แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่494 ไม่มีใครขวางฉันไม่ให้ซ้อมแกได้



บทที่494 ไม่มีใครขวางฉันไม่ให้ซ้อมแกได้

บทที่494 ไม่มีใครขวางฉันไม่ให้ซ้อมแกได้

ณ ชั้นสองของกำปั่นทอง

ปรมัตถ์กับรพีพงษ์นั่งอยู่หน้าโต๊ะกันสองคน กำลังคุยกันถึง เรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีนั้น

พวกผดุงสิทธิ์สามคนอาศัยบารมีของรพีพงษ์ เดินตามกันมา และในตอนนี้ก็กำลังอยู่กับปรวิทย์ ต่างก็นั่งกันนิ่งอยู่อีกมุมหนึ่ง พร้อมกับฟังรพีพงษ์และปรมัตถ์คุยกัน

ปรมัตถ์เป็นไอดอลในใจของผดุงสิทธิ์เสมอ ในใจของเขา ปรมัตถ์มักจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง ที่ตัวเขาจะต้องพบให้ได้ สักครั้ง แต่ก็น่าจะยากอยู่

มโนชามักจะยึดเอาปรมัตถ์เป็นคู่หูของตัวเสมอ ในใจของเจ้า หล่อน ปรมัตถ์แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนในตำนาน

แม้ว่าไกรเดชจะไม่ได้คลั่งไคล้ปรมัตถ์แบบที่ผดุงสิทธิ์และ มโนชาเป็น แต่ว่าในการต่อสู้ของวงการนี้ ก็เป็นที่น่าเกรงขาม ไม่น้อย

และผู้สูงส่งในใจของพวกเขาในตอนนี้ ต่างก็กำลังคุยเล่นกับ รพีพงษ์อย่างสบายอกสบายใจ ราวกับว่าเป็นคุณปู่ผู้ใจดีก็ไม่

ปาน
ในใจของพวกเขานั้นเสแสร้ง พวกเขาคิดเสมอว่าปรมัตถ์ผู้ค้น บารมีและน่าเกรงขาม

กลับทําตัวสบายๆต่อหน้ารพีพงษ์ นอกจากนี้ท่าทีของปรมัตถ์ ยังดูมีความยำเกรงรพีพงษ์อยู่ด้วย ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่พวก เขาไม่แม้แต่จะกล้าคาดหวัง

ปรวิทย์รู้สึกทอดถอนใจในตอนนี้ ในความทรงจําของเขา บิดาของเขาเป็นคนไม่ค่อยยิ้มเนื่องจากมีตำแหน่งสูงในวงการ พิสูจน์ ปรมัตถ์ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าคนในบ้านหรือคนนอกบ้าน มักจะรักษาระยะห่างความน่ายำเกรงเอาไว้ ต่อให้เป็นเขาเองก็ เถอะ ยังไม่กล้า ทำตัวตามสบายต่อหน้าปรมัตถ์เลย

แต่ว่าตอนนี้ปรมัตถ์กลับแสดงท่าทีสบายๆต่อหน้าคนรุ่นหลัง คนหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อ

“เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพ่อสนิทกับคนอื่นขนาดนี้ ปกติต่อให้ อยู่ต่อหน้าผม พ่อก็มักจะตีหน้าขรึมเสมอ อาจารย์รพีพงษ์นี่ แน่จริงๆ”ปรวิทย์พูดขึ้นมาคำหนึ่ง

พวกผดุงสิทธิ์หันไปมองปรวิทย์ ผดุงสิทธิ์จึงเอ่ยปาก ถาม ความหมายของนายคือ ปกติท่านอาจารย์ปรมัตถ์จะไม่ ค่อยให้ความสนิทสนมกับใครขนาดนี้”

“ไม่ใช่แค่ยามปกติหรอก แต่ตลอดเวลาเลยแหละ ปกติคุณ พ่อเข้มงวดกับทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะกับใคร ก็มักจะวางท่าตลอด อย่างวันนี้น่ะ ถือเป็นสถานการณ์พิเศษก็ว่าได้”ปรวิทย์ พูดออกมาอย่างทอดถอนหายใจ

พวกผดุงสิทธิ์ทั้งสามคนต่างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าปกติ ปรมัตถ์จะไม่ได้สบายๆแบบนี้ แน่นอนว่าภาพลักษณ์แบบนั้น ย่อมเข้ากับนักพิสูจน์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างปรมัตถ์มากกว่า

ส่วนปรมัตถ์ที่ตอนนี้เป็นแบบนี้ เพราะคนที่นั่งอยู่กับเขาคือ คนๆนั้น

แม้ว่าผดุงสิทธิ์จะรู้ดีแก่ใจถึงความเก่งกาจของรพีพงษ์ แต่ก็ ไกลเกินกว่าที่เขาคิดไว้

พอมโนชาได้ฟังคำพูดของปรวิทย์ ก็ยิ่งรู้สึกนับถือรพีพงษ์

ไกรเดชรู้ถึงความเก่งกาจของรพีพงษ์อยู่แล้ว วันนี้พอมาเห็น ความพินอบพิเทาที่ปรมัตถ์ ปฏิบัติต่อเขา ยิ่งรู้สึกเลื่อมใสขึ้น ไปอีก

“คุณรพีพงษ์ครับ ไม่ทราบว่าคุณสนใจจะไปบรรยายให้ คณะประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยฟูตันไหมครับ บุคลากร อย่างคุณ ทางมหาวิทยาลัยเรากําลังต้องการบุคลากรอย่าง คุณเลย ถ้าคุณยอม จะเป็นอาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในคณะ ประวัติศาสตร์ของเราเลย”ผดุงสิทธิ์ลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็ พูดความคิดออกมา

ในฐานะที่เป็นคณบดี สิ่งที่ผดุงสิทธิ์ต้องการทำคือ ไม่เพียงแต่อบรมสั่งสอนบุคลากร หากแต่ยังต้องการพัฒนาบุคลากร อีกด้วย ถ้าหากว่ารพีพงษ์ยอมไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ฟูตัน สำหรับนักเรียนคณะประวัติศาสตร์อย่างเขา นับว่าเป็น เรื่องดีแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคณะประวัติศาสตร์ แต่ว่า ยังไม่มีใครสอนวิชาโบราณวัตถุ

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ฟังผดุงสิทธิ์พูด จึงตะลึงเล็กน้อย จึงยิ้ม ให้ผดุงสิทธิ์และส่ายหน้าเล็กน้อย พูดว่า”ผมไปเป็นอาจารย์ กลัวว่าคนจะเข้าใจผิดเป็นนักเรียนน่ะสิครับ”

“คุณรพีพงษ์พูดเล่นแล้วล่ะ ระดับความสามารถของคุณ ถ้า ได้ไปเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยเรานะ จะเป็นเกียรติ แก่คณะเรามากเลยครับ ขอให้คุณพิจารณาด้วยครับ”ผดุง สิทธิ์พูดอย่างจริงจัง

รพีพงษ์เห็นผดุงสิทธิ์ ให้ความสําคัญกับเรื่องนี้มาก จึงยาก ที่จะปฏิเสธ จึงเปิดปากพูด”งั้นผมขอพิจารณาหน่อยนะครับ เพียงแค่ช่วงนี้ผมอาจจะงานยุ่งหน่อย มหาวิทยาลัยอยู่ทาง ตอนใต้ ดังนั้นจะไปได้หรือไม่ ก็ต้องดูบุญสัมพันธ์แล้วล่ะ”

เห็นรพีพงษ์ตอบรับ ผดุงสิทธิ์ แสดงหน้าดีใจ ต่อให้รพีพงษ์ พูดด้วยความเกรงใจก็เถอะ ผดุงสิทธิ์ก็ไม่ถือสา อย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็ยอมตกปากรับคําแบบนี้ ก็นับว่าไว้หน้ามหาวิทยาลัย ฟูตันแล้วล่ะ

ในใจมโนชาค่อนข้างคาดหวังให้รพีพงษ์มาเป็นอาจารย์ มหาวิทยาลัยพวกเขา ในหัวของเธอปรากฏภาพคุณครูกับ นักเรียน ใบหน้า แดงเรือขึ้น
รพีพงษ์ตอบรับผดุงสิทธิ์ แน่นอนว่าโดยมากตอบไปเพราะ ความเกรงใจ เขาเองก็ไม่เคยคิดหรอกว่าจะไปทําอะไรใน มหาวิทยาลัยฟูตัน ตอนนี้อารียาหายตัวไป สิ่งที่เขาต้องทํา คือ ค้นหาอารียา ที่เหลือหาอารียาเจอแล้วค่อยว่ากัน

หลังจากที่คุยกับปรมัตถ์อยู่สักพัก เนื่องจากผดุงสิทธิ์กับมโน ชาต้องรีบไปขึ้นเครื่องบิน ไกรเดชต้องส่งพวกเขาไปยังสนาม บิน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบออกจากกำปั่นทอง

เพราะกลัวตกเครื่องบิน หลังจากที่ไกรเดชได้ วลารพีพงษ์ แล้ว จึงได้ออกจากร้านขายของโบราณคดีคายดี้ ก่อนไป มโน ชายังขอที่อยู่ติดต่อกับรพีพงษ์ บอกว่ารพีพงษ์ยังมีอีกหนึ่ง เงื่อนไข ในฐานะที่เป็นคนรักษาคำพูด เธอจะรอให้รพีพงษ์เป็น คนทักเธอเอง เลย ต้องขอเบอร์ติดต่อไว้

หลังจากที่ไกรเดชพาผดุงศักดิ์และมโนชาจากไปแล้ว รพี พงษ์ก็เดินวนไปมาในร้านขายของโบราณคดีคายดี้ จากนั้นจึง จากไป

ในตอนที่เขาเดินออกไปข้างนอก เงาของรพีพงษ์ก็อยู่ที่หาง ตา รังสีพิฆาตของเขาดูเหมือนระเบิดออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะ รอบๆตัวมีคนเยอะ เกรงว่าเขาคงลงไม้ลงมือแล้ว

โยษิตา!

คนที่ร่วมมือกับวิธราไล่รพีพงษ์ออกจากบ้านลัดดาวัลย์ แผนการที่แย่งผู้หญิงที่รักออกมาจากมือรพีพงษ์ ทำให้อารียาต้องหายตัวไป และทำให้จารุณีต้องสลบหลับไหล!

ความเกลียดชังทั้งหมดที่มีในใจรพีพงษ์ตอนนี้ ต่างรวมอยู่ที่ผู้ หญิงคนเดียว ในหัวของ

เขาคิดภาพการสังหารโยษิตาไปต่างๆนานา

แต่พอนึกได้ว่าโยษิตามีจิรเวชอยู่ข้างกาย ถ้าตัวเองฆ่าโยษิ ตาแล้ว จิรเวชคงไม่นิ่งนอนใจแน่

เมื่อก่อนตอนที่รพีพงษ์ฆ่าคน เขาแค่ใช้ความสามารถของตัว เองก็จัดการได้เรียบร้อยแล้ว แถมไม่โดนจับอีกต่างหาก

แต่ว่าอย่างไรเสียจิรเวชก็ถือว่าเป็นตระกูลชั้นนำของโลก เขา จะต้องมีวิธีการที่ทำให้รพี พงษ์ติดคุกหลังฆ่าคนแน่ๆ แม้ว่ารพี พงษ์จะยังคงรับมือไหว แต่มันจะทำให้เรื่องยุ่งยาก มากขึ้น

เขาก็เลยลงมือเอง เขารอที่จะจัดการกรุ๊ปKIN ถึงเวลานั้นไม่ ว่าจะโยษิตาหรือจิรเวช เขาก็จะไม่ปล่อยไว้เลยสักคน

เขาคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอโยษิตาที่นี่ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลขึ้น

มา

โยษิตาทําตามที่จิรเวชบอก มาซื้อวัตถุโบราณที่ร้านขายของ โบราณคดีคายดี เอาไว้ มอบให้ไกรเดชในวันงาน เพื่อที่จะ เอาใจ
แม้จะรู้ว่าผู้ร่วมทุนรอบนี้จะเป็นกรุ๊ปKINแน่นอน แต่ว่า พิธีรีตองคงไม่น้อยแน่

เดิมทีเธอคิดจะเข้าไปในร้านวัตถุโบราณที่อยู่ตรงหน้า แต่ ว่าในเวลาแบบนี้ จู่ๆเธอก็ตัว สั่นขึ้นมา ความเหน็บหนาวก๊าบ เข้าไปในใจเธอ

เธอขมวดคิ้วเข้าพลัน จากนั้นจึงมองไปโดยรอบ ในตอนที่ เห็นเงาร่างรพีพงษ์ ใจของเธอหล่นก๊าบ แขนขนลุกซู่ขึ้นมา

ตา มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน!

ปฏิกิริยาแรกของโยษิตาคือวิ่งหนี แต่ว่าพอเธอคิดได้แบบนี้ รพีพงษ์ก็ได้มาหยุดอยู่ตรง หน้าเธอ

“ยัยผู้หญิงบ้า แกเอาเมียฉันไปไว้ไหน! “รพีพงษ์ยื่นมือไป

ทางโยษิตา

บอดี้การ์ดสองคนที่ติดตามโยษิตายื่นมือออกมา ปัดมือรพี

พงษ์ออก

“ใครกัน! กล้าลงมือกับเจ้านายของเรา ช่างไม่กลัวตาย เลย! “บอดี้การ์ดคนหนึ่งตะโกนขึ้น ยื่นมือออกไปทางรพีพงษ์ อย่างไม่ลังเล

รพีพงษ์แค่นเสียง ยื่นหมัดพุ่งเข้าหาบอดี้การ์ดคนนั้น บอดี้ การ์ดไม่ทันตั้งรับล้มลงกับพื้น แล้วกลิ้งไปทางข้างหลังไกลแสนไกล

บอดี้การ์ดอีกคนเห็นสถานการณ์ จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยออกแรง แต่ว่าในเวลานี้รพีพงษ์ได้ ถีบเท้าออกไป จนบอดี้การ์ดคนนั้น กระเด็นกระดอน

ฉากนี้ดึงดูดคนรอบตัวให้มามะรุมมะตุ้ม ทุกคนต่างคาดไม่ถึง ว่าจะมีคนสู้กันในร้านขายของโบราณคดีคาย

โยษิตาจ้องมองรพีพงษ์อย่างหวาดกลัว เธอรู้ว่ารพีพงษ์จะฆ่า เธอก็ได้ ถ้าวันนี้รพีพง ไม่อยากให้เธอไป เธอก็จะก้าวเท้า ออกไปไม่ได้

รพีพงษ์ยื่นมือไปคว้าแยนโยษิตาเอาไว้ พูดเสียงเย็นชา ตอบ คำถามฉัน แกเอาเมียฉันไปไว้ที่ไหน! ‘

โยษิตากลอกลูกตาอย่างรวดเร็ว เธอเองก็ได้ยินเรื่องอารียา หายตัวไปหลังอุบัติเหตุรถยนต์ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอารี ยากายตัวไปได้อย่างไร แน่นอนว่าเธอจะบอกเบาะแสอารียา ให้รพีพงษ์รู้ไม่ได้

“ถ้าวันนี้แกฆ่าฉัน แกจะไม่ได้เห็นมันอีกชั่วชีวิต”โยษิตาเกลี้ย กล่อมรพีพงษ์

รพีพงษ์แค่นเสียงเย็นชา เปิดปากพูด: แกคิดว่าแกมีสิทธิ์ขู่ฉันไหม”
โยษิตาสัมผัสได้ว่ารพีพงษ์ใจร้อนรุ่มดังไฟ รู้ว่าภายใต้การ ระเบิดโทสะนี้ รพีพงษ์อาจจะ ฆ่าเธอก็เป็นได้

เธอพยายามคิดหาวิธีหลบหนี ตอนนี้รอบๆตัวคนก็ไม่น้อย มี ความคิดหนึ่งปรากฏแว๊บ

เข้ามาในหัวโยษิตา จู่ๆเธอก็ยิ้มให้รพีพงษ์ รอยตึงเครียดบน ใบหน้าก็จางหายไปด้วย

“แกจะฆ่าฉันทิ้งตรงนี้ก็ได้ ยังไงคนรอบๆก็ดูอยู่ ถ้าแกฆ่าฉัน แกเองก็หนีไม่พ้นเหมือนกัน ถึงเวลาต่อให้หาเมียแกเจอ แกก็ ไม่มีวันได้เจอมันอีก! “โยษิตามีความรู้สึกเหมือนได้ทุบแก้ว ให้แตก

พอรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของโยษิตา ก็ได้สติขึ้นเยอะ เห็นคน โดยรอบกำลังจ้องมองอยู่

โยษิตาพูดถูก ถ้าคนเยอะแยะขนาดนี้เห็นว่าเขาฆ่าหล่อน คงจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแน่

โยษิตาสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของรพีพงษ์ ในใจก็รู้สึก ผ่อนลงเยอะ แล้วก็ดูหวาดกลัวขึ้นมาหน่อย เธอเองก็รู้ว่ารพี พงษ์ไม่กล้าฆ่าคนมากมายต่อหน้าเธอหรอก จึงไม่มีอะไรต้อง กลัว

“ไงล่ะ จะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ ลงมือเลยสิ หรือว่าไม่แน่จริง กล้า พูด แต่ไม่กล้าทำ”
“คราวที่แล้วเธอโดนยาพิษเอง แล้วฟื้นได้ไงล่ะ”รพีพงษ์ไม่ สนใจการท้าทายของโยษิตาจึงเอ่ยถามขึ้น

โยษิตาคิดในใจว่าไหนๆรพีพงษ์ก็รู้แล้วว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ จึง บอกเขาว่าไม่เป็นไร พร้อมหัวเราะแล้วพูดขึ้น”พิษนั้นน่ะกิน เข้าไปแล้วทําให้คนตายได้ทันที แต่ก็แค่แสดงออกให้คนดู เหมือนตายก็เท่านั้น เพียงแค่กินยาแก้พิษตามเวลาที่กำหนด ก็ฟื้นกลับคืนมาได้ เป็นไงล่ะ คิดไม่ถึงว่าฉันจะมีฝีมือหรอกใช่ ไหม”

“และก็การเข้าใจผิดของแกเนีย เลยทําให้เกิดเรื่องยุ่งยาก ตามมา บอกได้เลยว่า ที่เมียแกเกิดเรื่องน่ะ เป็นความรับผิด ชอบแกล้วนๆ แกจะไม่เสียใจหน่อยหรือไง”

รพีพงษ์ก๋าแบนโยษิตาแน่นอีกครา

โยษิตาแค่นเสียงหัวเราะ เปิดปากพูด“ฉันชอบดูแววตาที่แก เกลียดฉัน แต่ก็ฆ่าฉันไม่ได้ ขอแค่แกทุกข์ทรมาน ฉันก็ดีใจ แล้ว ไม่งั้นฉันก็คงไม่จองเวรเมียแกหรอก”

รพีพงษ์แค่นเสียงเย็นชา จากนั้นจึงพูดสบายอารมณ์“ตอนนี้ ฉันไม่สามารถฆ่าแกต่อหน้าคนมากมายได้

“งั้นแกก็ปล่อยฉัน “โยษิตาวางท่า

รพีพงษ์ยิ้มขึ้นที่มุมปาก
แต่คงไม่มีใครห้ามฉันซ้อมแกหรอกมั้ง

เมื่อได้ยินคำพูตรพีพงษ์ สีหน้าโยษิตาจึงชาวขีดขึ้นมาทันที เธอพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ