาษ มา จันทร์ไชยเขียนอยู่นานกว่าจะส่งให้ธฤตญาณพร้อมพูด ขึ้น “นับจากวันนี้พวกคุณทุกคนต้องฝึกตามแผนนี้ เด็กคน นั้นท่าสองเท่า

ธฤตญาณมองที่กระดาษ ดวงตาทั้งคู่จ้องมอง จากนั้นจึง มองทีไตรทศด้วยความเห็นอกเห็นใจ

ไตรทศลุกขึ้นยืนและเดินไปหาธฤตญาณ นวดอกของ ตนพร้อมกับพูดขึ้น “สองเท่าก็สองเท่า เราไม่กลัว นายใช้ สายตาแบบนี้มองเรา เราน่าสงสารนักหรือ

ธฤตญาณส่งกระดาษในมือให้ไตรทศพร้อมกับพูดขึ้น “ขอแสดงความเสียใจด้วย
ไตรทศมองกระดาษของกระดาษแผ่นนั้นด้วยความสงสัย จากนั้นขาทั้งสองข้างตรงไปคุกเข่าให้จันทร์ไชย “ท่านพี่ หลังจากนี้ท่านคือพี่ชายใหญ่ของข้า ข้าสามารถรับการฝึก แบบปกติได้แต่ให้ฝึกเป็นสองเท่านั้นคือต้องการเอาชีวิต ผมใช่ไหม

ออกจากสถานบันเทิงสตาร์กาย รพีพงษ์ถอนหายใจอย่าง โล่งอกมีแผนการฝึกของจันทร์ไชย พวกธฤตญาณเชื่อว่า ไม่นานพลังของพวกเขาต้องเท่ากับตระกูลเกียวโต

วันนี้เรื่องการแต่งงานจัดการเรียบร้อยแล้ว นับว่าเป็นการ ยกภูเขาออกจากอกของรพีพงษ์ เว้นแต่ศศินัดดายังคงเห็น รพีพงษ์เป็นอื่น ภายหน้าในเมืองริเวอร์คงไม่มีใครกล้าดูถูก รพีพงษ์

นอกจากนี้เหล่าแขกที่มางานแต่งงานเกรงว่าคงไม่มีใคร กล้ากลั่นแกล้งอารียาอีกแล้ว

เมื่อกลับถึงโรงเตี๊ยมรพีพงษ์ช่วยอารียาเก็บข้าวของ ไม่ นานเขาก็เดินทางไปเมืองบาสแตร์ เพราะว่าจันทร์ไชยบอกว่าผู้ที่รู้ข่าวคราวของเทือกเขากิสนามีนิสัยแปลก ประหลาด ถ้าอยากให้เขาบอกข่าวของเทือกเขากิสนานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย

ดังนั้นรพีพง ไม่แน่ใจว่าตนเองจะต้องไปอยู่ที่เมืองบาส แตร์นานเท่าไร เขาไปครั้งนี้แน่นอนว่าอารียาจะต้องกลับไป อยู่ที่บ้าน เขาจะใช้โอกาสนี้โน้มน้าวศศินัดดา

หลังจากเก็บของเสร็จทั้งสองรีบไปยังชุมชนคำแหง

วันนี้ตระกูลฉัตรมงคลคงเห็นอย่างชัดเจนถึงช่องว่าง ระหว่างตนกับบ้านของศศินัดดา การไปพักที่ชุมชนคำแหง ไม่ใช่ต้องการทำผิดธรรมเนียมแต่เพื่อเป็นการแสดงความ อ่อนน้อม

หลังจากที่เห็นแขกที่มาในงานวันนั้นชลิดาไม่กล้าอยู่ใน หมู่บ้านรั่วกำแพงเดียวกับบ้านศศินัดดา ตรงกันข้ามนาง ตอนนี้เมื่อเห็นศศินัดดาก็รีบเดินหลบ

เมื่อถึงประตูบ้านอารียาใช้กุญแจเปิดประตู ศศินัดดาเห็น อารียาพารพีพงษ์กลับมาก็รีบพาอารียาเข้ามาและขัดขวาง ให้รพีพงษ์หยุดอยู่ที่ประตู
“ฉิงเอ๋อ สามารถกลับเข้ามาได้แต่คุณไม่ได้ อย่าคิดว่า คุณจัดงานแต่งงานแล้วฉันจะให้คุณเข้าบ้าน นั้นเป็นเรื่องที่ เป็นไปไม่ได้!” ศศินัดดาตะโกนบอก

“แม่ รพีพงษ์ช่วยขนของ ครู่เดียวเขาก็ไปแล้ว ท่านทำไม ใจ แม้แต่ประตูบ้านก็ไม่ให้เขาเข้ามา” อารียาเอ่ยขึ้น

“เขาจะไป? ไปทำอะไร” ศศินัดดาถามขึ้น

“ไปทําธุระส่วนตัว ท่านรีบให้เขาเข้ามาเถอะ ไม่อย่างนั้น ท่านช่วยขาขนของพวกนี้เข้าไป” อารียาพูดขึ้น

ศศินัดดายอมให้รพีพงษ์เข้ามาแต่ก็ยังพูดว่า “เฮ้อ คงจะ ไปทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนอีกนั้นแหละ เขาเป็นตัวหายนะ ไม่ ว่าไปที่ไหนก็ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของศศินัดดาอดยิ้มไม่ได้ ถ้าต้องการ พูดอย่างนั้นจริงคำพูดของศศินัดดาก็นับว่าไม่ผิด อันที่จริง ผู้ที่ก่อกวนยั่วยุเขาล้วนเดือดร้อนกันทั่วหน้า

หลังจากจัดของเสร็จรพีพงษ์สั่งเสียอารียาถึงเรื่องบางอย่างจากนั้นจึงออกจากบ้าน

ชนิสราเห็นรพีพงษ์จากไป ใบหน้าของนางบ่งบอกถึง ความในใจมากมาย จากนั้นนางสูดหายใจลึกๆ และถือเสื้อ คลุมของตนออกมาพร้อมพูดกับอารียาและศศินัดดาว่า ตนเองจะออกไปซื้อกับข้าว จากนั้นก็รีบออกจากประตู

ชนิสรารีบตามรพีพงษ์ไปด้วยความรีบร้อน

“พี่สา ท่านมีอะไรหรือ ทำไมดูรีบร้อน” รพีพงษ์เห็นชนิส ราตามมาและมีท่าทางน่าสงสัย

ชนิสรามีท่าทางอับจนหนทางจึงพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “รพีพงษ์ฉันจนตรอกจริงๆ คุณช่วยลูกสาวฉันด้วย ตอนนี้ ฉันต้องการเงินสามแสน คุณให้ฉันยืมได้ไหม ถ้าคุณให้ฉัน ยืมฉันจะทำงานจรับใช้คุณไปตลอดชีวิต

ฉันจะไม่บ่นเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ