แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่221 มาถึงเกียวโต



บทที่221 มาถึงเกียวโต

คนที่อยู่บนเครื่องบินได้เห็นเหตุการณ์ดังนี้ก็ต่าง ตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิด

ว่ารพีพง จะทําให้ชาวต่างชาตินั้นล้มลงได้อย่าง ง่ายดาย อันนาก็ตาโตอ้างปากค้าง มองรพีพงษ์ อย่างไม่เชื่อ

นี่เป็นไอ้สวะขึ้นชื่อของเมืองริเวอร์จริงๆหรอ? ใน ขณะที่ชาวต่างชาตินั้นลงไม้ลงมือกับเธอ มีเพียงเขา ที่ออกหน้าแทนตน แล้วยังสั่งสอนชาวต่างชาตินั่นอีก เธอไม่มีทางที่จะเชื่อมเอารพีพงษ์ที่อยู่ตรงหน้ากับ ไอ้สวะมารวมกันได้

เพื่อนของต่างชาติคนนั้นเห็นเหตุการณ์ ก็รีบลุกขึ้น มา ใช้ภาษาอังกฤษดารพีพงษ์ แล้วยื่นมือเอาไปผลัก

เขา

รพีพงษ์ดึงคนนั้นเข้ามาด้วยมือข้างเดียว เมื่อ ออกแรง ก็ทำเอาเขาล้มลงไปอยู่บนพื้น
เขาใช้จนชำนาญ ถึงแม้ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ ออกแรงอะไรมากมาย แต่ความจริง แขนของต่าง ชาติทั้งคู่นักแล้ว ทั้งคู่ล้มกลิ้งบนพื้น เจ็บจนลุกไม่ ไหว

ผู้คนรอบๆร้องเชียร์ ต่างก็พากันปรบมือให้กับพี พงษ์

“กูจะไปร้องเรียนมึง! พวกกูได้รับการคุ้มครอง จากประเทศของพวกมึง พวกมึงต้องดูแลพวกกูเป็น พิเศษ!” ต่างชาติที่ลวนลามอันนาอดทนกับความเจ็บ ปวด ใช้ภาษาจีนที่ไม่ถูกหลักพูดกับรพีพงษ์

ขณะนี้กัปตันได้เดินเข้ามา หลังจากที่ได้ทําความ เข้าใจเหตุการณ์เบื้องต้นแล้ว เห็นต่างชาติสองคนนี้ ผยอง ก็เลยใช้ภาษาอังกฤษพูดไปว่า “ขอโทษครับ พวกคุณทั้งคู่ทำให้เครื่องบินไม่สามารถออกได้ตาม เวลากำหนด แล้วผมก็สงสัยว่าพวกคุณทั้งคู่น่าจะ เข้ามาแบบผิดกฎหมาย ตอนนี้ผมขอให้คุณลงจาก เครื่องแล้วไปให้ปากคําด้วยครับ”

พูดจบ พนักงานบนเครื่องหลายคนก็รีบเข้ามา น้ ต่างชาติสองคนนั้นลงจากเครื่องไป\
ทุกคนบนเครื่องก็เริ่มยินดีปรีดาขึ้นมา ชมกัปตัน ว่าทําได้ดี กัปตันพูดต่อว่า ทุกคนก็ทําได้ดี อีกสักครู่ เครื่องบินจะทำการบิน ต่างชาติสองคนนั้น ก็โดน สอบสวนอยู่ในเมืองริเวอร์อีกสักกี่วันแล้วกัน

หลังจากเพิ่งจะจัดการปัญหานี้เสร็จ รพีพงษ์ก็ได้ ไปนั่งข้างๆของอันนาอีกครั้ง

อันนามองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง แล้ว ถาม “แกเป็นไอ้สวะคนนั้นจริงๆหรอ แกกำลังโกหก ฉันอยู่หรือเปล่า ตั้งใจจะแกล้งฉัน?”

“ผมจะแกล้งคุณทำไม” รพีพงษ์ยิ้มพลางพูด

“งั้นทําไมแกถึงเก่งกาจขนาดนี้ ทําให้ต่างชาตินั่น ล้มลงไปได้อย่างง่ายดาย” อันนามองตาโตแล้ว กล่าว

“อาจเพราะกำลังผมเยอะมั้ง ความจริงพวกเขา บึกบึนแค่ภายนอก กล้ามเนื้อบนร่างกายดูดีแต่ก็ เท่านั้นแหละ ไม่งั้นกำลังของพวกเขาไม่มีทางน้อย ไปกว่าผมที่วันๆ แต่งานบ้านหรอก” รพีพงษ์พูดไป มั่วๆ
“หึม? กำลังของคุณเยอะขนาดนี้ เพราะทำงานบ้าน หรอกหรอ งั้นปก คุณต้องทำงานบ้านมากเท่าไหร่ เนี่ย?” อันนาเชื่ออย่างโง่งม

รพีพงษ์หัวเราะออกมา แล้วกล่าว “เพราะการ ทํางานบ้านจึงสามารถทำให้ทุกคนในเมืองริเวอร์ รู้ถึงชื่อเสียงของผม แน่นอนว่ามีงานเท่าไหร่ก็ทำ เท่านั้น

ความอยากรู้มากมายของอันนาที่มีต่อรพีพงษ์ก็ลด ลงอีกครั้ง ความจริงเธอนึกว่ารพีพงษ์เป็นคนเก่งกาจ คนหนึ่ง ที่บอกว่าตนเองเป็นไอ้สวะขึ้นชื่อของเมืองริ เวอร์นั้น ก็เพียงแค่ล้อเล่นเฉยๆ

ตอนนี้ดูๆแล้ว รพีพงษ์ไม่ได้ล้อเธอเล่นแน่นอน เขา คือรพีพงษ์ไอ้สวะคนนั้น แค่ทํางานบ้านทําจนมีพละ กําลังมากมายแค่นั้นเอง

“ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องขอบคุณแก” อันนากล่าว

ผมก็แค่เห็นแก่มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบสองแผ่นนั้น เลยช่วยคุณ” รพีพงษ์ยิ้มพลางพูด

* ชมหน่อยก็ลอย ให้เกียรติหน่อย คุณก็เหลิงแกก็พูดออกมาแล้ว ว่าต่างชาติสองคนนั้นภายนอก ก็ดปีกปืนอยู่หรอก ความจริงก็แค่ข้างนอกสดใสข้าง ในตะทิ้งโหน่ง แกไม่ออกหน้าแทนฉัน ก็ต้องมีคนอื่น ออกหน้าแทนฉันอยู่ดี อย่ามาแสดงอาการที่ทำให้ฉัน รู้สึกว่าแกมีพระคุณกับฉันเหลือเกิน” อันนาพูดจบ หันหน้ากลับไป ไม่มองรพีพงษ์อีก

รพีพงษ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่คิดว่าอันนาก็เชื่อ ว่าต่างชาติสองคนนั้นข้างนอกสดใสข้างในตะทิ้ง โหน่งจริงๆ

แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาใสใจ นั่งหลับตาบนที่นั่งของ ตนเอง รอเครื่องบินบินขึ้น

เกือบจะใกล้ค่ำ เครื่องบินได้ลงจอดที่สนามบินเกีย

วโต

รพีพงษ์ลงมาจากเครื่องบิน มองไปที่พระอาทิตย์ที่ สาดแสงของเกียวโต ในใจก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา

ไม่คาดคิดว่าผ่านไปไม่กี่ปี ต้องกลับมายังผืนดิน แห่งนี้อีกครั้ง แต่คนก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เกียว โตก็ยังคงเป็นเกียวโต เพียงแค่ในตอนนั้นเด็กผู้ชาย ที่วิ่งเล่นไปมากลางทุ่งนา ได้เติบโตมาเป็นนักฆ่า ฆ่าทุกอย่างที่ขวางทางเขา

เดินถึงข้างนอกสนามบิน รพีพง โทรหาโยษิตา บอกว่าตนได้ถึงเกียวโตแล้ว

โยษิตาบอกว่าจะจัดคนไปรับเขาเดี๋ยวนี้ แต่ถูกรฟ้ พงษ์ปฏิเสธไป รพีพงษ์อยากเดินข้างถนนของเกี่ยว โตคนเดียวไปเรื่อยๆ ก็ให้โยษิตาจัดคนมารับเขาช้า สักหน่อย

ด้านนอกของสนามบิน รพีพงษ์คิดว่าจะไปหาอะไร กินก่อน ไม่ได้กลับมาหลายปี เขาคิดถึงรสชาติ อาหารของที่นี่

ในขณะเดียวกันนี้เอง ด้านหลังเขามีเสียงของ อันนาดังขึ้นมา “รพีพงษ์ ฉันยังไม่ได้ถามแกเลยว่า มาเกียวโตทําไม แกอย่าบอกฉันนะว่าแกมาเกียวโต เพื่อทํางานบ้าน”

รพีพงษ์หันหลัง หัวเราะต่ออันนาแล้วกล่าว มา

จัดการธุระบางอย่าง

“รีบไหม?” อันนาถาม
“ไม่รับ”

“งั้นแกไปเที่ยวกับฉันหน่อยสิ เพื่อนฉันมารับฉัน แล้ว ก่อนหน้านี้ฉันได้เล่าเรื่องของแกให้พวกเขาฟัง หลายครั้ง พวกเขาสนใจในตัวแกมาก แล้วก็อยาก เห็นตัวจริงของแกทุกคนเลย ในเมื่อแกว่าง งั้นก็ไป กับพวกเราเถอะ”

พูดจบ อันนาก็โบกมือทักทายเพื่อนชายหญิงที่อยู่ ไม่ห่างไกลออกไป คนพวกนั้นก็เดินเข้ามาทันที

“นี่คือรพีพงษ์ ไอ้สวะนั้นที่โด่งดังของเมืองริเวอร์ เขาได้ตกลงที่จะไปเที่ยวด้วยกันกับพวกเราแล้ว อันนากล่าว

รพีพงษ์เอือมระอา เขาไม่เคยตอบตกลงที่จะไป เที่ยวกับพวกเขาเลย อันนานี่ชอบตัดสินใจแทนคน อื่นไปแล้วนะ

“นี่คือไอ้สวะที่โด่งดังนั้นหรอ ดูไม่เหมือนเลยนะ”

“เจ๋งอะ คาดไม่ถึงว่าจะสวะได้ถึงขั้นโด่งดังได้ ขนาดนี้ อย่างนี้ต้อง ทำความรู้จักสักหน่อยแล้ว
ทุกคนเหมือนกำลังดูสัตว์ในสวนสัตว์อย่างไรอย่าง นั้น มองไปที่รพีพงษ์ไม่หยุด

ขณะเดียวกันนี้เองคนที่เป็นแก๊งค์เดินไปข้างหน้า ของรพีพงษ์ ยื่นมือไปที่รพีพงษ์ ยิ้มพลางกล่าว “สวัสดีครับ ผม อกฤติกา เป็นลูกชายเจ้าของ Four Seasons Hotel Breeze วันนี้พวกเรามารับอันนา พร้อมกัน ในเมื่อคุณรู้จักกับอันนา งั้นก็ไปเที่ยวกับ พวกเราเถอะครับ”

กฤติกา เป็นผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองสุดๆ ปกติจะ ชอบโอ้อวดความรวยและคอนเน็คชั่นของตนต่อหน้า คนอื่น ช่วงนี้เขากำลังจีบอันน่าอยู่ กำลังคิดหาทาง ทําคะแนนอยู่พอดี แล้วได้เจอกับรพีพงษ์

ตอนนี้เขากำลังมองหาคนที่จะมาเปรียบเทียบกับ ตน เพื่อจะได้แสดงศักยภาพของเขาออกมา รพีพงษ์ คือไอ้สวะที่โด่งดัง เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับเขา เลยหละ

รพีพงษ์เคยได้ยินชื่อ Four Seasons Hotel Breezeแล้ว ถือว่ามีชื่อเสียงในเกียวโต เห็นพวกเขา อยากให้ตนเที่ยวด้วยกัน เขาก็ไม่ปฏิเสธ แล้วกล่าว “ ก็ได้”
ในขณะ นี้มีคนแต่งหน้าเข้มๆ ยืนอยู่ข้างกับกฤติกา ผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อสายเดี่ยวป่นปากอย่างรังเกียจ แล้วกล่าว “พาไอ้สวะคนนี้ไปทำไม คนแบบนี้มีสิทธิ์ อะไรจะมาเที่ยวกับพวกเรา”

“ไอ้หยา เลน่า อย่าพูดแบบนี้สิ ตอนอยู่บนเครื่อง เขาได้ช่วยฉันเอาไว้ด้วยนะ พาเขาไปเที่ยวก็ไม่ เห็นจะเป็นอะไรเลย ตอนเขาอยู่เมืองริเวอร์วันๆก็ทำ แต่งานบ้าน นานๆจะได้ออกมาสักครั้ง ไม่แน่อาจจะ ไม่มีเงินเที่ยวเสียด้วยซ้ำนะ พวกเราพาเขาไปเที่ยวก็ โอเคแล้ว” อันนากล่าว

พูดถูก เขาไม่มีเงินไม่เป็นไร ผมมีก็พอแล้ว ไป เถอะ พวกเราไปร้องเพลงกันดีกว่า แล้วไปกินอะไร สักหน่อยที่KTVล่ะกัน แม้จะแพงสักหน่อย แต่ สำหรับฉันแล้วมันนิดๆหน่อยๆแค่นั้นเอง” กฤติกา กล่าว

“กฤติกาจงเจริญ!” ในหนึ่งนั้นเอ่ยชมกฤติกาขึ้นมา ทันที กฤติกาพอใจอย่างมาก

“เชอะ ยังไงฉันก็ไม่ยอมร่วมวงกับไอ้บ้านนอกคนนี้ หรอก ขายขี้หน้า” เลน่าพึมพำ
ทุกคนออกจากสนามบิน แล้วไปยังktv กฤติกา

วางแผนไว้

janhao ktv สถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงในเขตตะวัน ตกของเกียวโต ที่นี่มีชื่อเสียง ไม่ใช่เพราะบริการดี แต่เป็นเพราะktvนี้เป็นของลูกพี่ที่มีชื่อเสียงในเขต ตะวันตกของเกียวโต สถานที่ของชิตวร

หลายคนมาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อมาร้องเพลง แต่เพื่อจะได้ เจอกับชิตวรสักครั้ง เพียงแค่ได้เป็นเพื่อนของชิตวร ต่อไปจะทำอะไรก็จะสะดวกไปหมด

“เฮียกฤติกา เจ๋งอะ พาพวกเรามา janhao ktv ดูๆ แล้วช่วงนี้โรงแรมของคุณกำไรดีไม่น้อยเลยนะ ผม ได้ยินมาว่าถ้าจะจองห้องส่วนตัวของที่นี่ ถ้าไม่รู้จัก กับชิตวรก็จองไม่ได้” ผู้ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา

กฤติกาภูมิใจตัวเองเป็นอย่างมาก แตาปากกลับพูด ว่า “น้อยๆหน่อย ก็แค่กินข้าวกับพี่ชิตไม่กี่ครั้งเอง”

คนรอบๆมองไปที่กฤติกาอย่างอิจฉา สามารถกิน ข้าวร่วมโต๊ะกับชิตวรได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่เจ๋งที่สุด แล้วล่ะ
“ขิตวรใช่ไหม แลดูแล้วพนักงานคนนั้นที่ทำงานให้ ตระกูลลัดดาวัลยในตอนนั้น วันนี้อยู่มาถึงระดับนี้ได้ ช่วงหลายปีที่ฉันไม่อยู่ที่นี่ เกียวโตได้เปลี่ยนไปมาก จริงๆ ” รพีพงษ์กล่าวอย่างหดหู่

“รพีพงษ์ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ พนักงานอะไร?” อันนาจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม

รพีพงษ์สายหัว แล้วกล่าว “ไม่มีอะไร

“รพีพงษ์ แกคงไม่ได้อยากมาเป็นพนักงานที่นี่ หรอกใช่ป่ะ จะบอกให้นะ พนักงานของที่นี่ไม่ใช่ว่า ใครก็เป็นได้ แล้วแกอยู่นั่นยังเป็นไอ้สวะอีก ยิ่งเป็น พนักงานที่นี่ไม่ได้เข้าไปใหญ่ แต่ถ้าแกอยากเป็น พนักงานของโรงแรมฉัน ฉันสามารถจัดให้แก่ได้ กฤติกา มพลางกล่าว

ทุกคนหัวเราะขึ้นมา

“ไอ้หยา พวกแกหยุดหัวเราะรพีพงษ์ได้แล้ว เขาก็ เจ๋งอยู่นะ อย่างน้อยกำลังวังชาเยอะมาก ยังไงเขา ก็ถือเป็นเพื่อนครึ่งนึงของฉัน พวกแกก็ให้เกียรติ ฉันหน่อย หยุดหัวเราะได้แล้ว” อันนาดูต่อไปไม่ไหว

เลยพูดออกมา
“อันนา ทำไมแกถึงได้ออกหน้าแทนไอ้สาะอะ แก อย่าบอกนะ ว่าแกชอบไอ้สวะนี่” เลน่ากล่าวอย่าง

ประหลาด

” แกพูดอะไร ฉันจะชอบเขาได้ไง ฉันแค่คิดว่าฉัน เชิญเข้ามาเที่ยว พวกแกไม่ควรทํากับเขาแบบนี้” อันนารีบอธิบาย

“หรอ แต่เขาแค่ไอ้สวะเองนะ ตอนที่แกพูดถึงเขา ก็หัวเราะอย่างสบายใจไม่ใช่หรอ ทําไมตอนนี้กลับ เป็นออกหน้าแทนเขาแล้วล่ะ” เลน่ากล่าวอย่างล้อ เลียน

กฤติกาได้ยินเลน่าพูด รู้สึกมีเหตุผล มองไปที่รพี พงษ์ด้วยสายตาที่เป็นศัตรู

“ตาของอันนาไม่ได้แย่ขนาดนั้น เธอไม่มีทางชอบ

สวะได้หรอก พวกเราอย่ายืนอยู่ตรงนี้เลย เข้าไป ข้างในกันเถอะ” กฤติกาพูด ในใจคิดว่าเป็นแค่ ไอ้สวะยังกล้าที่จะมาแย่งอันนาอีก เดี๋ยวจะทําให้ อับอายขายขี้หน้าเลยคอยดู

รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเดินตามพวกเขาเขาเข้าไป ใkty
ผ่านไปหลายปี รูปลักษณ์ของรพีพงษ์ก็เปลี่ยนไป ไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วตอนที่ ควรเป็นพนักงานอยู่ นั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้พบปะกับรพีพงษ์แต่อย่างใด ดัง นั้นรพีพงษ์เจอชิตวรเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ