แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

บทที่ 67 แผนร้ายของหมาป่าคำกับเจตนิพัทธ์



บทที่ 67 แผนร้ายของหมาป่าคำกับเจตนิพัทธ์

บทที่ 67 แผนร้ายของหมาป่าคำกับเจตนิพัทธ์

ป้าฟาง กับสามีของเธออ้าปากค้างราวกับได้ยินข่าว ช็อกโลกอย่างไรอย่างนั้น

“ลูกพูดว่าอะไรนะ รถคันนี้ล้านกว่างั้นเหรอ” สามีของป้า ฟางพูดอย่างตกตะลึง

มนวรรธน์พยักหน้า

ศศินัดดาและศักดาสีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงจาก นั้นก็ให้ไปเหลือบรพีพงษ์

“เป็นไปได้ยังไง รถคันเดียวราคาล้านกว่าเนี่ยนะ บ้าน ของเรายังขายไม่ถึงล้านป้าฟางยังคงไม่เชื่อ

ขณะนั้นเองศักดาเปิดประตูรถเห็นใบเสร็จที่อยู่ข้างใน รถ เขาหยิบใบเสร็จออกมาแล้วพบว่าจำนวนเงินที่เขียน อยู่คือหนึ่งล้านสองแสนสองหมื่น หัวใจของเขาเต้นเร็ว ขึ้นเล็กน้อย
“เป็นเรื่องจริง ใบเสร็จนี่เขียนไว้ชัดเจน” ศักดาเอ่ยขึ้น

ป้าฟางและสามีรีบยื่นหน้าเข้าไปดู หลังจากที่เห็น ตัวเลขบนใบเสร็จแล้ว พวกเขาก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

เดิมทีพวกเขาคิดว่ารพีพงษ์คงจะไม่มีปัญญาซื้อรถ อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขากลับขับรถหรูราคาล้านกว่า กลับมา แถมยังมีใบเสร็จอีก เขาจะไม่เชื่อก็กระไรอยู่

ความหยิ่งผยองของ ป้าฟาง หายไปในพริบตา รถหรู ราคาล้านกว่า ให้เอาบ้านของเธอไปขายยังซื้อไม่ได้เลย

“นัดดา ลูกเขยเธอนี่ดีจริงๆ ซื้อรถแพงขนาดนี้ น่าอิจฉา จริงๆ” ป้าฟาง เปลี่ยนท่าทีของตนเอง เธอเริ่มอิจฉาศศิ นัดดาขึ้นมา

สีหน้าของศศินัดดาเต็มไปด้วยความดีใจ คิดไม่ถึงว่ารพี พงษ์จะขับรถกลับมาจริงๆ แถมยังเป็นรถหรูมูลค่าล้านกว่า

แต่ทว่าเธอรู้สึกว่ารถคันนี้ไม่ใช่รถที่รพีพงษ์ซื้อมา แน่นอน ถ้าซื้อก็ต้องเป็นเงินของลูกสาวเธอ ลูกสาวเธอ ต้องสร้างผลงานใหญ่ไว้ให้บริษัท นภทีปัจึงให้รางวัล เป็นเงินก้อนใหญ่

ต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน

“ป้าฟาง อย่าพูดตลกเลย รพีพงษ์จะซื้อรถแพงขนาด นั้นได้ยังไงกัน เพราะลูกสาวฉันทำผลงานให้บริษัทต่าง หาก ถึงได้โบนัสมา ทำให้ซื้อรถได้” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นอารีก็สุดยอดมากเลย” สีหน้า ของป้าฟางยังคงเต็มไปด้วยความอิจฉา

“แม่ รถคันนี้ อารียากำลังจะอธิบายว่ารถคันนี้รพีพงษ์ เป็นคนซื้อ เธอได้โบนัสที่ไหนกัน

“พอแล้วลูก ฉันขอดูรถก่อนมีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกัน
ศศินัดดาหมุนตัวเดินไปดูรถ ไม่ได้สนใจอารียาเลย

“นัดดา พวกเธอดูไปละกัน ฉันขอกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนนะ” ป้าฟางพูดกับศศินัดดา

“โอเค พวกเธอกลับเข้าไปในบ้านก่อน ถ้ามีเวลาว่างก็ มานั่งรถคันใหม่ของบ้านฉันนะ” ศศินัดดาพูดด้วยสีหน้า พออกพอใจ

ครอบครัวของ ป้าฟางรีบเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าสลด การอวดรถในครั้งนี้ ครอบครัวของเธอแพ้อย่างราบคาบ

เมื่อครอบครัวของป้าฟางกลับไปแล้ว ศศินัดดาก็หันไป มองรพีพงษ์ จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ครั้งนี้แกได้บารมีของ ลูกสาวฉัน เลยไม่ต้องขายหน้าต่อหน้าครอบครัวของป้า ฟาง แต่แกอย่าดีใจไปหน่อยเลย การที่ซื้อรถคันนี้ได้ไม่ เกี่ยวอะไรกับแกอย่างแน่นอน”

รพีพงษ์พูดอะไรไม่ออก ศศินัดดาไม่เชื่อว่าเขาจะทำ เรื่องอะไรได้สำเร็จแม้แต่เรื่องเดียว
“เอาล่ะ เอากุญแจรถออกมา” ศศินัดดาพูดขึ้น

รพีพงษ์เอากุญแจรถส่งให้ศศินัดดา หลังจากที่เธอรับ มาก็หันไปพูดกับศักดา “ดูกุญแจรถไว้ให้ดีล่ะ รถแพง ขนาดนี้ หลังจากนี้อย่าให้รพีพงษ์มาแตะต้อง”

ศักดาพยักหน้าแล้วพูดว่า “แน่สิ รถราคาล้านกว่า แน่นอนว่าอย่าให้มันขับ ฉันขอลองขับก่อนละกัน”

อารียาเมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้รับความเป็นธรรม เธอจึง พูดขึ้นมาว่า “แม่ ทำไมรพีพงษ์ถึงขับรถคันนี้ไม่ได้ รถคน นี้เขาเป็นคนซื้อ…

“พอเถอะลูก รถคันนี้ราคาล้านกว่าเชียวนะ ถ้ามันเป็น รอยแม้แต่นิดเดียว แม่คงจะปวดใจจะให้คนไร้ประโยชน์ มาแตะต้องรถที่ดีขนาดนี้ได้ยังไง” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น

แม่ของเธอแทบจะทำให้เธอโกรธ คนที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ ยอมพูดด้วยเหตุผลก็คงจะเป็นศศินัดดานี่แหละ

รพีพงษ์ยื่นมือออกไปจับไหล่ของอารียาแล้วก็ยิ้มให้กับเธอจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไรหรอก แค่พวก เขามีความสุขก็พอแล้ว”

“แต่รถคันนี้นายเป็นคนซื้อมานะ” อารียาพูดด้วยความ

หงุดหงิด

“คุณซื้อหรือผมซื้อก็เหมือนกัน อีกอย่างรถคนนี้ก็ซื้อมา เพื่อรับส่งคุณเวลาทำงาน ผมจะขับหรือไม่ก็ไม่เห็นเป็น อะไรเลย รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น

อารียาถอนหายใจ เธอรู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบเขามาก

ไปแล้วจริงๆ

ศศินัดตากับศักดาขึ้นไปบนรถ สีหน้าของทั้งคู่เต็มไป

ด้วยความดีใจ

“ลูก ไม่ขึ้นมาลองนั่งดูเหรอ รถราคาล้านกว่ามันต่างกัน มากเลยนะ สบายมากเลย” ศศินัดดาพูดขึ้น

อารียากลอกตามองบน แล้วพูดขึ้นมาว่า “หนูไม่นั่ง พ่อ กับแม่นั่งไปเถอะ
พูดจบ เธอก็จับมือของรพีพงษ์แล้วหมุนตัวเดินเข้าไป

ในบ้าน

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นคนจับมือของรพีพงษ์ ถ้ารถคน เดียวสามารถแลกกับโอกาสแบบนี้ รพีพงษ์ก็ยอมซื้อสัก ร้อยคันเลย

อีกอย่างเขามีเงินเยอะ แต่โอกาสที่อารียาจะจับมือเขา มันมีไม่มากนัก

“รพีพงษ์ ให้ฉันเลี้ยงข้าวนายดีไหม” จู่ๆ อารียาก็เอ่ยขึ้น

มา

รพีพงษ์อั้งไป จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ดีสิ นางฟ้าเลี้ยงข้าวผม ผมดีใจจนรอไม่ไหวแล้ว”

อารียากลอกตาใส่รพีพงษ์แล้วพูดว่า “อย่ามาตลก บอก ไว้ก่อนนะ ฉันไม่มีปัญญาเลี้ยงอาหารแพงๆ หรอกนะ เลี้ยงได้แค่อาหารทั่วๆ ไปเท่านั้น”

“โห โห ไม่ว่าจะกินที่ไหน แค่มีคุณก็เป็นรสชาติที่ งดงามที่สุดในโลกนี้แล้ว” รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น
อารียาหน้าแดง เธอรู้สึกเหมือนโดนคำพูดของรพีพงษ์ จู่โจมเข้าให้แล้ว

“ห์ นับวันจะยิ่งร้ายขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ ไม่รู้ว่าไปเรียนมา จากใคร” อารียาบ่นพึมพำ จากนั้นก็รีบขึ้นไปข้างบน

ขณะเดียวกัน ภายในร้านคาราโอเกะของเมืองริเวอร์ เจตนิพัทธ์นั่งอยู่กับหมาป่าดำ หัวของหมาป่าดำยังคง บวมปูด แต่วันนี้ยังดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเมื่อวาน

เจตนิพัทธ์หน้าบวมช้ำ ทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันราวกับเพิ่ง ผ่านเรื่องยากลำบากมาอย่างไรอย่างนั้น

แต่ทว่าแผลบนหน้าของหมาป่าดำคือแผลที่โดนรพี พงษ์ต่อย ส่วนแผลบนหน้าของเจตนิพัทธ์กลับเป็นแผล

ที่โดนหมาป่าดำต่อย

เมื่อวานหลังจากที่งานปาร์ตี้จบ ทุกคนต่างพากันเดิน ออกจากร้านคาราโอเกะ ตอนที่เจตนิพัทธ์กำลังจะเดิน ออกไปจู่ๆ ก็โดนหมาป่าดำจับขาเอาไว้
เจตนิพัทธ์นึกว่าหมาป่าดำจะแก้แค้นเขา เขากลัวเป็น อย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อหมาป่าดำลุกขึ้นมาจากพื้น กลับพูดว่าจะร่วมมือกับเขา

แต่ทว่าเมื่อวานหมาป่าดำโดนต่อนจนหมดท่า จึงไม่มี โอกาสได้คุยกันดีๆ ดังนั้นทั้งคู่จึงนัดกันมาที่นี่ในค่ำคืนนี้

“ให้ตายเถอะ ถ้าเมื่อวานไม่ได้ดื่มเหล้าเถื่อน คงไม่โดน มันต่อยซะหัวปูดขนาดนี้” หมาป่าดำยกเหล้าขึ้นดื่ม พูด ด้วยสีหน้าโกรธ

ถึงตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกว่าการที่รพีพงษ์ต่อยเขาได้ก็ เพราะเขาดื่มเหล้าเถื่อน

เจตนิพัทธ์ก็ดื่มเหล้าเช่นกัน จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “พี่ พูดถูก ไอ้สวะนั่นคนในเมืองริเวอร์ก็รู้จักดี มันจะมาเป็น คู่ต่อสู้ของพี่ได้ยังไงกัน อีกอย่างไม่รู้มันไปขโมยเงินมา จากไหน เมื่อวานไปกินข้าวมันยังกล้าบอกว่าต่างคนต่าง จ่าย”

เขาเกลียดรพีพงษ์จนเข้ากระดูก เข้าไม่มีวันยอมรับเด็ดขาดว่าเขาจะไม่สามารถจ่ายค่าอาหารให้ไอ้สวะได้ อย่างนั้นเชียวหรือ

แต่มาคิดๆ ดูแล้วเขาไม่มีวิธีใดที่จะจัดการรพีพงษ์ ดัง นั้นเลยตกลงร่วมมือกับหมาป่าคำ

เขาเป็นคนที่รูปลักษณ์ภายนอกดูดี เขาไม่สามารถใช้วิธี การที่สกปรกได้ และเขาก็ไม่กล้าใช้ด้วย แต่หมาป่าคำไม่ ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ขอแค่ได้บรรลุเป้าหมาย หมาป่าดำก็ ทำได้ทุกวิธี

ขอแค่หมาป่าดำเป็นคนลงมือ จุดจบของรพีพงษ์ต้องน่า

สังเวชอย่างแน่นอน

“ครั้งนี้พี่จะใช้วิธีการอะไรจัดการกับรพีพงษ์งั้นเหรอ” เจตนิพัทธ์เอ่ยปากถาม

“รพีพงษ์ก็แค่ไอ้สวะเท่านั้น จัดการกับมันง่ายอย่าง กับปอกกล้วยเข้าปาก ที่ฉันเรียกนายมาไม่ใช่เพราะรพี พงษ์ แต่เพราะเมียของมันต่างหาก” หมาป่าดำแสยะยิ้ม ร้ายกาจ
เจตนิพัทธ์อึ้งไป เขาเอ่ยปากถามขึ้น “นี่พี่หมายความว่า

ยังไง”

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายสนใจเมียของมันใช่ไหม ถ้านาย ยอมช่วยฉัน ฉันจะช่วยให้นายได้ตัวอารียา ถือโอกาส ทำลายมันไปด้วย ทำให้มันไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงได้ อีกตลอดชีวิต” หมาป่าดำหรี่ตาแล้วพูดขึ้น

แววตาของเจตนิพัทธ์เป็นประกาย เขาไม่คิดว่าหมาป่า ดำจะช่วยเขาเรื่องอารียา เขาสนใจอารียาจริงๆ ถ้า หมาป่าดำยอมช่วยเขา มันก็ดีล่ะสิ

“พี่พูดจริงเหรอ” เจตนิพัทธ์เอ่ยถาม

“แน่นอนสิ แต่ไหนแต่ไรฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น แต่ ว่าถ้าฉันช่วยนายได้ ฉันมีเงื่อนไข” หมาป่าดำยิ้มแล้วพูด ขึ้น

“เงื่อนไขอะไรครับ” เจตนิพัทธ์ถามขึ้น

“ใครๆ ก็รู้ว่าอารียาเป็นสาวงามที่มีชื่อเสียงในเมืองเวอร์ อีกอย่างการที่เธอแต่งงานกับไอ้สวะนั่น ฉันว่ามัน เคงไม่เคยแตะต้องเธอแม้แต่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นหลัง จากที่ฉันช่วยนายทำลายไอ้สวะนั่นสำเร็จ ครั้งแรกของ อารียา นายต้องให้ฉัน”

ใจของเจตนิพัทธ์กระตุกวูบ เขาไม่คิดว่าหมาป่าดำจะมี ความคิดเช่นนี้

“แต่ว่า พี่พรากความบริสุทธิ์ของเธอ เธอคงไม่ยอมแน่” เจตนิพัทธ์พูด

“บนโลกใบนี้มียาหลายอย่างที่ทำให้คนหมดสติ นาย ไม่ต้องกังวลหรอก แค่นายตอบตกลง เมื่อถึงตอนนั้นฉัน รับรองว่าจะไม่ให้เธอได้รับรู้อะไรแน่นอน” หมาป่าดำพูด

เจตนิพัทธ์คิดขึ้นมาทันที เขาอยากเป็นครั้งแรกของอารี ยา แต่ว่าถ้าหมาป่าดำไม่ช่วยเขากำจัดรพีพงษ์ เขาคง ไม่มีโอกาสได้ตัวของอารียาแน่นอน

“โอ๊ย ครั้งรงครั้งแรกอะไรกัน ขอแค่อารียาเป็นของฉัน ครั้งที่เท่าไรของเธอก็เป็นของฉันทั้งนั้น” เจตนิพัทธ์พิมพ์ในใจ

เขามีใจให้กับอารียา ยิ่งไปกว่านั้นเขาชอบรูปร่างของ เธอ ให้หมาป่าคำเอาครั้งแรกของเธอไป เขาก็ไม่รู้สึก อะไร

“โอเค ผมตกลง” เจตนิพัทธ์พูด

เมื่อเห็นว่าเจตนิพัทธ์ตอบตกลง หมาป่าดำจึงหัวเราะ ออกมา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ ฉันจะ พานายไปที่ที่หนึ่ง ยืมมือคนสักสองสามคนไปจัดการไอ้ สวะนั่น จำไว้ว่าเมื่อไปถึงที่นั่นห้ามพูดอะไรมาก”

เจตนิพัทธ์รีบพยักหน้า

ทั้งสองเดินออกจากร้านคาราโอเกะ จากนั้นก็เรียก แท็กซี่ไปยังสถานบันเทิงสตาร์กาย

หมาป่าดำพาเจตนิพัทธ์เข้าไปข้างใน ไม่นานก็มีคนเดิน ออกมาจากข้างใน คนนั้นก็คือไตรทศ
“หมาป่าดำ แกมาได้ยังไง แล้วนี่ไปโดนใครต่อยมาซะ . หน้าบวมปูด” ไตรทศเอ่ยขึ้น

“พี่ไตรทศ เรื่องนี้พูดไปก็หงุดหงิด ครั้งนี้ที่ผมมาหาพี่ เพราะจะมายืมคนของพี่ไปจัดการศัตรูที่มันทำร้ายผม” หมาป่าดำ เอ่ย

“ไม่มีปัญหา แค่ไม่กี่คน นายรอเดี๋ยว ฉันจะเรียกมาให้” ไตรทศตอบรับอย่างรวดเร็ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ