แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 338 ทางที่ดีเรียกเขาออกมา



บทที่ 338 ทางที่ดีเรียกเขาออกมา

บทที่ 338 ทางที่ดีเรียกเขาออกมา

เช้าวันต่อมา ณ สนามบินเมืองริเวอร์

อารียาเดินเข้าไปในสนามบินกับรพึ่งษ์ หญิงสาวดูอาลัยอาวรณ์ ไม่อยากให้เขาไป

“นายไปเกียวโตครั้งนี้ ต้องระวังตัวให้มากๆ นะ นายจากตระกูล ลัดดาวัลยมาหลายปี ถ้าอยากให้พวกเขายอมรับนายอีกครั้ง ฉัน กลัวว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย” อารียาเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผมจะไม่ทำเรื่องที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้” จากนั้นรพีพงษ์จึง ใช้มือโอบเอวของอารียาแล้วก้มหน้าลงประทับจูบลงบนริมฝีปาก ของเธอ

ผ่านไปนานรพีพงษ์จึงผละออกจากอารียา รอยยิ้มประดับอยู่บน ใบหน้าของรพีพงษ์ เขาพูดกับอารียาว่า “รอให้ผมกลับมาก่อน ผมจะเตรียมงานแต่งให้คุณอย่างยิ่งใหญ่ ให้ทุกคนรู้ว่าการที่คุณ แต่งงานกับผม มันมีความสบขนาดไหน

อารียายิ้มอย่างคาดหวัง จากนั้นเธอจึงพยักหน้าให้รพีพงษ์ แวว ตาของเธอทั้งอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็ถึงเวลาเช็กอิน รพีพงษ์หิ้วกระเป๋าแล้ว เดินเข้าไป อารียาเห็นรพีพงษ์เดินเข้าไป เธอจึงออกจากสนามบิน เช่นกัน

ผ่านไปสองชั่วโมง รพีพงษ์เดินออกมาจากสนามบินเกียวโต เขา บิดขี้เกียจแล้วมองท้องฟ้าสีคราม ความรู้สึกต่างจากการมาครั้งที่ แล้วโดยสิ้นเชิง

เขาไม่ได้คิดจะตรงไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์เลย ถ้าผลีผลามเข้าไป กลัวว่าโยษิตากับคนของตระกูลจะจับตัวเขาน่ะสิ

ถึงแม้เขาจะมั่นใจในฝีมือของตัวเอง แต่การที่จะเอาตระกูลลัดดา วัลย์กลับมา มันไม่ใช่เรื่องง่าย แถมตระกูลลัดดาวัลย์ยังมีชื่อเสียง และอำนาจในเมืองเกียวโตเป็นอย่างมาก พวกเขาต้องไม่กลัว อะไรและรับมือกับรพีพงษ์อย่างเต็มที่แน่นอน เขาคงเดียวคงไม่ สามารถรับมือกับพวกนั้นได้

เพราะฉะนั้นครั้งนี้รพีพงษ์ต้องเตรียมการให้รัดกุมที่สุด จากนั้น จึงค่อยไปตระกูลลัดดาวัลย์

เขาเดินไปริมถนนและเรียกแท็กซี่ หลังจากที่เข้าไปนั่งในรถ เรียบร้อย เขาพูดกับคนขับว่า “ไปสำนักบูโดวงแสงครับ”
ห้องของโยษิตาในคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์

โยษิตากำลังขมวดคิ้วมองมือถือของตัวเอง สองสามวันนี้เธอส่ง ข้อความหาวีธรา แต่ว่าวุธราไม่ตอบกลับมาแม้แต่ข้อความเดียว พอโทรไปก็โทรไม่มีคนรับ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าคนที่ไปเมืองริเวอร์กับ วีธราล้วนเป็นคนที่มีฝีมือของตระกูล แต่เธอมีลางสังหรณ์ว่า ต้อง มีเรื่องเกิดขึ้นกับวีธราแน่นอน

สองสามวันก่อนเธอส่งคนไปหาเบาะแสของวีธรา แต่จนถึงตอน นี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวของธราเลย

เธอจึงลองโทรไปหาวีธราอีกครั้ง

“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

โยษิตาวางมือถือลงบนโต๊ะอย่างเสียงดัง ดูออกว่าเธอกำลัง โมโห

ขณะนั้นเอง มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาโยษิตา

โยษิตารีบเงยหน้าขึ้นแล้วถามขึ้นว่า “มีอะไร คนที่อยู่เมืองริเวอร์ ส่งข่าวมาหรือยัง”

ชายคนนั้นมีสีหน้าไม่สู้ดี เขามองโยษิตาอย่างกล้าๆ กลัวๆจากนั้นจึงพูดว่า “ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วครับ เราขาดการ ติดต่อจากคนที่ส่งไปเมืองริเวอร์ทั้งหมด

โยษิตาตบโต๊ะอย่างแรง เธอลุกขึ้นยืนแล้วมองชายคนนั้นด้วย แววตาโกรธ แกว่าอะไรนะ ขาดการติดต่อทั้งหมดนั้นเหรอ! แก ส่งคนไม่ได้เรื่องไปหรือไง ทำไมถึงติดต่อไม่ได้สักคน?”

ชายคนนั้นกลัวจนขาสั้น ดูก็รู้ว่าเขากลัวโยษิตาเป็นอย่างมาก เขาพูดตะกุกตะกักไปหมด

“เออะ เอ่อ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ เหมือนเราจะมีศัตรู แอบแฝงอยู่ที่เมืองริเวอร์ ที่นั่นไม่ใช่ถิ่นของเรา ผมจึงไม่แน่ใจว่า คนที่เป็นศัตรูกับเราคือใครกันแน่ครับ

โยษิตานั่งลง เธอมองชายคนนั้นด้วยความโกรธ “ครั้งนี้พี่สาว ฉันพาคนที่มีฝีมือไปด้วย อีกทั้งก่อนหน้านี้จักรพันธ์ก็พาคนไปไม่ น้อย ใครมันจะเก่งจนพี่สาวของฉันรับมือไม่ได้กัน?”

“ระ เรื่องนี้ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ว่าคนของเราถ่ายภาพ ได้จากอำาเภอนกฟ้า ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ครับ

ชายคนนั้นพูดพลางยื่นรูปไปตรงหน้าโยษิตา
โยษิตาขมวดคิ้วมองรูปนั้น จากนั้นเธอถึงกับเบิกตาโต เธอมี สีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ

มันเป็นภาพของรพีพงษ์กับจารุณีเดินอยู่ในห้างที่อำเภอนกฟ้า

“รูปนี้ถ่ายเมื่อไร” โยษิตาเอ่ยถาม

“นะ หนึ่งเดือนก่อนครับ ผมเพิ่งเห็นรูปนี้เมื่อไม่นานมานี้เหมือน กันครับ” ชายคนนั้นรีบตอบ

โยษิตาตบหน้าชายคนนั้นแล้วด่าว่า “รูปเมื่อเดือนก่อน แต่แกเพิ่ง เอามาให้ฉันดูตอนนี้ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ

ชายคนนั้นตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม “รูปนี้เราบังเอิญโหลดมาจาก กล้องวงจรปิดภายในห้าง เราเลยไม่ได้สังเกต ไม่งั้นเราต้องรีบ เอามาให้คุณแล้ว”

“พอละ ไสหัวไปซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก ไร้ประโยชน์จริงๆ โยษิตาด่าด้วยความโกรธ

ชายคนนั้นรีบวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่คิดจะหยุดเลยแม้แต่ น้อย เขารู้ถึงความน่ากลัวของโยษิตา ถ้าเขาขืนยังชักช้าอยู่ ไม่ แน่ชีวิตเขาก็อาจจะไม่เหลือ
โยษิตามองทั้งสองคนที่อยู่ในรูปอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจึง คิดถึงความเป็นไปได้อื่นๆ สุดท้ายเธอจึงแน่ใจว่า คนที่อยู่ในรูปคือ รพีพงษ์ไม่ใช่จักรพันธ์

จักรพันธ์ออกจากเกียวโตไปเมืองริเวอร์เมื่อเดือนก่อน ไม่มีทาง ไปโผล่ที่อำเภอนกฟ้าได้แน่นอน อีกอย่างจากนิสัยของจักรพันธ์ เขาจะเดินกับจารุณีอย่างสงบสุขได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้วีธราบอกกับโยษิตาว่าจารุณีหายตัวไป เธอยังส่งคน ไปตามหาอยู่นาน แต่ก็หาไม่เจอ

ต่อมาหอการค้าสมน. ส่งข่าวมาว่ารพีพงษ์ตายแล้ว พวกเธอจึง คิดว่าจารุณีจะหายตัวไปตลอดกาล ถ้าเธอกลับไปที่หอการค้า สมน. ฝั่งนั้นก็คงมาหาเรื่องตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว

เมื่อได้เห็นภาพนี้ สมองอันชาญฉลาดของโยษิตา ก็พอจะเดา อะไรออกแล้ว

“รพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่าแกจะไม่ตายที่หอการค้าสมน. แถมยังอยู่ กับคุณหนูของหอการค้าสมน. อีก ถ้าก่อนหน้านี้หนึ่งเดือนพวก แกอยู่ที่อำเภอนกฟ้า ต่อมาก็คงจะกลับมาที่เมืองริเวอร์สินะ แก คงจะหารือกับหอการค้าสมน. ให้ปล่อยข่าวว่าแกตายแล้วสินะ

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด ตอนนั้นจักรพันธ์คงอยู่ในเงื้อมมือแกแล้วครั้งนี้การที่พี่สาวของฉันไปแล้วไม่ติดต่อกลับมา เธอก็คงอยู่ใน เงื้อมมือแกเหมือนกัน ดูเหมือนว่าแกจะเปิดสงครามกับตระกูลลัด ดาวัลย์แล้วสินะ”

“แต่สิ่งที่ทำให้ฉันคิดไม่ออกคือแกรับมือกับคนที่จักรพันธ์และพี่ สาวของฉันพาไปได้ยังไง คนพวกนั้นล้วนเป็นคนมีฝีมือ น้ำหน้า อย่างแกจะรับมือกับคนที่มีฝีมือขนาดนั้นได้ยังไง”

“อย่าบอกนะแกปกปิดมาตลอดสองสามปีนี้”

เธอคิดอยู่ครู่ใหญ่ แล้วสูดหายใจลึก จากนั้นเธอจึงเดินออกจาก ห้อง เธอตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเธอ จึงต้องไปปรึกษากับผู้ใหญ่ในตระกูล

อย่างน้อยถ้าวีธราตกอยู่ในมือของรพีพงษ์จริงๆ ป้ายคำสั่งของ ตระกูลก็ต้องอยู่ในมือของมันแน่นอน รพีพงษ์เป็นลูกชายคน เดียวของนนทภู ถ้ามันเอาป้ายคำสั่งของตระกูลกลับมา นั่นก็ แสดงว่ามันเป็นผู้นำรุ่นต่อไปของตระกูลลัดดาวัลย์

เพื่อที่จะป้องกันเรื่องนี้ เธอต้องเตรียมการให้พร้อม

สำนักบูโดวงแสง
หลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อย รพีพงษ์ลงมาจากรถแท็กซี่แล้วเดิน เข้าไปในสำนักบูโดวงแสง

สำนักบูโดวงแสงขึ้นชื่อเรื่องศิลปะการต่อสู้ในเมืองเกียวโต มี คนฝีมือดีมากมายอยู่ที่นี่ คนที่ออกมาจากสำนักบูโดวงแสงล้วนมี ฝีมือและพละกำลังที่น่าตกใจ

เพราะเหตุนี้ทำให้สำนักบูโดวงแสงกลายเป็นสำนักศิลปะการ ต่อสู้ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งในเกียวโต ถึงแม้ว่าสำนักบูโดวง แสงจะไม่เข้าร่วมการแข่งกันด้านธุรกิจใดๆ แต่ทว่ามีคนส่งเงินให้ สำนักบูโดวงแสงอย่างไม่ขาดสายทุกปี

เพราะว่าถ้าแต่ละตระกูล สามารถเชิญคนมีฝีมือจากสำนักบูโดวง แสงกลับไปได้ ไม่ว่าฝีมือจะดีหรือไม่ดี แค่ได้ยินคำว่าสำนักบูโด วงแสง ไม่ว่าใครก็ล้วนถอยให้ทั้งนั้น

ชื่อเสียงของสำนักบูโดวงแสงคือพละกำลัง ในเมืองเกียวโต ไม่มีใครกล้ามาหายั่วโมโหสำนักบูโดวงแสง เพราะพวกเขารู้ดีว่า ถึงแม้คนของพวกเขาจะมีฝีมือแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถรับมือกับ คนของสำนักบูโดวงแสงได้อยู่ดี

อีกอย่างที่มาที่ไปของสำนักบูโดวงแสงก็เป็นความลับ ถึง แม้ว่าจะเป็นแค่สำนักบูโด แต่ตระกูลอันดับต้นๆ ที่อยู่ในเกียวโต ล้วนแล้วแต่อยากซื้อสำนักบูโดวงแสงไปเพื่อใช้งาน แต่ทว่าจน กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครทำสำเร็จ
นี่จึงทำให้ทุกคนรู้ว่าถึงแม้สำนักบูโดวงแสงจะไม่ยุ่งเรื่องธุรกิจ แต่ถ้ามีคนอยากใช้เงินทำลายสำนักบูโดวงแสง นับว่าเป็นเรื่องที่ โง่ที่สุด

รพีพงษ์เพิ่งเดินเข้ามาถึงในสำนักบูโดวงแสง ทันใดนั้นก็มีเด็ก วัยรุ่นสองคนที่อยู่ในชุดฝึกเดินออกมา สองคนนี้เด็กกว่าเขามาก น่าจะเป็นลูกศิษย์ของที่นี่

“นายเป็นใคร มาที่นี่ทำไม” เด็กหนุ่มทั้งสองคนมองรพีพงษ์ด้วย ท่าปุ๋ยโส การที่ได้เป็นลูกศิษย์ของที่นี่ แสดงว่าฝีมือของพวกเขา โดดเด่น ภายภาคหน้าก็จะได้เป็นคนที่มีฝีมือ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะยัง ไม่ได้ร่ำเรียน ลูกศิษย์ที่อยู่ในสำนักบูโดวงแสงต่างก็พากันดอก ดีใจ

ปกติแล้วหัวหน้าของตระกูลใหญ่ๆ มักจะมาที่นี่ พวกเขาล้วน แสดงสีหน้าไม่ดีใส่คนพวกนั้น ไม่ต้องพูดถึงคนที่แต่งตัวธรรม ดาๆ ดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรอย่างรพีพงษ์

“ฉันมาหาจันทร์ไชย เขาอยู่ไหน พาฉันไปหาเขาหน่อย” รพี พงษ์เอ่ยขึ้น

ลูกศิษย์ทั้งสองคนได้ยินที่รพีพงษ์ก็เบิกตาโพลง หนึ่งในนั้นเอ่ย ถามขึ้นมาว่า “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ นายมาหาใครนะ?”
“จันทร์ไชย” รพีพงษ์พูดย้ำอีกรอบ

“นายอยากตายเหรอ กล้ามาเรียกชื่อเจ้าของสำนักบูโด อย่าบอก นะว่านายไม่รู้ถึงชื่อเสียงของเจ้าของสำนัก!” หนึ่งในวัยรุ่นตะโกน ออกมาอย่างโมโห

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ชื่อเสียงเขาจะเลื่องลือแค่ไหน ก็ไม่ เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันมาหาเขาก็ต้องเรียกชื่อเขาสิ จะให้เรียกชื่อ เล่นเหรอ”

“นายกล้ามาพูดเล่นลิ้นที่นี่เหรอ วันนี้เจ้าของสำนักไม่ได้บอกว่า จะมีแขกมา ถ้าเจ้าของสำนักรู้ว่านายมาหาเรื่องเขาที่นี่ นายตาย แน่ เขาจะใช้หมัดสั่งสอนแกแน่ๆ!

รพีพงษ์หัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “ทางที่ดีนายเรียกจันทร์ไชยออก มาเถอะ ลองดูสิว่าเขาจะกล้าสั่งสอนฉันไหม!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ