แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 281 แกไม่มีโอกาสแล้ว



บทที่ 281 แกไม่มีโอกาสแล้ว

บทที่ 281 แกไม่มีโอกาสแล้ว

นนท์ปวิธได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดเขารู้สึกว่าไร้สาระ แต่ทว่าใน สายตาของเขารพีพงษ์ไม่ได้เป็นเพียงแมลงวันที่ที่น่ารำคาญ เท่านั้น แถมยังบินวนเวียนอยู่ข้างหูตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ต้องตีให้ตายก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“จับตาดูผู้หญิงคนนี้ไว้ อย่าให้มันหนีไปไหน เดี๋ยวฉันจัดการ ไอ้โง่นั่นเสร็จแล้วจะมาเสวยสุขต่อ นนท์ปวิธมองไปยังลูก น้องแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง

ไอ้เด็กน้อย แกรนหาที่ตายใช่ไหม งั้นฉันจัดให้ แกจะได้ลิ้ม รสหมัดของฉัน!

นนท์ปวิธไม่พูดพร่ำทำเพลง เขายกมือตบลงไปที่หัวของรพี พงษ์อย่างรวดเร็ว

แต่ทหารพีพงษ์ก้มตัวลงหลบมือของนนท์ปวิธ แต่เขามองไม่ เห็นเหล้าที่หกอยู่ตรงเท้า พื้นลื่นมากตอนที่เขาก้มตัวลงเกือบ จะลั่นล้มลงไป

ทุกคนเห็นท่าทางตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกก็พากัน หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ให้ตายเถอะ ฝีมือระดับนั้นยังกล้าไปทานนท์ปวิธ ไม่กลัว ตายเลยจริงๆ”

“โอ๊ย ไอ้หนุ่มนี่มันจะเล่นตลกเหนือ นนท์ปวิธแค่ยกมือขึ้นมา กำลังจะตบมัน มันก็เกือบจะล้มแล้ว”

“นนท์ปวิธเก่งมากเลยนะ ขนาดยังไม่โดนตัวไอ้หนุ่มนั่น มันก็ ยืนไม่อยู่แล้ว อย่าบอกนะว่านนท์ปวิธไปเรียนวิชากำลังภายใน มาแล้วงั้นเหรอ”

เมื่อครู่นนท์ปวิธเห็นรพีพงษ์หลบได้เร็วมาก หลบฝ่ามือของ เขาได้อย่างง่ายดาย เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ท่าทางของรพี พงษ์มันทำให้เขาอยาก

“ให้ตายเถอะ แกนี่มันโง่จริงๆ แกยังจะอยากสู้กับฉันอีกเหรอ ไปแดกขี้เถอะ!”

นนท์ปวิธยกมือตบลงไปที่รพีพงษ์อีกครั้ง เขากะว่าจะตบให้ รพีพงษ์ล้ม

รพีพงษ์ยืนอย่างมั่นคง เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนโดย รอบ เขารู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เมื่อครู่มันเป็นเพียงความผิดพลาดเท่านั้น

ครั้งนี้เขาเห็นว่านนท์ปวิธกำลังจะตบเขา ชายหนุ่มหรี่ตาลง เขายกมือขึ้นมากันแขนที่หยาบกร้านเหมือนเท้า

นนท์ปวิธแสยะยิ้ม เขาคิดว่าการที่รพีพงษ์ยกแขนขึ้นมา กันเอาไว้เป็นวิธีที่โง่มาก เขาจินตนาการว่ากระดูกของรพีพงษ์ คงจะหักแน่นอน

แต่ทว่าเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาจินตนาการเอาไว้ หลังจากที่รพีพงษ์ยกมือขึ้นมากันแขนของเขา เขารู้สึกเหมือน ได้รับแรงต้านที่รุนแรงมาก มือที่กะว่าจะตบรพีพงษ์กลับไม่ สามารถขยับเข้าไปใกล้ตัวเขาได้เลย

“เมื่อกี้มันแค่ผิดพลาดเท่านั้น ตอนนี้แกจะได้เห็นเคล็ดวิชา ตำลึงปาดพันชั่ง!”

พูดจบ รพีพงษ์ใช้มือบีบข้อมือของนนท์ปวิธ จากนั้นบิดมัน อย่างแรง ในขณะเดียวกันก็เอาขาเตะลงไปที่ขาของนนท์ปวิธ ร่างกายอันสูงใหญ่ล้มลงไปกับพื้นทันที

“เป็นไปได้ไง!” นนท์ปวิธร้องออกมาด้วยความตกใจ เขายัง คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะทำให้เขาล้มลงได้
หลังจากที่จัดการกับนนท์ปวิธ รพีพงษ์เอามือทั้งสองข้างจับ ข้อมือของนนท์ปวิธ เขาเหวี่ยงนนท์ปวิธไปอีกด้านด้วยพละ กําลังที่น้อยคนจะมี

คนที่เคยหัวเราะรพีพงษ์สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นตกใจทันที ไม่มีใครกล้าหัวเราะรพีพงษ์อีก

ผู้ชายคนที่พูดกับรพีพงษ์เมื่อตอนนั้นยืนอ้าปากค้าง เขามอง รพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อแล้วพูดพึมพำออกมาว่า “ขะ เขาทําได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเคล็ดวิชานําลึงปาดพันชั่งจะมี อยู่จริง”

ณัฐที่ตอนแรกเป็นกังวลเรื่องรพีพงษ์ เห็นภาพนั้นจึงถอน หายใจออกมาอย่างโล่งอก เขารู้ว่าท่านนฤพลเชิญรพีพงษ์มา เล่นโกะ เขาจึงไม่คิดว่ารพีพงษ์จะต่อสู้ได้ จนกระทั่งตอนนี้ เขา จึงรู้ว่ารพีพงษ์ไม่เพียงแค่เล่นโกะเก่ง แต่ยังเก่งด้านศิลปะการ ต่อสู้อีกด้วย

“มิน่าล่ะ คนที่ยโสอย่างธฤตญาณถึงเต็มใจทํางานให้เขา ดู ท่าแล้วเขาจะไม่ใช่คนธรรมดา” ณัฐหันไปมองธฤตญาณแล้ว พูด มนําออกมา

หลังจากที่รพีพงษ์จัดการนนท์ปวิธจนไปกองกับพื้น เขากัม ลงไปแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ใช้แค่พละกำลังโง่ๆ น่าเสียดายพละกำลังของแกจริงๆ

นนท์ปวิธจ้องรพีพงษ์เขม็งแล้วด่าออกมาว่า “ไอ้เลว รอให้ ฉันลุกขึ้นก่อนเถอะ ฉันจะสู้กับแกอีก!”

“แกไม่มีโอกาสแล้ว

รพีพงษ์พูดจบก็จับแขนของนนท์ปวิธอย่างแรง เสียงกร๊อบดัง ขึ้น กระดูกข้อมือของนนท์ปวิธหักเป็นที่เรียบร้อย

นนท์ป ธร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาตะเกียกตะกาย เพื่อที่จะลุกขึ้นมา รพีพงษ์ใช้เท้าเหยียบลงไปบนท้องของ นนท์ปวิธทำให้เขาไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นมา

จากนั้นรพีพงษ์ยกเท้าขึ้นเหยียบลงไปบนขาข้างหนึ่งของ นนท์ปวิธจนหัก เมื่อแน่ใจว่าว่าจัดการอีกฝ่ายเรียบร้อย รพี พงษ์จึงเดินออกมาจากตรงนั้น

บุญสิตามองภาพนั้นแล้วอ้าปากค้าง นนท์ปวิธที่มีท่าทีดุร้าย เมื่อครู่ ในเวลาไม่นานกลับลงไปนอนกองอยู่บนพื้นเหมือนคน พิการ

เมื่อรพีพงษ์จัดการกับนนท์ปวิธเสร็จ จึงหันไปมองบุญสิตา หัวเราะแล้วถามขึ้นว่า “จัดการกับคนที่เหลือไหวใช่ไหม
บุญสิตากำลังอึ้งอยู่ จากนั้นจึงพยักหน้าตอบรพีพงษ์

ในเวลานี้ลูกน้องของนนท์ปวิธอึ้งไปกันหมด ไม่มีกะจิตกะใจ ไปหาเรื่องรพีพงษ์อีก

พวกเขารีบวิ่งไปหวนนท์ปวิธแล้วรีบออกจากคลับ ตา

บุญสิตามองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “ทําไมคุณต้องช่วยฉัน เราน่าจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะ

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ธฤตญาณเป็นคนดี ผู้หญิงของ เขาไม่ควรโดนกลั่นแกล้งแบบนี้

พูดจบ รพีพงษ์จึงเดินเข้าไปหาธฤตญาณ

บุญสิตาไม่รู้ยังไม่เข้าใจสิ่งที่รพีพงษ์ต้องการจะสื่อ เมื่อเห็น ว่าเขาจะเดินไป เธอจึงรีบตะโกนออกไป แต่ทว่ารพีพงษ์เดิน เข้าไปในฝูงคนแล้ว เธอมองไม่เห็นเขาอีก

ในช่วงเวลาหนึ่ง เธอเห็นสายตาอันคุ้นเคย สายตาที่ทั้งชีวิตนี้ เธอไม่มีทางจําผิด ช่วงเวลาที่เห็นสายตานั้น เธอรีบวิ่งไปทาง ประตูอย่างรวดเร็ว
“ชฤตญาณ ต้องเป็นธฤตญาณแน่ๆ เขากลับมาแล้ว” ความชื้น อยู่ตรงขอบตาของบุญสิตา เธอรีบวิ่งออกไปข้างนอก เพื่อที่จะ ตามคนที่มีสายตาเหมือนธฤตญาณ

สองสามปีมานี้เธอไม่พอใจและน้อยใจอย่างมาก เธอฝันถึงธ ฤตญาณเกือบทุกคืน เธอร้องไห้ออกมาทุกครั้งที่ฝันถึงเขา

เธอไม่เชื่อว่าผู้ชายที่มีสายตาแบบนั้นที่อยู่ในชีวิตของเธอจะ ตายไปแบบนั้น สองสามปีมานี้เธอเฝ้ารอการกลับมาธฤตญาณ มาตลอด ถ้าไม่มีความคิดนี้ เธอคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้อีก

“ธฤตญาณ ต้องเป็นคุณแน่ๆ คุณกลับมาแล้วใช่ไหม

บุญสิตาตามมาถึงนอกคลับ คนเดินไปเดินมาตลอดเวลา บุญ สิตามองไปทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่โผล่มาคนนั้นหรือคน ที่เธอเฝ้ารอมาตลอด ไม่เห็นแม้เงาของทั้งสองคน

เป็นภาพหลอนอย่างนั้นเหรอ

ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด บุญสิตารู้สึกโดดเดี่ยว เธอยกมือกอด ตัวเอง เธอยืนอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายอยู่เนิ่นนาน จึงเดินกลับเข้าไปข้างในคลับ
ภายในรถเบนท์ลี่ย์ ธฤตาณนั่งจ้องบุญสิตาที่เดินกลับเข้าไป ในคลับ ด้วยน้ำตานองหน้า

“บุญสิตา รอผมอีกสักสองวัน คุณจะได้เจอผมแล้ว เมื่อถึง ตอนนั้นผมจะให้คนในตระกูลรัตนชัยนันท์ชดใช้ให้คุณ ผมจะ ให้มันชดใช้เป็นสองเท่า!” ธฤตญาณพูดพึมพำ

“ที่จริงแล้วตอนนี้นายไปหาเธอได้นะ แค่อย่าให้คนของ ตระกูลรัตนชัยนันท์เห็น” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ธฤตญานสายหน้า “ผมอดทนมาสองสามปีแล้ว เหลืออีกไม่กี่ วัน ก่อนที่จะเจอบุญสิตา ผมต้องฆ่าไอ้เลวไอศูรย์นั่นเสียก่อน มันเห็นผมเป็นพ่น้อง แต่มันกลับจะแต่งงานกับภรรยาของผม ผมต้องชำระความแค้นครั้งนี้”

ณัฐมองธฤตญาณแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าตระกูลวรโชติธีรธรรม จะเป็นตระกูลอันดับรอง แต่ว่าตระกูลของพวกมันชำนาญเรื่อง การต่อสู้บูโดมาหลายชั่วอายุคน ไอศูรย์อยู่แต่สำนักบูโดทุก วัน คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าเขา”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน แค่ฆ่ามันคน เดียวเป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง แต่ตระกูลของนายต้อง ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ในเวลานี้ความคิดที่ณัฐมีต่อรพีพงษ์เปลี่ยนไปมาก เมื่อได้ยิน เขาพูดเช่นนี้ ณัฐจึงรีบพยักหน้าทันที

ในเวลาเดียวกัน สนามบินเมืองกรีนโคล ถิรมันเดินออกมา จากสนามบินแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้ารถคันหนึ่ง มีคนลงมา จากรถสองคน คนหนึ่งดูมีอายุอีกคนยังดูอายุน้อย คนมีอายุ ชื่อชีวนาถ เป็นหัวหน้าตระกูลวรโชติธีรธรรมคนปัจจุบัน ขณะ เดียวกันก็เป็นเจ้าของสํานักบูโดตระกูลวรโชติธีรธรรม ส่วนคน ที่ยังดูอายุน้อยชื่อไอศูรย์

“คุณถิรมันเหนื่อยกับการเดินทางมาพักหนึ่งแล้ว รีบขึ้นรถ ครับ ผมจะพาคุณกลับไปพักผ่อน ครั้งนี้สำนักบูโดวงแสงส่ง คุณมาแนะนําสํานักบูโดตระกูลวรโชติธีรธรรมของผม เป็น เกียรติกับสำนักบูโดของเรามากครับ” ชีวนาถพูดแล้วยิ้มออก มา

ถิรมันโบกมือไปมา สีหน้า ยโสเล็กน้อย

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ถิรมันโดนรพีพงษ์สั่งสอนหน้าร้าน janhao KTV เขาก็เคียดแค้นรพีพงษ์อยู่ในใจมาตลอด ในเมืองเกียว โตสำนักบูโดวงแสง ถึงแม้จะไม่ได้ต่อสู้เพื่อชื่อเสียง แต่ไม่ใช่ ว่าใครจะมาหาเรื่องได้เหมือนกัน

เขาอยากเจอรพีพงษ์และให้รุ่นพี่ของเขาจัดการมันแทน
แต่น่าเสียดายที่ต่อมาเมื่อเขาไป janhao KTV กลับไม่เจอ รพีพงษ์อีก ชิตวรเดือนถิรมันตลอดว่าอย่าไปหาเรื่องรพีพงษ์ ไม่งั้นจะเสียใจ

จนกระทั่งต่อมาเมื่อเจ้าของสำนักบูโดวงแสงรู้เรื่องนี้ และได้ เห็นบาดแผลของ รมันจึงเตือนเขาทันทีว่าอย่าไปหาเรื่องร พงษ์ ไม่งั้นเขาจะโดนรพีพงษ์จัดการ

ทําให้ถิรมันรู้ถึงความน่ากลัวของรพีพงษ์ เจ้าของสํานัก โดสามารถรู้ฝีมือของคนได้จากการดูรอยบาดแผล ในเมื่อ เจ้าของสํานักพูดอย่างนี้ มันคงจะไม่ใช่เรื่องผิดแน่

หลังจากที่รู้ถึงฝีมือของรพีพงษ์ ถิรมันจึงไม่ตามหารพีพงษ์ อีก เขารู้สึกกลัวอยู่ในใจ ถ้าวันนั้นเขาวิ่งไม่เร็ว ไม่แน่อาจจะ โดนรพีพงษ์ชัดจนตายก็เป็นได้

แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ เจ้าของสำนักยิ้มออกมา อย่างพิกล ราวกับรู้จักรพีพงษ์อย่างไรอย่างนั้น

ดังนั้นเพื่อคลายความกลุ้มใจ ถิรมันจึงขอออกมาเดินเล่นเสีย หน่อย พอดีกับสํานักบูโดตระกูลวรโชติธีรธรรมเชิญคนของสํา นักบูโดวงแสงไปให้คำแนะนำ เขาจึงมาที่เมืองกรีนโคล
สําหรับเขาแล้ว คงจะไม่เจอรพีพงษ์ในเมืองกรีนโคลอย่าง แน่นอน

“คุณถิรมัน พรุ่งนี้เราอยากให้คุณเข้าร่วมให้คำแนะนำ ตอน นั้นจะมีคนมีฝีมือในเมืองกรีนโคลมาร่วมด้วย คุณไม่มีปัญหา อะไรใช่ไหมครับ” ชีวนาถถามขึ้น

“ไม่มีปัญหา คนที่นี่จะมีฝีมืออะไร ผมคนเดียวสู้พวกนั้นได้สิบ คน แนะนําพวกคุณเป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง” ถิรมันพูด ด้วยสีหน้ายโส

วนาถกับไอศูรย์ลําบากใจเล็กน้อย แต่ไม่กล้าคัดค้าน อีก อย่างถิรมันก็พูดไม่ผิด ไม่มีใครสู้คนของสำนักบูโดวงแสงได้

แม้แต่ชีวนาถเมื่ออยู่ต่อหน้าถิรมัน ยังไม่กล้าเล่นตุกติก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ